ร่างบางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงเมื่อสาวเหนือชื่อบัวตองขอตัวไปช่วยป้าเอื้องแม่บ้านใหญ่เตรียมอาหาร หญิงสาวพูดคุยกับอีกฝ่ายนิดหน่อยจึงรู้ชื่อและอายุที่น้อยกว่าเธอหลายปี
มัทรีถอนหายใจอย่างหนักใจ เธอคงต้องทำการบ้าน เสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ลิสต์ออกมาแล้วไล่ดูไล่อ่านคอมเมนต์ว่าคนชอบไปที่ไหน ถูกใจที่ไหนกันบ้าง
หรือไม่มาคิดอีกทีก็ใส่ที่ที่เธออยากไปแล้วหาคอมเมนต์ดีๆ ใส่ขายของไปดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเอง
เสียงข้อความในแอปฟรีดังขึ้นทำให้มัทรีหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
‘ว่าไง ชะนีเผือกนั่นเป็นอะไรกับคุณทิม’
เป็นข้อความของพิสินี
‘แกไม่คิดจะถามหน่อยเหรอ ว่าเพื่อนถึงหรือยัง เดินทางเป็นยังไงเหนื่อยไหม ไรงี้’
มัทรีพิมพ์กลับไปยาวเหยียด ไม่ได้โกรธเพื่อนแต่อดกัดไม่ได้ เธอกำลังอยู่ในภาวะจำยอมกับหน้าที่ล่ามบวกไกด์จำเป็น แถมยังมีงานพิเศษที่ถูกฝากฝังมาและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรอีกด้วย
‘แหม แกนั่งเครื่องไป ไม่ลำบากลำบนสักหน่อย’
ข้อความของเพื่อนทำให้มัทรีถึงกับถอนหายใจ
‘ตกลงยังไง บอกมาเร็ว’
พิสินียังถามในสิ่งที่ตนสนใจ
‘เมียมั้ง’
มัทรีพิมพ์ตอบไปอย่างเซ็งๆ ทั้งอยากแกล้งเพื่อนด้วย
‘อ้าย! ชะนีน้อย หยาบคายมาก’
‘ฉันก็เดาเอาจากท่าทางที่ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะเกาะติด ยืนใกล้ นั่งข้างๆ คุณทิมของเธอ ถ้าไม่ใช่คู่ควงเขาแล้วจะมาด้วยทำไม’
‘โอ๊ย แกจะพูดให้ฉันคิดมากทำไม’
‘แล้วแกจะถามทำไม ถ้าไม่อยากรู้ความจริง’
‘ไหนบอกว่าแกเดา’
หญิงสาวหยุดพิมพ์ นิ่งไปกับคำถามของเพื่อน เพราะความจริงเธอรู้ว่าผู้หญิงที่มากับฐิติกรเป็นใครจากคำบอกของรติยาผู้จ้างเธอ แม้จุดเริ่มต้นจะไม่ใช่ ทว่าเวลานี้ก็ไม่ได้ต่างจากที่เธอบอกเพื่อนไปสักเท่าไรนัก
‘เออน่า แค่ปัญหาของฉันตอนนี้ก็ปวดหัวจะแย่ละ’
เธอพยายามปัดไป แล้วก็เข้าทางเมื่อพิสินีพิมพ์ถามมา
‘ได้เที่ยวคลายเครียดลั้นลา มีอะไรต้องปวดหัว’
“ก็คุณทิมของเธอเขาไม่ได้มาเที่ยว เขาบอกว่าเขามาพักผ่อน แต่ในเมื่อน้องสาวเขาจ้างฉันมาแล้วก็ให้ฉันหาที่เที่ยวพาเที่ยว เพื่อความคุ้มค่าตัว”
คราวนี้เธออัดเสียงส่งข้อความแทนการพิมพ์เพราะขี้เกียจ
“คุณทิมสุดหล่อของแกหน้าเลือดมาก”
เงียบไปครู่หนึ่งพิสินีถึงส่งข้อความเสียงตอบมา
“เหรอ งั้นก็สู้ๆ นะเพื่อน เดี๋ยวฉันช่วยหาที่เที่ยวน่าสนใจส่งไปให้ด้วย”
“อืม ขอบใจ”
อย่างน้อยเพื่อนก็ยังใจดีให้ความช่วยเหลือเธอ ไม่ได้สนใจแต่ผู้ชายอย่างเดียว ทำให้มัทรียิ้มออกมาบางๆ
