ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักไอ้บ้ามาร์ทนะสิ หลังจากที่ออกจากห้องประชุมฉันก็เปิดประเด็นเรื่องของไอ้แพรวทันที ฉันพูดโดยใช้เหตุผลจนน้องมันรับปาก แต่นั่งอยู่ดี ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อไอ้บ้ามาร์ทมันกระชากฉันให้ไปนั่งบนตักมันแทนโซฟา ฉันบอกให้ปล่อยก็ไม่ปล่อย ฉันจึงยิ้มใส่มันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ฉันจึงยอมเรียกมันว่าพี่ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมปล่อย ฉันก็นึกว่าใช้ลูกอ้อนแล้วจะได้ผลแต่ไม่ใช่เลย และที่หนักกว่านั้นก็คือ
เขาบอกเพื่อน ๆ ของเขาว่าฉันคือคู่หมั้นจนฉันนี่อายไปหมดแล้ว แล้วอยู่ดี ๆ เพื่อนเขาที่ชื่อคิมหันต์ก็โวยวายขึ้นมาว่า มีคู่หมั้นตอนไหน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรก็โดนยัยมีนตอกหน้าให้ซะก่อน ซึ่งนั่นทำให้ฉันก็ขำนะแต่คนตัวโตนี่สิขำจริงจังมาก ๆ อะ จนฉันหยิกเขาและว่าเขาไปนิดหน่อยจนเขาหน้าเสียจากที่ขำอยู่กลายเป็นเพื่อนเขาที่ขำแทน เขามองเพื่อนเขาอย่างคาดโทษ แล้วมองฉันแบบเคือง ๆ
แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาแอบหอมแก้มฉันหรอก เขินจนตัวจะแดงอยู่แล้วเนี่ย พอเผลอก็โดนขโมยหอมแก้มตลอดบางครั้ง ที่คุยกันอย่างสนุกเขาก็มุดหน้าลงที่ซอกคอฉัน ฉันก็ขยับหนีบ้างแต่มันก็ไม่ได้ไกลเพราะเขากอดฉันอยู่ จึงทำให้ฉันหนีไม่ถนัด เมื่อเป็นอย่างนั้นฉันก็ได้แต่ปล่อย เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนอกจากนี้เลย และส่วนลึกของหัวใจมันก็ทำให้ฉันมีความสุขเล็ก ๆ
อิอิ ความสุขของฉันคืออยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนนี้สินะ
“พี่ลินคะ แล้วที่พี่ลินมาหาแพรวนี่พวกพี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
แพรวหันมาถามฉันจนสะดุ้ง
“อ้อ เปล่าหรอกจ้ะ แค่จะพาไปเลี้ยงน่ะ” ฉันตอบแล้วหันไปยิ้มให้อีกครั้ง
“เลี้ยงอะไรไปด้วยสิ” คนตัวโตที่กอดเอวฉันอยู่พูดขึ้น แล้วมองฉันตาปริบ ๆ เลยล่ะ
“ไปสิคะ ไปหลายคนสนุกดี” ฉันยังไม่ตอบอะไรเสียงไอ้แพรวก็ดังขึ้น ฉันจึงหันหน้าไปคาดโทษไอ้แพรวทันทีมันก็ได้แต่ยิ้มอย่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ไอ้มีนก็ดังขึ้น พร้อมเอามือจุ๊ที่ปากเพื่อบอกให้พวกฉันเงียบ จากนั้นพวกเราทุกคนก็เงียบ
“ฮะ! อะไรนะ พูดใหม่สิ” เสียงของไอ้มีนดังขึ้น ทำให้ฉันสงสัยไม่น้อย แต่คนที่สนใจเป็นพิเศษคงจะเป็นคิมหันต์เพื่อนอีตามาร์ทนี่แหละที่สังเกตทุกอิริยาบถของมีนเลย
“เออ อืม โอเคได้ บอกไปเลยว่าฉันตกลง เออ แค่นี้นะ” แล้วมันก็วางสายไปด้วยสีหน้าเครียด ๆ เล็กน้อย
“มีไรวะ” ยัยปรางค์ถาม
