ทางด้านเพื่อนสนิทของโซ่ก็รีบเดินมาหาเพื่อนที่ยืนนิ่งอยู่ แต่เมื่อมาถึงแล้วเห็นโซ่มองไปทางหนึ่งแล้วยิ้มอยู่ พายัพก็เอ่ยถามขึ้นทันที
“มองอะไรวะ?”
“เออ แล้วยิ้มด้วย มีอะไรดี ๆ บอกพวกกูมานะ?”
ไลอ้อนเองก็สงสัยเช่นกัน เขาเดินไปสอดส่องหาสิ่งที่โซ่มองแล้วยิ้มทันที
“ปัญญาอ่อน” โซ่หันหน้าหนีแล้วพูดขึ้นอย่างเอือมระอา
“แล้วเป็นไงวะ?” เรย์ถามถึงสิ่งที่เพื่อนมาทำที่นี่แทน เป็นงานเป็นการมากกว่าสองคนแรกเป็นไหน ๆ
“เดี๋ยวท่านจัดการให้” โซ่ตอบแล้วทำหน้าตาย ตามแบบฉบับของเขา
“เออดี เล่นกับใครไม่เล่น”
“กูไปทำงานต่อแล้ว” โซ่พูดขึ้นแล้วก็เดินออกไป เพื่อจะไปทำงานต่อให้เสร็จ โดยมีลีออนและเรย์เดินตามไป
“ไอ้อ้อน มีอะไรวะ?” พายัพหันมาถามไลอ้อนที่ยังคงสอดส่องหาสิ่งผิดปกติอยู่
“เปล่า กูแค่สงสัยว่ามันมองอะไร”
ไลอ้อนมองไปทั่วแล้วไม่เจออะไรก็หันมาตอบเพื่อนอย่างเซ็ง ๆ นึกว่าจะมีอะไรดี ๆ เสียอีก
“ไปเถอะ” พายัพจึงชวนเพื่อนตามไปทันที
“อื้ม”
เช้าวันต่อมา
โซ่มาทำงานแต่เช้า เนื่องจากว่าเมื่อวานนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในคณะ จึงทำให้อาเขยของเขาโยนงานมาให้มากมายเลย
แกรก
เสียงประตูที่เปิดออกตามด้วยร่างของสองแฝดที่เดินเข้ามา
“มาเช้าจังวะ?” ไลอ้อนเอ่ยทักเพื่อนสนิททันทีทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าทำไมโซ่ถึงมาเช้า เพราะที่น้องชายฝาแฝดลากเขามาแต่เช้าก็เพราะสาเหตุเดียวกันนี่แหละ
“เอานี่ไป” โซ่ไม่ตอบ แต่ยื่นซองเอกสารไปให้ไลอ้อนแทน
“อะไร?” ไลอ้อนรับเอกสารที่มีชื่อด้านหน้าเป็นคณะต่าง ๆ มาด้วยความงงงัน
“เอกสารรายงาน และแจ้งงบประมาณ ไปส่งให้แต่ละคณะด้วย”
“หมดนี่เลยเหรอวะ?” เมื่อได้ยินคำตอบของโซ่แล้ว ไลอ้อนก็ถามขึ้นแล้วทำหน้าเซ็งทันที
“อื้ม”
“แบ่ง ๆ กันไปดิ ให้พวกกูไปสองคนเหนื่อยหอบพอดี” จากนั้นเขาก็เริ่มโวยวาย เพราะให้เขากับน้องชายไปทุกคณะก็คงเหนื่อยแย่
“ใครบอกว่ากูจะไปด้วย " แต่คำถามของน้องชายก็ทำให้เขานิ่งค้างทันที
ลีออนถามขึ้นด้วยไปหน้านิ่ง ๆ แล้วก็เดินไปนั่งโต๊ะประจำของตนเอง จากนั้นก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ปิดสัญญาณรับรู้จากโลกภายนอก
“อ้าว อะไรวะ?”
