เธอนั้นคือยัยจอมดื้อ ส่วนเขาคือคุณชายเย็นชาจอมเจ้าเล่ห์ แต่ไม่ว่าเธอจะดื้อขนาดไหน...สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี
ดูเพิ่มเติม15 ปีก่อน
วันนี้เป็นวันที่สองครอบครัวตระกูลซือและตระกูลหลินนัดพบกันตามปกติเพราะอยู่เมืองเดียวกัน คุณนายซือกับอดีตซุปตาร์สาวเพื่อนสนิทอย่างหลินซือซือนั้นมักจะพาลูกๆ มารับประทานปิ้งย่างกันที่สวนภายในอาณาจักรของตระกูลซืออยู่เป็นประจำ ซือลู่ชิงนั้นคอยดูแลน้องๆ แทนมารดาที่กำลังยุ่งได้เป็นอย่างดี ด้วยวัยที่โตกว่าและความเป็นลูกผู้ชาย
“ลู่จื้อ อย่าวิ่งไปทั่วนะครับ เดี๋ยวแม่ถิงถิงเป็นห่วง” เสียงของเด็กชายวัยสิบขวบเอ่ยดังขึ้นขณะที่นั่งอยู่บนเสื่อกับอีกสองสาว ซือลู่เหลียนฝาแฝดผู้น้องอาสาลุกขึ้นไปดูแลน้องชายเอง บนเสื่อปิกนิกตอนนี้จึงมีเด็กชายวัยสิบขวบกับเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบนั่งอยู่ด้วยกัน
“น้องซูหนี่ว์ กำลังทำอะไรอยู่คะ” เสียงเด็กชายดัดเล็กและสุภาพยามคุยกับน้องสาวผมเปียผู้น่ารัก เด็กหญิงเงยหน้าหวานขึ้นมองพี่ชายก่อนที่จะยื่นกระดาษที่เธอเพิ่งจะวาดรูปเสร็จให้เขาดู
คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยขณะที่เพ่งมองไปยังรูปที่ดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เขาจึงตัดสินใจเอ่ยถามผู้เป็นคนวาดแทน
“น้องน้อยวาดรูปอะไรคะเนี่ย” เด็กหญิงฉีกยิ้มให้กับพี่ชายสุดหล่อก่อนที่จะอธิบายรูปภาพของคนสองคนที่ยืนจับมือกัน
“นี่พี่ลู่ชิง ส่วนคนนี้ซูหนี่ว์เองค่ะ” เด็กน้อยตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ซือลู่ชิง
“หืม.. นี่พี่หรอกหรอ แล้วคนอื่นไปไหนกันหมดล่ะคะ”
ซือลู่ชิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก็ในรูปมันมีเพียงรูปเขาและรูปของสาวน้อยแล้ว น้องสาวฝาแฝดและน้องชายจอมซนของเขาไปไหนซะล่ะ
“ไม่มีค่ะ เพราะรูปนี้เป็นรูปที่พี่เป็นเจ้าบ่าว และซูหนี่ว์เป็นเจ้าสาว” คำตอบของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบทำเอาเด็กชายวัยสิบขวบอ้าปากค้าง
“พี่เป็นเจ้าบ่าว น้องซูหนี่ว์เป็นเจ้าสาวอย่างนั้นเหรอคะ”
ซือลู่ชิงเอ่ยถามออกมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเขาฟังไม่ผิด ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งสิบขวบแต่เขานั้นมีอีคิวและไอคิวดีเลิศ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของผู้ใหญ่ทำไมเขาจะไม่รู้ เพียงแต่เขาสงสัยว่าน้องน้อยตรงหน้านี้รู้ความหมายของมันหรือเปล่า
“ใช่ค่ะ ซูหนี่ว์อยากเป็นเจ้าสาวของพี่ลู่ชิง ถ้าไม่ใช่พี่ลู่ชิง ซูหนี่ว์ก็ไม่ยืนกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้” น้ำเสียงจริงจังทำเอาเด็กชายแทบสะอึก