ถึงอย่างนั้น เมื่อนึกถึงดวงตาคู่คมสีน้ำตาลอ่อนที่มองเธอราวกับจับผิดแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอว่าฐิติกรไม่ไว้ใจเธอ
ในเมื่ออุตส่าห์มาถึงจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยงามสดชื่นจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย จะมัวอุดอู้อยู่แต่ในห้องก็น่าเสียดาย มัทรีจึงออกมาเดินสำรวจด้านนอกห้อง มีระเบียงชมวิวมองออกไปเห็นทิวเขา พร้อมทั้งด้านล่างไกลๆ ก็เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีมีหลังคาบ้านและรีสอร์ตแทรกตัวอยู่บ้างประปราย
มัทรีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วอดถ่ายรูปด้วยมือถือของตนเอาไว้ไม่ได้ ความรู้สึกตอนนี้ผ่อนคลายก็จริงหากก็ไม่ลืมว่าตนต้องคิดเรื่องพาเที่ยว ร่างเล็กสมส่วนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่สามารถนอนได้ แล้วทิ้งตัวลงนอนพร้อมยกมือถือขึ้นมานอนเสิร์ชหาสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเชียงราย
มีที่เที่ยวน่าสนใจหลายที่เลยทีเดียว มัทรีแอบคิดเล่นๆ ว่าถ้าฐิติกรไม่เรื่องมากเธออาจได้เที่ยวทั่วทั้งเชียงราย เชียงใหม่รวมทั้งจังหวัดอื่นในภาคเหนือด้วย ก็มีเวลาตั้งสามเดือนนี่นา ได้เที่ยวให้คุ้มคงดีไม่น้อย
ระหว่างกำลังแคปข้อมูลและไล่อ่านความคิดเห็นน่าสนใจของแต่ละที่อยู่นั้น ก็มีเสียงพูดคุยกันด้วยภาษาอังกฤษแว่วมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้าน หญิงสาวจึงลุกขึ้นนั่งนิ่งฟัง
“ตั้งแต่มาถึงไทย คุณก็ไม่ยอมให้ฉันเข้าใกล้เลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น คุณก็เห็นว่าผมอยู่กับน้องตลอด”
“แล้วมาที่นี่ทำไมคุณต้องให้ฉันไปอยู่อีกห้องด้วย”
คนที่แอบได้ยินตาโต ก่อนจะยืนขึ้นแล้วค่อยๆ เงี่ยหูฟังว่าเสียงมาจากมุมไหนกระทั่งไปถึงมุมระเบียงหญิงสาวจึงลองมองลงไปด้านล่าง แล้วก็เห็นร่างสูงใหญ่กับสาวสวยบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำซึ่งอยู่ด้านข้างตัวบ้าน มัทรีรีบถอยตัวกลับมาในทันที หากก็ยังได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน
“แบบนี้ก็สะดวกดี”
“คุณบ่ายเบี่ยง หมายความว่าต้องมีอะไรแน่ๆ หรือเพราะมีผู้หญิงคนนั้นมาด้วย พวกคุณคุยอะไรกัน”
“เขาเป็นแค่ล่าม ผมให้เขาหาที่เที่ยวให้เรา แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาซักไซ้ผมนะซินดี้ เรานอนด้วยกันไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นเจ้าชีวิตผม”
มัทรีตาโตขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดแล้วพึมพำไม่มีเสียงอยู่คนเดียว
“ร้ายมาก”
“ทิม ซินดี้ขอโทษ ซินดี้ก็แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ห้องเดียวกันกับคุณไม่ได้ ที่เยอรมันคุณยังยอมให้ฉันไปอยู่กับคุณ”
