ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีครีมอ่อนเปียกชื้นเหงื่อ ชักชวนภรรยาให้นั่งลงบนโซฟาเพื่อที่เขาจะไปชงชามาให้เธอดื่ม
ใบหม่อนหย่อนนั่งรอบนโซฟาในห้องรับแขกได้สักพัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาเพื่อนสาว แต่พอเห็นว่าอีกคนก็ยังไม่ออกมา เธอจึงชะโงกคอมองหา ลุกขึ้นไปเปิดลูกบิดประตูห้องครัวหาคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อโยนทิ้งลงพื้น
มัดกล้ามที่ไล่เรียงกันอย่างสวยงามลงตัวถึงหน้าอกแน่นขนัดทำเอาเธอจ้องเขม็ง หากพอมุมปากหนาหยักได้รูปฉีกยิ้มออกมา จึงรีบส่ายแก้มแดง ๆ หนี
“ถอดเสื้อทำไมเล่า”
“ร้อน...” พูดพลางส่งแก้วชาอุ่นร้อนให้พร้อมจานรองถ้วยลายน่ารัก ปลายนิ้วเรียวยาวยังเชยคางมนขึ้นให้เธอมองหน้าเขา เพราะกลัวว่าจะทำแก้วน้ำร้อนหก
ท่าทีเขินอายนั้นทำให้ตะวันได้ใจใหญ่ ถึงเมียไม่ยอมเข้าใกล้ แม้แต่จะพูดจากันยังเว้นระยะห่าง เขายืนมองเธอจิบชาได้ไม่กี่คำ รับถ้วยไปวางบนเคาน์เตอร์ครัวค่อยหันกลับไปคว้าเอวบางเข้าหมับ คนในอ้อมแขนสะดุ้งตกใจ
“ผัวทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว เมียไม่ทำหน้าที่...?” เลิกคิ้วถามคนที่เงยหน้าขึ้นมองตามรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก ใบหม่อนไม่ทันตั้งรับการรุกของสามี
“พูดอะไรของมึง เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน อยู่กันแบบเพื่อน”
“จะให้เป็นเพื่อนสนิทไปตลอดกาลเลยเหรอ?”
“เอาเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้าด้วย อย่าซกมก”
“รู้แล้ว ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง” คนเถียงยังคงเถียงไม่เลิก แถมไม่อยากจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มกลิ่นหอม แต่คงไม่ลืมหรอกว่าคนนี้น่ะลูกทหาร สวยดุมาแต่ไหนแต่ไร
แต่เมื่อมีเพียงสายตามองค้อนบอกว่าไม่พอใจ สุดท้ายตะวันเลยต้องยอม
“เออ ปล่อยก็ได้ อะไรกันนักหนา แค่กอดเมียนิดเดียวเอง”
----------------------------------
ทั้งยั่วทั้งอ่อย ออกจะบ่อย ไม่รู้ต่อกี่ครั้งกี่หน ในบ้านตัวเอง เมียตัวเอง!
คืนนี้เจ้าของเรือนหอนอนกอดหมอน รอคุณแม่มานอนด้วยกัน ไม่ออกไปนอนอีกห้อง เขาตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าต้องนอนกับเมีย กระทั่งร่างบางในชุดนอน เสื้อยืดกางเกงขาสั้นน่ารักลายการ์ตูนแมวส้มออกมาจากห้องน้ำ
“อะไรอีกอะ?”
“วันนี้จะนอนด้วย”
“เอ๊ย... จะมานอนได้ไงเล่า”
“บ้านก็จ่าย ข้าวก็ซื้อ ดูแลทุกอย่าง รับผิดชอบทุกทาง ทำไมแค่นอนกับเมีย นอนไม่ได้” ในน้ำเสียงออกคำสั่ง ตะวันหันหลังให้คนที่นั่งลงบนเตียง เขาสวมชุดนอนผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม คว้าผ้าห่มขึ้นกระชับกอดทำเป็นไม่สนใจ
“ไม่รู้ จะนอน”
“ไปเลยนะ”
“ไม่ไป”
ใบหม่อนเองก็อยากจะเอาแต่ใจ ฟาดแขนฟาดขาใส่หน้าเพื่อนสักที แต่เธอกำลังคิดว่าถ้าเล่นตามน้ำไปอย่างที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้จะดีไหม อีกคนอาจเบื่อหน่ายในตัวเธอไปเอง สักพักหนึ่งอาจจะไม่มาตอแยเลยก็ได้
คิดแล้วจึงล้มตัวลงนอน เอื้อมมือไปแตะโคมไฟหัวเตียงเบา ๆ แสงสีนวลอ่อนปรากฏแทนที่ไฟสว่างจ้าในห้องนอน
ตะวันลอบยิ้มในความเงียบ เมื่อได้สมใจเขาแล้ว เขาก็รอ... จนเธอหลับตา นับเลขในใจไปพลาง ๆ อาศัยจังหวะที่เธอนอน ผลักกายขึ้นคร่อมทับเรือนร่างหอมงาม อยู่ดี ๆ เธอก็ลืมตาพรึบมองเขาด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
“เดี๋ยวกูถีบปลิว ไปนอนที่มึงเลยนะ ไอ้ตะวัน”
“กล้าถีบผัวเหรอ อีหม่อน”
“จะลองไหมล่ะ?”
