“สักอันก็ไม่มีเลย?”
“มาถามเอาอะไรตอนนี้ มึงน่ะมายั่วกู เอานมมาถูอยู่ได้ ถูจนหำแข็งไปหมดเนี่ย กูล่ะอยากถ่ายวิดีโอเอาไว้ให้ดูจริง ๆ มึง...” ปลายเสียงขาดหายไปเมื่อมือเรียวยกขึ้นปิดป้องไปซะครึ่งหน้า และเพื่อให้ไอ้ตะวันหยุดพูด เธอเข่นเขี้ยวขู่ด้วยน้ำเสียงที่หลุดมาตามไรฟัน
“เงียบเลยนะมึง!”
เพื่อนหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นโบกไปมาในอากาศ ยอมจำนนแต่โดยดี เมื่อหญิงสาวอารมณ์เย็นลงยอมมอบอิสรภาพให้ หมุนตัวเดินไปทั้งหน้าตาไม่รับแขก ตะวันยังเดินตามเจ้าของแผ่นหลังบางที่แสนเย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลก เซ้าซี้ถามหาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนซึ่งขาดสะบั้นลง
คนหนึ่งตีตัวออกหาก ลำบากคนตามง้อ ทุกฝีก้าวของร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาตามติดคนตัวเล็กอย่างกระชั้นชิด ดวงตาคู่คมเศร้าหมองเป็นกังวลติดตามใบหน้าขาวใส ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง
“...ทำไมไม่รับโทรศัพท์? ไหนบอกว่าลืมไง ไหนว่าเรื่องมันไม่เคยเกิด กูกับมึงไม่เคยเมา”
“...”
“เอามือถือมานี่” พูดพลันคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ตะวันรู้แม้กระทั่งว่าเพื่อนชอบยัดมือถือเครื่องเล็กเอาไว้ข้างหลัง หากว่าลงจากรถยนต์แล้วไม่ได้ไปเดินตลาดหรือสถานที่มีคนเยอะ ๆ
ที่ผ่านมาเขารู้เรื่องของใบหม่อนแทบทุกอย่าง ถึงไม่ได้พบหน้ากันทุกวัน ก็ไม่ได้ขาดการติดต่อ ยิ่งตอนเข้ามหา’ลัย เรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ ยังมีเพื่อนฝูงคอยชักชวนไปกินข้าวดูหนังเป็นปรกติ เป็นเพื่อนสนิทกันมาโดยตลอด
ตาคมก้มหน้าลงมองจอสี่เหลี่ยมในมือ สายที่โทรเข้า ‘ไอ้ตะวัน’ ถูกจัดเรียงอยู่ในช่องของเบอร์ขยะ ให้ตายเหอะ!
“โอ้โห... กล้าบล็อกเบอร์พ่อของลูกเหรอ? ผู้หญิงอะไร เห็นแก่ตัวฉิบหาย” คำบริภาษของเพื่อนหนุ่มทำเอาอีกคนชะงักปลายเท้าที่หนีเขา โดยไม่สนใจใบหน้าซีดเผือดของเธอแม้แต่น้อย
“แค่พวกรักตัวเอง บูชาอีโก้ ไม่ได้รักลูกหรอก ดูละครมากไปหรือว่ายังไง ท้องแล้วคิดหนีไอ้ตะวัน พ่อจะตามให้สุดหล้าฟ้าเขียวเลยคอยดู...”
แน่นอนว่าตะวันต้องจัดการกับเรื่องนี้ กดทุกอย่างให้กลับเข้าที่เดิม ซึ่งก็เป็นโชคดี เจ้าของเครื่องไม่เคยตั้งรหัสผ่านเอาไว้
ใบหน้าหวานงามแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิด พอ ๆ กับความโกรธที่ปะทุขึ้นมา ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอหยาดน้ำใส ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าจอก็ตกใจ
“เฮ้ย... ร้องไห้ทำไมเนี่ย พูดแค่นี้เอง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นไร พูดอะไรก็พูดได้นี่หว่า”
เสียงสะอึกสะอื้นไห้ดังหลังจากนั้น หญิงสาวยกมือปาดหยาดน้ำตาบนแก้มนวลเนียน ทำเอาเพื่อนหนุ่มยืนงงเป็นไก่ตาแตก เหมือนกับว่าเขาจะลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท...
ฮอร์โมนทำร้ายคุณแม่ใบหม่อน!
----------------------------------
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ” ปลอบประโลมพลางอ้อมแขนแข็งแรงกระชับกอดร่างบางในเสื้อยืดตัวเก่า ก้มหน้าลงมองตามเสียงสะอื้นไห้จนหัวไหล่สั่น เมื่อเธอเอาแต่ร้องไห้เป็นเด็กเล็ก ๆ
ทีแรกใบหม่อนทำผลักไสไล่ส่งเขา ไม่ยอมให้แตะต้องตัว แต่พอถูกกอดรัดด้วยแรงที่มากกว่า คะยั้นคะยอถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า... ทำไมเขาถึงกอดเธอไม่ได้ ทำไมเขาจึงรักเธอไม่ได้ ทำไมเขาเป็นพ่อของลูกเธอไม่ได้ ในเมื่อเธอก็เต็มใจยอม แถมเมาอยู่ด้วยกัน ท้ายที่สุดแล้วเธอจึงยอมโอนอ่อนตาม
เหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง...
