เฉินซิงหลีก็คิดดั่งที่หลีเวยเยว่คิดในใจนั้นเช่นกัน สีหน้าของเธอนั้นถึงกับซีดเผือกเล็กน้อย!เฉินซิงหลีพยักหน้าด้วยความอึ้ง “พี่พูดถูกค่ะ สามารถอธิบายได้แค่ว่าอาจเป็นเพราะตัวกู้อิ๋นเองที่สำคัญมากสำหรับพี่รอง!”แต่ความสำคัญแบบนี้ ถึงขนาดที่ว่าอยู่เหนือตำแหน่งหลีเวยเยว่ที่ที่อยู่ในใจของเผยเซียวคิดถึงจุดจุดนี้ เฉินซิงหลีก็ฉายแววตาอันชั่วร้ายออกมาหากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ อย่างนั้นเธอ....ก็ยิ่งอดทนต่อกู้อิ๋นไม่ไหวแล้วแววตาของหลีเวยเยว่ก็ฉายรังสีอำมหิตเช่นกัน!เป็นไปได้อย่างไรกัน? จะมีใครกัน?ที่สำคัญมากกว่าตัวเองที่อยู่ในใจของเผยเซียว?ฉันคือหลีเวยเยว่ ไม่มีทางยอมโดยเด็ดขาด! “พี่คะ เรื่องแบบนี้พี่รองคงไม่ได้เลือกมั่วๆเพื่ออยู่กับกู้อิ๋นไปตลอดชีวิตหรอกนะ?แล้วอย่างนี้พี่จะทำอย่างไรดีคะ?”พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ตกลงมันเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่กู้อิ๋นเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับเผยเซียวแต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้ของหลีเวยเยว่ ก็เพราะเผยเซียวโดยเฉพาะ......เธอไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาหรือด้วยเหตุผลอื่นใดมาเกาะแกะเผยเซียวหรอกพยักหน้า “ฉันเข้าใจ!”หลีเวยเยว่ก็รู้ๆอยู่และทันใดนั้นคิดขึ้นได้เกี่ยวกับเรื่อ
เผยเซียวได้ยินสิ่งที่กู้อิ๋นพูดถึงลู่ซือเหยี่ยนเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ นัยน์ตาเปล่งประกายบ่งบอกถึงความประหลาดใจยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่กู้อิ๋นพูดว่าเผยเซียวเป็นสามีของเธอนั้น นัยน์ตาก็ยิ่งแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชัดเจน......“คุณยังดูคนเป็นด้วยรึ?” เผยเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันตระกูลเผยทุกคน มีใครบ้างล่ะที่ไม่รู้ว่ากู้อิ๋นเป็นเด็กโง่คนหนึ่ง?ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็ไม่ทำให้คนอื่นไว้วางใจได้เลย!ตอนนี้นึกไม่ถึงว่ากู้อิ๋นยังสามารถดูออกว่าลู่ซือเหยี่ยนไว้ใจไม่ได้.......!และหากเธอสามารถมีสิ่งนี้ เผยเซียวก็รู้สึกดีใจที่บังเอิญโชคดี และก็ยิ่งดีใจที่เธอไม่โกหกตัวเองลู่ซือเหยี่ยนในตอนนี้ต้องการดึงตัวเธอมาทำงานด้วย แน่นอนว่าอยากจะแก้แค้นเผยเซียว และทำให้เขาทนไม่ได้ส่วนที่เรื่องกู้อิ๋นนั้น ลู่ซือเหยี่ยนไม่เลี้ยงคนไม่เอาไหนหรอก ไม่แน่ว่าเงินเดือนเดือนแรกห้าแสนบาทไม่ถึงมือ แล้วยังถูกไล่ออกอีก“ประธานลู่ เขาไม่ใช่คนดีอะไรหรอกค่ะ!” กู้อิ๋นพูดเมื่อวานกู้อิ๋นก็เคยพูดไปแล้วประโยคนี้ แต่ตอนนั้นเผยเซียวกลับวิจารณ์เธอ ว่าไม่ควรมองที่คุณสมบัติของลู่ซือเหยี่ยนตอนนี้กู้อิ๋นยังยืนยันคำพูดเดิมนี้ แต่ท