ไลอ้อนถามขึ้นงง ๆ และก็รู้แล้วว่าที่ลีออนลากเขามาแต่เช้า ไม่ใช่เพราะน้องชายมีงาน แต่น้องชายลากเขามาให้โซ่ใช้งานนี่เอง
แกรก
แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูไลอ้อนก็หันไปมองทันที
“ไอ้พาย มาพอดีเลยมึง มานี่!” เมื่อเห็นว่าเป็นคู่หูของตนเองก็รีบพูดขึ้นทันที
“มีอะไรวะ?” พายัพถามขึ้นและมองไลอ้อนที่ยิ้มร่าด้วยสายตาแปลก ๆ
“ก็ไอ้พวกนี้มันโยนงานมาให้กูนี่”
“งานอะไร?”
“ส่งเอกสาร” ไลอ้อนตอบแล้วกรอกตามองบนเล็กน้อย ที่งานของเขานี่มันช่างสำคัญจริง ๆ?
“ไหนมาดูซิ” พายัพจึงหยิบเอกสารในมือเพื่อนขึ้นมาดู
“เอาไปให้พวกเฮดว้ากเหรอ?” หลังจากที่ดูแล้วก็หันไปถามโซ่ทันที
“ประธานรุ่นปีสาม” โซ่ตอบกลับแล้วปิดเอกสารของคณะตัวเองที่เขาอ่านเสร็จแล้วลง
เพราะเมื่อวานที่เขาไปหาอธิการบดี ท่านก็จัดการให้ทักอย่างและทำเอกสารงบประมาณมาใหม่ รอบนี้จะต้องรับรู้ทั้งอาจารย์และนักศึกษาที่รับผิดชอบของคณะนั้น ๆ เพื่อความโปร่งใส แต่อาเขยกลับโยนงานส่งเอกสารนี้มาให้เขาด้วยซะอย่างนั้น
“อ๋อ”
“ถ้าอย่างนั้นกูเอาคณะบัญชี มนุษย์ นิเทศน์แล้วก็แพทย์” พายัพพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปพูดกับไลอ้อน มือก็เลือกหาคณะที่ตนเองพูดอยู่
“อะไรวะ?” ไลอ้อนทำหน้างง ไม่เข้าใจ เพราะปกติพายัพไม่ใช่คนที่ง่ายขนาดนี้ นี่ถูกใช้งานนะ ทำเหมือนได้เงินเสียอย่างนั้น
“โหหห ไอ้สัส กูนึกไม่ถึงเลย ไม่ได้ เดี๋ยวกูไปเอง” แต่พอคิดดี ๆ นึกถึงคณะที่เพื่อนเลือกแล้วไลอ้อนก็เบิกตากว้าง ที่พายัพยอมง่าย ๆ ก็เพราะจะไปส่องสาว ๆ นี่เอง
ไลอ้อนแย่งเอกสารในมือเพื่อนไปทันที
จากนั้นก็เป็นสงครามของสองคนที่เป็นคู่หูกัน ทั้งสองคนยื้อแย่งเอกสารกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เฮ้อออ” ลีออนเงยหน้าขึ้นมองแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“เอามาไอ้อ้อน!”
“ไม่!”
