‘เช็กระดับความสัมพันธ์ชะนีเผือกด้วย’
ก่อนขึ้นเครื่องมัทรีได้รับข้อความจากพิสินี หญิงสาวอ่านแล้วก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ รหัสของอีกฝ่ายเป็นภาษาที่ผู้หญิงน้อยคนจะใช้ อาจเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานรอบข้างเต็มไปด้วยเก้งกวาง เพื่อนของเธอจึงติดคำมาหลายคำ พิสินียังเคยมาแอบกระซิบกับเธออีกว่าสงสัยคุณพรรษหัวหน้าเลขาของตัวเอง เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบ ใส่เสื้อผ้าเป๊ะโทนเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังโสด เพื่อนสนิทของพิสินีที่เป็นเกย์อยู่ฝ่ายขายก็ถูกใจหุ่นแน่นกล้ามเป็นมัดของคุณพรรษ คอยมาวนเวียนเฝ้ามองบ่อยๆ
มัทรีมองเหนือน่านฟ้าจังหวัดเชียงรายขณะที่เครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแม่ฟ้าหลวงอย่างรู้สึกสดชื่น นานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นสีเขียวแบบนี้ อย่างน้อยภายใต้ความรู้สึกกดดันกับหน้าที่พิเศษที่ได้รับมอบหมายเธอก็ยังมีธรรมชาติช่วยบำบัดบ้าง แม้ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งใจจะทำ ยังก้ำกึ่งอยู่ก็ตาม
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนคะ ดิฉันจะไปจัดการเรื่องรถเช่าให้น่ะค่ะ”
เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปถามกับพี่ชายของรติยาด้วยภาษาอังกฤษหลังจากทุกคนได้กระเป๋าของตนกันเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไร เรามีรถแล้ว ตอนนี้น่าจะมารออยู่ข้างนอกแล้ว ใช่ไหมมาร์ค”
ท้ายประโยคชายหนุ่มหันไปถามหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เดินตามหลังเขาอยู่ตลอด มัทรีเดาว่าน่าจะเป็นบอดีการ์ดส่วนตัว
“สักครู่นะครับ”
ฝ่ายที่ถูกถามบอกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร ไม่นานก็ตอบกลับ
“มาแล้วครับ ผมบอกให้ขับรถมารอด้านหน้าแล้ว เราออกไปกันเลยดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มทั้งสองดูจะเคยชินกับการมาเชียงราย ต่างจากสาวสวยหุ่นนางแบบที่พยายามยืนใกล้ฐิติกรไม่ยอมห่าง และรอให้ผู้ชายที่ชื่อมาร์คจัดการโน่นนี่ให้
เมื่อออกมาด้านนอกก็มีรถตู้ส่วนบุคคลหรูหรามาจอดเทียบพอดี คนขับลงมาพูดคุยทักทายกับฐิติกรและมาร์คด้วยภาษาอังกฤษไม่ค่อยถนัดนัก ทว่าก็ดูรู้จักมักคุ้นกันดี นั่นหมายความว่าพวกเขามาที่นี่บ่อยครั้ง และที่ที่เธอจะไปก็น่าจะเป็นบ้านพักส่วนตัวมากกว่ารีสอร์ตหรือโรงแรม
เมื่อคนขับจะมาช่วยหิ้วกระเป๋าเธอมัทรีก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วจัดการลากไปท้ายรถด้วยตัวเอง เธอเกรงใจเพราะเป็นลูกจ้างเหมือนกับ
อีกฝ่าย ขณะที่มาร์คเป็นคนช่วยยกกระเป๋าขึ้นให้เธอ หญิงสาวจึงเอ่ยขอบคุณ โดยฐิติกรกับสาวหุ่นนางแบบขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว มาร์คผายมือให้เธอขึ้นก่อน มัทรีจึงเลือกนั่งเบาะแรกเมื่อเห็นว่านายจ้างนั่งด้านใน มาร์คเองก็ตามมานั่งแถวเดียวกับเธอ
รถใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเดินทางออกมาเกือบถึงอำเภอแม่สายเลยทีเดียว แม้จะเพิ่งเคยมาครั้งแรกเพราะเคยมาเที่ยวทางเหนือแค่เชียงใหม่เท่านั้น ทว่าป้ายบอกทางที่หญิงสาวพยายามสังเกตก็ทำให้รู้ว่าถนนนี้มุ่งหน้าไปแม่สาย แล้วก็เลี้ยวขึ้นเขามาไม่นานนักก็มาถึงบ้านหลังหนึ่งบนเชิงเขา บ้านสองชั้นหลังใหญ่อลังการมีรั้วสูงอยู่ท่ามกลางสีเขียวของต้นไม้หนาแน่น
ที่นี่นอกจากคนขับรถแล้วยังมีป้าแม่บ้านกับผู้ช่วยสาวอีกสองคนชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับคนขับรถอีกหนึ่งคน เรียกได้ว่ามีคนคอยดูแลอย่างเต็มที่ มัทรีมองแต่ละคนที่ออกมาต้อนรับแล้วแอบคิดหนัก
นี่สินะ เขาถึงได้บอกว่าไม่ต้องการเธอ
มัทรีมาในฐานะล่ามก็จริงแต่เธอเข้าใจว่าฐิติกรมาท่องเที่ยว เธออาจต้องพูดคุยติดต่อสถานที่หรือหาที่พักในแต่ละที่ เพื่อสอบถามแนะนำ ทว่าแบบนี้เท่ากับเธอแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
‘แล้ว ฉันมาทำอะไรที่นี่’
“ขอโทษค่ะ ฉันขอคุยกับคุณทิมสักครู่ได้ไหมคะ”
หญิงสาวตัดสินใจถามออกไปหลังจากทุกคนเริ่มจะแยกย้าย โดยสาวคนหนึ่งกำลังจะนำทางเธอไปยังห้องพัก
ชายหนุ่มหันมามองเธอ ฐิติกรกับสาวหุ่นนางแบบเองก็จะไปยังห้องของตนเช่นกัน ทำให้สาวสวยขมวดคิ้วใส่เธอ
“ป้าเอื้อง ให้คนพาซินดี้ไปห้องก่อนเถอะครับ”
“เอ่อ ไม่ทราบว่า ห้อง...”
ป้าแม่บ้านดูอ้ำอึ้ง เกรงใจที่จะถามตรงๆ ด้วยไม่แน่ใจว่าหญิงสาวต่างชาติตามเจ้านายของตนมาด้วยสถานะใด
“ห้องพักแขกทางซ้าย”
ฐิติกรตอบ พวกเขาคุยกันด้วยภาษาไทยสาวต่างชาติจึงไม่เข้าใจความหมาย เมื่อถูกผายมือเชิญก็ยิ่งมองเธออย่างสงสัยมากขึ้น
“คุณมีอะไร”
ชายหนุ่มถามเธอหลังจากตรงนี้เหลือเพียงผู้ติดตามของเขาเท่านั้น
“พรุ่งนี้คุณจะไปเที่ยวที่ไหนไหมคะ คือดิฉันยังไม่ทราบโปรแกรมการเดินทางของคุณน่ะค่ะ ก็เลยอยากรู้ว่าคุณจะไปที่ไหน แล้วก็วันไหนบ้างในช่วงที่มาพักผ่อนสามเดือนนี้ จะได้เตรียมตัวถูกน่ะค่ะ”
อีกฝ่ายจ้องเธอนิ่ง แววตาภายใต้แว่นใสคมกริบ จนมัทรีรู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
โรเบิร์ต แพตติสันของพิสินีดูหล่อเหลาด้วยสัดส่วนเชื้อชาติที่ลงตัว แม้ดวงตาคู่คมจะลึกเหมือนชาวต่างชาติทว่ามีความเข้มโตติดหวานแบบไทย ขนตาหนางอนยาวกว่าเธอเองด้วยซ้ำ ผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเป็นลอนสลวยดูนุ่มน่ามองและน่าสัมผัสไปพร้อมกัน ปากได้รูปสีสดกว่าผู้หญิงเสียอีก ไม่แปลกที่เพื่อนเธอจะเพ้อขนาดนี้
“ผมไม่ได้มาเที่ยว ผมมาพักผ่อน แล้วนี่ก็คือบ้านพักของผม ผมไม่รู้ว่าทำไมน้องแยมต้องพยายามยัดเยียดคุณมา แต่ในเมื่อคุณมาแล้วก็จัดการเอาเองก็แล้วกัน อยากให้ผมไปไหนก็ลองเสนอมา ทำโปรแกรมเที่ยวมาให้ผมดู ถ้าน่าสนใจผมจะไป”
มัทรีนิ่งงันไปกับคำพูดของอีกฝ่าย สับสนกับสถานะที่ถูกยัดเยียดมาของตัวเองจนแทบตีสีหน้าไม่ถูก
ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้เธอแล้วโน้มหน้าลงพูดด้วยท่าทางข่มขู่นิดๆ
“ถึงผมจะไม่อยากไปไหน แต่น้องแยมจ้างคุณมาแล้ว ต้องใช้ให้คุ้มค่าตัวหน่อย”
ชายหนุ่มถอยกลับมายืนตัวตรงขณะที่มัทรีกะพริบตาปริบๆ หน้าคมที่เคลื่อนมาใกล้เมื่อครู่ทำให้คนที่ไม่เคยมีผู้ชายเข้าใกล้หน้าร้อนแปลกๆ ทว่าความมึนงงทำให้เธอเอ่ยออกไป
“แต่ฉันมาเป็นล่าม ไม่ใช่ไกด์”
