วันรุ่งขึ้น
ติ๊ติด ติ๊ติด ติ๊ติด
นิราตื่นขึ้นมาคว้านมือหานาฬิกาปลุก ที่แผดเสียงดังอยู่หัวเตียง ก่อนจะเพ่งสายตาที่เหนื่อยอ่อนไปดูเวลาในหน้าปัด
“อร้าย สายแล้ว งานวันแรกของชั้น!”
นิราแผดเสียงร้องดังลั่นห้องเมื่อมองนาฬิกา ตอนนี้มันบอกเวลา 07.30 น. แล้ว อีกครึ่งชั่วโมงเธอจะต้องไปอยู่ที่ทำงาน มันจะทันได้ไงกับเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง แค่อาบน้ำก็เกินแล้ว
“อ๊ะ อา เจ็บ” นิราที่ขยับลุกจากเตียงเพื่อจะไปอาบน้ำทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องทันทีที่เธอทำแบบนั้น นี่เธอเมาแล้วไปลากใครเข้าห้องด้วย ร่างกายถึงได้มีสภาพแบบนี้
“บ้าเอ้ย ทำบ้าอะไรลงไปเนี้ย”
นิราไม่มีเวลาคิดเรื่องเมื่อคืน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เธอกำลังจะพลาดงานสำคัญ นิราลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทน งานนั่นสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เพราะมันคือรายรับเดียวที่เธอจะใช้จ่ายในสิ้นเดือนนี้
“ชุดอะไรวะเนี้ย”
นิราออกมาจากห้องน้ำ ค้นหาชุดที่เจนจิราเลือกให้เมื่อวาน มันใช้ไม่ได้เลยสักชุด เธอต้องการชุดที่มันสามารถปกปิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่เธอเห็นตามตัวตอนอาบน้ำ
“ไปสภาพเดิมก็ได้วะ”
ตอนนี้เหลือเวลาแค่ 5 นาที นิราจึงเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวในตู้ กับกางเกงขายาวมาใส่ ผมสีดำปล่อยมันให้สยายไปเต็มแผ่นหลัง เพื่อปิดรอยแดงที่คอ ส่วนหน้าไม่แต่งมันแล้ว เวลาหมดแล้ว เธอไปสายตั้งแต่ทำงานวันแรก
“พี่วิน ไปซอย 57 ด่วนเลยค่ะ”
นิราเดินมาโบกวินมอเตอร์ไซค์หน้าคอนโด ก่อนจะก้าวขาขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ด้วยความลำบาก เพราะเจ็บบริเวณจุดอ่อนไหวที่มันบวมเจ่อ เธอรู้สึกว่ามันยังมีเลือดไหลซึม เธอจึงใส่แผ่นอนามัยแบบเดลี่ไว้ด้วย นี่เธอโดนอะไรไปเนี้ยทำไมมันระบมได้ขนาดนี้
“พี่วิน เร็วค่ะ หนูสายแล้ว”
เร่งวินมอเตอร์ไซด์ ทั้งที่พี่เขาขับเกือบ 80ไปแล้ว ในเมืองหลวงแบบนี้ ต่อให้เร่งแค่ไหนมันก็มีไฟแดง และที่สำคัญคือรถติดมากในเวลาเร่งด่วนแบบนี้
“น้อง พี่เป็นวินนะ ไม่ใช่นักบิน จะได้เหาะได้ แหม๋ รีบขนาดนี้ไม่มาตั้งแต่เมื่อวานละ”
วินมอเตอร์ไซด์หันหน้ามาแขวะ ตอนจอดรถติดไฟแดง ก่อนจะขับต่อเมื่อสัญญาณไฟขึ้นสีเขียว
“พี่วินอะ” นิราได้แต่นั่งเงียบ แม้ในใจจะรู้สึกกังวล ซอยที่เธออยู่กับที่ทำงาน มันไกลกันทีเดียว คงต้องทำใจน้อมรับคำด่าตั้งแต่วันแรกแล้วละนิราเอ้ย