โซ่ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน เดินไปหาทั้งสองคนที่ยื้อแย่งกันอยู่
พรึบ
โซ่ยื่นมือไปดึงเอกสารในมือของไลอ้อนมาแล้วทำการเลือกหาคณะที่เขาจะไปทำธุระ
“อ้าว ไอ้โซ่!!” ทั้งพายัพและไลอ้อนก็หันมามองเขาอย่างงงัน
“ที่เหลือก็แบ่ง ๆ กันก็แล้วกัน” โซ่เลือกเอกสารมาฉบับหนึ่งแล้วยื่นคืนไปให้ไลอ้อนเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็เดินหนีออกไปทันที
“เดี๋ยวสิ เห้ย!!” ทั้งพายัพและไลอ้อนต่างก็ร้องห้าม เพราะไม่รู้ว่าโซ่เลือกคณะไหนไป แต่โซ่ไม่ได้สนใจหันกลับมา
ทิ้งให้เพื่อนทั้งสองยื้อแย่งกันต่อ
คณะเภสัชศาสตร์
ร่างสูงของโซ่เดินเข้ามาในอาคาร ท่ามกลางสายตาของคนที่มองมา โดยเฉพาะสาว ๆ ที่จ้องเขาตาเป็นมัน และหันไปกรี๊ดใส่กันเบา ๆ
“พี่โซ่!” และในระหว่างที่กำลังจะเดินไปทิศทางของห้องกิจการนักศึกษา ก็มีคนมาดักหน้าเขาก่อน
“สวัสดีค่ะ” สาวสวยในชุดนักศึกษารัดรูป เอ่ยทักทายเขาแล้วบิดตัวด้วยความเขินอาย
โซ่พยักหน้ารับนิ่ง ๆ และไม่ได้พูดอะไร
“เอ่อ จำแพมได้ไหมคะ? ที่เคยถือป้ายกับพี่โซ่ปีที่แล้ว”
สาวสวยที่มีนามว่าแพม ดาวคณะของปีที่แล้ว ที่มีโอกาสได้ไปยืนถือป้ายมหา’ลัยกับโซ่ถามขึ้นทันที ในใจก็มีความคาดหวังว่าเขาจะจำเธอได้ เพราะครั้งนั้นที่เธอได้ถือป้ายกับโซ่นั้น เป็นเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากตัวแทนจากวิศวะ ซึ่งก็คือเรย์ไม่สะดวกทำกิจกรรม
โซ่จึงจำต้องมาถือป้ายแทนเพื่อน และครั้งนั้นก็ทำให้เธอเป็นที่รู้จักและเป็นที่อิจฉาอย่างมาก ที่ได้ใกล้ชิดกับคนดังวิศวะ
“จำไม่ได้ ขอตัวนะ” แต่คำตอบของโซ่ก็ทำให้เธอนิ่งค้างไปทันที
โซ่ตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่ง ๆ จากนั้นก็เดินหนีออกไป ทิ้งให้สาวสวยได้แต่ยืนหน้าชาทำตัวไม่ถูกอยู่คนเดียว
“คิก คิก แกเห็นไหม หน้าแตกเลย”
“เออ มั่นกับใครไม่มั่น ไปมั่นทักพี่โซ่”
คนที่อยู่บริเวณนั้นที่เห็นเหตุการณ์ ก็พากันหัวเราะคิกคัก ทำเอาแพมไม่กล้าสู้หน้า เดินหนีไปทันทีด้วยความอับอาย
สามสาวที่กำลังจะเดินผ่านกลุ่มคนที่ยืนคุยกันอยู่ ได้ยินก็ขาชะงักทันที
“คะ?” เจ้าแก้มชะงักไปทันที แล้วหันมามองโซ่อย่างตั้งคำถามอีกครั้ง“...” เพียงแต่โซ่ไม่ตอบอะไร เขามองเธอนิ่ง “เจ้าแก้มไม่ได้โกรธค่ะ” เจ้าแก้มส่ายหน้าเบา ๆ และขบคิดด้วยความสับสน“แล้วเป็นอะไร?” โซ่จึงจี้ถาม แม้จะมั่นใจแล้วก็ตามว่าเธอเป็นอะไร“เจ้าแก้มก็ไม่รู้” เจ้าแก้มส่ายหน้าตอบกลับมา เพราะเธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองเป็นอะไร