“เพราะคุณเป็นพยาบาลส่วนตัว ก็เหมือนตอนนี้ อยู่บ้านเดียวกัน นอนคนละห้อง”
“แต่ซินดี้อยากดูแลคุณแบบใกล้ชิด”
“อยู่ที่ไหนคุณก็ทำได้ซินดี้ คุณแค่อยากทำให้ผู้หญิงอีกคนเห็นว่าคุณเป็นอะไรกับผม แต่ขอบอกว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดี”
“งั้นที่นี่ตรงนี้ล่ะ ได้ใช่ไหม”
เสียงหญิงสาวพร่าขึ้น จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป คนที่แอบฟังอยู่อดสงสัยและชะโงกไปมองไม่ได้ แล้วก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นร่างสวยราวนางแบบในชุดแสกขึ้นไปคร่อมอยู่เหนือร่างใหญ่ ก้มลงจูบดูดดื่มกับชายหนุ่ม
มัทรีมองภาพนั้นตาค้าง คนจูบกันในสถานที่โล่งแจ้งเมืองไทยพอมีให้เห็นบ้าง หากก็ไม่ถึงกับดูดดื่มแบบนี้ ที่สำคัญมือไม้ทั้งคู่ยั้วะเยี้ยะไปหมด
‘อะไรมันจะร้อนแรงปานนั้น หวังว่าคงไม่มาทำอะไรๆ กันตรงนี้หรอกนะ’
ยังดีที่หลังจบความคิดของเธอชายหนุ่มก็ผละออก
“ผมจ้างคุณตามมาที่นี่ด้วยเพราะถูกใจ คุณได้ค่าจ้างสมราคา มากกว่าการเป็นพยาบาลส่วนตัว เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ผมรู้สึกว่าคุณล้ำเส้นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นผมจะ...”
อยู่ๆ ชายหนุ่มก็หยุดพูดแล้วเหลือบมองมาทางเธอ ราวกับเขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากปลายหางตา
มัทรีสบตากับดวงตาคู่คมอย่างกะทันหันแล้วก็ทำตัวไม่ถูก ร่างแข็งทื่อในทันที เหนืออื่นใดเธอตกใจจนเผลอปล่อยมือถือในมือร่วงหล่นลงไปชั้นล่าง พอรู้ตัวก็คว้าไม่ทันแล้ว
“โอ๊ะ ลูกแม่ร่วง”
เพล้ง!
เสียงกระทบพื้นดังขึ้นพร้อมเสียงอุทานเบาๆ ของเธอ มัทรีมองภาพโทรศัพท์เครื่องแพงที่ตนเองกัดฟันผ่อนมาหนึ่งปีกว่าจะหมดแล้วอยากร้องไห้ออกมา
“นี่เธอ มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร”
เสียงเข้มทุ้มถามขึ้นเป็นภาษาไทย
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจแอบดูนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองสองหนุ่มสาวที่กำลังมองมาทางเธอ แล้วรีบขอโทษก่อนจะเร่งรีบลงไปด้านล่าง เพื่อเก็บมือถือของตน ได้แต่หวังว่ามันจะยังสามารถใช้งานได้ตามระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดของมัน
เมื่อลงมาด้านล่างแล้วออกประตูมาหญิงสาวก็ตรงไปหามือถือของตนทันที ทว่ามันกำลังถูกเก็บขึ้นด้วยมือสาวต่างชาติ มัทรีเดินเข้าไปขณะที่อีกฝ่ายกำลังพลิกไปพลิกมาราวกับดูว่ามันเสียหายมากแค่ไหน
“กระจกแตก แต่เหมือนจะยังใช้ได้อยู่นะ”
สาวหุ่นนางแบบบอกด้วยภาษาอังกฤษแล้วยื่นมาทางเธอ มัทรีจึงยื่นมือไปจะรับจากอีกฝ่ายพร้อมกล่าว
“ขอบคุ...”
