ลั่วชิงยวนชะงักฝีเท้ามองไปตามเสียง เห็นสตรีแต่งตัวหรูหรากำลังสร้างเรื่องลำบากให้คนอื่นนางได้รับการต้อนรับจากสาวน้อยอายุประมาณสิบห้าหรือสิบหกปี พูดด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย“ฮูหยินเจ้าคะ ร้านของเรามีแค่นี้เท่านั้นเจ้าค่ะ ท่านลองทั้งหมดแล้ว หากยังมิพอใจ เหตุใดมิลองไปร้านอื่นดูเล่าเจ้าคะ”บนโต๊ะเต็มไปด้วยขวดและกระปุกมากมายลองหลายอย่างแล้วมิเอา เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา!“เจ้าหมายความเยี่ยงไร เจ้ากำลังดูถูกข้ารึ? เปิดร้านทำธุรกิจ มีใครต้อนรับลูกค้าเยี่ยงนี้บ้าง? นางเด็กโสโครก ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าเอง!”หญิงสาวยกมือขึ้นหมายจะตบสาวน้อยคนนั้นลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าทันที และคว้ามือของผู้หญิงคนนั้นไว้“ปากโสมมเยี่ยงนี้ มาร้านเครื่องสำอางหาปะไร ไปส้วมเถอะ!”อีกฝ่ายพยายามดิ้นรนอยู่พักหนึ่งแล้วก็หลุดออกไป ลั่วชิงยวนข้อมืออ่อนแรงและปล่อยมือออก“เจ้าเป็นใคร มายุ่งเรื่องคนอื่นด้วยเหตุใด?”“อยากโดนทุบรึ!”ฮูหยินคนนั้นหยาบคายมาก ผลักลั่วชิงยวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ลั่วชิงยวนเอียงตัวหลบ ทำให้ฮูหยินคนนั้นเดินเซไปสองสามก้าวแล้วยิ่งโกรธมากขึ้นนาวก้าวไปหมายจะสั่งสอนบ
“เขาเป็นคนมีน้ำใจดีมาก”จากน้ำเสียงของลั่วหลางหลาง เห็นได้ชัดว่านางชื่นชมฟ่านลิ่งเสวียนเป็นอย่างมาก“เถ้าแก่อวี๋นี่ใครกัน?” ลั่วชิงยวนสับสนลั่วหลางหลางตอบว่า “นางก็เป็นเจ้าของร้านแป้งชาดเหมือนกัน แต่ตั้งแต่ร้านของข้าเปิด ร้านแป้งชาดของนางก็ไม่มีลูกค้าเลย”“นางมักจะมาที่ร้านของเราเพื่อสร้างปัญหา หวังจะไล่ลูกค้าของข้าไป”“มิเป็นไร เจ้ามิต้องกังวลเรื่องข้าหรอก ข้าส่งคนไปตรวจสอบร้านแป้งชาดของนางแล้ว พวกเขาใช้วัสดุราคาถูกทั้งนั้น หากใช้มากเกินไป ใบหน้าจะเสียโฉม”“และครอบครัวของนางก็หลบเลี่ยงภาษีไปมิน้อยเลย”“ข้าได้สมุดบัญชีมาแล้ว”“ข้ามิกลัวว่านางจะมาสร้างปัญหา”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็หยุดชะงักเล็กน้อย ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจลั่วหลางหลางมองนางอย่างสงสัย “เจ้ายิ้มเพราะเหตุใดรึ?”“ข้ามีความสุขมาก หลางหลาง ตอนนี้เจ้าเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับตอนที่เจ้าอยู่ในจวนมหาราชครู เจ้าฉลาดมาก แค่กล้าหาญขึ้นอีกหน่อย เจ้าก็สามารถบรรลุสิ่งที่แตกต่างออกไปได้”ลั่วชิงยวนมีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วหลางหลางก็ยิ้มออกมา “สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็เป็นประสบการณ์อันล้ำค