มันอธิบายความรู้สึกไม่ได้ในตอนนี้“เห็นรูปนั้นใช่ไหม?” “ค่ะ” เมื่อถูกถามอย่างนั้น เจ้าแก้มยอมรับไปตรง ๆ แล้วก้มหน้าลงทันที“พี่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้จัก ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ” โซ่อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น เขาไม่รู้จักรุ่นน้องคนนั้นมาก่อน และไม่มีความคิดที่จะนอกใจเจ้าแก้มเลยสักครั้ง“อีกอย่างรูปนั้นพี่สั่งให้ไอ้ลีนไปลบให้แล้ว” แล้วก็บอกเล่าว่าเขาสั่งให้เพื่อนไปลบรูปนั้นแล้ว“พี่ดีใจนะ”“ดีใจอะไรเหรอคะ?” เจ้าแก้มเงยหน้าขึ้นแล้วมองโซ่อย่างแปลกใจ ที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นว่าดีใจ“ก็ดีใจที่เจ้าแก้มหึงพี่” โซ่กล่าวแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาอย่างอารมณ์ดี“บ้า ใครหึงกัน ไม่มีนะ” ทำให้เจ้าแก้มหน้าร้อนขึ้นมาแล้วรีบปฏิเสธทันที เธอไม่ได้หึงเขาเสียหน่อย แค่ไม่พอใจที่เห็นเขากับคนอื่นก็เ
เจ้าแก้มมึนตึงกับโซ่เป็นอย่างมาก จนกลายเป็นความอึดอัดใจ“วันนี้พี่ไปส่งนะ” เขาอาสาไปส่งเธอที่บ้านด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้คุยกัน“พี่กราฟจะมารับค่ะ” แต่เจ้าแก้มกลับปฏิเสธมาเสียอย่างนั้น“เดี๋ยวพี่จะโทรบอกพี่กราฟเอง” โซ่จึงอาสาโทรหากราฟเอง เพราะอย่างไรวันนี้ต้องได้คุยกันก่อนทำให้เจ้าแก้มไม่สามารถปฏิเสธได้“พี่ไปนะ” โซ่จำใจต้องลาเจ้าแก้ม เพื่อไปเรียน แต่ก็ยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย“แกตึงใส่เขาเกินไปหรือเปล่า?” เมื่อโซ่เดินออกไปแล้ว ชิงชิงก็หันมาถามเจ้าแก้มทันที“นั่นสิ” หนูดีเองก็เห็นด้วย ว่าเจ้าแก้มเฉยชากับแฟนหนุ่มของเธอมากไปจริง ๆ“เจ้าแก้มไม่รู้” คำพูดของเพื่อนทั้งสองทำให้เจ้าแก้มรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้“ถ้าแกไม่รู้ แกควรจะถาม หรือพูดคุยกับเขาไปนะเจ้าแก้ม ไม่ควรทำแบบนี้” ชิงชิงจึงค่อย ๆ พูดให้เจ้าแก้มคิด และเข้าใจ“เจ้าแก้มงี่เง่าไปเหรอ?” เข้าแก้มจึงถามกลับมา เธอไม่อยากเป็นอย่างนี้เลย เพียงแต่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้จริง ๆ“ไม่ใช่หรอก แต่แกก็รู้ว่าพี่โซ่เขารักแกแค่ไหน”“ใช่ ตึงใส่เขาไปแบบนั้นจะเรียนรู้เรื่องไหมน่ะ” คำพูดของหนูดีทำให้เจ้าแก้มชะงัก แล