“หม่อน...” ในน้ำเสียงเข้มขึ้นเรียกเธอให้สนใจเขา ใบหม่อนแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าอีกคนจะกล้าพูด
“ตะวันรักหม่อนกับลูกนะ”
คนได้ยินกลอกตาไปมา คิดอะไรไม่ออกเลยตอบไปตามนั้น
“รักค่ะ... ไปนอนนะ”
“ไม่จริงใจ”
“รัก”
“หลอกให้ตายใจมากกว่า...”
“ใช่ กูหลอกไง มึงอย่ามาเยอะ อย่ามาลักหลับด้วย แม่จะไล่ให้กลับไปนอนโซฟาที่เดิม”
ตะวันไม่รู้ว่าความแตก คุณแม่ใบหม่อนรู้เรื่องวันก่อนนั้น อีกหลาย ๆ วัน เขาชอบมาลักเล็กขโมยน้อยจากแก้มนุ่มหอม ซอกคอ ทั้งดมทั้งจูบอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
นายตะวันหรือจะสน!
พอเมียทำเง้างอนไล่เขาให้กลับไปนอนที่เดิมกลับช่วงชิงริมฝีปากอิ่มงามไว้ในครอบครอง ทำให้เธอตกใจหน้าตะลึงลาน แต่ก็เพียงไม่นาน สองมือทุบประทุษร้ายผู้ชายตัวโตที่โถมน้ำหนักทั้งร่างเข้าทับ ซึ่งใบหม่อนคงไม่มีแรงสู้เขา
เรียวปากหนาหยักได้รูปนุ่มนวลราวริมฝีปากของผู้หญิง เธอสัมผัสมันมาครั้งหนึ่งตอนสติไม่เต็มร้อย และตอนนี้...
เขาบดขยี้เธอให้จำยอมในทีแรก ค่อยผ่อนแรงลง มอบรสชาติอ่อนหวานผ่านจุมพิตตราตรึง ขบเม้มริมฝีปากล่างของเธอเบา ๆ อย่างระมัดระวังแล้วผละออก กดจูบตรงมุมปาก แก้มขาวนวลที่แดงฉ่ำ ถึงแม้ว่าเธอจะหลบเลี่ยงเอียงอาย ตะวันเพียงมอบความกล้าหาญให้เธออีกครั้ง
เธออ่อนแอ พ่ายแพ้ราบคาบให้กับสามีค่ำคืนหนึ่ง คืนที่เมา เขาคนนั้นคือเพื่อนสนิท
ตะวันได้ทีรุกเร้า เมื่อเขามีความช่ำชองงาน โชกโชนสมรภูมิสวาทมากกว่า ใจรู้ดีว่าสาวของเขาชอบตรงไหนยังไง มือหนาจึงสอดแทรกเข้าไปในสาบเสื้อ บีบเนินอกนุ่มเบา ๆ หญิงสาวสะดุ้ง ท้ายที่สุดแล้วก็เผลอใจไปกับเขา
ชายหนุ่มลูบหน้าท้องของเธอด้วยปลายนิ้วเรียวยาว ขณะที่เขาไม่ได้ทำอะไร มือหนายังอยู่บนหน้าท้องแบนราบ ทว่าก้มหน้าลงกระซิบข้างหู
“ลูกเป็นยังไงบ้างครับ? ฮัลโหล เจ้าตัวเล็ก...”
“นี่พูดกับลูกหรือแม่”
“ทั้งคู่”
“บ้ารึไง... มาฮัลโหลอะไร ไม่ได้กินโทรศัพท์มือถือเข้าไปสักหน่อย”
แล้วคุณพ่อก็หัวเราะร่าเริง เปลี่ยนที่กระซิบกระซาบเป็นหน้าท้องนวลเนียน หลังจากที่เลิกเสื้อลายการ์ตูนขึ้น ซุกปลายจมูกลงหาตำแหน่งเหมาะสม จะได้พูดคุยกับเจ้าตัวเล็กในท้องถนัด ประสาคุณพ่อขี้เห่อ
ส่วนใบหม่อนหมดหนทางสู้เขาแล้ว ได้แต่หัวเราะจั๊กจี๋หนวดคุณพ่อตะวัน
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