“สนามมีปัญหาวะ ฉันคงไปกับพวกแกไม่ได้ พวกแกไปกันเถอะเดี๋ยวฉันจะเข้าสนามสักหน่อย” มีนว่า
“ถ้าพี่มีนไม่ไป แพรวก็ยังไม่ไปค่ะ ไปทั้งทีต้องไปให้ครบสิ” แพรวพูด
“งั้นเอางี้ เราก็ไปกินกันที่สนาม ส่วนปัญหาที่ว่าคืออะไรบอกได้ไหม แล้วแกตกลงอะไรไป ให้ฉันช่วยไหม” ฉันเสนอทางออกให้ มันมองหน้าฉันนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า
“แกจำพวกที่ส่งคนมาก่อกวนสนามของฉันรอบที่แล้วได้ไหม พวก
เควินนะ วันนี้มันท้าดวลสนามว่ะ ถ้าแพ้ต้องเสียรถกับเงินยี่สิบล้านนี่คือของพนัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ที่ฉันกังวลก็คือฉันไม่พร้อมลงสนามอะ แขนฉันยังไม่หายดีเพราะ” มันพูดแล้วมองหน้าฉัน เป็นอันว่าเข้าใจกันอยู่แค่สี่คน ส่วนคนที่สงสัยก็คงจะเป็นพวกผู้ชาย“งั้นเดี๋ยวแพรวแข่งให้” แพรวพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอก พวกมันเก่งกว่าแพรว” ยัยมีนว่าแล้วทำท่าคิด
“งั้นฉันแข่งแทนเอง คงไม่เก่งกว่าฉันนะ”
ยัยปรางค์เสนอบ้างแต่ก็โดนยัยแพรวปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า
“สภาพแกก็ไม่เต็มร้อยนักหรอก อย่าเสี่ยงเลย” ฉันมองหน้าพวกมันสามคนเล็กน้อย จนห้องเงียบพวกมันเงยหน้ามองฉันแล้วส่ายหน้าทันที แต่ฉันมองพวกมันนิ่ง จนคนตัวโตก็หันหน้ามามองฉัน
“งั้นฉันลงเอง อย่าห้าม! ทั้งที่รู้ว่าห้ามไม่ได้ มันคงไม่เก่งเกินฉันหรอก มันคงเถื่อนพอดูเลยล่ะ ก็ดีถือเป็นการระบายอารมณ์ฉันด้วย” ฉันพูดแล้วมองหน้าพวกมัน ไอ้มีนทำท่าจะปฏิเสธ
“ในฐานะเพื่อนฉันไม่ยอมให้เพื่อนของฉันเผชิญปัญหาคนเดียวหรอก ในฐานะเจ้านายฉันขอสั่งพวกเธอว่าฉันจะลงแข่งเอง” ฉันพูดดูแล้วพวกมันตกใจแต่ก็แค่แป๊บเดียว ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังฉันนี่หน้ายู่เลย เขาอาจสงสัยนั่นแหละว่าฉันคือใคร แต่ฉันยังไม่บอกหรอก ขอดูไปอีกสักพัก ถ้าฉันแน่ใจเขาคงได้รู้เองว่าฉันเป็นใคร แต่ถ้าถามตอนนี้ฉันไม่ยอมบอกแน่ ๆ
เมื่อตกลงกันได้แล้วพวกเราทั้งหมดก็ไปที่สนามแข่งรถของยัยมีนทันที
ตอนนี้เราทุกคนก็อยู่ที่สนามแข่งเรียบร้อย และทันทีที่ฉันเห็นคู่แข่งฉันก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะทางนั้นบอกว่าเคลวินจะลงแข่งเอง ซึ่งหมอนี่ไม่คณามือฉันหรอก หึหึ แต่มันติดอยู่ที่คนตัวโตนี่แหละ
“ลิน มาคุยกันก่อน” เขาหันมาหาฉัน
“คุยอะไร ไม่มีอะไรต้องคุยหนิ” ฉันตอบเขา
“มีสิ ลินรู้ไหมว่ามันอันตราย พวกไอ้เคลวินน่ะขี้โกงจะตายพี่ไม่อยากให้ลิน ลงแข่งนะ พี่เป็นห่วง” เขาพูดไอ้กิตติศัพท์ความขี้โกงของเคลวินฉันก็พอจะรู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร แต่ฉันคิดว่าฉันรับมือได้
“แต่ฉันรับปากเพื่อนไปแล้ว และจะไม่ถอนคำพูดหรือกลืนน้ำลายตัวเองเด็ดขาด”