‘นี่น้องน้อยของเขาไม่ได้พูดเล่น หากแต่กำลังคิดแบบที่วาดจริงๆ หรอกหรือ’
“แล้วเรารู้หรือเปล่าว่าคนที่เขาจะแต่งงานกันได้เขาต้องรักกันมาก่อน”
เด็กชายค่อยๆ อธิบายให้น้องสาวตัวน้อยฟัง เด็กหญิงพยักหน้าราวกับรู้เรื่อง ซือลู่ชิงตกใจอ้าปากค้างไปอีกรอบก่อนที่จะหันไปมองมารดากับน้าซือซือที่กำลังทำปิ้งย่างกันอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าไหร่ อีกด้านซือลู่เหลียนกับซือลู่จื้อก็กำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอถามน้องน้อยหน่อยนะคะ ความรักที่น้องน้อยเข้าใจมันคืออะไรหรอ”
เด็กชายลองถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าน้องน้อยของเขาเข้าใจเรื่องแบบนี้ผิดไป ถึงแม้ในใจของเขาจะรู้สึกคันยุบยิบแต่ด้วยวัยที่ยังไม่โตมากพอก็ทำให้เขารู้จัก
“ก็หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดด้วย รู้สึกมีความสุขแค่มองเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย เวลาไม่เห็นหน้าก็คิดถึง”
เด็กหญิงตัวน้อยวัยเจ็ดขวบพยายามที่จะไล่เรียงความคิดและความรู้สึกที่เกี่ยวกับความรักออกมาให้พี่ชายสุดหล่อที่เธอนั้นคิดว่าเธอนั้นรักเขาให้ฟัง ซือลู่ชิงฟังไปใจเต้นไป เธอยังเด็ก แต่ทำไมเธอถึงได้รู้เรื่องพวกนี้ดีนัก
“แก่แดด”
เด็กชายเอ่ยออกมาเสียงเบาโดยที่เด็กสาวไม่ได้ยิน
“พี่ลู่ชิงคะ ถ้าพี่โตและซูหนี่ว์โตแล้ว เรามายืนข้างกันแบบนี้นะคะ”
เด็กหญิงเอ่ยออกมาพร้อมทั้งกะพริบตาปริบๆ เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้กับเธอ ตอนนี้เธอยังเด็กอาจจะเข้าใจเรื่องความรักแบบผิดๆ เธออาจจะรักเขาแบบพี่ชายก็ได้
“ได้สิ โตมาแล้วห้ามเปลี่ยนใจไปจากพี่ก็แล้วกัน”
ซือลู่ชิงตัดสินใจเอ่ยออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้น้องน้อย ราวกับว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องจริงจังอะไร หากแต่มารดาของทั้งคู่กลับมาได้ยินเข้าพอดี เด็กหญิงเลยบอกมารดาของเธอทันที
“แม่ซือซือคะ พี่ลู่ชิงจะแต่งงานกับซูหนี่ว์ค่ะ” คุณแม่ทั้งสองหันไปมองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มแหยๆ ออกมา
“จริงหรือครับน้องลู่ชิง ไม่ได้โกหกน้องน้อยใช่ไหม” ซือซือเอ่ยถามบุตรชายของเพื่อนรัก
“จริงครับ ถ้าน้องไม่เปลี่ยนไปใจไปจากผมเสียก่อน ผมก็ไม่ขัดข้องอะไร”
ซือลู่ชิงตอบออกมาตามที่ใจคิด ก็แค่เรื่องของเด็กๆ พวกผู้ใหญ่คงจะไม่ได้คิดจริงจังอะไร และเมื่อแม่น้องน้อยเติบโตเป็นสาว เธอก็ต้องมองหาผู้ชายคนใหม่เข้ามาในชีวิตอยู่ดี หากแต่ซือลู่ชิงนั้นคิดผิด ซูหนี่ว์นั้นดีใจจนร้องไชโยออกมา ทั้งซือซือและถิงถิงได้แต่หันมามองหน้ากันอย่างหนักใจ