เมื่อหลีเวยเยว่เดินเข้ามาในห้อง เฉินซิงหลีก็ตามเธอเข้ามาทีหลังเธอไม่เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว ที่ตั้งใจเดินชนกระแทกกู้อิ๋นให้ออกห่าง ครั้งนี้กลับทำตัวสุภาพอยู่ไม่น้อยกู้อิ๋นปิดประตูแล้วเดินเข้าไปพร้อมกัน“อาเซียว!”หลีเวยเยว่เดินเข้าหาตัวเผยเซียว เรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้งออดอ้อนกู้อิ๋นมองไปที่เฉินซิงหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วใช้ถ้อยคำสุภาพถามเธอ “คุณเฉินจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?”เฉินซิงหลีส่ายหน้า แล้วตอบกลับ “ไม่ต้องแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สุภาพเกรงใจทำให้กู้อิ๋นพึงพอใจการเปลี่ยนแปลงตัวเองเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เฉินซื่อถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ร้อนรน!ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้กู้อิ๋นยิ่งรู้สึกยิ่งกลัวไปกันใหญ่กับกลวิธีจัดการของเผยเซียว.......เขาคนนี้หากเกิดบันดาลโทสะขึ้นมา ก็ไม่มีใครที่สามารถรับมือไหวได้หรอก“อาเซียวคะ เรื่องนี้ลุงของฉันก็ร้อนใจอยู่แล้ว คุณบอกมาสิจะจัดการอย่างไร จึงไม่ให้กระทบกับเฉินซื่อ”“พี่รองคะ ฉันขอร้องล่ะค่ะอย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ!” เฉินซิงหลีพูดต่อจากหลีเวยเยว่ในน้ำเสียงนั้นก็ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีท่าทีทะนงตัวอย่างนั้นแล้วซึ่งก่
เผยเซียวถูกทำให้โกรธในที่สุด แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาพูดสองพยางค์อย่างเย็นชาว่า “ออกไป!”“พี่รอง!”“เผยเซียว คุณทำกับฉันขนาดนี้ได้อย่างไรคะ?” หลีเวยเยว่ก็ทรุดลงในที่สุดเมื่อวานที่พวกเธอกระทำการล่วงเกินต่อกู้อิ๋น ในเมื่อตอนนี้เธอขอโทษสิ่งที่กระทำนี้ไปหมดแล้ว เขาจะเอาอะไรอีก?เผยเซียว “ออกไป!อย่าให้พูดเป็นครั้งที่สองนะ!หรือพวกคุณจะให้เฉินซื่อล้มละลายในวันนี้เลยมั้ย?”ในน้ำเสียงของเผยเซียวได้เตือนภัยจนถึงขั้นไม่มีหนทางใดให้ต่อรองอีกเฉินซิงหลีและหลีเวยเยว่ได้ยินก็ยิ่งกลัว เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวจะบานปลายจนถึงจุดจุดนี้อย่างคาดไม่ถึงทั้งสองมองตากัน ถึงแม้อยากจะพูดอะไรออกไปแต่ว่าตอนนี้แม้แต่พยางค์เดียวก็พูดไม่ออกท่าทางของเผยเซียวเย็นชามากเกินไป!เยือกเย็นจนไม่มีแม้แต่ความรู้สึกใดๆและพวกเธอเองก็เข้าใจดี ถ้าหากก่อกวนใจเผยเซียวต่อไป เขาก็พูดจริงทำจริงอย่างแน่นอน“ซิงหลี......ไปกันเถอะ” หลีเวยเยว่ใช้สายตาให้สัญญาณเฉินซิงหลีแต่ว่าตอนนี้เฉินซิงหลียังไงก็ไม่อยากไปอยู่แล้วเธอทุกข์ใจจึงมองไปที่เผยเซียว!ไม่น่าเชื่อเลยว่าเผยเซียวจะทำกับพวกเธออย่างไร้ความปราณีได้ถึงขนาดนี้ “พ