“อุ๊ย...ขอโทษ”
มือเธอยังไม่ทันถึง โทรศัพท์เครื่องบางก็ถูกปล่อยหล่นลงกระทบพื้นอีกครั้ง มัทรีมองตามตาค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยขึ้นมามองอีกฝ่ายซึ่งเห็นชัดว่าตาสีอ่อนวาววับพร้อมยิ้มมุมปากนิดๆ สาวร่างเล็กก้มลงหยิบมือถือของตนด้วยความไม่พอใจแล้วยืดตัวขึ้นกำลังจะเอ่ยต่อว่า
“คุณ...”
“เธอไม่ได้ถ่ายอะไรไปใช่ไหม”
เสียงทุ้มเข้มดังขึ้นเป็นภาษาไทยพร้อมกับร่างสูงใหญ่ปรากฏด้านหลังสาวหุ่นสวยเป๊ะที่ลุกขึ้นยืนกอดอกมองเธอ
“ทำไมฉันต้องถ่ายอะไรด้วย”
“ก็เธอถือมือถือมายืนอยู่ตรงนั้น มันน่าสงสัย”
ฐิติกรมองเธออย่างจับผิดก่อนจะพูดต่อ
“เอามาให้ดูหน่อย”
มือหนายื่นมา แต่มัทรีกำโทรศัพท์ของตนซ่อนไปด้านหลัง
“ฉันไม่ได้ถ่าย”
หญิงสาวบอกพร้อมกับจ้องตาคู่คมอย่างไม่หลบพร้อมกับเม้มปากอย่างไม่ยินยอม
อีกฝ่ายมองเธอนิ่ง ทว่าแววตาสีน้ำตาลอ่อนดูดุไม่พอใจ
“ฉันจะถ่ายคนกอดจูบกันเอาไว้ทำไม ดูไปก็เป็นตากุ้งยิงกันพอดี”
เธอพูดออกไปอย่างเซ็งๆ และเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตาวาววับ หากเขาก็ไม่บังคับเอามือถือจากเธอ
“อย่าพลาดให้จับได้ก็แล้วกัน”
เขาบอกก่อนจะเดินไปจากตรงนี้ ส่วนผู้หญิงของเขามองหน้าเธอนิ่งด้วยสายตาขัดอกขัดใจอย่างชัดเจน มัทรีเองก็มองกลับอย่างไม่พอใจเพราะเห็นชัดว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายจงใจทิ้งโทรศัพท์ของเธอลง ทว่าพอเธอขยับปากจะเอาเรื่อง สาวสวยหุ่นนางแบบก็ก้าวเข้ามาใกล้เบียดชนไหล่เธออย่างแรง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอตั้งใจจะทำอะไร ถ้ามีฉันอยู่คุณทิมไม่มีทางชายตามองเธอหรอก จืดๆ อย่างเธอน่ะไม่ร้อนแรงพอจะสนองความต้องการของเขาได้แน่”
หลังกระซิบอย่างมั่นใจอีกฝ่ายก็เดินหนีตามผู้ชายร่างสูงใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนถูกดูถูกได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่คนเดียว
ครู่หนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดเมื่อปรับสติอารมณ์ของตัวเองได้
“ได้ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ตอนแรกฉันไม่คิดจะยุ่งแล้วนะ แต่เธอมาจุดชนวนเอง แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ทั้งคุณทิม ทั้งเธอด้วยยายชะนีเผือก”
มัทรีเรียกอีกฝ่ายตามพิสินีด้วยความขัดเคือง นอกจากผู้หญิงของฐิติกรจะนิสัยแย่แล้ว ตัวเขาเองก็เหมือนจะไม่ได้มองเธอในแง่ดีนัก ฉะนั้นก็ทำตามที่รติยาฝากให้ช่วยไปเลยดีกว่า
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว มาลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ตั้งแต่นี้ไป นอกจากล่ามกับไกด์แล้ว สร้างความร้าวฉานก็คืองานของฉันด้วย”
=====