ซือลู่ชิงลงไปชั้นล่างเพื่อจะออกไปที่คลับของบิดาที่เขารับช่วงดูแล สองบอดี้การ์ดนั้นรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายหนุ่มนั้นกำลังจะออกไปไหน เพราะก่อนที่จะกลับเข้าบ้านมาเพื่อจัดการกับคุณหนูกลาง คุณชายใหญ่นั้นได้คุยสายกับผู้จัดการคลับว่ามีคนเข้ามาก่อกวนที่นั่น และนี่คือเหตุผลที่คุณชายใหญ่ต้องเดินทางไปจัดการด้วยตัวเองซือลู่ชิงนั่งเงียบไปตลอดทาง เขากำลังครุ่นคิดเรื่องที่น้องสาวฝาแฝดถาม เขาไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกับ ‘น้องน้อย’ กันแน่ แต่ถ้าจะให้เขาปล่อยเธอให้ไปเป็นของคนอื่น เขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน แบบนี้เรียกว่า’ รัก’ ได้หรือยังนะ“คุณชายครับ ถึงแล้วครับ”เสียงต้าเฟยดังขึ้นเรียกสติเจ้านายหนุ่มให้กลับมา ซือลู่ชิงมองไปที่ด้านนอกก่อนที่จะก้าวลงจากรถไปอย่างสง่างาม“ไอ้คนที่มันก่อกวนล่ะ” เสียงเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ“คนของเราคุมตัวไว้ข้างในแล้วครับ” ตงหลงรายงานขณะที่เดินตามหลังของเจ้านายหนุ่มท่าทางน่าเกรงขามบวกกับหุ่นสูงใหญ่ของซือลู่ชิง ทายาทคนโตของตระกูลซือที่เดินเข้ามาภายในคลับของตระกูลที่มีเสียงดังกึกก้องไปด้วยท่วงทำนองเพลงEDMเหล่านักเที่ยวกลางคืนกำลังโยกย้ายเคลื่อนไหวร่างกายไปมากันตาม
รถตู้คันหรูที่มีผู้โดยสารเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซือ พร้อมด้วยสองบอดี้การ์ดหนุ่มแล่นกลับเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าคฤหาสน์ตระกูลซือในเวลาต่อมาหลังจากที่ออกไปส่งซุปตาร์สาวซูหนี่ว์กลับคฤหาสน์ตระกูลหลิน ร่างสูงโปร่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าเย็นชาลงมาจากรถก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเข้าไปในคฤหาสน์และตรงไปที่ห้องของน้องสาวฝาแฝดทันทีก๊อก....ก๊อก...ก๊อก......ใบหน้าสวยซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น แต่ซือลู่เหลียนก็ทำใจดีสู้เสืออย่างพี่ชายฝาแฝดด้วยการตะโกนออกไป“ประตูไม่ได้ล็อกค่ะ เปิดเข้ามาได้เลย”เท่านั้นแหละร่างสูงที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอเดินตัวปลิวเข้ามาในห้องของเธอก่อนที่จะไปนั่งลงบนโซฟา ขายาวยกขึ้นมาไขว่ห้าง แขนสองข้างก็ยกขึ้นมากอดอกเอาไว้ สายตาคมจดจ้องมาที่ใบหน้าสวยของเธอ“ม่ะ..มีอะไรจะคุยกับลู่เหลียนหรือคะ” เสียงห้าวหวานเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ที่เกาะ....มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า” เสียงเย็นชาดังขึ้นจนคนฟังรู้สึกสั่นสะท้านในอก“ม่ะ...ไม่มีนี่ พี่ไปฟังต้าเฟยเล่าอะไรให้ฟังมาล่ะ” ซือลู่เหลียนทำใจกล้าเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดออกไป“พี่จะให้โอกาส เล่าให้พี่ฟังหรือจะอดไปเที่ยวกับเพื่อนอีก”