กู้อิ๋นเป็นผู้ช่วยของท่านประธานที่บริษัทเผยซื่อกรุ๊ปมาสองปีแล้ว ในสายตาของทุกคน ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่สุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวัง ปฏิบัติหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีแต่ทว่าเมื่อคืนก่อน เธอ........!มือน้อย ๆ ของกู้อิ๋นค่อยๆเปิดชายผ้าห่มขึ้นอย่างเกร็งๆ เห็นตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ด้านใน สีหน้าก็พลันซีดเผือดขึ้นมาภาพความทรงจำที่ดึงเนคไทของชายหนุ่มและบังคับให้เขาขึ้นเตียงก็ลอยขึ้นมาในหัว เธอที่ในสมองกำลังปิ๊งขึ้นมานั้นก็สั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว! เธอที่ค่อยๆหันหน้าไปก็เห็นชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทอยู่“ฮึบ!!” กู้อิ๋นตกใจจนร้องเฮือกออกมาเลย จากนั้นก็ ‘ฟึ่บ!’ ดึงผ้าห่มมาปิดหน้าไว้แน่นเมื่อคืนเรื่องพวกนั้นไม่ใช่ความฝัน ไม่นึกเลยว่าเธอจะจับบอสของตัวเอง มา...ขึ้นเตียงแล้ว! เผยเซียว ประธานกรรมการและประธานบริหารของตงฟางอินเตอร์เนชั่นแนล และก็เป็นเจ้านายของเธอ เธอทำอะไรลงไปเนี่ย...!?กู้อิ๋นที่ตกตะลึงไปไม่น้อย ไม่ได้สนใจว่าตัวเองนั้นสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เธอกระโดดลงจากเตียงแล้วสวมใส่เสื้อผ้าอย่างลุกลี้ลุกลนรีบหนีไปจากที่เกิดเหตุก่อนที่เผยเซียวจะตื่นกลับไปยังห้องของตัวเองพร้อมทั้งขาสองข้างที่กำลั
กู้อิ๋นไม่รู้ว่าออกมาจากห้องพักได้ยังไง เธอกลับไปในงานประชุมด้วยใบหน้าหมองคล้ำราวกับเถ้าถ่านเหยียนฉู่เห็นสภาพเธอ จึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “ทำไมสีหน้าถึงได้ดูไม่ได้ขนาดนี้เนี่ย? ไม่สบายเหรอ?”กู้อิ๋นมองเพื่อนสนิทที่คบกับตัวเองมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นตรงหน้า ตาก็พลันแดงก่ำขึ้นมาเหยียนฉู่เห็นเธอทำท่าจะร้องไห้ จึงรีบมองไปรอบ ๆเมื่อเห็นไม่มีคน ก็ลากเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วกระซิบถามเสียงเบาๆว่า “เธอเป็นอะไรไป? ประธานเผยด่าเธอเหรอ?”เมื่อมาถึงห้องน้ำเหยียนฉู่เพิ่งจะล็อกประตูไป กู้อิ๋นก็อ่อนปวกเปียกไปแล้วทั้งตัว นั่งเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือดเหยียนฉู่รีบเดินมาพยุงไหล่ของเธอเอาไว้แล้วถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น? แต่อย่าให้ประธานเผยเห็นเธอในสภาพนี้เชียว ไม่งั้นไม่เป็นผลดีกับเธอแน่!”ใครไม่รู้บ้างว่าท่านประธานแห่งเผยซื่อกรุ๊ปเป็นพวกเที่ยงธรรมไม่เกรงกลัวอำนาจทั้งสิ้นพนักงานหญิงจะสวยอีกสักแค่ไหนต่อหน้าเผยเซียวก็เป็นแค่ของประดับเท่านั้น ร้องไห้เวลาทำงาน ยิ่งเป็นการทำผิดข้อห้ามร้ายแรงของเขาเคยมีพนักงานหญิงร้องไห้ในออฟฟิศเพราะอกหัก เขาถึงกับไล่ออกทั้งแผนกเลยรักหยกถนอมบุปผาอะไรนั่น เขาไ