“พี่ไลอ้อน” เจ้าแก้มหยุดชะงักแล้วยกมือไหว้เพื่อนสนิทของแฟนหนุ่ม“ไม่เห็นไอ้โซ่บอกเลยว่าเราจะมา?” ไลอ้อนรับไหว้แล้วพึมพำขึ้น เพราะก่อนหน้านี้โซ่ไม่เห็นจะบอกพวกเขาเลยว่าเจ้าแก้มจะมากินข้าวที่โรงอาหารของพวกเขา“เจ้าแก้มไม่ได้บอกพี่โซ่น่ะค่ะ” เจ้าแก้มบอกกับเขาไปเสียงนิ่ง“อ้าว” นั่นทำให้ไลอ้อนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ และไหนจะอาการมึนตึงของเจ้าแก้มอีก เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ขอตัวไปสั่งข้าวก่อนนะคะ” เจ้าแก้มตัดบทแล้วขอตัวไปสั่งข้าวทันทีไลอ้อนมองตามหลังของเธอไปด้วยความงงงัน“น้องชิงชิง?” จากนั้นก็หันมามองชิงชิงอย่างตั้งคำถาม“ขอตัวนะคะ” แต่ชิงชิงไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน จึงค้อมหัวให้รุ่นพี่เล็กน้อย จากนั้นก็วิ่งตามหลังเจ้าแก้มไปติด ๆทิ้งให้ไลอ้อนได้แต่เกาหัวแกรก ๆ มองตามหลังไปทางด้านของโซ่ ในตอนนี้เขากำลังรอเจ้าแก้มตอบกลับข้อความ หลังจากที่เขาส่งไปหาเธอตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว“มึงเห็นนี่ยัง?” แล้วจู่ ๆ พายัพก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาไปให้กับโซ่ซึ่งโซ่ก็มองด้วยความแปลกใจ และรับไปดูก็เห็นว่าเป็นรูปตอนที่เขาไปทำบุญเมื่อเช้านี้ และมีรุ่นน้องคนหนึ่ง มาอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเขาไม่ได้รู้จัก หร
เช้าวันต่อมา ในวันนี้เจ้าแก้มมาเรียนโดยมีพี่ชายมาส่ง เพราะโซ่มีนัดกับรุ่นน้องแต่เช้า เพื่อมาทำบุญคณะกัน เจ้าแก้มจึงไม่ได้รบกวนเขาในขณะที่นั่งรอเรียนอยู่นั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นเป็นระยะ และเจ้าแก้มเองก็รู้สึกว่ามีสายตาของหลายคนมองมาที่เธอแปลก ๆเจ้าแก้มจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงงงัน จนหันมาเห็นสายตาของเพื่อนสนิททั้งสองนี่แหละ“มีอะไรเหรอ?” เจ้าแก้มถามขึ้นด้วยความสงสัย“ดูนี่สิ”“หือ?” เจ้าแก้มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จากนั้นก็รับโทรศัพท์จากมือของหนูดีมาดูซึ่งบนหน้าจอกำลังโชว์ภาพของโซ่และผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำบุญอยู่ข้างกัน พร้อมกับแคปชันหวานซึ้งเจ้าแก้มเลื่อนอ่านเม้นก็มีแต่คนพูดว่าเหมาะสมกัน และถามถึงเธอด้วย“โอเคนะ?” ชิงชิงถามขึ้นแล้วมองเจ้าแก้มด้วยสายตาเป็นกังวลเพราะสีหน้าเจ้าแก้มมีความเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกำโทรศัพท์ในมือแน่นเจ้าแก้มได้สติเงยหน้าขึ้นมาเพื่อนสนิททั้งสองแล้วถามขึ้น“ใครเหรอ?”“เห็นบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งน่ะ” หนูดีเป็นฝ่ายตอบ เพราะเธอได้ถามมาแล้วก่อนที่จะเอารูปให้เจ้าแก้มดู คนรู้จักของเธอบอกว่าเป็นรุ่นน้องปีหนึ่ง“อื้ม” เจ้าแก้มพยักหน้ารับรู้แล้วทำเป็น