“ซวนอี๋ถูกนำตัวไปที่หอนางโลมแล้ว!”“หลางหลาง ขอร้องช่วยนางด้วย!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจเล็กน้อย และอดมิได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นมันเกิดขึ้นจริงเร็วมากหลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วหลางหลางก็ตกใจและถามว่า “เหตุใดจึงถูกจับตัวไปหอนางโลม? ถูกจับไปหอนางโลมก็ไปแจ้งทางการเสียสิ มาหาข้าด้วยเหตุใด?”ฟ่านซานเหอรู้สึกหมดหนทางและพูดว่า “ซวนอี๋ นางเคยทำให้บางคนขุ่นเคืองและเป็นหนี้อยู่บ้าง หลังจากเหตุการณ์นั้น คนเหล่านั้นมาหาเราและบังคับให้เราจ่ายเงินคืน”“ซวนอี๋ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เราจะมีเงินได้อย่างไรกัน”“หลังจากขายทรัพย์สินทั้งหมดแล้วก็ยังมิพอใช้หนี้ พวกเขาจึงจับซวนอี๋ไปขาย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วหลางหลางก็ขมวดคิ้ว “เป็นหนี้เท่าไหร่?”ฟ่านซานเหอลังเลและพูดว่า “ยังขาดอีกเจ็ดหมื่นตำลึง”“เจ็ดหมื่นตำลึง เจ้าคาดหวังให้หลางหลางช่วยเจ้าจ่ายเงินก้อนโตขนาดนี้เชียวรึ?”ลั่วชิงยวนหัวเราะเย็นชา“นอกจากนี้เฉินซวนอี๋อาจมิได้ทำให้คนอื่นโกรธ แต่หลอกลวงคนอื่นมากกว่า พวกเขาขายเฉินซวนอี๋มิขายเจ้าไปด้วยอีกคนก็ถือว่าพวกเขามีเมตตาแล้ว”คำพูดมิกี่คำของลั่วชิงยวนทำให้ฟ่านซานเหอหน้าแดงด้วยความอับ
ลั่วหลางหลางยิ้มและพูดอย่างถ่อมตัวว่า “ข้าแค่ทำเล่น ๆ ตอนมีอารมณ์ ยังไม่ถือว่าเชี่ยวชาญหรอก”หลังจากที่ทั้งสามคนทานอาหารแล้ว ลั่วหลางหลางก็พาพวกเขาไปเดินเที่ยวรอบเมืองซีหยางเมืองซีหยางไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก หอการค้าเฟิงตูยังครอบคลุมร้านค้าส่วนใหญ่ในเมืองซีหยางไว้ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปกว่าจะรู้ตัวก็เป็นเวลาค่ำแล้วลั่วอวิ๋นสี่มายังสวนหลังบ้านอย่างเงียบ ๆ ในตอนกลางคืน เพราะนางที่จะปรากฏตัวในตอนกลางวัน ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของคนทั่วไป ลั่วอวิ๋นสี่ถือว่าตายไปแล้วดังนั้นนางจึงสามารถมาที่บ้านของลั่วหลางหลางในตอนกลางคืนเพื่อพบกับลั่วหลางหลางเท่านั้นหลังอาหารเย็นเสร็จ พวกนางก็นั่งคุยกันที่สวนหลังบ้านหลังจากที่ทุกคนพักผ่อนแล้ว ลั่วหลางหลางก็เรียกลั่วชิงยวนไปที่ห้อง“นี่คือสมุดบัญชีของหอการค้าเฟิงตู”“เจ้ามาทันเวลาพอดี มีบางอย่างที่ข้าต้องคุยกับเจ้า”ลั่วหลางหลางเพิ่งเคยรับมือกับธุรกิจใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรก มีหลายเรื่องที่นางตัดสินใจไม่ได้ และจำเป็นต้องหารือกับลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนพยักหน้าและช่วยนางดูพลิกเปิดสมุดบัญชีเล่มหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ดูไปด้วยคุยไปด้วยกับลั่วหลางห
