ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักออกอย่างรุนแรง เจตนาสังหารอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวก็ถาโถมเข้ามาในทันที ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกถึงการกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรงกริชอันแหลมคมแทงเข้าหานางอย่างดุเดือด แสงเย็นอันเจิดจ้าก็ส่องประกายให้เห็นลายนกอินทรีบนหลังมือของเขาเขาเป็นนักฆ่าของสำนักเทียนอิง!ลั่วชิงยวนก้าวหลบทันที แต่อีกฝ่ายก็โต้ตอบกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน ใบมีดอันแหลมคมปัดผ่านแขนของนาง กลิ่นคาวเลือดแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วนางยืนตั้งหลักอย่างมั่นคง แต่นักฆ่ากลับพุ่งเข้ามาตรงหน้านางในทันที ด้วยความเร็วที่เกินกว่าจะกลั้นลมหายใจได้นางหลบเลี่ยงอย่างระมัดระวังและรวดเร็ว แต่ความแข็งแกร่งของนางยังคงห่างไกลจากนักฆ่าผู้นั้นเป็นอย่างมากใบมีดของกริชยังคงทิ้งคราบเลือดไว้บนร่างของนาง แต่กลิ่นคาวเลือดกลับกระตุ้นให้การโจมตีของนักฆ่าทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกกระตุ้นให้ดุร้ายขึ้นด้วยกลิ่นคาวเลือดท่าทางดุร้ายนั้นดูคล้ายจะกลืนกินลั่วชิงยวนได้ทั้งเป็นลั่วชิงยวนไม่เคยเห็นท่วงท่าที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน แค่เพียงมองแวบเดียวก็อาจทำให้ผู้คนสั่นสะท้านได้แต่นั่นมิใช่การจ้องมองเช่นมนุษย์เลย!
“ลิ่นฝูเสวี่ย! แท้จริงแล้วเจ้าอยากทำสิ่งใด? เจ้าพร้อมที่จะเสียสละตัวเองแล้วงั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนกำหมัดแน่นพลางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อนึกถึงสิ่งที่ลิ่นฝูเสวี่ยพูดกับนางก่อนหน้านี้ที่หอฝูเสวี่ย ลั่วชิงยวนก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา ปรากฏว่าในเวลานั้นลิ่นฝูเสวี่ยพร้อมที่จะเสียสละตัวเองแล้วลิ่นฝูเสวี่ยน่าจะรู้มานานแล้วว่า นักฆ่าผู้นี้คือ เจ้าแห่งนรกในห้องตำรา เสียงแผ่วเบาของลิ่นฝูเสวี่ยดังขึ้น "หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว หากท่านเข้ามาก็มีแต่ต้องตายเพียงเท่านั้น!"ลั่วชิงยวนเช็ดน้ำตาของนาง นางหยิบกระดาษยันต์ด้วยปลายนิ้วแล้วโยนเข้าไปที่หน้าต่างข้าง ๆ เปลวไฟทำให้น้ำแข็งละลายในทันทีหน้าต่างเปิดออกแล้ว!นางจึงกระโดดเข้าไปทันทีทว่า ภาพที่เกิดขึ้นในห้องในขณะนี้กลับทำให้นางตกใจเช่นกันนั่นมิใช่การต่อสู้ระหว่างคนอีกต่อไปนักฆ่านอนอยู่บนพื้นแล้ว และคนที่ต่อสู้กับลิ่นฝูเสวี่ยในอากาศคือเจ้าแห่งนรก!ในการต่อสู้ระหว่างเจ้าแห่งนรกกับลิ่นฝูเสวี่ย เห็นได้ชัดว่าลิ่นฝูเสวี่ยก็มิใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเช่นกันเมื่อเห็นว่าเจ้าแห่งนรกกำลังจะสังหารลิ่นฝูเสวี่ยด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจิตใจของลั
“ท่านจะเพิกเฉยต่อกฎหมายบ้านเมืองแล้วบุกเข้าไปในจวนขุนนางโดยไร้เหตุอันสมควรได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”พ่อบ้านกำลังนำผู้คนไปล้อมฟู่เฉินหวนที่บุกเข้ามายังในจวน“คนของข้าถูกควบคุมตัวอยู่ในจวนของนายเจ้า ข้ามาเพื่อพานางกลับไป” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนแข็งกร้าว“แต่ที่นี่คือตระกูลฝู! หากท่านอ๋องต้องการเข้ามาก็ควรมีเทียบเชิญ ท่านจะบุกเข้ามาได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ? นอกจากนี้จวนของใต้เท้าฝูก็ไม่ได้กักขังผู้ใดไว้ทั้งนั้น!” ท่าทางของพ่อบ้านเต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง“หากข้ายังคงต้องการจะเข้าไปข้างใน? แล้วจะเป็นเช่นไร?” ดวงตาของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา“หากท่านยังกล้าบุกรุกเข้ามาอีก อย่าได้โทษกระหม่อมที่ไร้ความปรานี!” พ่อบ้านตำหนิอย่างดุดันแล้วออกคำสั่ง “จัดการท่านอ๋องเสีย!”เซียวชูซึ่งได้ติดตามฟู่เฉินหวนมาก็รีบลงมือทันที เขาเข้าต่อสู้กับผู้คุมกันของตระกูลฝูหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดและยืดเยื้อ ทั้งฟู่เฉินหวนและเซียวชูก็สามารถบุกเข้าไปในจวนตระกูลฝูได้สำเร็จฟู่เฉินหวนและคนของเขาตรวจค้นเกือบทุกห้องในจวนถึงแม้จะใช้เวลาค้นหาอย่างยาวนาน ทว่ากลับไม่พบลั่วชิงยวน ฟู่เฉินหวนเริ่มกังวลใจมากขึ้นเรื่อย ๆหา
แสงเย็นของกริชส่องกระทบดวงตาของฟู่เฉินหวน คิ้วของเขากระตุกขึ้นในทันทีทันใดนั้น เขาก็คว้าลั่วชิงยวนเข้ามากอด ก่อนจะดึงนางซ่อนไว้ด้านหลัง จากนั้นจึงยกเท้าขึ้นและเตะกริชออกจากมือของนักฆ่าเซียวชูรีบเข้าไปในห้องตำราทันทีและเริ่มต่อสู้กับนักฆ่าฟู่เฉินหวนมองลงไปที่คนในอ้อมแขนของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลและเลือดทั่วทั้งร่าง สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง "เจ้ามาใกล้ชิดกับฝูจ้าวและตระกูลฝู เหตุใดจึงไม่บอกข้า?"“เจ้ามาที่นี่เพียงลำพัง อยากตายหรือไร?”ลั่วชิงยวนพยุงร่างของนางขึ้นยืนอย่างมั่นคง จิตใจนางเต็มไปด้วยภาพเหตุการณ์ก่อนที่ลิ่นฝูเสวี่ยจะหายไป นางเอ่ยขึ้นทั้งแววตาเศร้าโศก “ข้ามีเพียงแค่ตัวข้าเพียงเท่านั้น”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร?”ลั่วชิงยวนผงะเล็กน้อย “หม่อมฉันไว้ใจท่านได้เช่นนั้นหรือ?”ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อน “หากเจ้าไม่ไว้ใจข้า เหตุใดจึงให้ลั่วอวิ๋นสี่ส่งสารมาถึงข้า?”ลั่วชิงยวนถูกหยุดไว้ด้วยคำถามใช่ เมื่อพูดถึงเรื่องต่าง ๆ นางก็เอาแต่นึกถึงฟู่เฉินหวน ท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงฟู่เฉินหวนเท่านั้นที่สามารถนำคนมาที่จวนของเจ้ากรมกลา
เมื่อลั่วเยวี่ยอิงรู้เรื่องนี้ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนที่นางจะตบโต๊ะอย่างแรง “ว่ากระไรนะ?”หลังจากที่ลั่วเยวี่ยอิงตกใจ ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น“นาง! ต้องเป็นนาง!”“ทาสใบ้ เจ้าคอยจับตาดูประตูหลังตำหนักอ๋องไว้ให้ข้าด้วย!”“ข้าจะไปที่ตำหนักอ๋องเพื่อดูว่าลั่วชิงยวนและฝูเสวี่ยอยู่ที่นั่นหรือไม่! วันนี้ข้าจะเปิดเผยตัวตนของสตรีนางนี้!”ทาสใบ้พยักหน้าแล้วรีบออกไป…….