ตอนนี้จะถูกส่งไปที่ใด หรือได้องครักษ์มากน้อยแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่อ๋องฉีจะมีสิทธิ์ต่อรองได้แค่ยังมีโอกาสได้ไปก็นับว่าดีแล้ว อ๋องฉีน้ำตาไหลไม่ขาดสาย โขกศีรษะต่อหน้าฮ่องเต้หย่งชาง “ลูกอกตัญญู ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง! ขอเสด็จพ่อทรงเห็นแก่เสด็จแม่ วันหน้าได้โปรดเมตตาดูแลหมิงเฉิงกับหย่งหรง พวกเขายังเด็กนัก...”เวลานี้ ยิ่งอ๋องฉีแสดงออกว่าห่วงใยน้อง ๆ มากเท่าไร ฮ่องเต้หย่งชางก็ยิ่งพระทัยอ่อนลงเท่านั้นก่อนมาเข้าเฝ้า เขาไตร่ตรองอยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วน ว่าควรร้องไห้อย่างไรถึงจะเรียกความเวทนาจากฮ่องเต้หย่งให้ได้มากที่สุด และพอคิดถึงชีหยวนขึ้นมา ในอกอ๋องฉีก็ยิ่งเจ็บปวดขึ้นมา น้ำตาที่ไหลพรากตอนนี้ก็กลายเป็นของจริงฮ่องเต้หย่งชางทอดพระเนตรพระโอรสที่ถึงกับร้องไห้จนมีฟองน้ำมูก จ้องอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็ปรับน้ำเสียงให้นุ่มลงเล็กน้อย ตรัสว่า “อาหลิง เรารู้ว่าในใจของเจ้าย่อมไม่พอใจ เราเข้าใจ เราก็รู้ดีว่าที่ผ่านมาเจ้าถูกตามใจมากไปจนเคยตัว แต่ต่อจากนี้ไป เจ้าต้องจำคำพูดที่เจ้าพูดวันนี้ไว้ให้ขึ้นใจ”แต่ก่อนพระองค์เคยเอนเอียงมาทางอ๋องฉีมากกว่ารัชทายาทจริง ๆจะให้ทำอย่างไรได้เล่า ก่อนที่เซียวอวิ๋นถิง
ชุยเจิงออกไปทำงานด้วยความขยันขันแข็ง พอเสร็จเรียบร้อยก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าพระราชนัดดาช่างเป็นคนดีโดยแท้วันนี้หากเป็นโอรสองค์อื่นอยู่ตรงนั้น เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่สามารถสะสางได้ราบรื่นเช่นนี้ก็อย่างที่เขาว่ากัน เทพเซียนประลองกัน ผีตัวเล็ก ๆ ต้องรับเคราะห์องค์หญิงเป่าหรงสิ้นพระชนม์ไปเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่ต้องไปอภิเษกเชื่อมสัมพันธไมตรีอีก แต่กรมพิธีการของพวกเขา รวมถึงคนของวัดหวงเจวี๋ย ย่อมหนีไม่พ้นต้องมีคนโดนปลด โดนลงโทษเป็นแถวแต่ตอนนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่หลังฮ่องเต้หย่งชางสั่งให้ชุยเจิงออกไป ก็ดูราวแก่ลงไปหลายปี ประทับบนบัลลังก์มังกรด้วยพระพักตร์ซีดเซียวในฐานะฮ่องเต้ เขาย่อมโกรธเกรี้ยว แต่ในฐานะบิดา หลังพายุแห่งโทสะผ่านไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงความโศกเศร้าเท่านั้นต่อให้องค์หญิงเป่าหรงจะอวดดี หรือกระทำผิดมากเพียงใด นางก็คือธิดาที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต!พระองค์ทอดพระเนตรเปลวไฟในกระถางไฟที่ลุกวาบเพียงชั่วพริบตาก่อนจะดับ แล้วก็ยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระขนงเบา ๆ จากนั้นจึงหันไปมองเซียวอวิ๋นถิงแล้วพยักหน้า “อวิ๋นถิง เจ้าทำได้ดีมาก!”การจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเช่นนี้ไม่ใช่เร