เนื้อตัวแข็งแกร่งที่ได้สัมผัสมายังติดอยู่ในความรู้สึก แม้อยากสลัดให้หลุดออกไปแต่มันก็ไม่จางหายมัทรีใจสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ความเจ็บในใจที่เห็นฐิติกรฉีกแฟ้มต่อหน้ายังมี มือบางกำแน่น ริมฝีปากล่างถูกกัดสะกดอารมณ์ ทำไมเขาต้องทำร้ายจิตใจเธอ มัทรีรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจที่น้องสาวเขาส่งเธอมาแต่ไม่คิดว่าจะมากจนถึงกับใจร้ายกับเธอแบบนี้แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เธอจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเด็ดขาดหญิงสาวบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่มีใครดูแลจิตใจและเป็นกำลังใจให้เราได้เท่าตัวเราเองที่สำคัญเธอจะไม่ทุ่มเทให้กับนายจ้าง ไม่เอาความรู้สึกนึกคิดไปเกี่ยวข้องกับงาน ระลึกไว้เสมอว่านายจ้างก็เป็นแค่คนอื่น ไม่ใช่พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต้องผูกพันใดๆ งานไม่สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ ในเมื่อเธอทำเต็มที่แล้ว อดหลับอดนอนพยายามทำแฟ้มงานอย่างดีที่สุด ฐิติกรยังไม่สนใจ ฉะนั้นเธอก็ไม่คิดเซ้าซี้อีก ต่อจากนี้หากชายหนุ่มไม่สั่งมัทรีก็จะไม่เอ่ยเรื่องเที่ยวกับเขาอีก“ฉันเหนื่อยกับการเป็นลูกจ้างมาพอแล้ว งานส่งไปแล้วไม่ชอบก็เรื่องของเขา ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”มื้อเย็นนั้นมัทรีออกมาทานอาหารร่วมโต๊ะกับฐิติกรและทุกคนด้วยสีหน้า
มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องที่น้ำอิงบอกเอาไว้เบาๆ ภายในห้องเงียบไม่ตอบอะไร เธอจึงเคาะซ้ำพร้อมเอ่ย“คุณทิมคะ ฉันมัทรีนะคะ ฉันจะขอคุยเรื่องทริปเที่ยวน่ะค่ะ”ยังไม่มีเสียงตอบ มัทรีมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องได้ยิน ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามางีบหลับในห้องสมุดอย่างแน่นอน“ฉันไม่รบกวนคุณนานหรอกค่ะ นะคะ”เธอพยายามทำเสียงให้หวานอย่างที่เคยได้ยินรติยาพูดกับพี่ชายของตน ทว่าข้างในยังเงียบ หญิงสาวกัดปากถอนหายใจ กำลังจะขยับเท้าถอยไปจากตรงนี้เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ“เชิญ”ร่างบางแทบกระโดดดีใจหากก็ยั้งตัวเองได้ทัน หญิงสาวยิ้มกับตนเองจนพอใจแล้วรีบหุบยิ้มวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ก่อนจะเปิดประตูเพื่อก้าวเข้าไปในห้องมัทรีแง้มประตูไว้เล็กน้อย ไม่ได้ปิดลงเพื่อแสดงเจตนาว่าเธอเข้ามาไม่นานแล้วจะออกไป ไม่ต้องการรบกวนเวลาของอีกฝ่ายจริงๆ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบห้องที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ แล้วก็พบกับร่างสูงใหญ่นั่งเอนหลังพิงโซฟา พาดขายาวของเขาบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า สายตาจ้องหนังสือในมือของเขาโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะหันมามองเธอแม้แต่น้อย‘เอาเถอะ ไม่แปลกใจนักหรอก’หญิงสาวคิดกับตัวเอง รู้ดีว่าฐิติกรไม่ถูกชะตาเธอนัก แม้จะไม่เข้าใจว่า