หรือว่าคนลึกลับผู้นั้นยังคงคิดถึงหอการค้าเฟิงตูในซีหยางอยู่?ลั่วหลางหลางอยู่ในสมาคมการค้าเฟิงตูและตอนนี้ลั่วชิงยวนเป็นประธานเบื้องหลังของสมาคมการค้าเฟิงตู คนลึกลับผู้นี้ไปหาซีหยางโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่เขาต้องป้องกันเอาไว้ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นยืนทันที “รวบรวมคน ออกเดินทางไปซีหยางคืนนี้เลย!”“พ่ะย่ะค่ะ!”…… วันแล้ววันเล่า ลั่วชิงยวนรอคอยอย่างกระวนกระวายใจในที่สุดห้าวัน เวลานั้นก็มาถึงหลังจากตกค่ำ ก็มีคนมารายงานว่าคาราวานเฟิงฮั่วได้เข้ามาในเมืองซีหยางแล้วลั่วชิงยวนรออย่างประหม่ารอคอยพวกเขานำสินค้ามายังหอการค้าเฟิงตูซ่งเชียนฉู่ก็รอกับนางอย่างกังวลเช่นกัน “พวกเขาจะไม่ถูกปล้นกลางทางหรอกใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนส่ายหัว “สนหิมะเขาฉีซานถูกขนส่งมาพร้อมกับสมุนไพรอื่น ๆ หากถูกปล้นกลางทางจะไม่สามารถขนไปได้ และจะไม่มีเวลาค้นหาสนหิมะเขาฉีซาน ความเสี่ยงจะมากเกินไป”“และมันถูกบันทึกไว้ในบัญชีตั้งแต่ก่อนแล้ว เราเพิ่งเข้าครอบครองหอการค้าเฟิงตู นางคงยังไม่รู้ว่าเราค้นพบสนหิมะเขาฉีซาน และไม่รู้ว่าเราหมายใจสนหิมะเขาฉีซานอยู่เช่นกัน”“นางคงจะแอบมาตามหามันหลังจากที่ถูกส่งมาแล้ว”ซ่งเชียนฉู่พ
ตอนนี้ ลั่วฉิงมิกล้าปล่อยลั่วชิงยวนไป“ปล่อยข้าไป” ลั่วฉิงขู่อย่างเย็นชาฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว กำฝ่ามือของเขาแน่น“พูดอีกครั้ง ปล่อยข้าไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่านาง” มือของลั่วฉิงค่อย ๆ ออกแรงบีบลั่วชิงยวนมองตรงไปที่ฟู่เฉินหวน และเห็นท่าทางลังเลของฟู่เฉินหวน เขามิอยากให้นางมีชีวิตอยู่หรือ?“หลีกทาง” ฟู่เฉินหวนออกคำสั่งในที่สุดหลังจากหลีกทางแล้ว ลั่วฉิงก็คว้าลั่วชิงยวนไว้แล้วเหาะออกไปทันทีดวงตาของฟู่เฉินหวนเย็นชา สั่งให้เซียวชูและคนอื่น ๆ ติดตามไปอย่างเงียบ ๆลั่วฉิงมองย้อนกลับไปอย่างระมัดระวัง โดยมิกล้าหยุด ใช้วิชาตัวเบาหนีออกจากเมืองซีหยาง มุ่งหน้าเข้าสู่ป่าใหญ่นอกเมืองขณะใกล้จะถึงพื้น ลั่วฉิงก็ปล่อยลั่วชิงยวนไปลั่วชิงยวนล้มลงกับพื้นอย่างแรง กลิ้งไปสองตลบความเจ็บปวดรุนแรงมาก จนนางมิสามารถลุกขึ้นจากพื้นได้ลั่วฉิงร่อนลงเบา ๆ มองนาง และอดมิได้ที่จะหัวเราะ “ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าวรยุทธของเจ้ามิได้อ่อนแอขนาดนี้ เจ้ากลายเป็นคนไร้ค่าไปเสียแล้ว”ก็ดีเหมือนกัน จะได้มิต้องเสียเวลามากลั่วฉิงชักกริชออกมา ก้มลงและแทงลั่วชิงยวนเข้าที่หน้าอกอย่างแรงแต่ในขณะนั้นเองรังสีสังหารที่แข็งแ
