เห็นใครเขามีหลาน ก็อยากมีบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของคนแก่ ถึงวัยหนึ่งคงอยากอุ้มหลาน แถมทั้งคุณพ่อคุณแม่อายุห้าสิบห้าปีแล้ว ตกเย็นออกไปเดินเล่นในสวนหย่อมของโครงการหมู่บ้านจัดสรร ได้แต่มองหลานบ้านอื่นตาละห้อย
“กะยึดหลานไว้เลี้ยงกันสองคนน่ะสิ...” ปากงึมงำ พอคุณแม่ออกจากบ้านไปแล้ว ร่างสูงชะลูดโน้มตัวลงตวัดข้อพับเนียนขึ้นอุ้ม พาคนที่หลับสนิทเข้ามานอนในห้องนอนของเขา บนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า โดยไม่ทำให้เธอตื่น
หญิงสาวหลับสนิท ศีรษะซบพิงอยู่บนอกกว้าง ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีคนกำลังนั่งจ้องมอง ดวงตาคู่คมปลาบแอบแฝงประกายปรารถนา
‘แอบลักขโมยหน่อย... ดีไหมนะ คงไม่ตื่นมั้ง?’ ถามในใจ ปลายจมูกโด่งเป็นสันคมซุกลงบนแก้มใสที่หยาดน้ำแห้งเหือดไปได้สักพัก ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวแรง หัวสมองคิดถึงค่ำคืนแสนหวาน
----------------------------------
สองเดือนที่แล้ว...
“หม่อน... มึงขยับนิดนึงดิ” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกคนใต้ร่างที่เอาแต่หนีบขาเข้าหากัน ใบหน้าแดงซ่านส่ายไปมา เมื่อผู้ชายตัวโตเริ่มกระหน่ำจังหวะสวาทเข้าหาเธออย่างไม่ลดละ ไม่ถอยสักอึดใจ ท่อนอุ่นร้อนที่ผลุบเข้าออกทำให้เธอส่งเสียงประหลาด หัวสมองขาวโพลน ไร้สำนึกรู้
“อื้อ... อ๊า... อ๊ะ!”
เรือนร่างงามเปลือยเปล่าในสีหน้ารัญจวน ปลุกอารมณ์ชายแกร่งให้ลุกฮือ พอคนตัวเล็กเอาแต่สั่นเกร็ง คนคุมเกมจำต้องจัดท่าเอาเอง มือจับบั้นท้ายงามงอนยกขึ้น ขยับเข้าออกอย่างแม่นยำ คว้าหมับเข้าเอวคอดบาง พลิกหน้าพลิกหลัง ไม่ปล่อยให้ส่วนที่สอดสวมกันหลุดออก ยังกับเธอเป็นตุ๊กตายาง!
‘ทำไมมันตะบี้ตะบันแทงจังวะ ไอ้บ้าตะวัน!’
ใบหม่อนทำตาขวางมองใบหน้าหล่อเหลารัญจวน กัดกรามกรอด ๆ เมื่อร่วมรักกับเธอในทุกท่วงท่าอารมณ์ สติสัมปชัญญะรับรู้ดีว่ากำลังทำเรื่องเกินเลยกับเพื่อนสนิท เธอกัดริมฝีปากแรงจนเป็นห้อเลือด สองมือโอบรอบคอแกร่งเมื่อเรือนร่างกำยำเปียกชุ่มเหงื่อทั่วทุกอณูทาบทับลงอีกครั้ง
แม้โลกพร่าเลือนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อาจบรรเทาอาการเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนใครสักคนกำลังฉีกกลางร่างของเธอให้แยกออกกว้าง มันยังคงเจ็บ...
ระคนไปกับความรู้สึกประหลาด สุขสมอย่างที่เธอไม่เคยพบพาน
“ดีไหม? หม่อน... เจ็บบอกนะ หยุดไม่ได้อะ...”
“อื้อ...”
ร่างบางส่ายเร่า ๆ แต่เมื่อสะโพกสอบหนากระแทกกระทั้นเข้าร่องทางรักอย่างหนักหน่วง ร่างบางพยายามขดงอตัว กระถดกายหนีจนศีรษะเกือบโขกกับหัวเตียง
“เจ็บ... จุก... เบา ๆ หน่อย”
ชายร่างกำยำผู้ไม่ค่อยทำตามรับปากเอาไว้เลย จึงลดแรงกระแทกลง
เรียวปากหนาหยักได้รูปพรมจูบบนขมับเปียกปอน ก่อนหน้านี้ที่สัมผัสได้ถึงรสชาติเค็มปะแล่มจากหางตาคู่สวย สอดสวมกอดเอวบางอย่างแนบชิดไม่มีแม้อากาศไหลผ่าน เขาเฝ้ามอบคำปลอบประโลม กดริมฝีปากลงบนใบหน้าสวยหวานไม่ว่างเว้นสักช่วงหนึ่ง ใจรับรู้ว่าเธอเจ็บ... ปานร่างแทบแตกเป็นเสี่ยง ได้ยินเสียงกรีดร้อง ปลายเล็บที่จิกลงบนบ่า ตะกุยตะกายบอกเขาทั้งน้ำตาว่าเจ็บ ถึงในอีกครู่หนึ่งนั้น ความเจ็บปวดทั้งหมดจะพลันหายไป เหลือเพียงอารมณ์แสนรัญจวนชวนฝัน เมื่อเขาทำให้เธอกลายเป็นทาสทางอารมณ์ของชายหนุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ
“... พอได้ละ ไอ้ตะวัน อ๊ะ!”