ฉันพูด เขาสะอึกไปนิด
“ไม่รู้แหละ ฉันไม่ให้เธอไป และเธอต้องจำ จำไว้นะ ถ้าฉันไม่ให้เธอไป เธอก็ไปไหนไม่ได้” เขาพูดแต่สรรพนามเปลี่ยนไปฉันนิ่งไปนิดก่อนจะตอบไปว่า
“เสียใจ คุณห้ามฉันไม่ได้หรอก” ฉันตอบก่อนจะมองหน้าเขากลับและไม่ยอมหลบตาและดูเหมือนเขาจะโกรธมาก ๆ เลยล่ะ เพราะฉันเห็นเขากำหมัดแล้วมองหน้าฉันนิ่ง ๆ ส่วนเพื่อน ๆ ของเขาและของฉันก็ดูเหตุการณ์เงียบ ๆ ไม่มีใครกล้ามาห้ามสักคน
แต่ก่อนที่จะเกิดพายุคนฝั่งนั้นก็เดินมาบอกว่าขอเปลี่ยนตัวคนลงแข่ง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากชนะผู้หญิง และฉันก็ได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่าทางนั้นเปลี่ยนให้คู่แข่งเป็นใบเตย หรือยัยเตยเน่าคู่ควงที่อีตาพี่มาร์ทเคยควงตอนมอห้ามอหกนั่นเอง ศัตรูเก่าฉันเองแหละ ยัยนั่นเดินมาหาฉัน
“อุ้ย กลับมาแล้วเหรอจ๊ะลลิน หายไปนานเลยนะ” ยัยเตยพูด
“อืมกลับมาแล้ว มาเอาทุกอย่างคืน ของที่เป็นของฉันก็คือของฉัน”ฉันพูดกลับนิ่ง ๆ แต่พี่มาร์ทดูสะดุ้ง
“หึ ฉันขอเพิ่มของกำนัลนะ ถ้าใครชนะได้พี่มาร์ทไป”
ยัยนั่นท้าฉัน ยัยนี่ฝีมือดีเลยทีเดียวล่ะจากข่าวที่ได้มา
“หึ ได้สิ ไม่มีปัญหา แต่เธอแน่ใจเหรอว่าจะชนะ” ฉันถามยัยนั่นกลับพร้อมทำท่าเยาะเย้ยจนมันเดินกลับไป
“ลิน พี่ไม่ให้ลงนะ มันอันตราย ใบเตยนั่นอาจโกงก็ได้” เสียงพี่มาร์ทพูดอีกครั้งดูเหมือนเขาจะใจเย็นลงแล้ว แต่... ใครจะฟังกัน
“ก็บอกแล้วไง ว่าไม่สนใจ ยังไงก็ห้ามไม่ได้ อย่าห้ามให้ยากเลย”
ฉันตอบเขานิ่ง ๆ เขามองตาฉันนิดหนึ่งก่อนเขาจะละสายตาเดินหนีฉันออกไป อะไรต้องง้อเหรอนี่
“โกรธเหรอ” เงียบ
“ไม่เอาน่า เอางี้แข่งเสร็จจะยอมทุกอย่างเลยโอเคไหม” เขาก็ไม่ตอบ
“พี่มาร์ท! เริ่มโมโหแล้วนะ”
แล้วเขาก็หันหน้ามามองฉันนิ่งแล้วบอกว่า
“จำที่พูดเมื่อกี้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าลืมล่ะ” เขาตอบฉันยิ้มแล้วฉันกับเขาก็กลับเข้าไปในห้องรับรองรอเวลา
ตอนนี้ฉันกับพี่มาร์ทก็มาถึงที่ห้างพี่ตินแล้ว แต่ทำไมคนมองฉันกับพี่มาร์ทแปลก ๆ อะ ก่อนเราจะเข้าไปในห้าง“ลินครับ ลินเข้าไปก่อนเลยนะครับ พี่ลืมของพี่ขอกลับไปเอาของก่อน”“เดี๋ยวลินรอก็ได้ค่ะ” เขายิ้มแต่ส่ายหน้า“เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่หน้าเขาก็ยังคงเครียดอยู่ฉันจึงพยักหน้าเศร้า ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างคนก็ยิ่งมองฉันและที่สำคัญทุกคนอมยิ้มให้ฉันจนฉันรู้สึกเก้อเขินไปหมด ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนเจอรูปตัวเองห้อยลงมามันเป็นรูปตอนที่ฉันอยู่ในช่วงอายุมอสี่มอห้าฉันจำได้ดีเพราะช่วงเวลานั้นทำให้ฉันต้องหนีไปอเมริกาฉันเดินมองรูปทีละรูปตามทาง