LOGIN*3 ซีรีส์นางร้าย* 1. เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น คำโปรย...เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในร่างสตรีร้ายกาจที่ทำชั่วมามากมาย อย่าว่าให้กลับตัวกลับใจเลย หนีไปยังจะง่ายซะกว่า โจทก์เยอะเหลือเกิน ทว่า..คนผู้นั้นไหนว่าเกลียดกันนักหนา เหตุใดจึงได้เอาตัวมาพัวพันกันไม่เลิกเล่า! 2. สตรีร้ายกาจผู้นี้อยากเป็นคนดีแล้ว คำโปรย...ทะลุมิติมาอยู่ในร่างสตรีร้ายกาจที่บ่าวไพร่ชิงชัง บุตรสาวหวาดหวั่น สามีห่างเหิน หนทางเดียวที่นางจะอยู่รอดคือจะต้องเปลี่ยนตนเองให้เป็นคนดี ทว่า...เหล่าคนที่เคยร้ายกับนาง นางก็ไม่อาจละเว้นไปได้เช่นกัน! 3. ผู้ใดก็ว่าข้าร้าย คำโปรย...เธอไม่คิดว่าการถูกจับพลัดจับผลูไปฟังเรื่องเล่าบนหินสลักเก่าแก่ที่มีอายุราวพัน ๆ ปีจะทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล….แต่เอาเถอะ ไปตบคนจอมเสแสร้งเหล่านั้นก็น่าจะสนุกดีเหมือนกัน!
View Moreตอนพิเศษ [3] จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง ในช่วงค่ำ หลังจากที่จัดการธุระต่าง ๆ เสร็จ ซือจางจิ้งก็ไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ลำธารที่อยู่ห่างจากบ้านไปไม่มาก เมื่ออาบเสร็จก็มาเตรียมอาหารง่าย ๆ ระหว่างรอมารดาที่ไปอาบน้ำเช่นกัน อนุฉีที่ไปอาบน้ำตามปกติอย่างไม่คิดสิ่งใด แต่ผู้ใดจะคิดว่าระหว่างที่จะกลับ กลับพบกับบุรุษที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจยืนรออยู่ ความไม่ปลอดภัยเข้าเกาะกุมจิตใจ คิดได้ดังนั้นจึงเตรียมที่จะวิ่งหนี แต่อนิจจา ทว่าเพียงแค่หันหลังไม่ได้ทำสิ่งใด อนุฉีก็โดนของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะจนใบหน้าคว่ำลงไปทั้งอย่างนั้นสิ้นใจลงทันที ซือจางจิ้งที่เห็นว่ามารดาไปอาบน้ำนานเกินไปจึงเตรียมที่จะไปตาม แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกจากบ้านก็พบสตรีที่คุ้นหน้ามากับบุรุษอีกสามคน จางหง “เจ้าจะไปที่ใด จะไปตามหามารดาหรือ” เมื่อจางหงกล่าวเช่นนั้นซือจางจิ้งก็คิ้วกระตุกทันที “ข้าจะไปทำอันใดก็เรื่องของข้า” “ปากดีนักนะ” จางหงไม่พอใจทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีจากในเมืองหลวงแล้วก็จะสามารถแต่งงานกับพี่จื่อได้หรือ” ที่แท้ก็มาด้วยเรื่องนี้ “ข้ามีใจให้พี่จื่อมานาน หากไม่มีเจ้าเขากับข้าจะต้องได้ลง
ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งสตรีที่ผมเผ้าเว้าแหว่งบ้างสั้นบ้างยาว นั่งมองผู้คนผ่านไปมาที่หน้าจวนของตนอย่างเหม่อลอย บางครานางก็มีสติ บางคราก็เลอะเลือนจดจำสิ่งใดไม่ได้ แต่โดยส่วนมากก็ราวกับผู้ที่ผู้คนมองว่าสติไม่ดีผู้หนึ่ง เพราะบางวันนางก็ไปกรีดร้องโวยวายที่หน้าจวนตระกูลโจวที่ยามนี้ประตูหน้าต่างปิดสนิท เพราะถูกเนรเทศทั้งตระกูลเนื่องจากกระทำความผิดทุจริตเงินของทางการ ผู้คนต่างก็มีทั้งสงสาร ที่นางถูกกล้อนผมจนตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนจนถูกสามีปลดจากตระกูล บ้างก็สมเพชให้กับชะตากรรมของสตรีที่แย่งคู่หมายของสหายสนิท จนสุดท้ายก็พบจุดจบเช่นนี้ ก็สมควรแล้ว ยามที่นางมีสติ นางก็เอาแต่ถามว่าตนผิดอย่างไร เหตุใดจึงต้องพบพานกับเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่อหวนนึงถึงอดีตสหายผู้นั้น....ที่ได้กลายเป็นถึงพระชายาผู้สูงส่งขององค์ชายสามแห่งแคว้นเสวี่ยที่ยิ่งใหญ่ ตนก็เริ่มคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดพลาดตั้งแต่ที่ใด ซือเฟยฟา เหตุใดเจ้าถึงได้โชคดีนัก ยามสายของวันหนึ่งสือหนิงอ้ายไม่ได้มีสติครบถ้วนเท่าใดนัก นางเอาผ้าคลุมผมและเดินเท้าเปล่าไปตามถนน ในมือถือปิ่นปักผมอันหนึ่ง จิตสั่งการบอ