เขามองชีหยวนด้วยสายตาระแวดระวัง “ท่านจะทำอะไรหรือขอรับ?”ฆ่าองค์หญิงเป่าหรงนั้นสะใจไม่น้อยก็จริง แต่การที่ท่านอ๋องของพวกเขาตามเก็บงานนั้นมันไม่ง่ายเลยคุณหนูใหญ่ชีคงไม่ได้คิดจะไปฆ่าอ๋องฉีต่อหรอกกระมัง?!ในขณะนั้นเอง ด้านอ๋องฉีก็ได้รับข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงเป่าหรงริมฝีปากของเขาสั่นระริก ทั้งร่างสั่นเทาอย่างรุนแรงไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เป็นเพราะความโกรธความโกรธที่ไร้อำนาจที่จะตอบโต้เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อชาตินี้ได้เกิดใหม่ จะสามารถก้าวไปถึงจุดหมายได้เร็วยิ่งกว่าเดิม หรือแม้แต่จับชีหยวนที่เคยหยิ่งผยองในอดีตให้มาอยู่ในกำมือได้แต่ไม่เลย ไม่มีอะไรเหลือเลย!กลับกลายเป็นจวนฉู่กั๋วกงและเสด็จแม่ของเขาที่ต้องมาตายจากไม่ใช่แค่พวกเขา ตอนนี้แม้องค์หญิงเป่าหรงก็ยังตายตามไปอีกคนชีหยวนจะต้องตามล้างผลาญกันให้สิ้นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!นางไม่มีมโนธรรมแม้แต่น้อยเลยจริง ๆ ถ้ามีมโนธรรมอยู่บ้าง ก็คงไม่ทำให้เรื่องราวโหดร้ายถึงเพียงนี้!ขันทีสวีเอ่ยเตือนเขาเสียงเบา “ท่านอ๋อง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะเสียใจพ่ะย่ะค่ะ”อ๋องฉีหันมองผู้ติดตามคนสนิทของตนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ทั้งร่างของเขาเย็นเย
หลังจากไล่เฉิงหลงจัดการเก็บกวาดศพทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เขาก็จงใจเดินไปสำรวจตามทางเล็กสายหนึ่ง พอเห็นผาหินที่ชันราวตั้งฉากตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเส้นทางนี้เองที่ชีหยวนตั้งใจจะปีนขึ้นไปฆ่าองค์หญิงเป่าหรงไม่รู้ว่านางทำสำเร็จหรือไม่?ขออย่าให้ตกลงมากลางทางเลยเถิด ถ้าพลาดพลั้งตกลงมา ตามแนวผาแห่งนี้ไม่มีหนทางรอดชีวิตแน่เขาคิดอย่างเป็นกังวล จนกระทั่งชุนหลินมาถึง เขาถึงได้สติกลับมาแล้วถามว่า “จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”ชุนหลินมองตามสายตาของเขาไปยังผาหิน อดไม่ได้ที่จะยกมือกุมต้นคอแล้วร้องออกมา “โอ้แม่เจ้า! คุณหนูใหญ่ชีคิดจะปีนขึ้นไปจากตรงนี้จริงหรือ?”คุณหนูใหญ่ชีเป็นตัวประหลาดอะไรกันแน่?ฆ่าคนไม่กะพริบตา ไม่เคยออมมือแม้แต่ครั้งเดียวยังจะปีนป่ายหลังคา เดินตามผนังได้อีก ถ้าที่แบบนี้ยังไต่ขึ้นไปได้ ชาติที่แล้วนางคงเป็นตุ๊กแกกระมัง!ไล่เฉิงหลงถลึงตาใส่เขาชุนหลินเลยรีบสำรวม แล้วรายงานเรื่องสำคัญ “ใต้เท้าวางใจได้ขอรับ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยดี ไม่ทำให้งานของท่านพลาดแน่นอน”แต่เขายังอดห่วงไม่ได้ว่าคุณหนูใหญ่ปีนขึ้นไปสำเร็จหรือไม่ไม่นานพวกเขาก็ได้คำตอบ เพราะชุนเซิงก็รีบ