โซ่เองก็ให้เจ้าแก้มมานั่งข้าง ๆ เขาเช่นกัน แล้วหยิบน้ำมาเปิดฝาให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เจ้าแก้มรับน้ำมาแล้วเอ่ยขอบคุณโซ่“หิวไหม?” โซ่จึงถามอย่างใส่ใจ เพราะทุกครั้งเวลานี้เจ้าแก้มจะต้องได้กินของว่าง แต่เขาติดธุระ ไม่มีเวลาไปรับเธอเลย คิดแล้วก็มีสีหน้ารู้สึกผิดขึ้นมาทันที“ไม่ค่อยหิวค่ะ” เจ้าแก้มรู้สึกหิวเล็กน้อย เพราะความเคยชินที่ได้กินอาหารเวลานี้ แต่ก็ไม่อยากรบกวนโซ่ จึงตอบกลับไป“แสดงว่าหิว?” แต่คำว่า ไม่ค่อย ของเธอนั้นทำให้โซ่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตามองเธอ“แฮ่ ๆ” เจ้าแก้มไม่อยากโกหกว่าไม่หิวจึงยิ้มแหยให้เขาไป“รอก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกิน” โซ่จึงพูดขึ้นแล้วหันไปมองตามรับน้องของคณะตัวเองด้วยความหงุดหงิด ใจเขาอยากจะเข้าไปปล่อยรุ่นน้องและพาเจ้าแก้มกลับตอนนี้เลย แต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่คิด“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ากินตอนนี้ กลับบ้านไปคงกินข้าวไม่ได้” เจ้าแก้มเห็นสีหน้าโซ่จึงรีบบอกกับเขาไป เพราะเวลานี้เธอคงกินอะไรไม่ได้แล้ว เพราะว่าต้องกลับไปกินข้าวกับที่บ้านต่อด้วย“อื้ม” โซ่เองก็พึ่งนึกขึ้นได้จึงพยักหน้าเข้าใจรอไม่นานกลุ่มพี่ว้ากก็มีการปล่อยรุ่นน้องให้กลับบ้านทำให้โซ่เองก็พาเจ้าแก้มกลับได้เช่นก
เวลาผ่านไป หลังจากวันนั้นที่โซ่ง้อเจ้าแก้มได้สำเร็จ ทั้งสองก็ตัวติดกันตลอด ไม่ห่างไปไหนช่วงปิดเทอมบ้านของเจ้าแก้มก็มีโซ่ไปเป็นแขกประจำ จนคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านพี่ชายทั้งสองของเจ้าแก้ม เห็นโซ่ดูแลน้องสาวของพวกเขาเป็นอย่างดีก็อ่อนให้โซ่แล้ว ไม่มีจิกกัดเหมือนแต่ก่อนจวบจนเปิดเทอม เจ้าแก้มขึ้นปี 3 ส่วนโซ่ก็เป็นรุ่นพี่ปี 4 แล้วในวันนี้เจ้าแก้มมาที่มหาวิทยาลัยโดยมีโซ่มาส่ง ส่วนตัวเขานั้นยังไม่ได้มีการเรียนอะไร มีเพียงคอยดูแลเรื่องการรับน้องในคณะก็เท่านั้นซึ่งโซ่ได้รับเลือกเป็นประธานสภาของมหาวิทยาลัย เขาจึงวุ่นวายเป็นอย่างมากส่วนเจ้าแก้มนั้นขึ้นปีสาม เป็นปีของพี่ว้าก ที่ไม่ต้องไปวุ่นวายการรับมากนัก แต่วันนี้เธอถูกเพื่อนสนิทลากมาดูพี่ว๊าก ซึ่งก็คือเพื่อนปีเดียวกันกับเธอลงว้ากเป็นครั้งแรก“เงียบ!!”เสียงว๊ากที่ดังขึ้นทำให้น้อง ๆ ที่กำลังฮือฮากันอยู่เงียบเสียงลงทันทีบรรยากาศโดยรอบกำลังเกิดเดดแอร์ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าแก้มที่เผลอเกร็งไปกับน้อง ๆ ด้วย“ดุชะมัด” ชิงชิงหันไปกระซิบกับหนูดีเพราะพี่ว้ากปีของพวกเธอ มาจากกลุ่มผู้ชายที่ดูจะนุ่มนวลที่สุดแล้ว ทุกคนจึงไม่เชื่อนักว่าพวกเขาจะว้ากได้จริง จึ