กล่องบรรจุสมุนไพรทั้งหมดถูกเปิดออก และสมุนไพรกระจายอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกระโดดลงจากหลังของเซียวชูอย่างร้อนรน และรีบวิ่งไปที่กองสมุนไพร “ท่านทำอะไร?!”นางคุกเข่าลงหาสนหิมะเขาฉีซานตอนนี้สนหิมะเขาฉีซาน สำคัญเท่าชีวิตของนางแต่เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นท่าทางกังวลของนางเช่นนั้น เขาก็ดึงนางขึ้นมาด้วยสีหน้าโกรธขึ้งขมวดคิ้วมองนาง แล้วเริ่มตั้งคำถาม“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่ซีหยางได้?!”“ข้าไล่ตามคนลึกลับมาที่นี่ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่ด้วย?”“เจ้าทำอะไรโดยมิบอกมิกล่าวข้า!”“วันนี้ข้าเกือบจะจับคนผู้นั้นได้แล้ว!”ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าเขาจะมิได้ติดตามบุคคลลึกลับอย่างเปิดเผย แต่เขาก็ได้ส่งคนไปตามสืบและติดตามคนผู้นั้นอย่างลับ ๆ เขาใช้วิธีการไปมากมายจนพบโอกาสเช่นนี้ในวันนี้แต่เขามิคาดคิดว่าเขาจะได้พบลั่วชิงยวนที่นี่และนางก็เกือบต้องตายด้วยน้ำมือของคนลึกลับผู้นั้นนางทำสิ่งที่อันตรายในซีหยาง เหตุใดนางมาคนเดียวโดยมิพูดอะไรสักคำ?ลั่วชิงยวนเกิดความโกรธในใจ มองดูฟู่เฉินหวนด้วยสายตาที่เฉียบคม“เหตุใดรึ? ท่านกล่าวโทษหม่อมฉันว่าทำลายแผนของท่าน ทำให้จับคนชุดดำมิได้หรือ?”“ทว่าหากท่านมิทำลายวรยุทธขอ
หลังจากออกจากหอการค้าเฟิงตูแล้วลั่วชิงยวนและซ่งเชียนฉู่ก็เดินไปตามถนน ซ่งเชียนฉู่เอ่ยว่า “สนหิมะเขาฉีซานมิได้อยู่ในกล่อง”“มันอาจมิเคยถูกส่งมาตั้งแต่แรก”“หรือไม่ก็ถูกปล้นไประหว่างทางโดยคนอื่นที่รู้เรื่องนี้”“อย่างไรเสีย สนหิมะเขาฉีซานก็เป็นสมุนไพรที่ล้ำค่า หากมีข่าวรั่วออกไปผู้ที่รู้จักสมุนไพรก็จะมุ่งเป้าที่สนหิมะเขาฉีซาน”“แน่นอน และอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาทำมันหายหลังจากเปิดกล่องออก”“ส่งคนไปตามหาที่สมาการค้าอีกครั้งเถอะ”หัวใจของลั่วชิงยวนจมลง กำหมัดแน่น รู้สึกถึงข้อมือที่อ่อนแรง และถอนหายใจ“ข้าได้กลิ่นของสนหิมะเขาฉีซาน จากสมุนไพรนั้น”“ข้าเก็บสมุนไพรที่มีกลิ่นแรงไว้ชิ้นหนึ่ง รอให้ข้ากลับไปแล้วจะคำนวณตำแหน่งของสนหิมะเขาฉีซาน”มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสนหิมะเขาฉีซานเป็นแนวทาง ก็จะมีโอกาสค้นหาที่ตำแหน่งของสนหิมะเขาฉีซานได้ซ่งเชียนฉู่ประหลาดใจ “นี่ก็คำนวณได้หรือ?”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ได้ แต่ใช้พลังงานมาก”เมื่อได้ยินเช่นนี้ซ่งเชียนฉู่ก็ถามอย่างลังเล “ถ้าอย่างนั้นร่างกายของท่านจะทนได้หรือ?”ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นชาเล็กน้อย “ไม่มีทางอื่น ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วครั้งนี้มีแต่