@บริษัทนำเข้าและส่งออก
เสือที่หนีออกมาจากคอนโดนิรา ตอนตีห้า เข้ามานั่งทำงานด้วยอาการง่วงหง่าวหาวนอน เมื่อคืนกว่าเขาจะข่มใจได้ ก็เกือบตีสี่ แทบจะไม่ได้นอนเลย เพราะยัยนิราที่หลับอยู่ข้างกาย
“พี่เสือ เลขาคนใหม่ยังไม่มาเหรอครับ ฝ่ายบุคคลแจ้งแล้วใช่ไหม ว่าเมื่อวานผมรับเลขามาให้พี่แล้ว” นรสิงค์ที่รอประชุม เดินเข้าห้องมาถามพี่ชายที่นั่งทำหน้าง่วงอยู่ในห้องทำงานประจำตำแหน่ง
“เหรอ ยังไม่เห็นใครมาเลย นี่ถ้ามาสายเกินชั่วโมงไม่ต้องให้เข้ามานะ ไม่รับ” เสือบอกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหลับตาลงเอนหลังไปกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ พลางคิดถึงร่างกายที่เขานอนกอดเมื่อคืน
“อ่า หรือคุณนิราเกิดเปลี่ยนใจ” นรสิงค์พูดแค่นั้น ก่อนจะเดินทำหน้าไม่สบายใจออกไป เสือเลิกคิ้วขึ้นข้างนึง เลขาใหม่ชื่อเหมือนยัยคนเมื่อคืนเลยแฮะ
“คนชื่อนิรามีเยอะแยะว่ะ!”
เสือพูดกับตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เขายังไม่อิ่มจากยัยนั่นเลย รู้สึกเสียดายชะมัด ถ้าไม่ติดว่าต้องเข้ามาเคลียร์งาน ตอนนี้เขาคงยังนอนกอดก่ายร่างนุ่มนิ่มนั้นอยู่
@ชั้นหนึ่งของบริษัทนำเข้าและส่งออก
นิราเมื่อมาถึงบริษัท ก็รีบเดินกึ่งวิ่งมากดลิฟต์เพื่อใช้มันโดยสารขึ้นไปชั้นบนสุด ตอนนี้เวลา 08.49 น. ไปแล้ว เธอต้องโดนเจ้านายใหม่เพ่งเล็งแน่ๆ ที่มาสายตั้งแต่วันแรกแบบนี้
“คุณเจน นิรายังมีโอกาศไหมคะ” นิราเดินมาถึงโต๊ะก็เห็นเจนจิรานั่งทำงานอยู่แล้ว เจนจิราทำแค่เพียงยิ้มให้นิรานิดๆ ก่อนจะมองสำรวจนิราอีกครั้ง
“ไม่ผ่านค่ะ คุณไม่ยอมใส่ชุดที่เจนเลือก แต่ตอนนี้เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ท่านประธานกำลังรออยู่ในห้องค่ะ รีบไปเถอะค่ะเพราะเหลืออีกแค่5นาที ก่อนจะหมดโอกาศที่ท่านให้ไว้” เจนจิราบอกพลางชี้ไปที่ห้องขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปนิดเดียว
นิรารีบวิ่งมาที่ห้องดังกล่าว ก่อนจะจัดชุดของตัวเองอีกครั้ง เสร็จแล้วก็รวบรวมความกล้า ยกมือเคาะประตูเบาๆ
ก๊อก ๆ ๆ
“เข้ามา”
เสียงทรงอำนาจดังออกมาจากในห้อง นิราจึงเปิดประตูเข้าไปแล้วปิดลงอย่างเบามือ ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม ไม่ได้มองไปทางโต๊ะทำงาน ที่มีใครสักคนนั่งหันหลังอยู่สักนิด
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นเลขาคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาวันแรกค่ะ” เธอพูดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะกลัว
“หึ ถ้าช้ากว่านี้ 1 นาทีผมไม่เอามาใช้งานหรอกนะ วันแรกก็สายขนาดนี้ แล้วงานสำคัญของผมจะไม่พังหมดเหรอ”
เสือยังคงนั่งหันหลังให้คนที่เข้ามาในห้อง เขาไม่ชอบคนไม่ตรงต่อเวลา คงจะมัวแต่นอนกกกอดผัวอยู่ละสิ ถึงได้มาสาย คนสมัยนี้ก็แบบนี้ ไม่ค่อยตรงต่อเวลา
“ดิฉันขอโทษค่ะ” นิราขอโทษเสียงเบา
“ผมจะสัมภาษณ์ใหม่ ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ได้ทำ”
เสือพูดก่อนจะหันเก้าอี้กลับมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นิราเงยหน้าขึ้นมาพอดี เพราะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดเจ้านายคนใหม่
“แต่คุณนรสิงค์บอกว่ารับฉันทำงานแล้วนะคะ”
นิราเถียงกลับ เธอถูกนรสิงค์นัดเข้าทำงานแล้วนะ แม้เธอจะมาสายหนึ่งชั่วโมงในวันแรกก็ตามเถอะ เธอควรได้ทำต่อสิ ไม่ใช่เริ่มใหม่หมดแบบนี้
“แต่ผมเป็นคนจ่ายเงินค่าจ้าง”
เสือมองผู้หญิงตรงหน้าที่ให้ความรู้สึกแปลกตามาก เขาจำหน้าเธอได้ แม้ตอนนี้หน้าเธอจะไร้เครื่องสำอางบนใบหน้า แตกต่างจากเมื่อคืน แต่ความสวยของใบหน้านั้นยังคงฉายชัด เขามั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาคิดถึงเมื่อครู่แน่ๆ
“ฉัน…” นิราพูดอะไรไม่ออกเลย เธอจะทำยังไงดี ถ้าเขาสัมภาษณ์เองเธอจะได้งานไหม? คนตรงหน้าดูไม่ได้ใจดีเลยสักนิด
“ให้เวลาเตรียมตัวห้านาที แล้วมาเริ่มสัมภาษณ์กัน”
เสือพูดอย่างหงุดหงิด ตอนนี้เขาต้องโฟกัสเรื่องงาน มากกว่าเรื่องที่เธอทำเหมือนว่าจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ ไม่ต้องรอถึงห้านาทีหรอกตอนนี้เลย” เมื่อเธอไม่มีทางเลือก เธอก็ต้องพุ่งชนกับเขาตรงๆ นี่ละ
“ดี! หวังว่าไอ้สิงค์คงไม่เอาเด็กบ้านนอกมาย้อมแมวเป็นเลขาผมหรอกนะ”
เสือบอกออกไป ไม่คิดว่านั่นจะเป็นการดูถูกคนตรงหน้าสักนิด ดูยังไงเธอก็แตกต่างจากเมื่อคืนลิบลับ ผิวคล้ำที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาว ไหนจะใบหน้าสดที่หมองคล้ำนั่นอีก ทาครีมบ้างไหมเนี้ย หรือยัยนี่จะเป็นฝาแฝดกับคนเมื่อคืนวะ
“ทำไมไม่กลับบ้านเลยละ” เสือเดินออกมาถามลูกสาว ที่ยังไม่ยอมเข้าไปในบ้าน ข้างๆ เขาคือภรรยาและลูกสาวคนกลาง“ทำไมต้องกลับมาที่นี่ละคะ งานยุ่งจะตาย ตอนนี้คุณพ่อก็มีทุกอย่างครบแล้วนี่คะ จะแคร์ทำไม กับอีแค่ลูกคนเดียวไม่กลับมาบ้าน”ทุกครั้งที่เธอกลับมา เธอจะระเบิดความน้อยใจที่อัดอั้นไว้ทุกครั้งและหนีกลับไป แค่ดูเหมือนครั้งนี้จะแตกต่าง เพราะไอ้ตัวแสบที่กอดเธอไม่ปล่อย