“มันไม่ต่างกันหรอก เพราะยังไงคุณก็ต้องติดต่อทุกที่ที่เราจะไปแทนผมกับมาร์คอยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่มีแผนเที่ยว แต่ในเมื่อจ้างคุณมาแล้วจะให้มานั่งๆ นอนๆ ที่บ้านผมเฉยๆ คงไม่ถูก จริงไหม”
ชายหนุ่มกอดอกมองหน้าเธอด้วยสายตาปรามาส
มัทรีเม้มปาก มองตอบเขาอย่างไม่ยอมหลบสายตา ไม่คิดเลยว่าหนุ่มในดวงใจของพิสินีจะหน้าเลือดไม่เบา
“ได้ค่ะ คุณต้องการไปเที่ยวเมื่อไรคะ”
“แล้วแต่คุณ พร้อมเสนอเมื่อไรก็เมื่อนั้น ถ้าผมสนใจก็ไป”
อีกฝ่ายยังมองเธอด้วยสายตาไม่คาดหวัง
“ค่ะ ดิฉันจะเตรียมแผนนำเที่ยวให้เร็วที่สุดค่ะ”
หญิงสาวเชิดหน้ารับปาก คอยดูแล้วกัน เธอจะไม่ยอมให้เขาดูถูกได้ว่าจ้างเธอมาไม่คุ้มค่าตัวเด็ดขาด
=====
เนื้อตัวแข็งแกร่งที่ได้สัมผัสมายังติดอยู่ในความรู้สึก แม้อยากสลัดให้หลุดออกไปแต่มันก็ไม่จางหายมัทรีใจสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ความเจ็บในใจที่เห็นฐิติกรฉีกแฟ้มต่อหน้ายังมี มือบางกำแน่น ริมฝีปากล่างถูกกัดสะกดอารมณ์ ทำไมเขาต้องทำร้ายจิตใจเธอ มัทรีรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจที่น้องสาวเขาส่งเธอมาแต่ไม่คิดว่าจะมากจนถึงกับใจร้ายกับเธอแบบนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เธอจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเด็ดขาดหญิงสาวบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่มีใครดูแลจิตใจและเป็นกำลังใจให้เราได้เท่าตัวเราเองที่สำคัญเธอจะไม่ทุ่มเทให้กับนายจ้าง ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดไปเกี่ยวข้องกับงาน ระลึกไว้เสมอว่านายจ้างก็เป็นแค่คนอื่น ไม่ใช่พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต้องผูกพันใดๆ งานไม่สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ ในเมื่อเธอทำเต็มที่แล้ว อดหลับอดนอนพยายามทำแฟ้มงานอย่างดีที่สุด ฐิติกรยังไม่สนใจ ฉะนั้นเธอก็ไม่คิดเซ้าซี้อีก ต่อจากนี้หากชายหนุ่มไม่สั่งมัทรีก็จะไม่เอ่ยเรื่องเที่ยวกับเขาอีก“ฉันเหนื่อยกับการเป็นลูกจ้างมาพอแล้ว งานส่งไปแล้วไม่ชอบก็เรื่องของเขา ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”มื้อเย็นนั้นมัทรีออกมาทานอาหารร่วมโต๊ะกับฐิติกรและทุกคนด้วยสีหน้า
มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องที่น้ำอิงบอกเอาไว้เบาๆ ภายในห้องเงียบไม่ตอบอะไร เธอจึงเคาะซ้ำพร้อมเอ่ย“คุณทิมคะ ฉันมัทรีนะคะ ฉันจะขอคุยเรื่องทริปเที่ยวน่ะค่ะ”ยังไม่มีเสียงตอบ มัทรีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยิน ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามางีบหลับในห้องสมุดอย่างแน่นอน“ฉันไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ นะคะ”เธอพยายามทำเสียงให้หวานอย่างที่เคยได้ยินรติยาพูดกับพี่ชายของตน ทว่าข้างในยังเงียบ หญิงสาวกัดปากถอนหายใจ กำลังจะขยับเท้าถอยไปจากตรงนี้เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ“เชิญ”ร่างบางแทบกระโดดดีใจหากก็ยั้งตัวเองได้ทัน หญิงสาวยิ้มกับตนเองจนพอใจแล้วรีบหุบยิ้มวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปในห้องมัทรีแง้มประตูไว้เล็กน้อย