LOGIN“อุ๊ย!!!” เพราะเธอวิ่งด้วยความเร็ว สายตาก็มองแต่หมวก เลยไม่ทันได้เห็นสิ่งกีดขวางเป็นร่างใหญ่ราวกับแท่งหินยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า กว่าจะรู้ตัวว่าวิ่งมาปะทะเข้ากับกำแพงหนาแกร่งก็เมื่อจวนตัว จนเบรกไม่ทัน ร่างอรชรจึงถลาเข้าไปสู่อ้อมแขนใหญ่ ซึ่งก็ยกขึ้นโอบแขนรวบรอบเอวเล็กคอดกิ่วอย่างว่องไว
“โอ๊ะ!!” เตรียมตัวรับความเจ็บเต็มๆ แต่แปลกที่ไม่เจ็บตรงส่วนอื่น ยกเว้นปลายจมูกซึ่งได้ปะทะเข้ากับกำแพงเนื้อนุ่มเข้าเต็มเปานั่นเอง
“อูย...” มธุรสหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ มือเล็กยกขึ้นจับปลายจมูกโด่งอัตโนมัติ พร้อมแพขนตายาวงอนกะพริบปริบๆ แหงนหน้าขึ้นมองกำแพงหนาที่รองรับร่างอย่างเร็วไว
‘อ้าว...ตายจริง’ เธอเข้าใจผิดไปถนัดเลย ที่ชนไม่ใช่กำแพงแต่เป็นคน...ฝรั่งร่างยังกับตึกห้าชั้นเต็มๆ เลย
เมื่อความสูงของเธอเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเท่านั้น ส่วนกำแพงหนาความสูงเกือบสองเมตรเห็นจะได้ เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้าลงมา ในขณะที่เธอก็แหงนหน้าขึ้นไป ผลที่ได้คือ...
ริมฝีปากหนาร้อนประทับบนหน้าผากเนียนนุ่ม ทำเอาใจสาวน้อยที่ไม่เคยได้แนบชิดชายคนไหนมากไปกว่าคุณป๋าภาวัติสุดใจดี ถึงกับสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินซึ่งเหยียบย่างอยู่ไหวแยกแตกตัวอย่างรุนแรง
“คุณ!” รัศมีแห่งอำนาจและกลิ่นกายของบุรุษเพศทรงพลังมาพร้อมโคโลญ กลิ่นหอมอ่อนๆ ยิ่งทำให้หัวใจเล็กๆ ของสาวน้อยไม่ประสา สั่นไหวเหมือนเรือลำน้อยลอยละล่องอยู่ในลำนาวาที่มีคลื่นพายุโหมกระหน่ำ เปลวไฟร้อนผ่าวไม่รู้ว่ามาจากไหนวิ่งไหลวนในกระแสเลือด ไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียวคือใบหน้าซึ่งมองคนให้ความช่วยเหลืออย่างตื่นตะลึง
เพียงแค่ได้สบกับสายตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำและคมกริบราวกับดวงตาพญาเหยี่ยว ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนก็เหมือนกับเธอถูกสะกดจิต โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว กายอรชรอ้อนแอ้นอ่อนระทวยเหมือนถูกไฟช็อต ได้แต่ยืนนิ่งในอ้อมแขนใหญ่ เสียงในหัวใจเต้นตึกตักๆ ดังเข้ามาในหู ในลำคอแห้งผากพอๆ กับริมฝีปากที่ต้องยื่นปลายลิ้นเล็กออกมาไล้เลียอย่างไม่รู้ตัว
“เธอนี่มัน!” เมื่อได้ยลหน้าผุดผ่องขาวนวลเนียนใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด ล้อมกรอบด้วยเส้นผมหนาสีดำสนิทดูนุ่มน่าสัมผัส ทำเอาเขามองอย่างตะลึงงัน
“ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบผู้ชายแก่คราวพ่อกันนักฮึ!” ความเกรี้ยวกราดไม่รู้มาจากไหนทำให้ชายหนุ่มเผลอใส่อารมณ์กับคนตัวเล็กที่มาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะจับเธอมากดกอดและ...จูบ!
ยิ่งได้เห็นดวงตากลมโตเหมือนดวงตาสมันน้อยล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกเล็กโด่งได้รูปเชิดขึ้น ริมฝีปากจิ้มลิ้มอิ่มเต็มออกสีน้ำผึ้งระเรื่อน่าจูบ! กลิ่นเนื้อกายนางหอมกรุ่นเช่นดอกไม้แรกแย้มบานอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งน่าจะเป็นแป้งที่ลอยเข้าจมูกจนต้องสูดดมเต็มปอด ไหนจะเรือนกายนิ่มน่าจับต้องไปเสียทุกส่วน เพลิงโทสะในกายก็ยิ่งลุกโชน
“ทำไมฮึ! ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มีแล้วหรือไง ถึงได้คั่วไอ้แก่คราวพ่อน่ะ”
มธุรสงุนงงจนอ้าปากค้างที่อยู่ดีๆ ก็ถูกต่อว่าโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย “คุณ! ทำไม...ฉันจะรักจะชอบใคร มันหนักส่วนไหนของคุณล่ะ”
“เพราะฉันไม่ชอบ” โต้กลับเสียงกระด้างดุ
“เอ้า...คุณไม่ชอบแล้วเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ นี่มันชีวิตของฉันนะ จะรักชอบใครเกี่ยวอะไรกับคุณเล่า ปล่อยฉันนะ”
“จะสะบัดสะบิ้งทำไม” แขนแกร่งโอบรัดรอบร่างเล็กที่ขยุกขยิกอยู่ไม่นิ่ง จากตอนแรกที่บอกว่าไม่สนใจ แต่เมื่อถูกท้าทายด้วยการไม่สนใจก็ยิ่งทำให้เขาอยากสั่งสอนให้รู้สำนึก! มาล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาแล้วควรจะต้องเจออะไร
‘แค่...นิดๆ หน่อยๆ ยังไงก็เคยผ่านสมรภูมิมาแล้ว ยังไงก็ไม่สึกไม่หรอ ก่อนจากกันเขาค่อยให้เงินสักก้อนเป็นค่าทำขวัญ ขี้คร้านจะพอใจละไม่ว่า’
ไม่ใช่จะดูถูกเพศที่ให้กำเนิด แต่ผู้หญิงที่พาตัวเข้ามาใกล้ชิดเขาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หวังในทรัพย์สินเงินทอง มากกว่าความรู้สึกของกันและกัน แม้กระทั่งคนที่มีสามีแล้วก็ยังยอมเอาเรือนร่างเข้าแลกเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ โดยไม่สนใจผลที่ตามมา แล้วกับผู้หญิงที่มากับคนที่อายุมากกว่ารอบแบบนี้ ไม่ให้เขาคิดว่าเธอเป็นพวกไล่จับผู้ชายรวยๆ จะให้เชื่อว่าเธอรักกับตาอ้วนพุงพลุ้ยนั่นจริงหรือไง
“นี่คุณ! ขอบคุณที่ช่วยไม่ให้ล้มและเก็บของให้ ตอนนี้ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ” จากตอนแรกเอ่ยเป็นภาษาไทย แต่เพราะนึกได้ว่าอยู่ที่ไหน มธุรสจึงรีบเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษที่พ่วงด้วยความไม่พอใจ แต่...
