ตกเย็นทั้งสองครอบครัวก็มานั่งล้อมวงรับประทานปิ้งย่างกันที่สวน ซือลู่เหลียนและซือลู่จื้อที่วิ่งเล่นกันจนเหนื่อยก็พากันหิวโหยจนถิงถิงอดที่จะเอ็นดูลูกๆ ไม่ได้ เธอจัดแจงตักเนื้อย่างใส่จานให้ซือลู่จื้อที่มีอายุเพียงแค่ห้าขวบ ส่วนสองแฝดนั้นดูแลตนเองได้แล้ว เธอจึงไม่ต้องเหนื่อยอะไรมาก
พอรับประทานปิ้งย่างกันจนอิ่ม ซือซือก็เอ่ยแซวซือมู่อันเรื่องที่ซือลู่ชิงยินยอมที่จะแต่งงานกับซูหนี่ว์เมื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ บิดาทั้งสองฝ่ายถึงกับหันมามองหน้ากันอย่างตกใจ เด็กวัยเพียงสิบขวบกับเจ็ดขวบถึงขั้นพูดคุยเรื่องแต่งงานกันแล้วหรือนี่
“ซูหนี่ว์ หนูอยากเป็นเจ้าสาวของพี่ลู่ชิงจริงๆ หรอลูก” ซือมู่อันเอ่ยถามบุตรสาวของเพื่อนสนิทถิงถิง
“ใช่ค่ะคุณลุง ซูหนี่ว์รักพี่ชาย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของพี่ชาย เวลาที่ซูหนี่ว์ไม่เห็นหน้าพี่ชาย ซูหนี่ว์ก็รู้สึกคิดถึง ซูหนี่ว์อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ลู่ชิงค่ะ”
คำตอบของเด็กหญิงทำเอาคนเป็นบิดามารดาถึงกับอ้าปากค้าง ซือซือนึกถึงละครที่เธอเคยแสดงขึ้นมาทันที หรือว่าซูหนี่ว์บุตรสาวของเธอจะเลียนแบบมาจากละคร ที่พระนางหมั้นหมายกันไว้ต้งแต่เด็ก พอโตมาจึงตกลงปลงใจแต่งงานกัน ซุปตาร์สาวส่งยิ้มแหยๆ ให้กับสามี เขาก็น่าจะพอดูออกเหมือนกันว่าบุตรสาวได้ความคิดแบบนี้มาจากที่ใด
“แล้วลู่ชิง อยากจะแต่งงานกับน้องน้อยไหมล่ะลูก” ซือมู่อันเอ่ยถามความเห็นของบุตรชายบ้าง
“ผมบอกแม่ไปแล้วครับ ว่าถ้าโตมาแล้วน้องไม่เปลี่ยนใจไปจากผม ผมก็ยินดีที่จะแต่งงานกับเธอ”
คำตอบที่ไม่ปฏิเสธของเด็กชายวัยสิบขวบทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนในวงถึงกับตกใจ แต่ในเมื่อซือลู่ชิงไม่ปฏิเสธ ผู้เป็นบิดาอย่างซือมู่อันจึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากออกมา
“เอาแบบนี้ ลุงขอจองน้องซูหนี่ว์ให้เป็นคู่หมั้นของพี่ลู่ชิงไว้ก่อนดีไหมลูก พอหนูกับพี่ชายโตมาแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกทีว่าหนูยังอยากจะแต่งงานกับพี่เขาอยู่ไหม”
ซือมู่อันเสนอขึ้น ถ้าเด็กทั้งสองจะลงเอยกันจริงๆ เขาก็ไม่ขัดข้อง เขาไม่เคยต้องการสะใภ้หรือบุตรเขยที่มาช่วยเรื่องธุรกิจ และเขาไม่เคยมองคนที่ฐานะ ขอแค่ลูกๆ รักใครชอบใคร คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ต้องรักด้วยอย่างแน่นอน
“ดีค่ะ ต่อไปนี้ซูหนี่ว์เป็นคู่หมั้นของพี่ลู่ชิงแล้วใช่ไหมคะ”
เด็กหญิงเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ทั้งบิดามารดาของเธอต่างพากันปวดศีรษะให้กับความคิดที่เกินเด็กของบุตรสาวเพียงคนเดียว แต่นี่อาจจะเป็นเพราะซูหนี่ว์ยังเด็กก็เป็นได้ รอดูถ้าเธอเติบโตขึ้นมาความคิดที่จะแต่งงานกับซือลู่ชิงอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
ซูหนี่ว์มองไปที่ใบหน้าที่ส่อเค้าความหล่อของพี่ชายแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ ส่วนซือลู่ชิงก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับบิดามารดาพรางคิดอยู่ภายในใจว่านี่เขาตัดสินใจทำเรื่องบ้าอะไรลงไป
“คู่หมั้นคืออะไรหรอครับ”
ซือลู่จื้อในวัยห้าขวบเอ่ยถามขึ้นมาทันทีด้วยความอยากรู้
“ก็หมายถึงคนที่พอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วจะต้องได้แต่งงานกันยังไงล่ะคะ”
