พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส
“ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า
“ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา
“ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่”
“เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น
“แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ”
“กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม”
“ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก
“งั้นเอามาสิ”
มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคนกลับอ้าปากกว้างรออยู่แล้วทำให้เธอต้องเป็นคนป้อน
การแสดงออกของมาร์คัสทำให้ยุทธนาและแพทริคหันมามองหน้ากันโดยไม่ต้องนัดหมาย เจ้านายของเขาทานไส้กรอกชิ้นละไม่กี่สิบบาทยังไม่แปลกใจเท่ายอมให้อีกคนป้อน ยุทธนารีบกดปุ่มยอกแผงก้นระหว่างผู้โดยสารและคนขับขึ้นเพราะไม่อยากจะเห็นอะไรที่มันแปลกกว่านี้อีกแล้ว
“เป็นไงคะ อร่อยไหม” หญิงสาวรอฟังคำตอบ
“ก็พอกินได้”
“พอกินได้แปลว่าไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ”
“บอกว่าพอกินได้ก็คือพอกินได้”
“ฉันรู้หรอกน่าว่าคุณไม่อยากให้ฉันเสียน้ำใจ แต่ไม่เป็นไรคุณไม่กินก็ดีแล้วจะได้ไม่เปลือง”
มิรันดาเลิกสนใจเขาแล้วนั่งทานไส้กรอกของตนเองจนหมด พอดีเมื่อรถมาจอดที่ห้างสรรพสินค้า
“เช็ดปากกินน้ำให้เรียบร้อยก่อนลงไปดีกว่าไหม”
หญิงสาวหันมายิ้มแหย่ๆ ก่อนจะหยิบขวดน้ำที่วางไว้ขึ้นมาดื่มและเข้าปากจนเรียบร้อยก็ลงจากรถ
“ซื้อของเสร็จฉันจะโทรตามนะ” เขาหันมาสั่งแพทริคและคนขับรถ
“มันจะดีเหรอครับบอส”
“อือ ที่นี่เมืองไทยนะ ไม่มีอะไรต้องน่าห่วง”
“ครับ”
แพทริคพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถ้าเป็นเมืองไทยก็คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นที่อิตาลี การปล่อยให้เจ้านายไปเดินไปไหนมาไหนคนเดียวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะที่นั่นมาร์คัสมีศัตรูอยู่รอบด้าน
ร้านแรกที่มาร์คัสพาหญิงสาวเข้ามาก็คือร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งมีทั้งชุดทำงาน ชุดอยู่บ้านและชุดสำหรับออกงาน
“คุณค่ะ ฉันว่าเราเปลี่ยนร้านดีไหม ฉันรู้จักร้านที่ประตูน้ำ ราคาก็ถูกกว่ามากนะคะ เดี๋ยวฉันพาไป” มิรันดาเข้ามากระซิบเบาๆ มันใกล้จนมาร์คัสได้กลิ่นกายหอมออกมาจากเรือนร่างของเธอ ชายหนุ่มรีบขยับออกห่างก่อนจะหันไปบอกพนักงาน