‘จะมองหาพระแสงอะไรนี่...จ้องอยู่ได้’ สายตาคมกริบราวกับจะซอกซอนไปให้ลึกไปสุดซอกหัวใจทำเอามธุรสถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งแก้มที่คิดว่าคงแดงระเรื่อราวกับดอกไม้แรกแย้มบาน หัวใจเต้นเป็นจังหวะจนน่ากลัวเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนแกร่งของชายที่มีเสน่ห์เหลือล้น จนต้องรีบเร่งรุดจับแขนล่ำสันดันออกช้าๆ
“ขอโทษค่ะคุณ ช่วยปล่อยฉันด้วยค่ะ” ทาบมือบนแขนกำยำ ทั้งผลักทั้งดันและเบี่ยงกายออกแต่ดูเหมือนจะยิ่งจมหายกายอรชรแนบชิดอกกว้าง จนเธอรับรู้ถึงความแข็งกระด้างของกล้ามเนื้อ
ตอนแรกเป็นห่วงกลัวคุณป๋าเดินตามมาเห็นเข้า คนใจดีที่ช่วยจะเดือดร้อน เพราะความหวงเกินเหตุไปนิดหนึ่งของภาวัติ แต่มาตอนนี้คิดว่าเธอกำลังเจอดี ดวงตากลมโตเริ่มเปล่งแสงระเรื่อทีละน้อย
“ปล่อยฉันดีกว่าคุณ” ข่มกัดฟันพูดเสียงลอดไรฟันด้วยขุ่นเคืองใจกับมารยาทอันเลวทรามที่ได้รับ ทว่านอกจากจะไม่ถูกปล่อยตัว ฝ่ามือหนายังลูบไล้แผ่นหลังกว้างก่อเกิดความร้อน พร้อมหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
‘บ้าจริง!’ เขาว่าฝรั่งไม่ถือเนื้อถือตัว การแตะเนื้อต้องตัว กอดจูบกันในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องผิดแปลก สังคมที่แตกต่างเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งเธอเข้าใจดี เขาคงไม่ตั้งใจ แต่เป็นอย่างนี้...เธอคงเข้าใจผิดเสียแล้วล่ะ ไอ้ฝรั่งร่างยักษ์ใช้ความได้เปรียบทางด้านร่างกาย ฉวยโอกาสลวนลามเธอหน้าด้านๆ
รองเท้าและถุงเท้าถอดออกวางไว้ และเริ่มต้นหาทางปีนป่ายขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่สิ่งที่เขาคิดได้แซมก็คิดได้เช่นกัน ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตกทว่า...ผนังห้องกลับเปียกชื้นและถ้ามองให้ดีเขารู้สึกเหมือนเห็นเป็นมันวาว อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเอียนคล้าย...น้ำมัน! ทำให้คนที่ปีนป่ายต้นไม้ไม่เก่งอย่างเขา ปีนแล้วตกอยู่หลายครั้ง แล้วพอปีนได้ถึงครึ่งทาง“ลงไปหาอะไรอยู่แถวนั้นนะคุณไซม่อน” คุณพ่อตาตัวแสบชะโงกหน้า“โอ๊ย!” คนที่ปีนป่ายเป็นลิงขาเจ็บเงยหน้าขึ้นมองด้านบน มือเลยเกี่ยวพลาดร่วงหล่นตุ้บลงไปนอนจุกตัวงอบนพื้น โดยมีเสียงหัวเราะสะใจของพ่อตาดังลั่นตามมา“คุณป๋า ไม่เล่นแล้วนะคะ ถ้าขืนยังแกล้งคุณไซม่อนอีก น้ำผึ้งโกรธจริงๆ” มธุรสทำหน้างอนๆ ด้วยความเป็นห่วงสามี อยากวิ่งลงไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ถูกภาวัติจับมือไว้“เอาน่าน้ำผึ้ง คุณไซม่อนของหนูเก่งจะตาย ดูสิปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้ว เดี๋ยวอีกสักสองสามรอบก็ปีนเข้ามาได้แล้วละ หนูมายืนให้กำลังเขาหน่อยสิ”ดึงร่างลูกสาวมายืนให้มองไซม่อนซึ่งไม่ยอมแพ้ เริ่มต้นปีนป่ายใหม่และหล่นตุ้บลงไปอีกหลายครั้ง แม้เหนื่อยล้าและแทบจะหมดไร้เรี่ยวแรง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายาม
มธุรสทอดมองไปยังร่างใหญ่ซึ่งนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงแปลงกุหลาบซึ่งเธอว่าตอนแรกก็ไม่มีนะ แต่พอไซม่อนมาอยู่ ทำไมถึงโผล่มาได้ก็ไม่รู้ คงเป็นฝีมือคุณป๋าจอมเจ้าเล่ห์นั่นแหละ ทั้งสงสารและเห็นใจไซม่อนเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เพราะเธอถูกภาวัติคุมเข้ม ขนาดกลางคืนยังถูกเรียกไปนอนใกล้ๆ“คุณป๋ารู้สึกอึดอัดหายใจติดๆ ขัดๆ ยังไงไม่รู้ หนูนอนเป็นเพื่อนหน่อยนะน้ำผึ้ง เพื่อว่าตกดึกเป็นอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”เธอทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำอ้อนของบิดา “คุณป๋าขา อากาศร้อนนะคะ” มองร่างแกร่งที่ตอนนี้เหงื่อไหลโซมกาย ผิวที่เคยขาวถูกแดดเผาจนแดงจัดอย่างน่ากลัว ถ้าหากลอกเขาคงเจ็บน่าดู ตอนเย็นตอนทานอาหารเสร็จเธอคงต้องหาพวกโลชั่นทาผิวหรือไม่ก็ออยให้ชายหนุ่มไว้ใช้ทาตัวหน่อยละ แล้วตอนนี้เธอก็ควรจะช่วยเขาด้วย“อากาศร้อนแบบนี้ น้ำผึ้งว่า...เอ่อ...คุณป๋าให้...” มธุรสกระอึกกระอักไซม่อนยิ้มหวานให้คนตัวเล็กที่ออกโรงช่วยเหลือ จนแทบลืมอาการเข็ดเมื่อยตามร่างกายไปเลย“นั่นสิ คุณป๋าก็ว่าเหมือนกัน หนูก็เอาน้ำเย็นๆ ไปให้เขากินเสียหน่อยสิ จะได้ชุ่มใจชุ่มคอ หายคอแห้งไปสักหน่อย” ได้ยินเช่นนั้นไซม่อนก็ยิ้มจนแก้มตุ่ย แม้ไม
“น้ำผึ้งไปทำธุระ” เขาส่งมธุรสไปต่างจังหวัดกับคนรู้จักที่ไว้ใจได้ “สองสามวันถึงจะกลับ” กะว่าจะให้อยู่ยาวสักอาทิตย์หรือมากกว่านั้นท่าจะดี“หรือครับ” ตอบกลับทั้งน้ำเสียงและใบหน้าเศร้าหมองลงทันควัน การเดินทางของเขาเป็นไปตามข้อตกลงของภาวัติ จัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างจนเรียบร้อย ก่อนเดินทางก็โทรมาบอกล่วงหน้า เพราะอีกฝ่ายบอกไว้แล้วจะให้คนมารับที่สนามบิน ซึ่งถ้าเขาฉุกใจสักนิด ฉลาดอีกสักหน่อย ก็คงไม่ถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมถึงขนาดนี้หรอก “คุณมาอย่างนี้ งานที่โน่นใครรับผิดชอบ บอกเอาไว้ก่อนนะคุณ ผมไม่นิยมชมชอบคนไม่สู้และทิ้งงานกลางคัน”“ผมเข้าใจครับ ผมส่งมอบงานให้เพื่อนดูแลเรียบร้อย ถ้าหากว่าติดขัดอะไร เราจะคุยกันผ่านการสื่อสารออนไลน์ แบบนั้นคุณคงไม่ว่านะครับ ถ้าหากต้องขอปลีกตัวไปบ้างเป็นครั้งคราว”“แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ” โยนให้ไซม่อนเป็นคนคิดเอาเอง จะแก้สถานการณ์ซึ่งหน้ายังไง “คุณมาเหนื่อยๆ ไปห้องพักอาบน้ำสักหน่อยน่าจะดี”“ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ” ไซม่อนรับคำอย่างไม่รู้ความนัยน์ของคำพูดภาวัติ แต่เมื่อถึงห้องนอนที่อีกฝ่ายให้พัก เขาก็ผงะในทันที...ห้องเล็กกว่าห้องพักของพนักงานเขาเสียอีก อย่างกับรูห
ประตูยังไม่ทันปิดดี...คนที่เร่งรีบเดินตามมาติดๆ ก็รีบเอ่ยปากพูดโดยไม่สนใจเพลิงโทสะของภาวัติ “ผมรัก honey”ภาวัติตวัดสายตาไปมอง “คุณจะรักฮันน่งฮันนี่ก็รักไปสิคุณไซม่อน ไม่เห็นเกี่ยวกับผมและน้ำผึ้งเลยนี่” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนใส “คุณป๋าเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เราเก็บข้าวของกลับบ้านเราดีกว่าลูก”“คุณป๋า...เอ่อ...” มธุรสหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำยังไงดี ห่วงความรู้สึกของแต่ละคนไม่น้อยกว่ากันเลยถ้าอยู่กับไซม่อนที่นี่แล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ ท่านก็แก่แล้ว มัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เวลาเจ็บป่วยใครจะดูแลป้อนข้าวเช็ดตัวและบังคับให้กินยาแต่ถ้าไปกับพ่อแล้วไซม่อนล่ะ เขาจะเสียใจแค่ไหน แค่คิดว่าเธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา หัวใจก็แทบขาดรอนแล้ว ทว่าสายตาพ่อบีบคั้นหัวใจจนเธอรู้สึกเหมือนมีหินก้อนยักษ์ถ่วงอยู่ให้หายใจไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งงัน ก้มลงมองมือบนตักซึ่งกระชับรัดเอาไว้แน่นเห็นใบหน้าเศร้าหม่นหมองของเมียรักแล้วเขาอึดอัดหายใจไม่ออก เห็นควรต้องทำอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้ภาวัติเห็นถึงความรักและจริงใจที่มีให้กับมธุรส เพื่อละลายไฟเย็นพร้อมทำให้ภาวัติยอมรับในตัวเขาไซม่อ
