แต่ที่ต้องซื้อของยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง เป็นเพราะว่ารู้จักแม่สามีของกู้หลานเป็นอย่างดีหากไปมือเปล่า ไม่แน่ว่าลับหลังจะทำให้พี่สาวลำบากใจแน่ๆ!กู้อิ๋นเห็นว่าใกล้ถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว จึงยืนกรานเอ่ยว่า “ไม่ซื้อเยอะหรอก รีบบอกฉันมาสิ ไม่งั้นฉันซื้อเล็กไปก็น่าเสียดายแย่”“อิ๋นอิ๋น!”“เร็วสิ” กู้อิ๋นเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นกู้หลานไม่รู้จะทำยังไงกับเธอ จึงบอกขนาดเสื้อผ้าของลูกกับเธอไปจากนั้นก็ตัดสายไปเหยียนฉู่มองกู้อิ๋นทีหนึ่ง “พี่สาวของเธอก็อยู่เมืองก่างเหมือนกัน แต่พวกเธอหนึ่งเดือนถึงจะเจอกันทีงั้นสินะ”กู้อิ๋น “เธอแต่งงานแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนเธอ”จากตัวกู้หลาน กู้อิ๋นได้รับประสบการณ์อย่างสุดซึ้ง หลังผู้หญิงแต่งงานไปก็จะไม่ใช่เรื่องระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายแล้วคนที่มาพัวพันกับเรื่องนี้เยอะเกินไปจริง ๆ!นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมวันนี้ตอนที่ลั่วเหยียนบอกว่าเธอต้องแต่งงานกับประธานเผย เธอจึงปฏิเสธไปโดยอัตโนมัติเนื่องจากตอนนี้แม้ประธานเผยจะใจดำอำมหิต ทว่าเธอก็เพียงเผชิญหน้ากับประธานเผยเจ้านายเพียงแค่คนเดียวแต่หากต้องเข้าไปอยู่ในแวดวงที่แตกต่างจากตัวเองโดยสิ้นเชิง เธอเกรงว่าตัวเองจะรับมือไม่ไหวเมื่อเห
มองเวลาในโทรศัพท์ก็ดึกแล้วกู้อิ๋นจึงไปเอาสำเนาทะเบียนบ้านที่กู้หลาน และถือโอกาสบอกลาไปด้วย กู้หลานกำลังจัดการที่นอนให้เธออยู่เมื่อได้ยินว่าเธอจะไป ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหดหู่ “ทำไมจะไปแล้วล่ะ? นอนที่นี่สักคืนสิ”กู้อิ๋นส่ายหน้า “ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้ต้องทำงาน!”“แล้วเธอจะเอาสำเนาทะเบียนบ้านไปทำอะไรเหรอ?” ก่อนหน้านี้กู้หลานไม่รู้ว่าเธอมาเพื่อเอาสำเนาทะเบียนบ้านถึงยังไงสำเนาทะเบียนบ้านก็เป็นของที่ใช้น้อยครั้งกู้อิ๋น “ปลายปีทีมบิวดิ้งบริษัทจะไปออกทริปต่างประเทศ ฉันจะเอาไปทำพาสปอร์ตน่ะ”ไม่อยากให้พี่สาวเป็นกังวล เธอจึงต้องโกหกไปถึงยังไงนี่ก็เป็นการแต่งงานตามข้อตกลง ไม่มีอนาคต ต่อไปก็จะหย่ากันอยู่แล้วกู้หลานพยักหน้า จากนั้นก็ไปควานหาสำเนาทะเบียนบ้านออกมาให้เธอ กู้อิ๋นรับมา “ฉันค่อยเอามาตอนมาครั้งหน้านะ!”กู้หลาน “ไม่รีบ!”กู้อิ๋นพลิกดู ข้างในมีเพียงเธอกับพี่สาวสองคน หน้าชื่อของคุณย่าถูกประทับคำว่า ‘เสียชีวิต’ ทับแล้วมองกู้หลานที่รูปร่างดูอ้วนขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นว่า “พี่จะไม่ย้ายสำมะโนครัวเหรอ?”เมื่อสิ้นเสียง สีหน้าของกู้หลานก็แข็งทื่อ!กู้อิ๋นเข้าใจความหมายอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยพ
กู้อิ๋นลงจากรถตามเผยเซียวอย่างเชื่องช้าระหว่างทางก็ส่งข้อความขอความช่วยเหลือหาเหยียนฉู่ เมื่อเหยียนฉู่ได้รับข้อความก็รู้สึกช็อกเช่นกัน!ไม่คิดว่าราชามัจจุราชที่น่ากลัว จะมีวันที่พาสาวกลับมาบ้านด้วย แถมยังไปคอนโดซ่างเหอหย่วนที่เขาไปบ่อยๆอีกต่างหาก!แล้วที่น่าช็อกยิ่งกว่านั้นคือ คนที่พามายังเป็นกู้อิ๋นอีก......!แบบนี้ถ้าเกิดผู้หญิงในเมืองก่างที่ขี้มโนถึงเผยเซียวพวกนั้นรู้เรื่องเข้า กู้อิ๋นจะโดนถลกหนังทั้งเป็นไหมเนี่ย?เหยียนฉู่ตอบกู้อิ๋นด้วยอิโมติคอน “โชคดีมีชัย ดูแลตัวเองด้วย”อันที่จริงในเมื่อเผยเซียวได้ขอเธอแต่งงานในวันนี้ไปแล้ว ตอนนี้ก็สมควรแก่เวลาที่จะร่วมห้องหอกันแล้วแต่ที่ยังไม่สมควรแก่เวลาก็คือ คนที่ยื่นเงื่อนไขนี้ คือ เผยเซียว!อีกฝั่งดันเป็นผู้หญิงที่โผเข้าหาเขา แต่คราวนี้สุดท้ายดันเป็นเขาที่จับกู้อิ๋นกลับมาบ้าน!เมื่อกู้อิ๋นเห็นข้อความที่เหยียนฉู่ตอบกลับ ก็ด่าเธอในใจยกใหญ่ว่า “คนจะตายอยู่แล้วกลับไม่ช่วย!”อันที่จริงเธอเองก็รู้ ว่าเหยียนฉู่ไม่กล้า!กู้อิ๋นเดินตามเผยเซียวขึ้นชั้นบนอย่างใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ก่อนที่จะเข้าประตูกู้อิ๋นยังคงพยายามต่อรอง “ให้ฉันไปอยู่หอพักน่า
บรรยากาศในช่วงเวลานี้ราวกับอุโมงค์น้ำแข็ง!เผยเซียวไขว้ขา ปิดหนังสือในมือแล้วมองเธออย่างมีเลศนัย ประกายระยิบระยับในดวงตาล้ำลึกมากขึ้นกู้อิ๋นก้มศีรษะ ไม่กล้าที่จะหายใจแรงอีก......แย่แล้ว คราวนี้เธอยั่วโมโหเขาแล้วใช่ไหม? เผยเซียวโกรธเพียงน้อยนิด ไห่เฉิงทั้งเมืองก็จะต้องสั่นสะเทือนเป็นเวลานาน ในตอนที่กู้อิ๋นรู้สึกว่าตนเองใกล้จะอกแตกตาย ในที่สุดเผยเซียวก็เอ่ยอย่างเยือกเย็น “คุณกำลังขู่ผม?”“ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ!”กู้อิ๋นพูดอย่างร้อนตัวเธอจะกล้าขู่บอสเผยได้ไงเล่า เธอแค่ไม่อยากเสียตัวอีกครั้งเผยเซียวมองท่าทางขี้กลัวอย่างกับหนูของเธอ องศาของมุมปากโค้งขึ้นมีความหมายแฝง“เหอะ ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ!”นี่ดูน่าสนใจซะแล้ว! หลอกให้ตายใจแล้วค่อยจัดการงั้นเหรอ? คนขี้กลัวอย่างเธอยังเล่นมุกนี้ไม่เป็นจริง ๆส่วนถุงยางอนามัยนี้ เห็นเธอทำท่าทางกลัวแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้เป็นคนเอาไปวาง!ดูเหมือนว่าคนรอบตัวเขา ต้องจัดการให้สิ้นซากซะแล้ว!แต่ทว่าเขาก็ยังประเมินผู้ช่วยสาวของตนเองต่ำไป นึกไม่ถึงว่ายังกล้าที่จะเจรจาเงื่อนไขกับเขาอีก!กู้อิ๋นที่ตื่นเต้นจนฝ่ามือชุ่มเหงื่อ ก็ไม่กล้าที่พูดไร้สาระอีก