จึงไม่สามารถกลับขึ้นรถที่อยู่ห่างออกไปเพียงนิดเดียวได้เลย“นินทำไมพูดกับพ่อแบบนั้นละลูก”“แม่ก็เข้าข้างพ่อตลอด อยากรู้ไหมทำไมหนูถึงไม่อยากกลับ ก็เพราะว่าที่นี่ไม่ต้องการผู้หญิงแบบนินไง”นิรากำลังจะเอื้อมมือไปดึงลูกสาวของเธอที่กำลังร้องไห้น้อยอกน้อยใจอย่างทุกทีที่กลับมาบ้าน แต่คนเป็นสามีกลับเดินไปถึงตัวเธอก่อน แล้วดึงเธอมากอดไว้อย่างหวงแหน“ใครบอกครับว่าพ่อไม่ต้องการนิน พ่อรู้ว่าที่นิน ทำทุกอย่างจนมันเหนื่อย พ่อผิดเองที่ยกทุกอย่างให้นินดูแล แต่เพราะว่านั่นคือสิ่งที่พ่อเชื่อมั่น ว่านินทำได้ พ่อถึงยกให้ นินมีค่านะครับมีค่ากับพ่อและน้องทุกคน และนินมีค่าที่สุดกับแม่”“พ่อขอโทษที่ทำให้เสียใจ เพราะพ่ออยากได้ลูกชายมากจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าพ่อ
“พี่แพท จะไปเที่ยวกับลินินไหมคะ”“ทำไมต้องไป” แพทริคพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเมื่อยัยเด็กไม่รู้จักโตยื่นหน้ามาใกล้“ก็ลินินกับมิรินเพิ่งเคยมา ไม่รู้จักที่นี่เลย นะคะ” เด็กน้อยให้เหตุผลแกมออดอ้อน ถึงพ่อจะพาไปเที่ยวบ่อยๆ แต่ที่นี่เพิ่งเคยมาจริงๆ“นะก่ะ” มิรินวัยสามขวบแล้วแต่พูดยังไม่ชัด เอ่ยปากพูดตามพี่สาว ก่อนที่เพเทอร์จะหัวเราะ โตแล้วแต่เธอยังพูดไม่ชัดเลย“ฟันหลอรึเปล่า ทำไมพูดไม่ชัด” เพเทอร์เป็นเด็กซนต่างจากพี่ชายที่นิ่งๆ เพเทอร์พูดจบก็จับใบหน้าน้องเล็กที่สุด แล้วเอามือไปดูฟันของน้องจริงๆ“ฮาฮา มิรินฟันหลอ” เพเทอร์หัวเราะสนุกสนาน และเด็กน้อยวัยสามขวบก็หัวเราะตามผู้ใหญ่ที่นั่งคุยกันอยู่ถึงกับส่ายหน้ากับเด็กๆ“พักผ่อนกันก่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยพาเด็กๆ เที่ยว” อภิวัฒน์ พูดจบก็จับมือภรรยาลุกขึ้น“เด็กๆ ต้องกลับแล้ว น้องจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยมา” สิ้นเสียงเรียก เด็กชายทั้งสองก็วิ่งมาทางพ่อแม่ ก่อนจะวิ่งออกไปทางประตูโดยไม่รอใครเลย“เราก็ไปพักกันดีกว่า” นิราเดินมานั่งกับลูกสาวทั้งสอง ก่อนจะอุ้มมิรินไว้ในอ้อดกอด ส่วนลินินก็พยายามจะขึ้นมาขี่ที่หลังของนิราด้วยความลำบาก“ลิ
ตลอดเวลาที่อยู่ในห้อง เธอกับเขาทำเพียงแค่นั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เพราะรู้จักกันไม่นานเธอกับเขาก็มีลูก และใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเลี้ยงลูกและดูแลคนในครอบครัว จึงแทบไม่ค่อยได้คุยกันจริงจังแบบนี้เลยสักครั้งและการคุยกันแบบนี้มันช่างสนุก และมีความสุข