บรรยากาศเงียบลงจนน่ากลัววินาทีนี้ราวกับเข็มเล่มหนึ่งตกลงบนพื้นก็ยังได้ยินเสียงอย่างชัดเจน กู้อิ๋นยืนหลังเหยียดตรง ทว่าในใจราวกับมีฝนห่าใหญ่กำลังตกลงมาสายตาอันน่ากลัวของเผยเซียวจ้องมาที่ใบหน้าน้อย ๆ ที่กำลังบังคับตัวเองให้ทำสีหน้าตายด้าน จากนั้นเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกว่า “อะไรที่เรียกว่าน่าจะ?”กู้อิ๋น “...”แย่แล้ว เผยเซียวเกลียดคำตอบที่ไม่แน่นอนเป็นที่สุดเธอก้มหน้า พูดขึ้นอย่างกัดฟันแข็ง “เมื่อคืนหลังจากที่ฉันไปส่งคุณที่ห้อง ก็ไม่ได้มีใครเข้าไปในห้องอีกเลยค่ะ!”น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความมั่นใจอย่างคงมั่น ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิดบรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง กู้อิ๋นไม่รู้เลยว่าแต่ละวินาทีมันยาวนานขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรแต่เธอต้องอดทนเอาไว้ก่อนถ้าทำให้เผยเซียวจับได้ว่าเธอโกหก ไม่เพียงแต่อนาคตของเธอจะถูกทำลาย แต่ยังพลอยทำให้เหยียนฉู่ติดร่างแหไปด้วยและเธอได้ปักหลักอยู่ที่เมืองก่างแล้ว ถ้าถูกขับออกจากเมืองก่าง คงจะน่าเวทนาน่าดูไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว เหงื่อเปียกโชกไปทั้งแผ่นหลังของกู้อิ๋น ในที่สุดเผยเซียวก็เอ่ยปาก “รู้แล้ว!”กู้อิ๋นหลับตา ถอนหายใจฟู่ยาวๆไปทีหนึ่ง ในใจเธอคิดว่าเคร
เสียงถอนหายใจแว่วมาจากปลายสาย ราวกับแฝงไปด้วยความเย็นชาที่ปนกับความสงสัยเล็กน้อยกู้อิ๋นชะงักไป จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกทีเมื่อเห็นว่าเผยเซียวเป็นคนโทรมา เธอแทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปชนเสาไฟฟ้าให้ตายไปเลย!เธอจึงรีบเปลี่ยนเป็นการพูดอย่างเป็นทางการในทันที แล้วเอ่ยเรียกปลายสายด้วยความเคารพว่า “ท่านประธานเผย”“รีบมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้”ชายหนุ่มพ่นคำพูดออกมาด้วยความเย็นชา แล้วตัดสายไปกู้อิ๋นมองมือถือที่หน้าจอดับไป จากนั้นก็เบ้ปากด้วยความน้อยใจ วันหยุดน้อย ๆ ของเธอได้หายไปอีกแล้ว!เธอรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอพัก พร้อมทั้งซื้อบะหมี่ใต้ตึกห่อกลับมาให้เหยียนฉู่ถุงหนึ่งเหยียนฉู่เห็นเธอกลับมาเร็วขนาดนี้ จึงขมวดคิ้ว “วันนี้ที่ธนาคารไม่มีคิวเหรอ?”กู้อิ๋นวิ่งอย่างรีบร้อนเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ “ประธานเผยให้ฉันรีบไปบริษัท ฉันซื้อบะหมี่มาให้เธอถุงหนึ่ง”เธอวางบะหมี่เอาไว้บนโต๊ะน้ำชา จากนั้นก็รีบกลับห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดสูททำงานเผยเซียวเป็นคนจู้จี้จุกจิกมากๆ เขาไม่อนุญาตให้พนักงานของตนสวมชุดลำลองไปที่บริษัทขณะออกมา เหยียนฉู่ยังบ่น ‘บลา ๆ’ กับความไม่ยุติธรรมที่เพื่อนของเธอได้รับ“ป