พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด
“กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ
“ค่ะ”
“เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม”
“ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ”
“ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง”
“คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้
มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ
ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย
แต่มาร์คัสก็ยังคงมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เขายังคงแปลกใจกับการแต่งตัวของมิรันดา ไม่ว่าจะเสื้อผ้า กระเป๋าหรือรองเท้าไม่มีของแบรนด์เนมเลยสักชิ้น แล้วที่จัสมินบอกว่าเขมทัตซื้อของพวกนั้นให้เธอล่ะ เธอเอาไปเก็บไว้ไหน หรือร้อนเงินถึงขั้นเอาของเหล่านั้นไปขายแล้ว
เขาอยากรู้ว่าเงิน 30 ล้านที่มิรันดาต้องการนั้นเธอจะเอาไปทำอะไรเพราะเธอไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัวที่ไหน หรือเธออยากจะเก็บเอาไว้ใช้เอง แต่ไม่ว่าเธอจะเอาเงินไปทำอะไรเขาก็จะจ่ายให้เธอมากกว่าที่ไปขอจากเขมทัต
เงิน 40 ล้านแลกกับความสุขของน้องสาวมาร์คัสคิดว่ามันคุ้มยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
มิรันดายิ้มกว้างออกมาจากธนาคารเมื่อเห็นจำนวนเงินในบัญชีธนาคารของตนเอง พรุ่งนี้เธอกับเพื่อนจะไปหาแม่ครูและพาแม่ครูไปหาเจ้าของที่ดิน
เงินที่มาร์คัสให้มานั้นมากกว่าที่เธอต้องการ แต่มิรันดาก็ยินดีรับไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมจากค่าที่ดินและค่าเช่าที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของคนใหม่อีกมากน้อยเท่าไหร่ แต่ถ้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็จะคืนเงินที่เหลือให้กับเขาทั้งหมด
จัดการเรื่องเงินเรียบร้อยมาร์คัสก็พาเธอมายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง มิรันดาไม่กล้าลงจากรถเมื่อเห็นความหรูหราของร้าน
“ลงมา ฉันหิว”
“คุณไปกับคนของคุณเถอะ”
“ทำไม ไม่หิวเหรอ”
“เปล่า ฉันว่าฉันคงไม่เหมาะกับสถานที่แบบนั้น”
“มันจะไม่เหมาะยังไง ลงมาเถอะน่าอย่าเรื่องมากฉันหิวแล้วนะ”
“คุณดูสภาพฉันสิ” มิรันดาชี้มาที่ตัวเองซึ่งกายแต่งกายของเธอวันนี้มันไม่เข้ากับสถานที่เอาเสียเลย”
“มิรันดา ฉันสั่งในฐานะเจ้านาย ให้เธอลงมาจากรถเดี๋ยวนี้” มาร์คัสทำเสียงดุจนหญิงสาวยอมลงมาจากรถอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ตลอดเวลาที่นั่งทานอาหารกันอยู่นั้นก็มีสายตาหลายคู่มองคนทั้งสอง มิรันดานั่งทานตัวเกร็งถึงแม้อาหารจะอร่อยมากแค่ไหนแต่เธอกลับรู้สึกไม่มีความสุขเลย
“พรุ่งนี้บ่ายจะพาไปซื้อของ”
“ของอะไรคะ”
“เสื้อผ้า”
“เห็นไหมล่ะ คุณก็อายที่ฉันแต่งตัวแบบนี้มานั่งทานข้าวด้วย”
“ฉันจะอายทำไมในเมื่อเขาไม่ได้มองฉัน”
“งั้นก็ไม่ต้องซื้อให้เสียเงินหรอก ฉันจะไม่ออกไปไหนมาไหนกับคุณอีกแล้ว”
“ต้องซื้อสิ เพราะถ้าผมต้องออกไปข้างนอกคุณต้องไปด้วยทุกครั้ง”
“ทำไมคะ”
“ฉันอยากแน่ใจว่านายต้นจะไม่ติดต่อกับเธออีกถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นคนของฉัน”
“แต่พรุ่งนี้ฉันนัดเพื่อนไว้แล้ว”
“นัดไว้ที่ไหน กี่โมง”
“สิบโมงเช้าที่บ้านเด็กกำพร้า”
“ธุระของเธอจะเสร็จก่อนสี่โมงเย็นไหม”
“ค่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้รถไปส่งแล้วสี่โมงเย็นจะให้ไปรับ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”
“เพราะไปเองได้ไง ฉันถึงต้องให้คนคอยรับส่ง เกิดเธอแอบไปหานายต้นอีกฉันก็เสียเงินเปล่านะ”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันเป็นคนรักษาสัญญา”
“ฉันเพิ่งรู้จักเธอได้ไม่กี่วันเพราะฉะนั้นฉันยังไม่ไว้ใจเธอ”
“งั้นก็ตามใจคุณเลยค่ะ”
กลับมาถึงเพนเฮาส์มาร์คัสก็ขอตัวไปทำงานของตัวเอง ส่วนมิรันดาก็จัดของใช้ส่วนตัวให้เข้าที่ ซึ่งมาร์คัสให้เธอพักห้องเดิมที่นอนเมื่อคืน
มิรันดานอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนเพราะไม่มีเรื่องอะไรมากวนใจเธอแล้ว เช้านี้ก็เลยตื่นตั้งแต่เช้าและคิดว่าจะแอบออกไปก่อนที่มาร์คัสจะตื่นนอน
“Buon giorno (บอนจอร์โน่) ครับคุณมิรันดา”
“คะ??”