ในคืนนี้ เหยียนฉู่รั้งกู้อิ๋นให้คุยด้วยหลายเรื่องเธอและเผยเซียวอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน คนที่กังวลมากที่สุดก็คือเหยียนฉู่จนกระทั่งในตอนที่กู้อิ๋นกุมมันไว้ต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ เหยียนฉู่ถึงได้หยุดและคอยดึงสติสั่งสอนตลอดทั้งคืนกู้อิ๋นนอนหลับด้วยจิตใจที่ไม่สงบเอามาก ๆ ในสภาพแวดล้อมที่แปลกไป บวกกับสมองตึงเครียดเกินไป เธอจึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลายครั้งหกโมงเช้าก็ยังไม่สามารถนอนหลับได้ บวกกับความหิวขั้นรุนแรงก็เลยต้องลุกขึ้นมาก้าวเท้าไปที่ห้องครัวอย่างเงียบ ๆ อุ่นอาหารที่พี่สาวห่อไว้ให้เธออีกสักรอบ เดิมทีเธอคิดจะต้มน้ำ แต่ในคอนโดนอกจากขนมปัง ไข่ นม อื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรเลยในตอนที่เผยเซียวตื่น ก็เห็นกู้อิ๋นกำลังทานอะไรอยู่ที่ห้องอาหาร คิ้วก็บิดลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อกู้อิ๋นเห็นเผยเซียว ก็ทิ้งช้อนลงในชามอย่างตื่นเต้น ยันตัวขึ้นอย่างตื่นเต้น “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ประธานเผย”เผยเซียวเดินเข้าไปดูอาหารในชามของเธอ เนื้อหมดเลย!ขมวดคิ้ว “ตอนเช้ากินของเลี่ยน ๆ ขนาดนี้เลย?”“พี่สาวฉันห่อมาให้ค่ะ ไม่กินก็น่าเสียดาย” กู้อิ๋นเอ่ยด้วยความนอบน้อมน่าจะเป็นเพราะว่าเธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้นตั้งแต่เด
เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่สักเท่าไรพอนึกถึงสีหน้าท่าทางของเฉินลี่หัวแล้ว เธอก็รู้สึกว่าผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายไม่ค่อยน่าเข้าหาเลยสักนิดแต่ก็รู้ ว่าการแต่งงานตามข้อตกลงของเผยเซียวและเธอ แน่นอนว่าทำเพื่อให้ผู้ใหญ่เห็นโดยปกติทายาทของตระกูลใหญ่มักไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งงานมากเท่าไร แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อผู้ใหญ่เร่งรัดให้แต่งงานทำให้เริ่มหวาดระแวงโลกใบนี้คิดไม่ถึงว่า เผยเซียวที่ปกติจะดูเย็นชาและน่าเกรงขามในบริษัท จะมีผู้ใหญ่ประเภทนี้ด้วยเผยเซียว “คุณจะเข้าใจแบบนี้ก็ย่อมได้”เข้าใจแบบนี้หมายความว่ายังไง เป็นความจริงงั้นเหรอ?กู้อิ๋นไม่รับบทสนทนาต่อ กินอาหารเช้าอย่างตั้งใจ แปลกมากที่เธอเป็นคนกลัวสิ่งสกปรกอยู่หน่อย ๆตอนเป็นเด็ก มีบางครั้งที่แม่จะเอาอาหารที่น้องชายอย่างสวีจิ้งอวี๋ทานไม่หมดให้เธอ มันทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงของที่ปนน้ำลายแต่ถ้าเป็นของที่เผยเซียวกินแล้ว นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่รังเกียจอาจเพราะไข่ดาวที่สุกด้านเดียวและขนมปังปิ้งที่เผยเซียวเป็นคนทำมีกลิ่นหอมมากล่ะมั้ง?“คุณทำอะไรเป็นบ้าง?” เผยเซียวถามกู้อิ๋นในตอนที่กำลังจะทานเสร็จ เมื่อกี้กู้อิ๋นเพิ่งบอกไปว่าเธอทำอาหารเป็น
น้ำเสียงประชดประชันนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การหายใจของกู้อิ๋นถี่ขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองทำให้เขาขุ่นเคืองตรงไหนเผยเซียวไม่พูดอะไรต่อ หลังจากผ่านสัญญาณไฟจราจรไปแล้ว ก็จอดรถตรงริมถนนกู้อิ๋นรีบเผ่นลงจากรถ โดยไม่สนว่าเขาจะพูดอะไรเผยเซียวมองดูแผ่นหลังที่ว่องไวราวกับกระต่ายของเธอ สีหน้าขรึมลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้เขาคือหมาป่าที่น่ากลัวเหรอ? เธอถึงได้กลัวขนาดนี้เลย?เมื่อกู้อิ๋นกลับมาที่บริษัท วินาทีแรกก็พุ่งตัวไปที่ห้องทำงานของลั่วเหยียนทันที บอกว่าเผยเซียวให้เธอมาเซ็นข้อตกลงกับเขาลั่วเหยียนมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ข้อตกลงนี้ เกรงว่าจะไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้”“หา? หมายความว่าไงคะ?”กู้อิ๋นไม่เข้าใจ ไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้หมายความว่าไง? ข้อตกลงต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรถึงจะมีผลไม่ใช่เหรอ?ถ้าไม่มีลายเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษร หากเกิดข้อพิพาทอะไรขึ้นมา มันก็ไม่มีใครให้ความชัดเจนได้นะ! ลั่วเหยียนดันกรอบแว่นสีดำบนสันจมูกขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เรื่องของข้อตกลงระหว่างคุณกับประธานเผยไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากข้อตกลงนี้รั่วไหลออกไป คุณคงยังไม่เข้าใจผล
มุมปากของกู้อิ๋นกระตุกอีกครั้ง เธอทำงานที่นี่มาตั้งนานขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้แต่เพื่อเงินชดเชยในการเลิกกันห้าร้อยล้านบาทนั่น เธอจะทำงานรับใช้เขาอย่างดีเลยกู้อิ๋นสูดลมหายใจและมองไปที่เผยเซียวอย่างตื่นเต้นนิดหน่อยเมื่อเผยเซียวเห็นท่าทางที่จะพูดอึก ๆ อัก ๆ ของเธอ ก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “มีธุระเหรอ?”“มีค่ะ คือว่า เมื่อกี้หัวหน้าลั่วไม่ได้ให้ฉันเซ็นข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร!”“ได้บอกเหตุผลชัดเจนไหม?”“อื้ม ฉันก็แค่อยากถามสักหน่อยว่า เงินค่าเลิกกันห้าร้อยล้านบาทที่เขาพูด ตกลงเป็นเรื่องจริงไหมคะ”ยิ่งพูดถึงช่วงท้ายมากเท่าไร เสียงของกู้อิ๋นก็เบาลงเท่านั้นเธอรู้ว่ามันค่อนข้างหยาบคายที่จะพูดเรื่องเงินต่อหน้าคนที่ไม่ได้ขาดเงินอย่างเผยเซียว แต่เธอก็เป็นคนหยาบคายไงถึงแม้ว่าลั่วเหยียนจะพูดอย่างชัดเจนมากแล้ว แต่อยู่ในเผยซื่อเขาก็เป็นเพียงผู้ช่วยหัวหน้าคนที่พูดจริงทำจริงจริง ๆ คือเผยเซียวสุดท้ายแล้วจำนวนมากมายขนาดนั้น กู้อิ๋นคิดว่าตนเองต้องถามให้ชัดเจนไปเลยถึงจะถูกเผยเซียวกระตุกคิ้ว “น้อยเกินไป?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่อยากจะยืนยันความจริง!”จะน้อยไปได้ยังไงเล่า นั่นมันเยอะมาก