ที่ตำหนักอ๋องฟู่เฉินหวนอุ้มลั่วชิงยวนกลับไปที่เรือนนอน และสั่งแม่บ้านเติ้งทันทีให้เชิญซ่งเชียนฉู่มารักษาอาการบาดเจ็บของลั่วชิงยวนฟู่เฉินหวนยืนอยู่ข้างเตียง มองดูบาดแผลของลั่วชิงยวน เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เหตุใดเจ้าไม่ขอให้หมอกู้ช่วยพันแผลของเจ้าก่อนเล่า?”ลั่วชิงยวนพยุงแขนของนางอย่างอ่อนแรง “ไม่จำเป็น หม่อมฉันพันผ้าพันแผลเองได้”หากหมอกู้มา เขาจะไม่รักษาอาการบาดเจ็บของนาง แต่จะปลิดชีพนางแทน“เมื่อท่านพาหม่อมฉันกลับมา ทุกคนก็เห็นหมดแล้ว ท่านต้องให้ใครสักคนจัดรถม้าไปยังหอฝูเสวี่ยมิเช่นนั้นจะมีคนสงสัยได้”“ข้ารู้” แม้ว่าฟู่เฉินหวนจะกังวลใจ แต่เขาก็มีสิ่งสำคัญที่ต้องทำในขณะนี้หากฝ
สีหน้าของบุรุษผู้นั้นดูทั้งประหลาดใจและสงสัย เขาตกใจมากจนพูดไม่ออกครู่หนึ่ง“ลูกเอ๋ย แม่ตามหาเจ้ามานานแล้ว ในที่สุดก็พบเจ้าเสียที” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นของนางได้บุรุษผู้นั้นขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “เหตุใดแม่ของข้ายังสาวถึงเพียงนี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก "ลูกเอ๋ย ดูตัวเจ้าเถิด นี่คือชีวิตหลังความตาย"“เจ้าถูกลักพาตัวโดยพวกค้ามนุษย์ตั้งแต่ยังเล็ก พ่อและแม่ตามหาเจ้ามาสามสิบปีแล้ว แต่เจ้ากลับจำพ่อแม่มิได้และฆ่าพวกเราโดยมิได้ตั้งใจ”“ข้ามิอาจบอกเจ้าได้ว่าเราทั้งคู่เป็นพ่อแม่ทางสายเลือดของเจ้าจนในที่สุดพวกเราก็ตายลง!”“พ่อของเจ้ากลับชาติมาเกิด ในขณะที่เจ้าและข้ากลายเป็นวิญญาณโดดเดี่ยว ตอนนี้ข้าพบร่างกายของข้าแล้ว และข้าก็พบเจ้าเช่นกัน ลูกชายของข้า!”บุรุษผู้นั้นตกใจกับคำพูดที่ประดิษฐ์ขึ้นของลั่วชิงยวนทันที“ท่าน… ท่านเป็นแม่ของข้าจริงหรือ?”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเร่งรีบว่า “หากไม่เช่นนั้น บัดนี้เจ้าอยู่ในมือของข้า และข้าสามารถทำให้เจ้าหายไปได้ทุกเมื่อ แต่ข้าไม่เลือกจะทำเพียงเพราะเจ้าเป็นบุตรชายของข้า!”ท่าทีของบุรุษผู้นั้นราวกับไม่เชื่ออย่างสุดใจ“แล
“ลั่วเยวี่ยอิง ผู้ใดให้สิทธิ์เจ้าบุกเข้ามาในห้องของข้า” ลั่วชิงยวนเดินไปหาลั่วเยวี่ยอิงด้วยน้ำเสียงอันเฉียบคมลั่วเยวี่ยอิงหัวเราะเบา ๆ “ข้าได้ยินมาว่าแม่นางฝูเสวี่ยเข้ามาในห้องนี้ ข้ามาพบแม่นางฝูเสวี่ย เช่นนั้นเกี่ยวอะไรกับท่าน?”“ยิ่งกว่านั้น ห้องนี้มีกลิ่นคาวเลือดชัดเจน แม่นางฝูเสวี่ยได้รับบาดเจ็บและท่านอ๋องก็นำตัวนางกลับมายังตำหนัก ทุกคนต่างรู้ดีว่าแม่นางฝูเสวี่ยอยู่ที่นี่! ลั่วชิงยวนข้าขอแนะนำท่านอย่าได้ทำอะไรกับแม่นางฝูเสวี่ยเด็ดขาด มิเช่นนั้นท่านอ๋องก็ไม่อาจไว้ชีวิตท่านได้!”หลังจากที่ลั่วเยวี่ยอิงพูดจบ นางก็มองไปรอบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ท่านซ่อนแม่นางฝูเสวี่ยไว้ที่ใด ข้าอยากเจอนางเดี๋ยวนี้!”ลั่วเยวี่ยอิงพูดขณะที่นางค้นหาไปทั่วห้อง นางเปิดตู้อาภรณ์และเอื้อมมือไปใต้เตียงเมื่อสักครู่อาภรณ์ที่เปื้อนเลือดของนางถูกยัดไว้ใต้เตียงชั่วคราวและยังไม่ได้ถูกจัดเก็บลั่วชิงยวนรีบจับตัวลั่วเยวี่ยอิงแล้วผลักนางออกไปทันที “ลั่วเยวี่ยอิง! เจ้ามาที่นี่เพื่อถามอะไรข้า? ตำหนักอ๋องเป็นที่ของเจ้าอย่างนั้นรึ?”“ท่านอ๋องพาฝูเสวี่ยกลับไปที่หอฝูเสวี่ยแล้ว หากเจ้าต้องการพบนาง เจ้าก็ควรไปที่หอ
