น่าตกใจกว่าอาหารหน้าตาน่ารับประทาน เป็นคำเรียกที่เปลี่ยนแปลงไป ตะวันดูสุภาพนุ่มนวล เหมือนตอนพูดจากับสาว ๆ ใบหม่อนนั่งลงชิมฝีมือของเขายังเผลออุทานออกมาอร่อย มันอร่อยมาก! เธอไม่คิดว่าลูกคนรวย มีแม่บ้านคอยจัดการงานให้ทุกอย่างจะทำอาหารเป็น ปลาทูนึ่งมะนาวแกะก้างปลาออกให้เรียบร้อย รสชาติไม่เปรี้ยวจนเกินไป ไม่เผ็ดจัดจ้านมากไป เอาใจคนท้องที่อาจจะมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนในอนาคต
“ไม่น่าเชื่อเลยอะ เป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปี ไม่เคยกินฝีมือมึงได้ไงวะ”
“ไม่เคยทำให้ใครกิน ปกติทำเองกินเอง นักเลงไง”
“จริง ๆ ก็งกหรือเปล่า ทำเองกินเอง กินคนเดียว กะไม่แบ่งใครล่ะสิ”
“เอ้อ นั่นแหละ อย่างที่มึงว่า กูงก ของซื้อมา นั่งกินคนเดียวอร่อยเหาะ ไม่มีใครแย่ง” แล้วคนพูดก็หัวเราะ มองชามข้าวสีขาวลายกระต่ายน่ารัก เห็นภรรยาก้มหน้าก้มตาตักข้าวหอมมะลิอุ่นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“แต่ว่าต่อไปนี้จะทำให้หม่อนกับลูกกินบ่อย ๆ เลยนะ”
หญิงสาวหน้าตะลึงงัน เรียกเสียงหัวเราะจากว่าที่คุณพ่อ
“โธ่... ใบหม่อน ดูทำหน้าเข้า กินไป ๆ เหอะ กินให้อิ่มนะครับ”
ตะวันแสนเป็นกันเองแถมพูดจาไพเราะขึ้น ไม่วางบุคลิกเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังนั่งดูเธอทานข้าวจนหมด ใบหม่อนก็เจริญอาหารแม้มีกับข้าวอย่างเดียว เธอทานจนอิ่มท้องแล้วมีน้ำผลไม้ ผลไม้เป็นแตงโม แคนตาลูปชิ้นเล็ก ๆ
คุณแม่คุณลูกอิ่มท้อง รวบช้อน ลุกขึ้นเก็บงานไปไว้ด้านหลังห้องครัวซึ่งออกแบบอย่างสวยงามลงตัว มีเคาน์เตอร์และเก้าอี้ทรงสูง ข้างกันนั้นมีสเตอริโอขนาดใหญ่ เปิดเพลงคลอไปพร้อมกับนั่งจิบเครื่องดื่มเบา ๆ
ใบหม่อนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงหันไปถาม “เอ้อ... แล้ว... ต้องนอนนี่เหรอ?”
“แต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้ว ต้องกินนอนอยู่ด้วยกันสิ เมียจะไปนอนที่ไหนล่ะ เสื้อผ้าก็ขนมาหมดแล้ว”
เมีย! ไอ้ตะวันไม่เรียกเธอว่า ‘มึง’ แต่เรียก ‘เมีย’ ใบหม่อนอ้าปากค้างมองหน้าเพื่อนอย่างไปไม่เป็น ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าแต่งมาแล้วก็ต้องเป็นเมียมันอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ
----------------------------------
คุณแม่ใบหม่อนดื้อรั้นหัวชนฝา จะขอนอนแยกห้องกับสามีลูกเดียว ทีแรกตะวันก็คงไม่ยอมเพราะเป็นห่วงภรรยาหากเกิดเรื่องฉุกละหุกกลางดึก เมียท้องอ่อนอยู่ในสายตาตลอดเป็นเรื่องดีกว่า แต่พอถูกไล่บ่อยเข้า เธอบอกว่าทำใจไม่ได้ จะให้มานอนเตียงเดียวกันกับเพื่อนสนิทนับสิบปี ตะวันเลยต้องหอบหมอนผ้าห่มไปนอนในห้องนอนแขกห้องติดกัน
“ไปทำงานแล้วนะ อย่าลืมกินยาด้วยนะหม่อน” คนตื่นก่อนเคาะประตูเบา ๆ โดยไม่สนว่าคนข้างในจะได้ยินหรือเปล่า เขาคงไม่อยู่รอคำตอบ
ใบหม่อนเพิ่งลุกจากที่นอนได้ไม่นาน ตรงไปกอดชักโครกอาเจียนชุดใหญ่ ไม่ทันได้ไปเปิดประตูพูดคุยกับตะวันอย่างทุกเช้า ก่อนที่เธอจะตรงไปหยิบเดรสลายดอกไม้น่ารักในตู้เสื้อผ้าไม้สีขาวสลับดำเข้ากับห้องนอนสไตล์โมเดิร์นมาสวม หยิบกระเป๋าใบเล็กตวัดพาดบ่าแล้วลงไปข้างล่าง เห็นรถยนต์สีดำสนิทเคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถหน้าบ้าน