ตะวันรู้ตัวว่าเขากำลังจะเป็นคุณพ่อในเร็ววัน เขาปรับตัวได้รวดเร็วกว่าคนเป็นแม่ พอเห็นว่าเธอร้องไห้อ่อนแอ ผิดจากบุคลิกความเป็นเถรตรง แข็งกระด้างเหมือนคุณพ่อผู้เป็นทหาร เลี้ยงลูกสาวมาแบบนั้น จากนี้ไปเขาคงระวังคำพูดตัวเองมากขึ้น
“หม่อน... กูไม่ได้ตั้งใจว่ามึงหรือเปล่า กูขอโทษแล้วไง” ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง มือหนาคอยลูบศีรษะน้อยจนกระทั่งนิ่งสนิท หล่นตุบลงบนเสื้อยืดสีดำ มือเล็กไร้เรี่ยวแรงหงายออกวางบนกางเกงยีนสีซีดของชายหนุ่ม
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองเปลือกตาบวมช้ำ แก้มเปียกปอนถูกบดบังใต้กลุ่มผมดำขลับ ส่งกลิ่นหอมมาตามลมพัดโชย กลบกลิ่นดอกไม้นานาชนิดในสวนหลังบ้านซึ่งคุณพ่อปลูกเอาไว้หลายต้น ม้านั่งหินตรงนี้เหลือแค่กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
หอม...
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแค่ค่ำคืนเดียว ตะวันเกิดมีความคิดขึ้นมาว่าเพื่อนสนิทของเขาตัวหอม...
นุ่มด้วย...
จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มติดมือ ชอบที่สุดคงเป็นริมฝีปากบางกระจับอมแดงอมชมพู ซึ่งเหมือนกับว่าเจ้าหล่อนพยายามจือปากจิกตา อ่อยผู้ชายอยู่ตลอด แต่เป็นเพราะว่าหน้าสวย ๆ เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เธอส่งยิ้มแต่ละที หนุ่มน้อยใหญ่มาคอยตามชื่นชม ขอแค่ได้นั่งเก้าอี้ข้างใบหม่อนหน่อยก็ยังดี
สมัยเรียนใบหม่อนเลยตกเป็นที่หมายตาของหนุ่ม ๆ ตัวพ่อทั้งนั้น! อันที่จริงเธอป๊อปปูลาร์พอ ๆ กับเพื่อนสนิทคนนี้นี่แหละ ตะวันจึงเกิดความคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองเหมาะสมกับใบหม่อน หากไม่เป็นเพราะว่าเจ้าตัวขีดเส้นเอาไว้ให้เป็นแค่เพื่อน เขาคงจะได้คบหากับใบหม่อนไปแล้ว
“เป็นไงบ้างลูก?” เสียงของคุณแม่เรียกลูกชายให้หลุดจากภวังค์ เงยหน้าขึ้นมองร่างบางในชุดผ้าไหมที่หยุดยืนตรงหน้า
แม่มนสวมชุดกระโปรงอย่างผู้ใหญ่ สะพายกระเป๋าหนังใบโปรดสีขาว พอนึกถึงลูกสะใภ้กับหลาน เลยแวะมากำชับเตือนเรื่องอาหารและยา
“ดูด้วยนะว่าหม่อนกินยาครบไหม โฟเลทสำคัญมาก ห้ามลืมเด็ดขาด ช่วงท้องอ่อนต้องดูแลดี ๆ ถ้าหลุดล่ะเป็นเรื่อง ถ้ารอดยังไงก็รอดเลย ยันท้องแก่น่ะ” ไม่ทันขาดคำ ดันเหลือบไปเห็นใบหน้าเปียกปอนคราบน้ำตา ร่างบางผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ
“อ้าว... นี่ทำหม่อนร้องไห้เหรอ?”
“อ้อ... คือ... ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ตะวันรู้สึกตัวลีบเล็กลงเท่ามด ยิ่งปลายนิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้หน้าเขาอย่างเกรี้ยวกราด
“ดูให้ดี ๆ นะ ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป แกตาย... ฉันเอาเลือดหัวแกออกแน่ ไอ้ตะวัน”
“ครับแม่”
ลูกชายคงไม่อยากมีเรื่องกับคุณแม่ มองดูก็รู้ว่าแฮปปี้! กับการที่ใบหม่อนไม่ใช่ลูกรักเหมือนบรรดาพี่ชายบ้านนายทหาร แม่มนเลยได้แต่งสะใภ้เข้าบ้าน ไม่ต้องแต่งออก ให้ลูกชายไปอยู่บ้านเขา
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