ผู้เป็นพี่สาวคนกลางตอบแทนผู้ใหญ่ทั้งสี่ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมา เธอพอใจถ้าน้องซูหนี่ว์จะมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอในอนาคต เพราะเธอดูๆ แล้วพี่ชายฝาแฝดของเธอก็น่าจะพอใจในตัวน้องน้อยอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ยอมเล่นเกมผู้ใหญ่แบบนี้แน่ๆ
ผู้ใหญ่ทั้งสี่นั่งพูดคุยกันต่อที่ภายในสวน ซือมู่อันนั้นนั่งดื่มและพูดคุยกับหลินเจียอีเรื่องอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เพราะอีกฝ่ายเป็นวิศวกรมือหนึ่งของเมืองแอล ส่วนภรรยาของทั้งสองก็นั่งพูดคุยถึงเรื่องราววัยสาว สมัยที่ทั้งคู่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย
เสียงหัวเราะจากสองสาวดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ซือลู่จื้อเริ่มที่จะง่วงนอน พี่สาวแสนดีอย่างซือลู่เหลียนจึงอาสาพาน้องชายไปอาบน้ำและส่งเข้านอน เธอทำหน้าที่แทนมารดาได้เป็นอย่างดี และดูน้องชายตัวน้อยจะเปลี่ยนจากที่ติดมารดามาเป็นพี่สาวคนสวยแทน
ซือลู่ชิงที่นั่งมองเด็กหญิงตัวน้อยที่กลายมาเป็นว่าที่คู่หมั้นในวัยเด็กของเขาวาดรูปในไอแพดอยู่สักพักก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนเช่นกัน พอผู้ใหญ่เห็นว่าเด็กๆ เริ่มที่จะไม่ไหวกันแล้วจึงตกลงแยกย้ายกันโดยที่ไม่ลืมสัญญาที่ให้กันไว้ว่า ถ้าหากซูหนี่ว์และซือลู่ชิงโตขึ้นแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังไม่เปลี่ยนใจไปมีคนอื่น เด็กทั้งคู่ก็จะยังเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันอยู่ และในเมื่อไม่มีใครคัดค้านสัญญาเรื่องนี้จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์โดยรับรู้กันทั้งสองครอบครัว
รถตู้ของตระกูลหลินพาเจ้านายและเพื่อนๆ เคลื่อนออกจากคฤหาสน์ของตระกูลซือ มุ่งหน้าไปคลับสุดหรูใจกลางเมืองแอลซึ่งเป็นคลับในเครือของตระกูลซือที่ซือลู่ชิงเข้าดูแลต่อจากบิดานั่นเองเมื่อรถจอดการ์ดของร้านที่จำคุณหนูกลางของตระกูลซือกับคุณหนุหลินของตระกูลหลินได้ก็เข้ามารอต้อนรับและพาเดินไปที่โต๊ะซึ่งเป็นโต๊ะวีวีไอพีสายตาทุกคู่ของบรรดานักเที่ยวต่างมองมาที่คนทั้งสามเป็นตาเดียว โดยเฉพาะซือลู่เหลียนและหลินซูหนี่ว์ที่ได้รับความนิยมจากหนุ่มๆ นักเที่ยวแทบทุกโต๊ะร่างสูงยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านหลังกระจกชั้นสอง สายตาคมจดจ้องไปยังร่างระหงของคู่หมั้นวัยเด็กที่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันจนเขาอยากจะจับเธอมาลงโทษซะให้เข็ด ว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรแต่งตัวล่อเสือล่อจระเข้ขนาดนั้นดีที่ยัยน้องสาวตัวแสบยังแต่งตัวมิดชิดแต่ก็ยังดูดีเพราะความสวยของเธอมีกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่จนหนุ่มๆ ทั้งคลับมองมาที่โต๊ะของซุปตาร์สาวกับทายาทคนกลางของตระกูลซือเป็นตาเดียวกัน“ให้ส่งคนไปคอยดูแลความปลอดภัยให้คุณหนูหลินกับคุณหนูลู่เหลียนไหมครับ” ต้าเฟยเอ่ยถามออกมาอย่างรู้ใจผู้เป็นนาย“อืม...ให้คนคอยดูแลอยู่ห่างๆ”เขาบอกก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ถึงไม
หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะสารภาพความรู้สึกที่มีต่อคู่หมั้นวัยเด็ก ซือลู่ชิงก็ต้องการที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของผู้ชายชาวต่างชาติ ผมทองตาฟ้าที่หลินซูหนี่ว์ไปรับด้วยตัวเองถึงสนามบินเมืองแอลแบบไม่แคร์ต่อสายตาคนมองว่าเป็นใคร มาจากไหน และมีความสัมพันธ์แบบไหนกับน้องน้อยของเขา“ว่าไง ได้เรื่องอะไรบ้าง” เสียงเย็นชาเอ่ยถามตงหลงทันทีที่เห็นหน้าบอดี้การ์ดหนุ่ม“สืบมาได้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนของคุณหนูหลินครับ ข้อมูลอย่างอื่นไม่มีใครทราบเลยเพราะอีกฝ่ายไม่ใช่บุคคลสาธารณะ” ตงหลงตอบออกมาตามที่ไปสืบได้มา“อืม... ไม่เป็นไร เห็นทีฉันต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนของเธอสักหน่อย” ซือลู่ชิงเอ่ยออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหยุดอยู่ที่กำแพงกระจกซึ่งมองทะลุไปยังรอบๆ คลับของตระกูลสองบอดี้การ์ดหนุ่มหันมามองหน้ากันก่อนที่จะเผยรอยยิ้มอย่างรู้ทันออกมา ถ้าคุณชายบอกว่าจะไปทำความรู้จักกับอีกฝ่าย คงจะต้องไปแสดงตัวอีกแน่ๆ ปากแข็ง ปากหนัก ปากไม่ตรงกับใจต้องยกให้คุณชายของพวกเขาเลยทางด้านหลินซูหนี่ว์ที่พาเพื่อนสนิทไปพักที่คฤหาสน์ตระกูลหลินด้วยก็แนะนำเพื่อนชายใจสาวให้กับบิดาและมารดาได้รู้จัก สองสามีต้อนรับข
ปัง!!! เสียงตบโต๊ะดังขึ้นทันทีที่อ่านข่าวในสมาร์ทโฟนเครื่องหรูจบ สายตาเย็นชาแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้ารูปที่อยู่ในข่าวไม่ใช่คู่หมั้นวัยเด็กของเขา เธอกล้าไปกอดและหอมแก้มผู้ชายคนอื่นที่สนามบิน แบบนี้มันเท่ากับหักหน้าเขาชัดๆ“ตงหลง!!! นายไปสืบมาว่าไอ้ฝรั่งคนนี้มันเป็นอะไรกับซูหนี่ว์” เสียงเข้มสั่งบอดี้การ์ดคนสนิท“ครับ!! คุณชาย” ตงหลงออกไปจัดการสืบตามที่คุณชายต้องการทันที“ต้าเฟย นายว่าฉันควรจะจัดการกับยัยน้องน้อยจอมดื้อยังไงดี” ด้วยความที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเขาจึงสนิทใจที่จะเอ่ยถามต้าเฟยมากกว่าตงหลง“อืม.... อย่างแรก คุณชายต้องรู้ใจตัวเองก่อนครับ และอย่างที่สอง เมื่อรู้ใจตัวเองแล้วก็บอกอีกฝ่ายไปเลย ผมเชื่อว่าคุณหนูหลินเธอยังรักคุณชายเหมือนเดิม”และเพราะความสนิทต้าเฟยจึงกล้าเอ่ยคำแนะนำแบบนี้ออกมา คำตอบของต้าเฟยทำเอาซือลู่ชิงคิดหนัก เขาเฝ้าถามตนเองมาหลายรอบแล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับหลินซูหนี่ว์ แต่เขาก็ตอบตนเองไม่ได้ เขารู้เพียงว่าเขาหวงเธอ และเขาจะไม่มีวันปล่อยเธอให้ไปเป็นคนของใคร เธอเป็นของเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน เธอก็ยังต้องเป็นของเขา และต้อง
หลินซูหนี่ว์อยากจะรู้นักว่าคู่หมั้นวัยเด็กของเธอนั้นรู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่ ความคิดที่อยากจะลองใจจึงเกิดขึ้นมา เธอตัดสินใจทักไปหาเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ที่ต่างประเทศNee : ไฮ แดนนี่ ทำอะไรอยู่จ๊ะDanny : นอนสิยะ ยูจะให้ไอทำอะไร ทักมาไม่ดูเวลาเลยนะแม่คุณNee: ไอมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากยูหน่อยDanny : ………….Nee : ได้ไหม....Danny : บอกมาก่อนว่าเรื่องอะไรNee : โทรได้ไหม พิมพ์ไม่สะดวกอะDanny : ได้สิยะแม่ดาราหลินซูหนี่ว์รอสายเพียงไม่นานปลายสายก็รับสายของเธอ เสียงหวานเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่ใช่ผู้ชายแท้เพียงคนเดียวที่เธอคบสมัยไปเรียนต่อ“คิดถึงยูจังเลย