‘กว่าจะถ่อไปทำงานได้นะ ไอ้ตะวัน’ พูดในใจ ร่างบางในเดรสตัวสวยเดินไปเปิดตู้เย็นหาผลไม้และอาหารเช้าเป็นข้าวต้มซึ่งสามีวางเอาไว้ให้เธอทาน
บ้านเดี่ยวสองชั้นเวลานี้เงียบเชียบ ส่วนตัวเธอคงหยุดงานอีกสักวันเพราะรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
น้ำหนักของเธอควรขึ้นกลับลดลง เดรสสายเดี่ยวที่ใส่มองเห็นกระดูกไหปลาร้าชัดเจน แก้มอิ่มและรอบดวงตาชุ่มฉ่ำซูบตอบลง ใบหม่อนแทบไม่อยากจะดูสภาพตัวเองในกระจก เธอโทรมขนาดนี้ได้ยังไง ตรวจครรภ์รอบหน้ารับรองว่าเธอโดนคุณหมอบ่นแน่ ๆ
ไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์สั่นดังทำให้หญิงสาวส่ายหน้ามองข้อความในจอโทรศัพท์มือถือ
‘กินยาด้วยนะ’
‘มีอะไรโทรเรียกนะ’
‘อยากกินอะไรโทรบอกนะ จะสั่งให้’
‘โทรได้ตลอดเลยนะ เป็นห่วงเมียนะ’
เมียอีกแล้ว! ใบหม่อนคงไม่ชินกับเพื่อนหนุ่มในสภาพสามี ทำตัวผิดแปลกไป แต่ด้วยความสับสนกังวลใจประสาคุณแม่ ภรรยามือใหม่ จู่ ๆ เธอก็เกิดความคิดว่าควรข้าม Friend Zone บ้าจี้ไปตามไอ้ตะวัน หลอกให้นางดีใจเล่นดีไหม
----------------------------------
เย็นนี้คุณพ่อคุณแม่เข้ามารับประทานอาหารด้วยกัน หอบหิ้วถุงพะรุงพะรังหลายใบเข้ามาฝากลูกสะใภ้ ต่างตกใจกับสภาพผ่ายผอมของคุณแม่ที่คงจะแพ้ท้องหนัก นายตะวันเองยังโดนบ่นยกใหญ่เรื่องให้ดูแลเมีย
“ตะวันรีบพาหม่อนไปหาหมอนะ ไม่ใช่ให้พ่อกับแม่ต้องมาบอก โต ๆ กันแล้ว...”
คุณแม่สะบัดหน้างอนไปหลังช่วยลูกชายเก็บบ้านล้างจานให้เรียบร้อยอย่างไม่เกี่ยงงาน คุณพ่อวางของฝากไว้บนโซฟากำมะหยี่สีดำแล้วคงไม่อยู่รบกวนคู่สามีภรรยา
ใบหม่อนรีบออกไปปิดประตูรั้วหน้าบ้าน พอดีกับที่สามีเข้ามาช่วยรับถุงผ้าอีกหนึ่งใบจากคนขับรถ ยกมือไหว้ทั้งสองอย่างเกรงใจ เมื่อรถยนต์ห้าประตูคล้อยลับตา หันไปเห็นคนถือถุงผ้าหลายใบหน้าตาเฉยเมย ไม่ได้มีสีหน้าอึดอัดใจเรื่องของเธอ ไม่ได้แม้แต่จะว่าเธอทำให้เขาโดนแม่ต่อว่า
“มัวแต่มองไรเล่า เข้าบ้านเร็ว เดี๋ยวไม่สบาย” พูดพลางคว้ามือเรียวหมับ ค่อย ๆ จับจูงคนตัวเล็กเข้าบ้าน ใบหม่อนบ่นอีดออด
“ไม่เห็นต้องจับมือเลย...”
“แม่มนบอกว่าให้ระวังคนท้องล้มน่ะ”
“ไม่ล้มหรอก”
“เอ๊ะนี่ ทำไมชอบเถียงผัวจริง ๆ” คนดุปรามเปิดประตูเลื่อนซึ่งเป็นมุ้งลวดอีกชั้นหนึ่ง ยกขาก้าวข้ามสันประตูสีสันสดใสตัดกับสีโทนขาวดำของบ้าน
ตะวันเอาใจใส่แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณแม่ใบหม่อนยังเห็นเขาซื้อสติ๊กเกอร์หน้าตาประหลาดมาติดเอาไว้ ช่างไม่เข้ากับบ้านเอาเสียเลย หน้าห้องน้ำมีชั้นวางรองเท้าแตะแบบยางกันลื่นสามคู่วางไว้ให้สวมก่อน
“ทำไมต้องเรียกผัว เรียกแบบเดิมก็ดีแล้ว”
“จะเรียกอะ ทำไมล่ะ”
“ไม่ทำไม ปล่อยได้ละ ดูแลตัวเองอยู่ รู้น่ะ”
“พูดแบบนี้ทุกที พอถึงเวลาก็หน้าแหกทุกที” เขาแหวเข้าให้ แต่ก็ยอมปล่อยมือเรียว ก้มหน้าดูถุงหลายใบ เป็นยาสมุนไพรจากคุณแม่มน ยังมีน้ำขิง ชากุหลาบ คุณแม่โทรมาบอกก่อนหน้านี้ว่าจะซื้อชาเข้ามาให้ บำรุงคนท้องสักหน่อย
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