มัทรีเพ่งมองหน้าจอที่แตกร้าวของตนอย่างยากลำบากเพื่อจดสถานที่เที่ยวเอาไว้ในสมุดเล็กๆ ตั้งใจจะคุยกับฐิติกรหลังมื้ออาหารเย็น เธอไม่สนใจแล้วว่าผู้หญิงของเขาจะมองเธอแบบไหน หากอีกฝ่ายเข้าใจว่าเธอเป็นคู่แข่งก็ดี ในเมื่อเปิดศึกมาแล้วคนอย่างมัทรีไม่ยอมให้ใครมาแกล้งฟรีแน่นอนทว่าก็อดถอนหายใจด้วยความเสียดายมือถือเป็นระยะไม่ได้ อยากร้องไห้กับชะตากรรมช่วงนี้สุดๆ แต่ก็บอกตัวเองว่าหากเธอทำงานพิเศษสำเร็จก็มีเงินซ่อมมันแล้ว‘แยมอยากให้พี่ทิมเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไม่จริงใจ’เธอนึกถึงคำพูดของรติยาขึ้นมา‘เขาพยายามจะจับพี่ทิมให้ได้หลังจากได้มาเป็นพยาบาลส่วนตัวของพี่ทิมเมื่อสองเดือนก่อน ตอนไปเยี่ยมแยมเห็นกับตาว่าเขาเข้าไปเสนอตัวให้พี่ทิมถึงในห้องนอน ไม่เกรงใจหรือสนใจเลยว่าแยมก็อยู่บ้านนั้นด้วย ที่สำคัญเพื่อนแยมเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน เขาบอกว่าเธอมีคนที่คบหาอยู่แล้ว’ตอนฟังนั้นมัทรีเต็มไปด้วยความลำบากใจ หากก็พยายามวางสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้‘ปกติพี่ทิมไม่เคยให้ผู้หญิงไปไหนมาไหนด้วย แต่ครั้งนี้มีผู้หญิงคนนั้นมาด้วย แยมกลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนสำคัญของพี่ทิม เพราะตอนนี้เธอก็ออกจากงานโรงพยาบาลมาดูแลพี่ทิมเต็ม
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียงเมื่อสาวเหนือชื่อบัวตองขอตัวไปช่วยป้าเอื้องแม่บ้านใหญ่เตรียมอาหาร หญิงสาวพูดคุยกับอีกฝ่ายนิดหน่อยจึงรู้ชื่อและอายุที่น้อยกว่าเธอหลายปีมัทรีถอนหายใจอย่างหนักใจ เธอคงต้องทำการบ้าน เสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว ลิสต์ออกมาแล้วไล่ดูไล่อ่านคอมเมนต์ว่าคนชอบไปที่ไหน ถูกใจที่ไหนกันบ้างหรือไม่มาคิดอีกทีก็ใส่ที่ที่เธออยากไปแล้วหาคอมเมนต์ดีๆ ใส่ขายของไปดีกว่า หญิงสาวคิดกับตัวเองเสียงข้อความในแอปฟรีดังขึ้นทำให้มัทรีหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน‘ว่าไง ชะนีเผือกนั่นเป็นอะไรกับคุณทิม’เป็นข้อความของพิสินี‘แกไม่คิดจะถามหน่อยเหรอ ว่าเพื่อนถึงหรือยัง เดินทางเป็นยังไงเหนื่อยไหม ไรงี้’มัทรีพิมพ์กลับไปยาวเหยียด ไม่ได้โกรธเพื่อนแต่อดกัดไม่ได้ เธอกำลังอยู่ในภาวะจำยอมกับหน้าที่ล่ามบวกไกด์จำเป็น แถมยังมีงานพิเศษที่ถูกฝากฝังมาและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไรอีกด้วย‘แหม แกนั่งเครื่องไป ไม่ลำบากลำบนสักหน่อย’ข้อความของเพื่อนทำให้มัทรีถึงกับถอนหายใจ‘ตกลงยังไง บอกมาเร็ว’พิสินียังถามในสิ่งที่ตนสนใจ‘เมียมั้ง’มัทรีพิมพ์ตอบไปอย่างเซ็งๆ ทั้งอยากแกล้งเพื่อนด้วย‘อ้าย! ชะนีน้อย หยาบคายมาก’‘