“ฉัน...ฉัน...” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ดีใจจนเนื้อเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ “คุณแน่ใจแล้วหรือคะคุณไซม่อน ฉันอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ พอจากกันไม่นานคุณก็ลืม”ไซม่อนทาบมือบนแก้มเนียนใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดสาว “แน่ใจที่สุดเลยละ honey รู้อย่างหนึ่งไหม เธอหมดสิทธิ์ไปจากฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วละที่รัก” ตอบกลับและยิ้มใส่ตากลมโตซึ่งเบิกกว้างอย่างตกตะลึง“หายโกรธแล้วใช่ไหม darling”“ใครว่า ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผลักดันกายแข็งแกร่งและไล่จับมือซึ่งเคลื่อนไหวไปทั่วกาย ราวกับหนวดปลาหมึกจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนเธอเหนื่อยอ่อนแต่ระคนด้วยความสุข“ไม่ได้โกรธ งั้นก็แค่งอน” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าววางทาบบนกลีบปากอวบอิ่มที่ขยับจะพูด “Honey…my darling will you marry me?”หัวใจโป่งพองราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแก๊ส เขารักเธอ...รักและปรารถนามีเธอเคียงข้าง ทว่าใบหน้านวลผ่องหมองเศร้าลง “คุณป๋า...” กังวลใจกับคนอยู่ไกล ไม่รู้ว่าจะทนทำใจรับได้ไหม ถ้าเธอต้องอยู่กับไซม่อนที่นี่ ห่างไกลกันคนละฟากฟ้านิ้วยาวยกขึ้นทาบบนปากอิ่ม “กังวลไปก็เ
“honey” ไซม่อนร้องเรียและรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวของคนที่กำลังก้าวขึ้นรถดึงกลับมาหาตัวและกอดเอาไว้“กรุณาปล่อยฉันด้วยคุณไซม่อน” ข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เผาผลาญหัวใจ เอ่ยขับไล่คนที่ทำให้เธอเจ็บและกลายเป็นคนไร้ค่าเสียงเบาหวิว มือเรียวทาบบนแขนแกร่งดึงออกอย่างช้าๆ แต่มั่นคงเธอยอมเจ็บที่ต้องจากเขาไป แต่จะไม่ยอมกลายเป็นคนโง่ถูกหลอกด้วยคำพูด...รัก! ซึ่งเธอยังไม่รู้เลย เขารักจริงๆ หรือเปล่าหรือเพียงแค่ต้องการร่างกาย แต่เป็นเธอนี่แหละหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวและโดนหักหลังจนเจ็บแทบกระอักไม่มีเสียงโวยวายด่าทอหรือแม้แต่ทุบตี มีเพียงแค่คำพูดนุ่มๆ หวานเศร้าบาดเข้าไปในจิตของไซม่อน “ไม่...ฉันไม่ยอมปล่อย honey เด็ดขาด” เปลี่ยนจากการจับแขน เป็นสอดมือโอบรัดกายอรชร จับรั้งคนตัวเล็กให้หันมาประจันหน้าด้วย แต่เหลียวมองไปรอบๆ แล้วตอนนี้จุดซึ่งเขายืนอยู่ เป็นจุดที่เรียกความสนใจจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มย่อตัวสอดแขนใต้ข้อพับดันร่างแบบบางลอยขึ้นจากพื้น“ถ้าร้องเรียกขอความช่วยเหลือทำอะไรก็ตาม ฉันจูบโชว์คนอื่นแน่...แล้วไม่แน่ใจด้วย หยุดแค่จูบหรือเปล่า” ขู่ไว้ก่อนเมื่อเห็นมธุรสขยับริมฝีปากพูด“เห็นและได้ยินคนอ







![เมียแต่ง [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)