“น้องน้อย...”เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่นั่งตัวลีบติดกับกระจกรถ หญิงสาวหันกลับมามองตาสัญชาตญาณก็พบกับคู่หมั้นสุดหล่อกำลังมองมาที่เธออยู่“เรียกซูหนี่ว์ทำไมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย อยู่ๆ ก็เรียกเธอ“รังเกียจพี่หรือกลัวพี่” เขาเอ่ยถามเรื่องที่ตนสงสัยออกมา“อะไรคะ รังเกียจ.. กลัว.... ไม่ทั้งสองอย่างนี่คะ” เสียงหวานตอบพร้อมทั้งจ้องหน้าเขา ซือลู่ชิงจึงใช้ฝ่ามือหนาของตนตบลงบนเบาะข้างๆ เขา“ถ้าไม่รังเกียจ ไม่กลัวพี่ก็มานั่งข้างๆ นี่สิ แต่ถ้าไม่มาแสดงว่าเรากลัวหรือไม่ก็รังเกียจพี่”เขาเอ่ยออกมาน้ำเสียงราบเรียบแต่ทว่าคนฟังกลับรู้สึกแปลกๆ เธอไม่ได้รู้สึกแบบที่เขาเข้าใจและเธอก็ไม่ยอมให้เขามาว่าเธอแบบนี้ด้วยร่างระหงจึงลุกจากที่นั่งที่ติดกับกระจกรถเพื่อที่จะไปนั่งที่นั่งข้างๆ เขา แต่รถที่แล่นมากับเบรกกะทันหันทำให้ซุปตาร์สาวคนสวยเสียหลักล้มลงไปนั่งลงบนตักของคู่หมั้นหนุ่มทันที วงแขนแข็งแรงโอบกอดเธอโดยอัตโนมัติ“ว๊ายยย....... พี่ลู่ชิง ปล่อยซูหนี่ว์นะ” ร่างระหงพยายามดิ้นเพื่อที่จะลงจากตักของเขา“อยู่เฉยๆ เธอกำลังปลุกบางสิ่งบางอย่างที่มันหลับใหลมานานให้ตื่นนะซูหนี่ว์ ถ้าเธอยังไม่อยากจะเป็นเมีย
ซือลู่ชิงเอาแต่ขบคิดถึงคำถามที่น้องชายเอ่ยถาม ‘พี่รักเธอเหรอ’ มันยังคงดังก้องอยู่ภายในใจ แต่เขาค่อนข้างที่จะแน่ใจกับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อน้องน้อยมาโดยตลอด มันคือความซื่อสัตย์เขาซื่อสัตย์กับเธอมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ที่เขารับรู้ว่าเขาต้องเป็นคู่หมั้นของเธอแล้ว ความรู้สึกที่ว่ามันเรียกว่ารักได้ไหม เขาก็ตอบไม่ได้ แต่ถ้าเขาจะมีภรรยาสักคน ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเป็นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ‘หลินซูหนี่ว์’“พี่ลู่เหลียน พี่ซูหนี่ว์ไปไหนแล้วอะ” ซือลู่จื้อเอ่ยถามพี่สาวฝาแฝดหลังจากที่เดินออกจากห้องของพี่ชายมา“เข้าห้องน้ำ แกมีอะไรลู่จื้อ” เสียงห้าวหวานของซือลู่เหลียนเอ่ยขึ้น“เมื่อกี้น่ะสิพี่ลู่ชิงคนปากแข็ง ผมถามว่ารักพี่ซูหนี่ว์หรือเปล่า พี่ลู่เหลียนรู้ไหมว่าพี่เขาตอบผมว่าอะไร” ซือลู่จื้อบ่นพี่ชายคนโตให้พี่สาวคนกลางฟัง“ไม่ตอบ..” ซือลู่เหลียนเอ่ยออกมาราวกับรู้ใจฝาแฝดผู้พี่ ซือลู่จื้อมองพี่สาวอย่างอึ้งๆ พร้อมทั้งปรบมือเสียงดังให้กับคำตอบ‘แปะๆๆๆๆๆๆ’“โห... รู้ใจกันดีจัง”“นายไปถามพี่ชายอะไรแบบนั้นล่ะ นายก็รู้ๆ อยู่ว่าเขาปากแข็งแค่ไหน รักแต่ไม่ยอมบอกหรอก ไม่รู้ปากอมอะไรอยู่คิกๆๆๆ” พี่สาวเอ่ยออกมา