“บอนจอร์โน่เป็นภาษอิตาลีครับแปลว่าว่าอรุณสวัสด์”
“อ๋อ บอนจอร์โน่ค่ะคุณแพทริค มาหาคุณมาร์คัสเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมมารอรับคุณไปข้างนอก”
“ฉันไม่อยากรบกวนเลย เดี๋ยวคุณกลับไปพักก็ได้นะคะ ฉันไม่บอกเขาหรอกค่ะ”
“ผมไม่ชอบทำอะไรลับหลังบอสครับ”
“คุณนี่ซื่อสัตย์จังเลยนะคะ”
“ก็ผมรับเงินเดือนจากบอสนี่ครับ”
“พูดแบบนี้ฉันรู้สึกผิดเลยค่ะ เพราะฉันเองก็รับเงินของเขามาตั้งเยอะ”
“มันคนละอย่างกันนี่ครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันก็คงเป็นลูกน้องของเขาอีกคน มาแต่เช้าแบบนี้คุณทานอะไรมาหรือยังคะ ฉันไม่รู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารไหม ว่าจะชวนคุณลงไปหาอะไรทาน”
“อาหารเช้าแม่บ้านเตรียมให้แล้วเครับ เช้านี้เป็นข้าวต้มกุ้งครับ แม่บ้านฝากถามคุณว่าชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือแพ้อาหารหารอะไรไหมเขาจะได้จัดมาให้คุณถูก”
“ฉันทานได้ทุกอย่างค่ะ อันที่จริงเรื่องอาหารฉันซื้อของสดมาทำเองก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องรบกวนแม่บ้าน”
“คุณจะลำบากทำเองทำไมครับ แม่บ้านเขามีหน้าที่เขาอยู่แล้ว”
“ตั้งแต่ฉันมายังมาเคยเห็นแม่บ้านเลยนะคะ”
“เขาพักอยู่ชั้นล่างครับ ที่นั่นมีทั้งห้องครัว ห้องซักรีด”
“ถ้าวันไหนคุณว่าง พาฉันลงไปเจอเธอหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ แต่วันนี้ผมว่าคุณควรรีบทานดีกว่าเพราะบอสให้เวลาคุณถึงแค่สี่โมงเย็นนะครับ”
“ค่ะ”
มิรันดารีบทานอาหารเช้าจากนั้นเปลี่ยนไปสวมกางเกงยีนกับเชิ้ตสีขาวพอดีตัวก่อนจะเดินตามแพทริคออกไป
แพทริคมาส่งเธอที่บ้านเด็กกำพร้าและจะกลับมารีบเธอในเวลา 16.00น.
“พวกหนูแน่ใจนะว่าเงินนี้มีคนมาบริจาคจริงๆ”
“แน่สิคะแม่ครู”
“มันเยอะมาก แม่ครูอยากเจอเขา อยากขอบคุณเขาด้วยตัวเอง”
คำพูดของแม่ครูอรดีทำให้หญิงสาวทั้งสามคนหน้าซีด
“คุณมาร์คัสเขางานยุ่งค่ะแม่ครู อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยอยู่เมืองไทย” มิรันดารีบบอก
“แล้วแม่จะขอบคุณเขายังไงละรัน”
“แม่ครูก็ให้เด็กๆ ทำการ์ดขอบคุณเขาสิคะ เหมือนอย่างที่พวกเราเคยทำให้กับคนที่มาเลี้ยงอาหารกลางวันหรือบริจาคสิ่งของ” ชนิศาเสนอ
“รันก็เห็นด้วยนะคะ ถ้าทำเสร็จแล้วรันจะเอาไปฝากคุณศิลาไว้ค่ะ”
“อย่างนั้นก็ได้จ้ะ แล้วเย็นนี้พวกหนูสามคนจะอยู่กินข้าวกับน้องๆ ไหมละ”
“โยกับนิอยู่ค่ะ แต่รันต้องรีบไปทำงานค่ะ”
“อ๋อ รันยังทำงานกลางคืนอยู่เหรอลูก”
“รันพักงานกลางคืนสามเดือนค่ะ พอดีมีคนจ้างรันไปทำความสะอาดเพนเฮาส์ของเขาค่ะ”
“ดีเหมือนกัน แม่ไม่อยากให้หนูทำงานกลางคืนเลย มันอันตรายแล้วไหนจะต้องอดนอนอีก แล้วถ้าเปิดเทอมต้องไปเป็นนักศึกษาฝึกสอนแม่กลัวจะไม่ไหวเอานะลูก”
“ถ้าเปิดเทอมรันคงทำแต่วันหยุดค่าแม่ครู”
“อดทนกันอีกนิดนะลูก อีกปีเดียวก็จบแล้ว”
“ค่ะ แม่ครู”
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่