ไม่ได้ปิดลงเพื่อแสดงเจตนาว่าเธอเข้ามาไม่นานแล้วจะออกไป ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่ายจริงๆ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงโซฟา พาดขายาวของเขาบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า สายตาจ้องหนังสือในมือของเขาโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย‘เอาเถอะ ไม่แปลกใจนักหรอก’หญิงสาวคิดกับตัวเอง รู้ดีว่าฐิติกรไม่ถูกชะตาเธอนัก แม้จะไม่เข้าใจว่า
มัทรีเพ่งมองหน้าจอที่แตกร้าวของตนอย่างยากลำบากเพื่อจดสถานที่เที่ยวเอาไว้ในสมุดเล็กๆ ตั้งใจจะคุยกับฐิติกรหลังมื้ออาหารเย็น เธอไม่สนใจแล้วว่าผู้หญิงของเขาจะมองเธอแบบไหน หากอีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอเป็นคู่แข่งก็ดี ในเมื่อเปิดศึกมาแล้วคนอย่างมัทรีไม่ยอมให้ใครมาแกล้งฟรีแน่นอนทว่าก็อดถอนหายใจด้วยความเสียดายมือถือเป็นระยะไม่ได้ อยากร้องไห้กับชะตากรรมช่วงนี้สุดๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าหากเธอทำงานพิเศษสำเร็จก็มีเงินซ่อมมันแล้ว‘แยมอยากให้พี่ทิมเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่จริงใจ’เธอนึกถึงคำพูดของรติยาขึ้นมา‘เขาพยายามจะจับพี่ทิมให้ได้หลังจากได้มาเป็นพยาบาลส่วนตัวของพี่ทิมเมื่อสองเดือนก่อน ตอนไปเยี่ยมแยมเห็นกับตาว่าเขาเข้าไปเสนอตัวให้พี่ทิมถึงในห้องนอน ไม่เกรงใจหรือสนใจเลยว่าแยมก็อยู่บ้านนั้นด้วย ที่สำคัญเพื่อนแยมเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน เขาบอกว่าเธอมีคนที่คบหาอยู่แล้ว’ตอนฟังนั้นมัทรีเต็มไปด้วยความลำบากใจ หากก็พยายามวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้‘ปกติพี่ทิมไม่เคยให้ผู้หญิงไปไหนมาไหนด้วย แต่ครั้งนี้มีผู้หญิงคนนั้นมาด้วย แยมกลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนสำคัญของพี่ทิม เพราะตอนนี้เธอก็ออกจากงานโรงพยาบาลมาดูแลพี่ทิมเต็ม
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงเมื่อสาวเหนือชื่อบัวตองขอตัวไปช่วยป้าเอื้องแม่บ้านใหญ่เตรียมอาหาร หญิงสาวพูดคุยกับอีกฝ่ายนิดหน่อยจึงรู้ชื่อและอายุที่น้อยกว่าเธอหลายปีมัทรีถอนหายใจอย่างหนักใจ เธอคงต้องทำการบ้าน เสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ลิสต์ออกมาแล้วไล่ดูไล่อ่านคอมเมนต์ว่าคนชอบไปที่ไหน ถูกใจที่ไหนกันบ้างหรือไม่มาคิดอีกทีก็ใส่ที่ที่เธออยากไปแล้วหาคอมเมนต์ดีๆ ใส่ขายของไปดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเองเสียงข้อความในแอปฟรีดังขึ้นทำให้มัทรีหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน‘ว่าไง ชะนีเผือกนั่นเป็นอะไรกับคุณทิม’เป็นข้อความของพิสินี‘แกไม่คิดจะถามหน่อยเหรอ ว่าเพื่อนถึงหรือยัง เดินทางเป็นยังไงเหนื่อยไหม ไรงี้’มัทรีพิมพ์กลับไปยาวเหยียด ไม่ได้โกรธเพื่อนแต่อดกัดไม่ได้ เธอกำลังอยู่ในภาวะจำยอมกับหน้าที่ล่ามบวกไกด์จำเป็น แถมยังมีงานพิเศษที่ถูกฝากฝังมาและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรอีกด้วย‘แหม แกนั่งเครื่องไป ไม่ลำบากลำบนสักหน่อย’ข้อความของเพื่อนทำให้มัทรีถึงกับถอนหายใจ‘ตกลงยังไง บอกมาเร็ว’พิสินียังถามในสิ่งที่ตนสนใจ‘เมียมั้ง’มัทรีพิมพ์ตอบไปอย่างเซ็งๆ ทั้งอยากแกล้งเพื่อนด้วย‘อ้าย! ชะนีน้อย หยาบคายมาก’‘