ปัง! เสียงประตูห้องนอนสีทึบปิดลงพร้อมกับเสียงลงกลอนประตู ‘แกร๊ก’ ทำให้หญิงสาวร่างระหงถึงกับหันกลับมามองเจ้าของห้องด้วยแววตาหวาดหวั่น เธอคาดเดาไม่ออกว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ“พ่ะ..พี่ลู่ชิง จะ...จะ.....ทำอะไร”น้ำเสียงหวาดหวั่นดังออกมาจากริมฝีปากอิ่มรูปกระจับ สายตาจากดวงตาคู่สวยก็จดจ้องมองการกระทำของเขา มือหนาแต่ทว่ามีนิ้วที่เรียวยาวกำลังปลดเนกไทที่คอของเขาออก กระดุมเม็ดแรกถูกปลดออก แต่สายตาคมที่เย็นชาแฝงความนัยบางอย่างกลับจ้องมาที่เธอร่างสูงประชิดเข้ามาหาร่างบางจนเธอก้าวหนีไม่ทันจนสะดุดขาตนเองล้มลงไปนอนบนเตียง ซือลู่ชิงยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะโถมกายตามเธอลงไป ดวงตากลมโตสั่นไหวระริก“พี่ลู่ชิง ย่ะ...อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างนะ พี่ลู่เหลียนก็อยู่ห้องข้างๆ” หญิงสาวห้ามปรามเขาทั้งๆ ที่เธอก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะทำอะไรเธอ มือบางยกดันหน้าอกหนั่นแน่นที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคู่หมั้นวัยเด็กเอาไว้“ไหน....เด็กดี ลองบอกพี่มาซิ ยังอยากจะถอนหมั้นกับพี่อยู่อีกไหม” เสียงทุ้มแต่ทว่ายังติดเย็นชาอยู่มาก ฟังดูให้ความรู้สึกแปลกๆ“ก็คุยกันรู้เรื่องแล้วยังไงคะ พี่จะมาถามอะ
หลังจากที่ซือลู่ชิงประกาศกลางวงสนทนาของผู้ใหญ่ไปแล้วว่าถึงอย่างไรเขาก็จะหมั้นกับเธอ หลินซูหนี่ว์เลยขอให้การหมั้นหมายเป็นการจัดขึ้นภายในครอบครัว โดยไม่ต้องการเชิญบุคคลภายนอกมาร่วมงาน ไม่ใช่เป็นเพราะเธอไม่เต็มใจ แต่เธอสะดวกใจแบบนี้มากกว่าซือลู่ชิงถึงแม้จะรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยินยอมแต่โดยดี ซือลู่เหลียนถึงกับยกนิ้วให้น้องน้อยที่ใจแข็งทำตามที่เธอแนะนำมาโดยตลอดทำให้พี่ชายฝาแฝดจอมเย็นชาของเธอได้แสดงอาการบางอย่างออกมาให้ได้เห็นบ้าง“พี่ลู่เหลียน พักนี้น้องไม่เข้าใจพี่ลู่ชิงเลยค่ะ” ซุปตาร์สาวกำลังปรึกษากับพี่สาวคนสวยอยู่ภายในห้องนอนของซือลู่เหลียน“หืม.... ไม่เข้าใจอะไรคะ” เสียงหวานของซือลู่เหลียนเอ่ยถามขึ้น พรางวางรูปที่เธอเพิ่งจะลงมือล้างด้วยตนเองลง“ก็....หลังจากงานประกาศรางวัลพี่ลู่ชิงก็ชอบไปรับน้องที่กองถ่าย แถมยังไปป่าวประกาศให้คนทั้งกองถ่ายรู้อีกว่าน้องเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่เขา พี่ลู่เหลียนว่าตอนนี้พี่ลู่ชิงรู้สึกยังไงคะ ถึงไปทำอะไรแบบที่ไม่เคยทำแบบนั้น” ซุปตาร์สาวอธิบายให้ฝาแฝดของซือลู่ชิงฟังก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปดูรูปที่พี่สาวคนสวยถ่ายมา“พี่ลู่ชิงคงอยากให้น้องน้อ
ความคิดเห็น