แปลก... ประหลาด...
ตะวันเอาอกเอาใจผิดปกติ!
ในสีหน้าสงสัยระคนค้างคาใจว่าอีกคนเป็นอะไร เขาไม่เหมือนหนุ่มห้าวหาญที่เคยรู้จัก ยังสบตาเธออย่างจริงจังจริงใจ ผิดจากตะวันคนเดิม
“เมื่อยใช่ไหม? รองเท้าน่ะ” พูดพลางก้มตัวลงนั่งถอดรองเท้าให้ สองเท้าเปลือยเปล่าสัมผัสพรมเย็นเฉียบ เย็น... ยิ่งขึ้นไปอีกพอชายหนุ่มไปคว้าเก้าอี้มาให้เธอนั่ง
ดวงตาคู่สวยคอยมองตามทุกกิริยา มือหนาจับข้อเท้าขาวสวยอย่างอ่อนโยน หมุนไปมาเบา ๆ ไม่ให้เธอรู้สึกเจ็บแม้สักน้อย ค่อนข้างสบาย...
“ทำอะไรน่ะ?”
“นวดให้ไง...”
“เอ้อ... ทำตัวแปลก จังเลยนะ”
“หม่อน... เป็นเมียตะวัน เป็นแม่ของลูกตะวัน ก็ต้องดูแลดี ๆ”
‘แล้วจะให้ทำหน้ายังไงดีล่ะ ทำตัวยังไงดี’
ใบหม่อนไม่ได้พูดออกไป เมื่อรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าหล่อเหลาทำใบหม่อนรู้สึกขนลุกขึ้นมา พอเขายิ้ม นวดข้อเท้าให้เธอ เลยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีพ่อของลูกไปอีกทาง
----------------------------------
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นเด็กสาวที่โดนบูลลี่เป็นประจำน่ะสิ พอได้มาเป็นเพื่อนกับตะวัน อย่าว่าแต่รอยขีดเขียนบนโต๊ะว่า ‘อีแรด’ สารพัดเรื่องราวที่พวกขี้อิจฉาสามารถจะสรรหามาแกล้งเธอได้ ไม่มีให้เห็นอีก บรรดากลุ่มสาวแสบกลับมายกมือไหว้สวัสดีด้วยท่าทางนอบน้อมถ่อมตนเสียแทน เดินผ่านยังก้มหัวให้ เกรงอกเกรงใจยังกับเจอหน้าครูใหญ่
ใบหม่อนไม่ถูกใครรังแกจนเข้ามหา’ลัย เธอยังคงคบหากับตะวันในฐานะเพื่อน ที่ชอบทำตัวเป็นไม้กันหมา ไม่ยอมให้เธอมีแฟนเลยสักคน จนเข้ามหา’ลัยปีสุดท้ายเธอดันมามีอีตาพี่แม็ก ซึ่งรู้จักผ่านกลุ่มเพื่อนอีกที
หนุ่มหล่อตี๋ สูงยาวเข่าดี เข้าหน้าตะวันไม่ติด ทว่ายังอุตส่าห์มาร่วมแสดงความยินดี ถึงไม่ได้เข้าใกล้แฟนสาว ได้แค่ยืนคุยกันห่าง ๆ
ห่างหนึ่งเมตร! ยังกับว่าเธอเป็นตัวแพร่เชื้อโรค ไม่อยากจะเฉียดเข้าไปใกล้
“ล่ำลากันเสร็จหรือยังล่ะ” ในน้ำเสียงและท่าทางเอาเรื่องเอาราว สองหนุ่มสาวจำต้องโบกมือลากัน ความรู้สึกดี ๆ ที่หลงเหลืออยู่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
ใบหม่อนจับชายกระโปรงยาวประพื้นยกขึ้น เจ้าบ่าวในสูทหล่อเหลายังเข้ามาช่วยคว้าเดรสแต่งงานตัวสวย เพื่อที่จะให้เธอก้าวขาสะดวกขึ้น มองไปทางคนข้างกาย แสนเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษ ขนาดรองเท้าสีขาวยังเป็นรองเท้าส้นเตี้ยตามใจคุณพ่อที่ห่วงลูกในท้องเหลือเกิน
“ทำไมอีกอะ หน้าตาไม่รับแขกนี่ยังไงอีก”
“เลิกงานละ ถึงเวลาไปเรือนหอ ไปเร็ว...”
ตะวันยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อหมดก้างขวางคอ มารหัวใจนัมเบอร์วัน! แววตาริษยาอาฆาตแค้นยามจ้องมองชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นอดีตอย่างประกาศความไม่พอใจ ชัดแจ้ง ชัดเจน ใบหม่อนเพิ่งสังเกตเห็นจริงจังก็วันนี้
เธอไม่เคยเอะใจมาก่อนเลยมากกว่า ตั้งแต่เป็นเพื่อนสนิทกับตะวัน เธอไม่คิดว่าตะวันจะคิดไม่ซื่อกับเธอมาตั้งนานแล้ว ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง
แขกเหรื่อมาร่วมงานแต่งช่วงหัวค่ำทยอยกลับกันหมดแล้ว ไม่ได้มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ตามใจคุณพ่อ ตะวันบอกกับเพื่อน ๆ ว่าเมียท้องดื่มเหล้าไม่ได้ แล้วต้องมาเห็นคนอื่นดื่มเหล้าอร่อย สนุกสนานเฮฮา เขาไม่อยากให้เมียต้องมามองตาละห้อย เอาไว้เป็นโอกาสหน้าค่อยนัดรวมกลุ่มดีกว่า
เมื่อไรก็ได้...