“คุณครับ เอาชุดสบายๆ สำหรับใส่อยู่บ้าน 20 ชุด ชุดสำหรับออกมาข้างนอก 20 ชุด ชุดราตรีหรือเดรสสำหรับออกงานอีก 10 ชุด อ้อ แล้วถ้าในเดือนนี้มีชุดออกมาใหม่ก็ส่งไปให้ผมตามที่อยู่นี้นะครับ” เขาจดที่อยู่ให้กับพนักงานที่ยิ้มกว้างเพราะเพียงแค่เขาเป็นลูกค้าคนเดียวพวกเธอก็คงได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายเยอะพอสมควร
“คุณมาร์คัส” มิรันดาแทบจะกรี๊ดกับจำนวนชุดที่เขาสั่ง
“อะไร ไม่พอเหรอ”
“เปล่า จะบอกคุณว่ามันมากไป ชุดที่ฉันเตรียมก็พอมีอยู่บ้าง”
“ไอ้ชุดเน่าๆ พวกนั้นฉันให้แม่บ้านเอาไปทิ้งหมดแล้ว”
“อะไรนะ คุณทำอย่างนั้นได้ยังไงชุดพวกนั้นฉันซื้อมาตั้งหลายบาท”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มาฟรีๆ แต่ในเมื่อเธอมาอยู่กับฉันก็ต้องทำตามที่ฉันอบอก ถ้าเธอโวยวายอีกฉันจะสั่งชุดเพิ่มอีกนะ” มาร์คัสขู่
“คุณคงรวยมากสินะ”
“ก็มากกว่านายต้นละกัน”
“งั้นฉันอยากได้เพิ่ม”
“อยากได้อะไรบอกมาสิ”
“ฉันอยากได้ชุดสำหรับเด็กด้วย”
“จะเอาไปทำไม”
“ให้น้องที่บ้านเด็กกำพร้า”
“แค่ชุดเหรอ”
“ค่ะ แค่ชุดก็พอ”
“ฉันไม่เคยซื้อชุดให้เด็กหรอกนะและก็ไม่รู้ว่ามันราคาเท่าไหร่ ฉันจะโอนเงินให้แล้วเธอไปซื้อเองได้ไหม อยากได้เท่าไหร่ก็บอก”
“วันนี้คุณมีงบให้ฉันซื้อชุดเท่าไหร่”
“ไม่อั้น”
“ฉันขอหมื่นหนึ่งได้ไหม”
“มันจะพอเหรอ”
“พอสิ ตั้งหมื่นหนึ่งฉันจะซื้อชุดและก็พวกอุปกรณ์การเรียนให้เขา เดือนหน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว”
“ฉันให้สองแสนถ้าวันนี้เธอตามใจฉัน”
“แน่นะคะ”
“แน่สิ”
“คุณนี่นอกจากจะหล่อแล้วยังใจดีด้วยนะคะ”
มาร์คัสมองคนที่ยิ้มตาเป็นประกายแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ มิรันดามีอะไรแปลกจนเขานึกไม่ถึง เขาจะซื้อของให้เธอ เธอก็ทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่อยากได้ แต่พอบอกจะให้เงินไปซื้อของให้เด็กๆ เธอกลับดีใจแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เขาให้พนักงานนำชุดทั้งหมดไปที่รถซึ่งแพทริครออยู่ที่นั่นแล้ว
ออกมาจากร้านเสื้อผ้าเขาก็ตรงมายังแผนกชุดชั้นในสตรี
“คุณ ฉันต้องซื้อของพวกนี้ด้วยเหรอ มันอยู่ข้างในนะ ใส่ยังไงก็ได้ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันว่าอย่าสิ้นเปลืองเลย”
“มิรันดา สองแสนนะ เอาไหม”
“เอาสิ”
“งั้นคุณไปรอข้างนอกก่อนฉันของเลือกเอง”
ผ่านไปยี่สิบนาทีมิรันดาก็ยังเลือกไม่ถูกเพราะปกติเธอจะซื้อชุดชั้นในตามตลาดนัดซึ่งราคาแต่ละชุดก็แค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น
“ยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ”
“ฉันเลือกไม่ถูกไม่เคยแพงแบบนี้”
“น้องครับช่วยเลือกม้เธอด้วยชุดชั้นใน 20 ชุด ชุดนอน 10 ชุด”
“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”