ฮูหยินผู้เฒ่าชีเมื่อคลายความกังวลลงแล้ว ก็จับมือฮูหยินรองแน่น พลางจ้องมองอีกฝ่าย “เมื่อคืนแม่หนูหยวนไม่ค่อยสบาย ถูกส่งกลับเรือนที่เมืองหลวงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับนางทั้งสิ้น”ฮูหยินรองชีเองก็นึกถึงชีหยวนขึ้นมาในทันทีจริง ๆตอนนี้ก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าย้ำหนักแน่นเช่นนี้ ใจของนางก็เต้นโครมครามขึ้นมา รีบกลืนน้ำลายแล้วพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วและแล้วไม่นานนัก องครักษ์เสื้อแพรก็เข้ามายังเรือนกรรมฐาน เริ่มสอบถามรายละเอียดการเข้าออกเรือนตอนกลางคืนของทุกคน แยกสอบถามเป็นรายคนฮูหยินรองชีได้รับคำกำชับจากฮูหยินผู้เฒ่า ก็ยืนยันหนักแน่นว่าชีหยวนเริ่มไม่สบายตั้งแต่หัวค่ำ และลงเขาไปนานแล้วคนตระกูลชีตอนนี้เป็นตระกูลขุนนางผู้มีอำนาจใหม่ในราชสำนัก อีกทั้งเหล่าองครักษ์เสื้อแพรก็ล้วนได้รับคำสั่งมาแล้ว จึงไม่คิดจะทำให้เรื่องยุ่งยาก เพียงแค่สอบถามตามหน้าที่พอเป็นพิธี แล้วก็จากไปอย่างสุภาพฮูหยินรองเพิ่งรู้ตัวว่าฝ่ามือของตนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นนั่นคือองค์หญิงเชียวนะ!องค์หญิง!สิ้นพระชนม์ไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?!ในเวลานี้ ผู้ที่เกิดคำถามขึ้นในใจก็ไม่ใช่เพียงแค่ฮูหยิ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ขันทีหลัวเดิมคิดดีใจว่าเมื่อคืนองค์หญิงเป่าหรงไม่ได้ก่อเรื่องอะไร ไหนเลยจะรู้ว่าเพียงก้าวเข้าไปในห้องกลับเห็นเงาร่างขององค์หญิงเป่าหรงลอยอยู่กลางอากาศ ก็ถึงกับตกใจล้มก้นจ้ำเบ้า ร้องลั่นออกมาจากนั้นเขาก็พรวดพราดวิ่งออกไป ชี้ไปทางเหล่านางกำนัล พลางตะโกนลั่นด้วยความโกรธจนสุดเสียงว่า “พวกชั้นต่ำ! องค์หญิงเกิดเรื่องร้าย พวกเจ้ากลับไม่รู้! จะมีพวกเจ้าไว้เพื่ออะไรกัน?!”เมื่อคืนขันทีหลัวกลัวว่าองค์หญิงเป่าหรงจะร้อนรนอยากรู้ผลลัพธ์เร็วเกินไป จึงมัวแต่ยุ่งกับการสืบข่าวสารข้างนอก ใครจะคิดว่าพอวันนี้กลับมา จะได้เห็นศพขององค์หญิงเป่าหรงองค์หญิงเป่าหรงแขวนคออยู่กับขื่อไม้ในห้อง ที่ใต้เท้าของนางยังมีม้านั่งที่ล้มอยู่ทุกอย่างล้วนเข้าข่ายว่าเป็นการจบชีวิตตนเองแต่ขันทีหลัวรู้ดีว่าองค์หญิงเป่าหรงไม่มีทางอยากตายแน่นอนนางเป็นคนเช่นนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต หากนางจะตายก็ไม่มีทางตายง่ายดายถึงเพียงนี้ จะต้องลากเอาทุกคนที่นางพอจะจัดการได้ลงนรกไปด้วยกันแน่จะตายอย่างสงบเช่นนี้ได้อย่างไร?!พอคิดได้ว่าตลอดทั้งคืนก็ไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวจากฝั่งคนของพวกตงอิ๋งเลย หัวใจของขันทีหลัวก็หนัก