แดนนี่”“อย่ามาแสดง.... มีเรื่องอะไรอยากจะขอความช่วยเหลือจากไอว่ามา” แดนนี่เอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน“แหม...... คืออย่างนี้ หล่อนจำคู่หมั้นวัยเด็กของไอที่ไอเคยเล่าให้ยูฟังบ่อยๆ ได้ปะ” หลินซูหนี่ว์เอ่ยถามเพื่อนสนิททันทีที่อีกฝ่ายเปิดโอกาส“จำได้สิยะ ไอก็อยากจะเห็นหน้าคู่หมั้นที่ทำร้ายจิตใจยูอยู่เหมือนกันว่าจะหล่อขนาดไหนถึงทำให้คนสวยๆ แบบยูไม่ชายตามองผู้ชายคนไหนเลยตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่”“อืม.... ถ้ายูได้เห็นยูจะหวั่นไหวเลยแหละขอบอก
ซือลู่ชิงลงไปชั้นล่างเพื่อจะออกไปที่คลับของบิดาที่เขารับช่วงดูแล สองบอดี้การ์ดนั้นรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายหนุ่มนั้นกำลังจะออกไปไหน เพราะก่อนที่จะกลับเข้าบ้านมาเพื่อจัดการกับคุณหนูกลาง คุณชายใหญ่นั้นได้คุยสายกับผู้จัดการคลับว่ามีคนเข้ามาก่อกวนที่นั่น และนี่คือเหตุผลที่คุณชายใหญ่ต้องเดินทางไปจัดการด้วยตัวเองซือลู่ชิงนั่งเงียบไปตลอดทาง เขากำลังครุ่นคิดเรื่องที่น้องสาวฝาแฝดถาม เขาไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกับ ‘น้องน้อย’ กันแน่ แต่ถ้าจะให้เขาปล่อยเธอให้ไปเป็นของคนอื่น เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน แบบนี้เรียกว่า’ รัก’ ได้หรือยังนะ“คุณชายครับ ถึงแล้วครับ”เสียงต้าเฟยดังขึ้นเรียกสติเจ้านายหนุ่มให้กลับมา ซือลู่ชิงมองไปที่ด้านนอกก่อนที่จะก้าวลงจากรถไปอย่างสง่างาม“ไอ้คนที่มันก่อกวนล่ะ” เสียงเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ“คนของเราคุมตัวไว้ข้างในแล้วครับ” ตงหลงรายงานขณะที่เดินตามหลังของเจ้านายหนุ่มท่าทางน่าเกรงขามบวกกับหุ่นสูงใหญ่ของซือลู่ชิง ทายาทคนโตของตระกูลซือที่เดินเข้ามาภายในคลับของตระกูลที่มีเสียงดังกึกก้องไปด้วยท่วงทำนองเพลงEDMเหล่านักเที่ยวกลางคืนกำลังโยกย้ายเคลื่อนไหวร่างกายไปมากันตาม
รถตู้คันหรูที่มีผู้โดยสารเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซือ พร้อมด้วยสองบอดี้การ์ดหนุ่มแล่นกลับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลซือในเวลาต่อมาหลังจากที่ออกไปส่งซุปตาร์สาวซูหนี่ว์กลับคฤหาสน์ตระกูลหลิน ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าเย็นชาลงมาจากรถก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเข้าไปในคฤหาสน์และตรงไปที่ห้องของน้องสาวฝาแฝดทันทีก๊อก....ก๊อก...ก๊อก......ใบหน้าสวยซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ซือลู่เหลียนก็ทำใจดีสู้เสืออย่างพี่ชายฝาแฝดด้วยการตะโกนออกไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะ เปิดเข้ามาได้เลย”เท่านั้นแหละร่างสูงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอเดินตัวปลิวเข้ามาในห้องของเธอก่อนที่จะไปนั่งลงบนโซฟา ขายาวยกขึ้นมาไขว่ห้าง แขนสองข้างก็ยกขึ้นมากอดอกเอาไว้ สายตาคมจดจ้องมาที่ใบหน้าสวยของเธอ“ม่ะ..มีอะไรจะคุยกับลู่เหลียนหรือคะ” เสียงห้าวหวานเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่เกาะ....มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า” เสียงเย็นชาดังขึ้นจนคนฟังรู้สึกสั่นสะท้านในอก“ม่ะ...ไม่มีนี่ พี่ไปฟังต้าเฟยเล่าอะไรให้ฟังมาล่ะ” ซือลู่เหลียนทำใจกล้าเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดออกไป“พี่จะให้โอกาส เล่าให้พี่ฟังหรือจะอดไปเที่ยวกับเพื่อนอีก”