‘เช็กระดับความสัมพันธ์ชะนีเผือกด้วย’ก่อนขึ้นเครื่องมัทรีได้รับข้อความจากพิสินี หญิงสาวอ่านแล้วก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ รหัสของอีกฝ่ายเป็นภาษาที่ผู้หญิงน้อยคนจะใช้ อาจเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานรอบข้างเต็มไปด้วยเก้งกวาง เพื่อนของเธอจึงติดคำมาหลายคำ พิสินียังเคยมาแอบกระซิบกับเธออีกว่าสงสัยคุณพรรษหัวหน้าเลขาของตัวเอง เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบ ใส่เสื้อผ้าเป๊ะโทนเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังโสด เพื่อนสนิทของพิสินีที่เป็นเกย์อยู่ฝ่ายขายก็ถูกใจหุ่นแน่นกล้ามเป็นมัดของคุณพรรษ คอยมาวนเวียนเฝ้ามองบ่อยๆมัทรีมองเหนือน่านฟ้าจังหวัดเชียงรายขณะที่เครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแม่ฟ้าหลวงอย่างรู้สึกสดชื่น นานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นสีเขียวแบบนี้ อย่างน้อยภายใต้ความรู้สึกกดดันกับหน้าที่พิเศษที่ได้รับมอบหมายเธอก็ยังมีธรรมชาติช่วยบำบัดบ้าง แม้ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งใจจะทำ ยังก้ำกึ่งอยู่ก็ตาม“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนคะ ดิฉันจะไปจัดการเรื่องรถเช่าให้น่ะค่ะ”เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปถามกับพี่ชายของรติยาด้วยภาษาอังกฤษหลังจากทุกคนได้กระเป๋าของตนกันเรียบร้อยแล้ว“ไม่เป็นไร เรามีรถแล้ว ตอนนี้น่าจะมารออยู่ข้างนอกแล้ว ใ
“ทำไมแกทำหน้าเหมือนหมาป่วยแบบนี้ ได้ไปเที่ยวแถมยังได้เงินด้วย เป็นฉันหน่อยไม่ได้”พิสินีขับรถไปค่อนแคะเธอไปด้วย“ถ้าเป็นแกจะทำไม”มัทรีถามด้วยสีหน้าซังกะตาย ไม่ได้กระตือรือร้นอยากรู้เลยสักนิด“แกเป็นอะไรกันแน่มัท มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือมีอะไรทำให้แกไม่อยากทำงานนี้”เมื่อเห็นเพื่อนมีสีหน้าไม่ดีเอาเสียเลยพิสินีก็อดถามอย่างจริงจังไม่ได้“ไม่มีอะไร แค่นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งที่อุตส่าห์รีบนอน”หญิงสาวปัดไป เธอรับงานไปแล้วและก็ไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์บอกกับใครแม้แต่พิสินี‘ถ้าทำสำเร็จแยมจะเพิ่มโบนัสพิเศษจากค่าจ้างเป็นสามเท่าค่ะ’เป็นข้อเสนอที่สาวสวยเอ่ยขึ้นหลังบอกเงื่อนไขกับเธอแล้ว และแม้ผลจะไม่สำเร็จ เธอก็จะยังได้เงินค่าจ้างในฐานะล่ามอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีผลเสียหายเลยสำหรับมัทรี แต่เต็มไปด้วยความลำบากใจกระนั้นยอดค่าจ้างคูณสามเท่าที่ลอยอยู่ในหัวก็น่าสนใจและเชิญชวนสุดๆมัทรีกำลังลังเลระหว่างไม่ทำอะไรเลยกับการพยายามทำ สำเร็จก็ได้เงินหรือไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร กระทั่งตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เช้าวันนี้พิสินีมารับเธอไปพบกับคนที่เธอต้องเป็นล่ามให้ หลังจากอีกฝ่ายเดินทางมาถึงในคืนที่ผ่านมา และเธ