ตอนพิเศษ[2]หึงหวง....และยอมรับจู่ ๆ ภายใต้ความสงบที่อยู่กับชาวแคว้นอี้มาเนิ่นนานก็ถูกรบกวนจากชาวนอกด่านที่ซ่องสุมกำลังบุกรุกชายแดนทางด้านตะวันออกของแคว้นอี้เพื่อปล้นเสบียงและทรัพย์สินของชาวบ้านรวมถึงมีการยึดพื้นที่ในบางจุดเอาไว้ คล้ายกับว่าพวกมันวางแผนมานานแล้วแน่นอนว่าบิดาของนางก็คือผู้นำทัพหลักที่จะจัดการปัญหาในครั้งนี้ คราแรกนางจะกลับแคว้นอี้เพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัว แต่เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้นางจึงชวนองค์ชายสามไปดูสถานการณ์เพราะเป็นห่วงบิดา องค์ชายสาม แม้ว่าจะเป็นห่วงนางแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยอมตามใจ การเดินทางอันแสนลำบากจึงเริ่มต้นขึ้นแต่เมื่อไปถึงก็ทำให้นางรู้สึกว่าตนตัดสินใจถูก เพราะเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของบิดายามที่เห็นนาง นางก็รู้สึกว่าอบอุ่นอยู่ภายในใจ“พระชายา” ซือเว่ยโผเข้าสวมกอดบุตรสาวอย่างโหยหา หลายเดือนแล้วที่อีกฝ่ายไปอยู่ที่แคว้นเสวี่ย แม้ว่าจะมีจดหมายส่งมาตลอด แต่จะเหมือนการพบหน้าได้อย่างไร เมื่อผละอ้อมกอดแล้วก็กันไปทักทายบุตรเขย“องค์ชายสาม”“ท่านพ่อตาเป็นอย่างไรบ้าง” ทันใดนั้นแม่ทัพซือก็รับรู้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ เหตุใดองค์ชายสามกล่าวกับเขา แต่สายตากลับมองไปที่บุตรสาวแล
ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงยังไม่อยากถือสาเอาความอันใดเพราะนางก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่ จึงได้แต่คิดว่าจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อหันหลัง หนึ่งในสามก็เอ่ยขึ้น“ตายจริง พี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่หรอกหรือนี่ เมื่อครู่ข้ามองไม่เห็นเลย”แหม เชื่อก็บ้าแล้วนางได้แต่ยิ้มกว้างแล้วกล่าวไปว่า “องค์หญิงห้าน่าจะต้องไปตรวจสายตาเสียหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะต้องตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อยได้” “นี่เจ้าแช่งข้าหรือ” ลี่จูพยายามที่จะสูดหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ตนเอง ไม่นานก็ฉีกยิ้มออกมา “ข้าได้ข่าวว่าพี่สะใภ้นั้นเก่งด้านการเอาอกเอาใจผู้อื่น แม้แต่มามาของฮองเฮายังเอ่ยปากชม รองเท้าของพวกข้าเปื้อนนัก เช่นนั้นท่านเช็ดให้พวกข้าได้หรือไม่ พวกข้าคงประทับใจไม่น้อย” กล่าวแล้วก็ทิ้งผ้าลงที่พื้นผืนหนึ่งก่อนจะหันไปหัวเราะกันหนิงอันที่อยู่ด้านหลังเจ้านายได้แต่กำหมัดและก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว หากทั้งสามเหยียดหยามเจ้านายของตนอีกเพียงนิด นางจะไม่ยอมแม้แต่น้อย ตายเป็นตาย แต่ซือเฟยฟาที่รู้ทันจึงได้แต่ส่ายหน้าให้คนของตน“เรื่องที่ต้องให้บ่าวทำเช่นนั้นข้าไม่ถนัด อีกอย่าง...” นางก้าวเข้าไปหาพวกนางหนึ่งก้าว แต่ม
reviews