เหมือนเธอกับเขาเพิ่งจะได้คุยกันเหมือนแฟนเป็นครั้งแรกเสือมองหน้าแดงระเรื่อของภรรยา ส่วนปากเธอก็ขยับคุยเรื่องของเธอให้เขาฟังไม่หยุด เมื่อไหร่จะเมาเนี้ย หมดไปสองขวดแล้วนะ“สนุกไหมครับ” เสือถามคนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม คงจะคอแห้งนั่นแหละ เล่นพูดไม่หยุดแบบนี้“ทั้งๆ ที่แต่งงานกันมา8 ปีแล้ว เพิ่งจะได้มาทำอะไรที่เหมือนแฟนกันครั้งแรก” นิราบอกด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธอมีความสุขนะ แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะมีความสุขดี แต่การคุยกันแบบนี้ก็ทำให้เธอเข้าใจพี่เสือมากขึ้น“ครับ พี่ก็รู้สึกแบบนั้น”เสือปัดปอยผมออกให้ภรรยา ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด รอไม่ไหวหรอก ถ้ารอให้ยัยนี่เมาเขาต้องหลับก่อนแน่ๆเสือวางเธอลงบนเตียงกว้าง ทั้งยังสบตาคนที่มองเขาอยู่ตลอด เขาจะลองเสี่ยงดวงอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้ไม่ท้อง เขาก็จะตัดใจเรื่องลูกชาย จะไปทำหมันแล้วนิราพลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับคนที่
3 ปีผ่านไป“คุณพยัคฆ์ค่ะ ช่วยเซ็นอนุมัติการผลิตรถรุ่นใหม่ด้วยค่ะ”เลขาคนสวยที่มากด้วยความสามารถเดินเข้ามาวางเอกสารลงบนโต๊ะของเสือ ก่อนจะส่งสายตายั่วยวนให้เจ้านายสุดหล่อของเธอเธอเพิ่งจะมาทำงานได้เดือนเดียว เพราะคนเก่าของคุณพยัคฆ์ลาออกไป มันจึงเป็นโอกาศเหมาะที่เธอจะได้ทำงานเลขาให้เขาพยัคฆ์ตรงหน้าดูหล่อเหลา และภูมิฐาน แม้จะอายุ 38 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูดีไปหมดทุกอย่างแก๊ก ปังงงงงงงนิราเปิดและปิดประตูลงเสียงดัง จนเลขาที่กำลังสงสายตาให้พยัคฆ์อยู่สะดุ้งทันที ก่อนเธอจะมองนิราที่เข้ามาใหม่อย่างสำรวจ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน เธอไม่เคยเห็น ก็สวยอยู่หรอกแต่ดูท่าทางไม่น่าจะใช่สเปคเจ้านายเธอ“บริษัทของพี่ทัศติดต่อมา ให้พี่เสือบินไปต่างประเทศด่วน ไม่ได้อ่านไลน์เหรอคะ”นิราไม่สนใจเลขาคนใหม่ของสามี แต่เดินมาหยุดหน้าโต๊ะ แล้วถามสามีนิ่งๆตอนนี้เธอทำหน้าที่ประสานงานกับบริษัทคู่ค้าทั้งหมดของอัครโยธินกุล และบริหารร้านเบเกอรี่ จึงต้องเข้าออกบริษัทบ่อยครั้ง แต่เลขาคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามายังไม่เคยเจอเธอ และคงไม่รู้ว่าสามีเธอแต่งงานแล้ว มีลูกด้วยกันกับเธอถึงสองคน“ครับ พี่ยุ่งอยู่ยังไม่ได้อ่านไลน์ เดี๋ยวเสร็จนี