“ท่านอยู่ต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปก่อนเถิด” ลั่วชิงยวนกล่าวกับชายชราจากนั้นคนอื่น ๆ ก็ทยอยออกไปชายชราลุกขึ้นเดินมายืนตรงหน้าลั่วชิงยวน “ท่านเจ้าเมืองมีสิ่งใดจะสั่งหรือขอรับ?”ลั่วชิงยวนถามว่า “บนเขาแห่งนี้มีคนมาแย่งชิงยาสมุนไพรไปจริงหรือ? ที่ส่งคนไปตามหา มีเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่?”“มีคนมาจริง ๆ ขอรับ พรรคพวกของพวกมันมีประมาณสิบคนได้ แต่พวกมันหนีไปเร็วมาก ตอนนั้นทุกคนมัวแต่สนใจด้านหน้า ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนบุกเข้าไปในคลังโอสถ”“พวกเขาถึงได้หนีรอดไปได้ขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ยิ่งสงสัยว่าเป็นคนของสำนักเทียนฉยง และจงใจมาเป็นปฏิปักษ์กับนาง จึงได้ชิงบัวถวายไปก่อนมองดูชายชราตรงหน้าแล้ว ลั่วชิงยวนก็ยังมิเข้าใจเขาดีนักนางจึงถามว่า “บนหลังของท่านมีรอยประทับทาสหรือไม่?”เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “มีขอรับ”ลั่วชิงยวนรู้ว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เขาเคลือบแคลงใจว่านางมิใช่อวี๋ตันเฟิ่งแต่นางก็มิได้คิดจะแสร้งเป็นอวี๋ตันเฟิ่งเพื่อเข้าควบคุมเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้“ท่านควรรู้ว่าข้ามิใช่อวี๋ตันเฟิ่ง”ชายชราผู้นั้นอึ้งไป มิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ในเมื่อ
หวังเพียงว่าจะกักขังโหยวจิ้งเฉิงไว้บนเขาได้ เพราะหากเขาไปสิงอยู่ในร่างผู้อื่นแล้วหนีลงเขาไปได้ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงแต่ในตอนนี้ นางไม่มีแรงพอที่จะไล่ตามแล้ว จึงไปหายาในคลังกับคนใบ้เมื่อไปถึง โฉวสือชีและอวี๋โหรวก็อยู่ที่นั่นอวี๋โหรวปรุงโอสถเสร็จแล้วโฉวสือชีกำลังค้นหาสมุนไพรอยู่ข้าง ๆ“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” โฉวสือชีถามด้วยความเป็นห่วงลั่วชิงยวนส่ายหน้า “ข้ามิเป็นอะไร”โฉวสือชียื่นกล่องในมือออกมา แล้วพูดว่า “เจอโสมมังกรเพียงกิ่งเดียวเอง”ลั่วชิงยวนรับกล่องมา แล้วส่งให้คนใบ้ “รอจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ข้าจะจัดยาให้เจ้าชุดหนึ่ง แม้จะมิสามารถรักษาอาการของเจ้าให้หายขาดได้ แต่ก็พอจะยืดชีวิตได้”คนใบ้พยักหน้า รับโสมมังกรมาด้วยสีหน้าซับซ้อนภายใต้หน้ากากโฉวสือชีกล่าวเสียงหนักแน่น “คลังโอสถนี่ใหญ่โตเกินไป ข้าหาบัวถวายมิเจอจริง ๆ”“และเมื่อดูแล้วในนี้ก็มีร่องรอยการถูกรื้อค้น ต่งอวิ๋นซิ่วคงมิได้หลอกพวกเรา บัวถวายคงถูกใครบางคนชิงไปแล้ว”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “บังเอิญเกินไปแล้ว บัวถวายถูกชิงไปตอนที่เรามาถึงพอดี”“แถมยังถูกกวาดไปจนเกลี้ยง”“สมุนไพรอื่นก็มิ
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