หัวใจของลั่วชิงยวนสั่นระรัวเว่ยอวิ๋นเซี๋ยเป็นคนแรกที่รีบเร่งไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น "แค่ถอดอาภรณ์ของนางออกก็ดูได้แล้วนี่!"“หากนางเป็นฝูเสวี่ยจริง นางคงได้รับบาดเจ็บบนร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว!”จือเฉาปกป้องลั่วชิงยวนอย่างสุดกำลัง นางพยายามหยุดยั้งเว่ยอวิ๋นเซี๋ย “เจ้าบ้าไปแล้วรึ?! เจ้ากล้าเปลื้องอาภรณ์ของพระชายางั้นรึ?!”แต่จือเฉาเพียงคนเดียวไม่อาจหยุดพวกนางได้ในเวลานี้ ลั่วเยวี่ยอิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เว่ยอวิ๋นเซี๋ยพูดถูก หากลั่วชิงยวนคือฝูเสวี่ย เราก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป หากถอดอาภรณ์ของนางออกและเห็นบาดแผลเช่นนั้นก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าใช่นางหรือไม่”“พี่หญิง โปรดให้ความร่วมมือด้วย เราไม่ต้องการทำร้ายท่าน เพียงแต่ห่วงใยท่านเท่านั้น”ขณะที่นางพูดเช่นนั้น นางก็นำคนอื่น ๆ เข้ามาล้อมรอบตัวลั่วชิงยวนจือเฉาปกป้องลั่วชิงยวนและถอยห่างออกไปทีละก้าวลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว บาดแผลที่แขนของนางก็มีเลือดไหลซึมออกมา ลั่วเยวี่ยอิงและคนอื่น ๆ ได้เห็นแล้วแม้ว่านางจะซ่อนตัวไว้ แต่ลั่วเยวี่ยอิงและคนอื่นอาจพูดเรื่องไม่ดี หลังจากที่พวกนางออกไปข้างนอก พวกนางก็จะกระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
หวังเพียงว่าจะกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้บนเขาได้ เพราะหากเขาไปสิงอยู่ในร่างผู้อื่นแล้วหนีลงเขาไปได้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงแต่ในตอนนี้ นางไม่มีแรงพอที่จะไล่ตามแล้ว จึงไปหายาในคลังกับคนใบ้เมื่อไปถึง โฉวสือชีและอวี๋โหรวก็อยู่ที่นั่นอวี๋โหรวปรุงโอสถเสร็จแล้วโฉวสือชีกำลังค้นหาสมุนไพรอยู่ข้าง ๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โฉวสือชีถามด้วยความเป็นห่วงลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอะไร”โฉวสือชียื่นกล่องในมือออกมา แล้วพูดว่า “เจอโสมมังกรเพียงกิ่งเดียวเอง”ลั่วชิงยวนรับกล่องมา แล้วส่งให้คนใบ้ “รอจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ข้าจะจัดยาให้เจ้าชุดหนึ่ง แม้จะมิสามารถรักษาอาการของเจ้าให้หายขาดได้ แต่ก็พอจะยืดชีวิตได้”คนใบ้พยักหน้า รับโสมมังกรมาด้วยสีหน้าซับซ้อนภายใต้หน้ากากโฉวสือชีกล่าวเสียงหนักแน่น “คลังโอสถนี่ใหญ่โตเกินไป ข้าหาบัวถวายมิเจอจริง ๆ”“และเมื่อดูแล้วในนี้ก็มีร่องรอยการถูกรื้อค้น ต่งอวิ๋นซิ่วคงมิได้หลอกพวกเรา บัวถวายคงถูกใครบางคนชิงไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “บังเอิญเกินไปแล้ว บัวถวายถูกชิงไปตอนที่เรามาถึงพอดี”“แถมยังถูกกวาดไปจนเกลี้ยง”“สมุนไพรอื่นก็มิ
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