เสือพานิราอยู่ที่สวิตฯเดือนเดียวจริงๆ แต่ก็ถือว่าเที่ยวได้เยอะพอสมควร เพราะได้ครอบครัวของเมลานีที่อาศัยอยู่บ้านข้างๆ นำเที่ยวตลอด และตอนนี้ครอบครัวของเธอก็ยังอาสามาส่งที่สนามบินอีกด้วย“ถ้าคลอดแล้ว พาลูกสาวมาเที่ยวบ้างนะคะ” เมลานี บอกกับเสือและนิราที่นั่งรอขึ้นเครื่อง“แพทริคอยากไปหาน้องบ้าง” แพทริคที่พูดได้คล่อง บอกเบาๆ พลางวางมือลงบนท้องน้อยๆ ของนิรา“ถ้าน้องคลอดแล้ว จะส่งตั๋วเครื่องบินมาให้แพทริคนะคะ” นิราลูบหัวเด็กชายตัวน้อยอย่างเอ็นดู แพทริคชอบมาหาเธอบ่อยๆ และบ้านของเมลานีก็คอยช่วยเหลือเธอกับเสือมาตลอดหนึ่งเดือน“สัญญานะครับ”“จ้า” นิราเกี่ยวก้อยสัญญากับลูกครึ่งไทย-สวิตฯ ที่โตขึ้นต้องฉายแววความหล่อเหมือนแม่กับพ่อแน่ๆ“เดินทางปลอดภัยนะครับ” สามีของเมลานี ยกมือขึ้นจับเสือเป็นการกล่าวลา ก่อนจะพาเด็กๆ และภรรยาเดินจากไป“กลับบ้านเรากันเถอะครับ”เครื่องบินลำใหญ่ พาเสือกับนิรามาถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ ก่อนคนทั้งคู่จะขึ้นรถที่คุณหญิงส่งไปรับกลับมาที่บ้านของตัวเองเท่านี้ก็ถือว่าเขากับเธอปลอดภัยแล้วที่เหลือก็ใช้ชีวิตปกติ และรอแค่ลูกคลอดเท่านั้น“พี่เสือของขวัญเต็มบ้านเลยค่ะ” ทันทีที่เปิดเข
ก๊อกๆๆเหมือนผีจะหลอกเขากลางวันแสกๆ เพราะเสือไม่เห็นใครเลยแต่เสียงเคาะประตูยังดังอย่างต่อเนื่อง เสือจึงต้องเปิดประตูออกไปดู ว่าผีที่ไหนมาเคาะประตูบ้านกลางวันแสกๆ“Gruetzi”ทันทีที่เสือเปิดประตูออกไป ก็เจอเด็กคนนึงยืนยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดอะไรก็ไม่รู้“????” เสือทำหน้างงอย่างหนัก เด็กผีนี่มาจากไหน ทำไมพ่อแม่ปล่อยออกมาเล่นคนเดียวแบบนี้ แถมพูดอะไรที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง“Was musst du tun, Kind?” เสียงผู้หญิงที่ออกมาจากบ้านข้างๆ ตะโกนมาทางเขาและเด็กชายตัวน้อยเสือเข้าใจว่าคนสวิตฯส่วนใหญ่ใช้ภาษาเยอรมันในการสื่อสาร แต่เขาไม่มีความรู้เรื่องภาษาเยอรมันเลย เพราะเขาทำธุรกิจอยู่โซนเอเชีย ที่เน้นหลักทางจีน ภาษาจีนกับอังกฤษจึงเป็นภาษาที่เขามั่นใจมากที่สุด“สวัดดีค่ะ” ผู้หญิงที่เพิ่งออกมาจากบ้านข้างๆ เดินมาใกล้ก่อนจะพูดเป็นภาษาไทย เมื่อคนตรงหน้าเธอมีสีหน้างงๆ“ครับ?? คนไทย?”“เปล่าค่ะ แต่สามีฉันเป็นคนไทย” ผู้หญิงที่ดูยังไงก็เป็นชาวต่างชาติ พูดด้วยภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัด แต่เสือกลับฟังรู้เรื่องกว่าภาษาที่เธอกับเด็กคนนี้พูดออกมาก่อนหน้านั้น“แพทริค ทำไมไม่สวัสดีละ แล้วการที่มาเคาะบ้านคนอื่น รู้ไหมมันเสียมารย