‘เช็กระดับความสัมพันธ์ชะนีเผือกด้วย’ก่อนขึ้นเครื่องมัทรีได้รับข้อความจากพิสินี หญิงสาวอ่านแล้วก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ รหัสของอีกฝ่ายเป็นภาษาที่ผู้หญิงน้อยคนจะใช้ อาจเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานรอบข้างเต็มไปด้วยเก้งกวาง เพื่อนของเธอจึงติดคำมาหลายคำ พิสินียังเคยมาแอบกระซิบกับเธออีกว่าสงสัยคุณพรรษหัวหน้าเลขาของตัวเอง เพราะอีกฝ่ายค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบ ใส่เสื้อผ้าเป๊ะโทนเดียวกันทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังโสด เพื่อนสนิทของพิสินีที่เป็นเกย์อยู่ฝ่ายขายก็ถูกใจหุ่นแน่นกล้ามเป็นมัดของคุณพรรษ คอยมาวนเวียนเฝ้ามองบ่อยๆมัทรีมองเหนือน่านฟ้าจังหวัดเชียงรายขณะที่เครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแม่ฟ้าหลวงอย่างรู้สึกสดชื่น นานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นสีเขียวแบบนี้ อย่างน้อยภายใต้ความรู้สึกกดดันกับหน้าที่พิเศษที่ได้รับมอบหมายเธอก็ยังมีธรรมชาติช่วยบำบัดบ้าง แม้ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งใจจะทำ ยังก้ำกึ่งอยู่ก็ตาม“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปที่ไหนคะ ดิฉันจะไปจัดการเรื่องรถเช่าให้น่ะค่ะ”เธอค่อยๆ ขยับเข้าไปถามกับพี่ชายของรติยาด้วยภาษาอังกฤษหลังจากทุกคนได้กระเป๋าของตนกันเรียบร้อยแล้ว“ไม่เป็นไร เรามีรถแล้ว ตอนนี้น่าจะมารออยู่ข้างนอกแล้ว ใ
“ทำไมแกทำหน้าเหมือนหมาป่วยแบบนี้ ได้ไปเที่ยวแถมยังได้เงินด้วย เป็นฉันหน่อยไม่ได้”พิสินีขับรถไปค่อนแคะเธอไปด้วย“ถ้าเป็นแกจะทำไม”มัทรีถามด้วยสีหน้าซังกะตาย ไม่ได้กระตือรือร้นอยากรู้เลยสักนิด“แกเป็นอะไรกันแน่มัท มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือมีอะไรทำให้แกไม่อยากทำงานนี้”เมื่อเห็นเพื่อนมีสีหน้าไม่ดีเอาเสียเลยพิสินีก็อดถามอย่างจริงจังไม่ได้“ไม่มีอะไร แค่นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งที่อุตส่าห์รีบนอน”หญิงสาวปัดไป เธอรับงานไปแล้วและก็ไม่มีสิทธิ์พูด ไม่มีสิทธิ์บอกกับใครแม้แต่พิสินี‘ถ้าทำสำเร็จแยมจะเพิ่มโบนัสพิเศษจากค่าจ้างเป็นสามเท่าค่ะ’เป็นข้อเสนอที่สาวสวยเอ่ยขึ้นหลังบอกเงื่อนไขกับเธอแล้ว และแม้ผลจะไม่สำเร็จ เธอก็จะยังได้เงินค่าจ้างในฐานะล่ามอยู่ นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีผลเสียหายเลยสำหรับมัทรี แต่เต็มไปด้วยความลำบากใจกระนั้นยอดค่าจ้างคูณสามเท่าที่ลอยอยู่ในหัวก็น่าสนใจและเชิญชวนสุดๆมัทรีกำลังลังเลระหว่างไม่ทำอะไรเลยกับการพยายามทำ สำเร็จก็ได้เงินหรือไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร กระทั่งตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เช้าวันนี้พิสินีมารับเธอไปพบกับคนที่เธอต้องเป็นล่ามให้ หลังจากอีกฝ่ายเดินทางมาถึงในคืนที่ผ่านมา และเธ