ตามลูกศรไปเรื่อย ๆ รูปตอนเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นรูปที่มาที่ประเทศไทยวันแรกในรอบสี่ปีในหลาย ๆ อิริยาบถฉันเริ่มตกใจ ฉันหยิบรูปนั้นมาดู“ลินครับ” ลายมือพี่มาร์ทหนิ ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ พลิกทีละรูปและแต่ละรูปจะมีข้อความเสมอ“พี่ขอโทษในทุกเรื่อง”“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”“ขอโทษที่เคยทำร้าย”“ทำร้ายคนที่พี่รักสุดหัวใจ” ฉันเดินอ่านจนมาถึงรูปนี้น้ำตาฉันก็ยิ่งคลอในหน่วยตา“ลินพอจะ
“อะอื้อ ฮื่ออ”“ตื่นได้แล้วครับสายแล้ว”“อื้อจะนอน อย่ามายุ่ง”“ถ้าไม่ตื่นพี่ปล้ำนะ”จุ๊บจุ๊บ“โอ๊ย ๆ ตื่นแล้ว ๆ ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ เมื่อคืนเล่นลินซะหนักเลยกว่าจะได้นอนก็ตีสี่เข้าไปแล้วไม่รู้เอาแรงมาจากไหนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ฉันโวยคนตัวโตทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของเขานั่นแหละ เอะอะปล้ำเอะอะปล้ำบ้าหรือเปล่า เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนเหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลียแถมยังปลุกให้ลุกแต่เช้าอีก ฮือ อยากจะฆ่าพี่มันนัก“ลุกไปอาบน้ำเลยครับ ผู้ใหญ่มารอนานแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”เดี๋ยวนะผู้ใหญ่เหรอหมายความว่าไงอะ“เมื่อกี้พี่มาร์ทว่าไงนะคะ ผู้ใหญ่มารอคือ ?” พี่มาร์ทยิ้ม“ไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวเสียฤกษ์” ฉันก็พยักหน้าอย่างงง ๆ ฤกษ์อะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลยงงไปสิตุ้บ“โอ๊ย”ทันทีที่ลุกลงจากเตียงร่างของฉันก็หล่นตุ้บอยู่ข้างเตียง ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียวปั๊ด“หึหึ เจ็บเหรอครับมาพี่ช่วย”“ก็เพราะใครล่ะ บอกให้พอ ๆ ๆ เคยฟังปะ” ฉันมองเขาตาเขียวพร้อมกับบ่นไปด้วย“อ้าว พี่อาจจะผิดที่ไม่ฟังแต่พอพี่จะหยุดลินบอกเองนี่ครับอย่าหยุด อ๊ะ อื้อ เร็ว ๆ เร็วกว่านี้”เพี้ยะ“โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่พูดความจริงนะ ฮ่
“เฮ้ย!!!”O_O“ขะ เข้า เข้ามาได้ยังไง”ไม่ต้องตกใจครับ จะใครซะอีกล่ะนอกจากน้องลินยัยโหดของผมไงครับ ดูหน้าตาสิคืออะไร ตาจะโตไปไหน แล้วไอ้อาการอ้าปากค้างอีกนั่น อย่างกับว่าไม่เคยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นอะ จะตกใจอะไรกันนักกันหนา“ถามว่าเข้ามาได้ยังไงคะพี่มาร์ท ออกไป ลินจะอาบน้ำ”“แหนะ ถามไม่ตอบ บอกให้ออกไปไง พี่มาร์ท ออกไปสิ”ผมยังยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน มองหน้ายัยตัวแสบนิ่ง ไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาดเอาสิ วันนี้มีเรื่องให้เคลียร์ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ยังไงก็ไม่ออกเด็ดขาด“ไป ออกไปค่ะ” ยัยตัวแสบเดินมาผลักผม เอามือดันหลังผมออกไป พอใกล้ถึงประตูหมับ“อ๊ะ พี่มาร์ท ทำอะไรคะ ปล่อยสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น”“ไม่เห็นหรอกน่า อยู่ในห้องขนาดนี้ แถมยังล็อกประตูแล้วด้วย ใครจะมาเห็นครับ หื้ม”ฟอดผมพูดพร้อมหอมแก้มเธอไปด้วยแรง ๆ หนึ่งที“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องออกไป”“ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรรู้ไหม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลย”ผมพูดจบก็พาเธอมานั่งที่โซฟาโดยให้เธอนั่งตักและกอดเอวเธอไว้ เธอขมวดคิ้วมุ่น“เรื่องอะไรคะ ก็เมื่อข้างล่างบอกไปหมดแล้วนี่คะ” ลินพูด“ก็ลิน กอดนายอะไรนะ ไอ้ตำรวจ FBI นั่นอ่ะ” ผม
โอ๊ย ให้ตายเถอะไม่เคยกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ของฉัน ของพี่มาร์ท ป๊าแด๊ดและเพื่อน ๆ ของฉันมองมาที่ฉันทุกคนเลยอะงืออออ เอาไงดีวะ ฉันกดดัน เอาวะยิ้มสู้"ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ" คุณพ่อ"ใช่ไม่ต้องยิ้ม" คุณแม่"เล่ามา" ปรางค์"อย่าหมกนะ" มีนเอาไงดีวะหาตัวช่วย พี่มาร์ท พอหันไปเท่านั้นแหละ ฮือ ลินอยากร้องไห้ สายตาดุกว่าคนอื่นอีก"ไง จะเล่าได้หรือยังจะเงียบอีกนานไหมผู้ใหญ่เขารอ""โธ่แด๊ดดด""ไม่ต้องโธ่ เล่ามาให้หมดนะครับคุณลลิน""ป๊าอะชิ" แต่ก็เท่านั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเล่าอยู่ดี"คือว่ายังไงดี โอ๊ยงง" ฉันเอง"ก็ไม่เอายังไงเล่ามาทีละเรื่อง เรื่องแรกเลยไปเป็นหัวหน้าองค์กรได้ยังไง" คุณพ่อพูด ฉันยิ้มก่อนจะบอกว่า"อ๋อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ลินชอบการต่อสู้แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญได้เข้าไปช่วยคนที่อ่อนแอทำให้คนที่ลินช่วยเนี่ยน่าจะเคารพลินมั้งคะ จากหนึ่งก็เป็นสองจากสองก็เป็นร้อยเป็นพันจนกลายมาเป็นองค์กรและมีผู้ร่วมขบวนการอย่างปีเตอร์ มะนาว น้องแพรว ยัยมีน และยัยปรางค์นี่แหละค่ะ อิอิ" ฉันพูดด้วยความสุข"ยังจะมาหัวเราะ โอ๊ยแม่จะเป็นลม" คุณแม่พูดพลางดมยาดมกับคุณป้าแม่ของพี่มาร์ทพร้อม ๆ กัน"