คำห้ามปรามไม่เป็นผล ใบหม่อนคงไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทตัวดีกินอะไรเข้าไปนอกจากเหล้า
มันกินยาชูกำลังขนานไหน ถึงได้แรงดีเหลือเกิน ไม่รู้เป็นคนหรือม้า!
ความรู้สึกที่แล่นไหลเข้ามาในช่องท้อง หมุนวนเป็นวงกลม มืออุ่นร้อนสัมผัสแก้มก้นงอน จับประคองเธออย่างนิ่มนวล ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของเธอ ภายในเรือนกายรุ่มร้อนถูกช้อนขึ้นเป็นจังหวะด้วยอาวุธร้อนร้ายของชายหนุ่ม
“ชอบลึก ๆ ไหม?”
“ก็... ดี...”
“ดีกว่าเมื่อกี้หรือเปล่า...”
“อ๊ะ... อื้อ!” เธอกรีดร้องส่ายหน้าไปมา เมื่อความรู้สึกราวกับว่าทำให้เธอเจียนบ้าคลั่ง เสียงดังหนุบหนับ... นำพาอารมณ์หวามไหว แทนที่เธอจะรู้ขยะแขยงกับการทำเรื่องประหลาดกับเพื่อน
ตะวันเห็นว่าเพื่อนรักชอบพอท่านี้เป็นพิเศษ เขายิ่งเอาอกเอาใจเธอ ท่อนแขนเป็นล่ำสันกระชับกอดเอว กดท่อนกายเข้าหาร่องทางรักอย่างล้ำลึก อีกข้างวางล้อมกรอบใบหน้าแดงซ่าน
เหมือนเป็นไปโดยสัญชาตญาณ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาการร่วมรักแต่ละครั้งชายหนุ่มมักเอาใจตนเป็นใหญ่ ไม่สนใจคู่นอน แค่เอาความรู้สึกตนเป็นที่ตั้ง
ไม่นานก็มองเห็นทางสว่างทอประกายอยู่เบื้องหน้ารำไร ตะวันแสนหลงใหลในเรือนร่างงามนี้ อดทนต่อไปไม่ไหวกับร่องทางเล็ก ๆ ที่บีบรัดแน่นจนอึดอัดไปหมด
“กูจะแตกแล้ว ๆ หม่อน ๆ!” ในน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก คนส่งเสียงดังกว่าเห็นจะเป็นตะวัน คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากันในสีหน้าเร่าร้อนทรมาน กดย้ำเข้าไปช้า ๆ อย่างเดิมแต่เน้นย้ำ
“ฮ้า! หม่อน ๆ...”
ร่างกำยำสะบัดใบหน้าพร่างพราวเม็ดเหงื่อขึ้นมองเพดาน ค้างสะโพกเอาไว้สองครั้งสุดท้าย
เรือนร่างงามหมดจดได้รับการเติมเต็มจนล้นปริ่มออกทางเดิม และเมื่อฝ่ายหนึ่งสุขสมอารมณ์หมายในกามารมณ์ อีกคนก็คงไม่ไหว กายสาวแรกรักส่งจังหวะหวานระรัวแรงกลับไป ทุกอย่างเหนือการควบคุม
“หม่อนจ๋า...” ในเสียงเรียกหวาน ชายหนุ่มขบกรามกรอดเมื่อร่างกายถูกดูดกลืนดังตุบ ตุบ... เหมือนกับว่าคนใต้ร่างพยายามจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว แต่กลับดูดดื่มเพียงท่อนกายขยายใหญ่ พ่นน้ำสาดกระเซ็นอยู่ข้างใน
“เสร็จไหม?”
“อืม... เสร็จ”
ใบหน้าหล่อเหลาขยับยิ้ม ผ่อนลมหายใจหอบระทวย แบ่งรับแบ่งสู้กับเพื่อนสาวที่ยอมให้ควบขี่มาตลอดราตรี เขายังประกาศความเอาแต่ใจออกมา
“มึง... เอามันว่ะหม่อน กูเอาต่อเลยนะ”
----------------------------------
“ไอ้คนเถื่อน... ไอ้ตะวัน” ปากงึมงำว่า บนที่นอนนุ่มในห้องนอนกว้าง ซึ่งตกแต่งด้วยโทนสีดำสนิทสลับกับสีขาวและสีเทาหม่น เข้ากับบุคลิกเจ้าของห้อง
ใบหม่อนรู้ซึ้งว่าเพื่อนสนิทเป็นคนยังไงตั้งแต่เริ่มรู้จักกันเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นเด็กบ้านรวยคนหนึ่ง ชอบพูดจาขัดหูเพื่อน บางครั้งก็ขัดใจคุณครู แต่บ้านมันรวย พ่อแม่เป็นเพื่อนกับผู้อำนวยการ ใครจะไปอะไรกับมัน
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