“มีชุดว่ายน้ำด้วยไหมครับ”
“มีค่ะ อยู่ทางนั้น” พนักงานชี้ไปยังอีกด้านที่มีชุดว่ายน้ำโชว์อยู่
“ผมเอาชุดว่ายด้วยครับ 5 ชุดครับ”
“คุณมาร์คัส” หญิงสาวหันมามองเขาตาเขียว แต่พอเห็นเขาทำปากว่าสองแสนเธอก็ยอมเดินตามพนักงานไปแต่โดยดี
“คุณมาซื้อของแบบนี้บ่อยเหรอคะ”
“แต่ก่อนบ่อยครับ” คำตอบที่เจอไปด้วยเสียงเศร้าทำให้มิรันดาไม่อยากจะถามต่อ
“กลับกันเลยไหมคะ ได้ของครบแล้ว”
“ยังไม่ได้รองเท้าเลยนะ”
“รองเท้าด้วยเหรอคะ”
“เธอคงไม่ใส่ชุดที่ฉันซื้อเมื่อครู่กับรองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่หรอกนะ”
“แหม ฉันไม่ได้มีรองเท้าผ้าใบคู่นี้คู่เดียวสักหน่อยนี่ค่ะ”
“ไหนๆ ก็ออกมาแล้วก็ซื้อให้ครบละกัน ยังขาดอะไรบ้างก็ลองนึกดู”
ออกจากร้านรองเท้าก็มาเคาน์เตอร์เครื่องสำอางและต่อด้วยร้านกระเป๋า ซึ่งร้านสุดท้ายมิรันดาขอแค่ใบเดียวเพราะเห็นราคาแล้วแทบไม่กล้าใช้
มาร์คัสแปลกใจกับทาทางของมิรันดามากเพราะทุกร้านที่พาเธอเข้าไปซื้อราวกับว่าเธอไม่เคยใช้ของเหล่านั้นมาก่อน หรือที่ทำแบบนี้เพราะเธอกำลังแกล้งทำเป็นไม่เคยใช้ของเหล่านี้เพื่อตบตาเขา
“คุณมาร์คัสคะ มีอย่างหนึ่งที่ฉันอยากได้”
“อะไร”
“คุณเห็นน้ำหอมร้านนั้นไหม”
“อือ เขาไปดูสิ”
“คือฉันรู้ว่ามันราคาแพงมากแค่ไหน แต่ฉันไม่ได้จะใช้เองหรอกนะ ฉันอยากคุณซื้อแล้วใช้”
“ทำไม”
“คือฉันชอบกงยูแล้วเขาก็โฆษณาน้ำหอมนี้ ฉันก็เลยอยากได้ขวดมันมาเก็บไว้ ส่วนน้ำหอมฉันให้คุณใช้หมดก่อนค่อยเอาขวดมาให้ฉัน
“ใครคือกงยู”
“โอ๊ย คุณไปอยู่ไหนมาเนี่ยไม่รู้จักกงยูโอปป้า เขาน่ะ ทั้งหล่อทั้งดูดี”
มิรันดารีบเอารูปของนักแสดงหนุ่มคนโปรดให้เขาดู
“ฉันว่าเขาดูมีอายุ”
“แน่นอนสิเข้าน่ะอายุ 40 กว่าแล้วแต่ยังหล่อและดูดีมาก”
“สเปกคุณเป็นแบบนี้เหรอ”
“ใช่ฉันชอบคนโตกว่า ทั้งอบอุ่นและใจดีอีกอย่างคนอายุมากว่าเขาก็ผ่านอะไรมามาก ถ้าเป็นแฟนก็คงดี”
“อือ” มาร์คัสไม่ค่อยพอใจที่เธอพูดแบบนี้เท่าไหร่ เพราะมันเหมือนกับเธอกำลังคิดไปถึงน้องเขยของเขาอีกครั้ง
“คุณมาร์คัส ซื้อนะคะ” เป็นครั้งแรกที่มิรันดาทำท่าทางอ้อนแบบนี้กับเขาและนั่นมันก็ทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบลงมาทันที
ทั้งสองคนเดินไปยังร้านน้ำหอมและได้มากันคนละขาดของเขาขวดสีน้ำตาลเข้มส่วนของเธอขวดสีขาว
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันว่าต้องมีคนอิจฉาฉันแน่เลยถ้าฉันจะโพสต์ขวดน้ำหอมแบบเดียวกับกงยูลงในไอจี รีบกลับกันเถอะค่ะ ฉันอยากลับไปถ่ายรูปอวดเพื่อนแล้ว เธอรีบจนมาร์คัสเดินตามแทบไม่ทัน
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่