หลังจากที่พวกผมสั่งงานทางนั้นเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินทางกลับไปหาลลินทันทีพร้อมกับมิสเตอร์สมิธ แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะครับเพราะมิสเตอร์สมิธบอกว่าเสียเวลา ไปเจอตัวลินเลยดีกว่า พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกทางคนขับรถของผมให้ไปที่โกดังร้างนอกเมืองแทน"อะไร มองหน้าฉันทำไม"มิสเตอร์สมิธพูดออกมาหลังจากที่เราขึ้นรถคันเดียวกันพวกผมทั้งหมดก็นั่งมองหน้าเขามาตลอดทาง"คือพวกผมสะ..”"ถึงแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกรีบไปกันเถอะ" ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านก็พูดออกมาซะก่อนตอนนี้เราอยู่ที่โกดังล้างนอกเมืองเรารีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกใจกับสภาพคนที่นอนเจ็บและตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด จากสภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะเป็นอะไรไหม เธอจะเจ็บตัวหรือเปล่า แต่ที่ไวกว่าความคิดผมก็คงเป็นขาของผมนี่แหละมันวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ๆ เลยด้วยซ้ำอ๊ากกกกกกกกกกกกกกแต่แล้วก็ต้องสะดุดลงเพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวน ด้วยความกลัวจะเป็นยัยตัวเล็กอยู่ในอันตรายผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่ผมเห็นคือนายโทมัสนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย สภาพร่างกายนี่ดูไม่ได้เลย รอ
“หึหึ ทำไมโกรธเหรอนังลิน แกมันนังงูพิษ ฉันน่าจะฆ่าแกตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแกทำธุรกิจของฉันต้องพังไง” มันพูดและมองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น“งั้นเหรอ งั้นก็เข้ามาสิ”อ๊ากกกกกกกฟิ้ว นายโทมัสพุ่งเข้ามาใส่ฉันแต่ฉันหลบได้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวนายโทมัสก็ซัดหน้าท้องของฉันเต็มแรงอุกจุกชะมัด ฉันมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันตกใจนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา“หึ เป็นไงฉันบอกแกแล้วว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแก ตายซะเถอะ” พูดจบมันก็หยิบมีดมาเพื่อที่จะแทงฉันที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก ฉันพลิกตัวหลบมีดของมันได้ทันก่อนที่จะปังไอ้บ้านี่มันรอบกัดมันหยิบปืนยิงมาที่ฉันแต่ฉันม้วนตัวหลบได้ซะก่อน หึ ลอบกัดแบบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้แล้วนะ ฉันหยิบมีดบิ่นที่ให้ยัยมะนาวทำเป็นพิเศษออกมา“ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้วลลิน” ฉันมองมีดบิ่นด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มความชั่วร้ายปัง ปัง ปัง เสียงปืนของนายโทมัสยิงใส่ฉันไม่หยุดปัง ปังฟิ้ว ปัก ฉึกเสียงปืนกับมีดบิ่นของฉันสองเล่มดังขึ้นพร้อมกันแต่มันพลาดกระสุนปืนของมันไม่โดนฉันสักนิดเดียว แต่มีดของฉันปักลงบนมือที่จับปืนและต้นขาขวา