เมื่อไรก็เมื่อนั้น...
นิสัยเอาแต่ใจตัวเองของตะวัน ใบหม่อนรู้สึกคุ้นชิน เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ กระทั่งเขาเดินนำทางเธอพร้อมยกชายกระโปรงเกะกะให้พาขึ้นรถยนต์ห้าประตู มาถึงเรือนหอเป็นบ้านสองชั้นปลูกใหม่ในหมู่บ้านจัดสรรริมชานเมือง
ดวงตาคู่คมวูบไหวปรากฏอารมณ์มากมายหลายอย่าง เมื่อแสงสีนวลอ่อนสะท้อน ชายหนุ่มก้มหน้าลงหาเธอ เลื่อนมือผ่านแผ่นหลังไปไว ๆ ปลดตะขอด้านหลังให้ ด้วยกลัวว่าคุณแม่จะอึดอัดกับเดรสเกาะอกรุ่มร่าม
ตุบ...
เดรสเจ้าสาวหล่นลงไปกองบนพื้นกระเบื้องสีน้ำตาลแล้ว เรือนร่างสมส่วนเหลือแค่ชั้นในเป็นเกาะอกเอวลอยเต่อ เผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียน หน้าท้องแบนราบใต้สะดือสวย เธอยังสวมกางเกงขาสั้นเข้ารูป ใบหม่อนถึงรู้สึกตัวตกใจ
“เอ๊ย... ถอดเองได้”
“พูดมากน่ะ หิวหรือเปล่า?” ถามแทรกคนที่กำลังจะอ้าปากปราม และเขาคงไม่ต้องรอคำตอบ เมื่อได้ยินเสียงท้องร้องดังโครกคราก คุณแม่ยกมือขึ้นกุมหน้าท้อง
“เดี๋ยวไปทำอะไรให้กิน รอนี่อะ”
ใบหม่อนพยักหน้าหงึกหงัก ได้แต่มองตามสามีเดินหายเข้าห้องครัวไป ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากำมะหยี่สีดำตัวใหม่ในสีหน้าเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย สับสนวุ่นวายใจ
เธอไม่คิดว่าตัวเองควรแต่งงานกับตะวัน ไม่คิดว่าผู้ชายห่าม ๆ โหด ๆ พูดจาไม่เข้าหู จะสามารถอ่อนโยนเป็น ดูแลเมียท้องได้ ไม่คิดว่าเขาจะซื้อบ้านเดี่ยวราคาหลักสามล้าน ตกแต่งได้อย่างสวยงามลงตัว สวนหย่อมเล็ก ๆ มีม้านั่งหินและน้ำพุซึ่งเธอเดินผ่านเข้าบ้านมา ให้ความรู้สึกร่มรื่น น่าพักอาศัย
เธอได้ยินมาจากคุณพ่อคุณแม่ว่าพวกเขาออกแค่ค่าดาวน์บ้านส่วนหนึ่ง ลูกชายขอผ่อนกับธนาคารเอง คุณพ่อเป็นผู้รับไม่ไหวเรื่องดอกเบี้ย สุดท้ายก็ออกไปก่อน แล้วให้ลูกชายมาผ่อนกับคุณพ่อทีหลัง
นั่งมองบ้านสวย ๆ ทอดความคิดเรื่องสามีได้ไม่นาน ดวงตาคู่สวยเหลือบไปเห็นกรอบรูปใกล้กันกับโคมไฟ ร่างบางในชุดน้อยชิ้นลุกขึ้นไปชะโงกคอดู
“อุ๊ย... ตั๋วหนังตั้งนานแล้วนี่”
มือเรียวยกขึ้นป้องปากตกใจ นึกถึงเรื่องที่ได้ยินจากเจ้าตัวก่อนหน้านี้ว่าแอบชอบเธอมานาน
ใครจะไปคิดว่าพ่อคุณเอาตั๋วหนังเก่า ๆ มาใส่กรอบเต็มไปหมด ดูหนังด้วยกันมากี่สิบ ๆ เรื่อง บางเรื่องก็ไม่ได้ไปดูกันสองคน ไปกันทั้งแก๊งตั้งเจ็ดคน
“ไอ้ตะวัน ที่แท้มึงมันเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ” ปากพึมพำว่า แต่ให้โกรธ คงโกรธไม่ลง...
ใบหม่อนผ่อนลมหายใจมองภาพความทรงจำเหล่านั้นด้วยสีหน้านิ่งเฉย จนได้กลิ่นหอมฉุยของอาหารลอยมา พ่อบ้านจำเป็นวางถ้วยชามใบเล็กลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา หยิบรีโมตขึ้นมาเปิดโทรทัศน์จอแบนให้ภรรยา
“ข้าวสวยกับปลาทูนึ่งมะนาวครับ คุณแม่หม่อน กินเยอะ ๆ นะ อย่าปล่อยให้ลูกหิว”
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