ค่ำคืนนั้น จวนสกุลเซียวถูกประดับประดาด้วยโคมแดงนับร้อย บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นเพื่อต้อนรับแขกจากหลายตระกูล งานเลี้ยงประจำปีที่เซียวเฟิงเฉินจัดขึ้นเป็นโอกาสให้เหล่าขุนนางและพ่อค้าร่ำรวยได้มาผูกมิตรและแสดงอำนาจลี่อินในชุดผ้าไหมสีครามเข้ม เดินเข้าสู่โถงเรือนจัดเลี้ยงด้วยกิริยาสง่างาม ทุกสายตาหันมามอง เพราะนางงดงามสะดุดตา ทั้งยังมีเรื่องที่ลือกันว่าจิ้งอ๋องแสดงตนว่าอยู่ข้างนางเมื่อไม่นานมานี้เจินซูเม่ยและถิงฮวาต่างก็แต่งกายงดงามไม่แพ้กัน เจินซูเม่ยเอ่ยเสียงหวานแต่แฝงหนามแหลมทันทีที่เห็นลี่อินเดินเข้ามา“ลี่อินก็มาเช่นกันหรือ ข้านึกว่าเจ้าจะมัวแต่อยู่กับท่านอ๋องจนลืมไปแล้วเสียอีกว่าที่จวนมีงานสำคัญ”เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ จากแขกบางคนดังตามมา แต่ลี่อินเพียงโค้งศีรษะเล็กน้อย“งานตระกูลเช่นนี้ ข้าบุตรีก็ย่อมต้องมามิใช่หรือ เหตุใดแม่เล็กถึงถามเช่นนั้นเล่า”น้ำเสียงของนางเรียบนิ่ง แต่สายตาเฉียบคมตัดผ่านไปยังสองแม่ลูกไม่นาน เสียงประกาศก็ดังขึ้น เซียวเฟิงเฉินกำลังจะขึ้นกล่าวต้อนรับแขก แต่ก่อนที่พิธีจะเริ่ม จิ้งอ๋องก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด เสียงซุบซิบดังระงม ทันทีที่เขาเดินตรงไปหยุดอยู่
เช้าวันถัดมา ข่าวที่จิ้งอ๋องประกาศว่าตนเป็นคนของลี่อิน และลี่อินก็เป็นคนของตน แพร่ไปทั่วทั้งจวนสกุลเซียวอย่างรวดเร็ว บ่าวไพร่ต่างซุบซิบนินทา บางคนแอบมองนางด้วยสายตาเกรงใจขึ้น แม้แต่คนในเรือนใหญ่ก็ไม่กล้าส่งคำพูดหยามเหยียดตรง ๆ เช่นเดิมกับนาง หนำซ้ำข่าวนี้ยังถูกกล่าวขานออกไปถึงนอกจวนสกุลเซียวถึงหูชาวเมืองหลายต่อหลายคนเจินซูเม่ยที่แม้ภายนอกจะทำเป็นนิ่งสงบ แต่ภายในกลับร้อนรุ่มดั่งถูกไฟเผา นางไม่อาจปล่อยให้เซียวลี่อินคนที่นางเกลียดแสนเกลียดมีจิ้งอ๋องเป็นเกราะป้องกันได้“ท่านแม่ จะทำเช่นไรดี นังลี่อิน! นังแพศยานั่น มันได้ใจจิ้งอ๋องไปแล้ว”เซียวถิงฮวาเอ่ยพลางฟึดฟัดอย่างไปพอใจ“ต้องหาทางทำให้ท่านอ๋องเห็นธาตุแท้ของมัน ทำให้มันกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของท่านอ๋อง”นางคิด พลางเรียกเซียวถิงฮวาไปกระซิบกระซาบเป็นการลับ“ฮวาเอ๋อร์ เจ้าต้องพยายามใกล้ชิดท่านอ๋องให้มากกว่านังเซียวลี่อิน แสดงให้ท่านอ๋องเห็นว่า เจ้าสุภาพ อ่อนโยน และคู่ควรที่จะเป็นชายาอ๋อง บุรุษน่ะถึงอย่างไรกลัวแพ้มารยาสตรี เจ้างามถึงเพียงนี้ ถึงอย่างไรจิ้งอ๋องย่อมต้องหลังรักเจ้าแน่”“ข้าจะพยายามเจ้าค่ะท่านแม่ ไม่ว่าอย่างไร ตำแหน่งชายาจิ้ง
สองวันหลังเหตุการณ์ที่งานเลี้ยง เซียวลี่อินตั้งใจไม่ออกจากเรือนมากนักเพราะรู้ดีว่าข่าวลือของเจินซูเม่ยและเซียวถิงฮวากำลังแพร่ไปทั่ว นางปล่อยให้เรื่องราวนั้นซึมลึกเข้าไปในปากของบ่าวไพร่ยิ่งเล่า ก็ยิ่งเกินจริง...แต่วันนี้ กลับมีบ่าวจากประตูหน้ามารายงานเสียงลนลาน“คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องเจ็ดเสด็จมาขอพบเจ้าค่ะ”เซียวลี่อินชะงัก ปลายนิ้วที่กำลังคีบถ้วยชาแข็งค้าง หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนพยายามปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเมื่อก้าวออกไปที่ศาลาริมสระบัว บุรุษในชุดดำสนิทก็กำลังยืนหันหลังให้ แสงแดดกระทบขอบไหล่และเส้นผมสีดำสนิทของเขาดูแล้วช่างสง่างามยิ่งนักจิ้งอ๋องหันมามอง สายตาคมเข้มของเขากวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้านาง แววตานั้นเหมือนจะอ่านทุกความคิดในใจของนาง“ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า”“ท่านอ๋องทรงอยากถามเรื่องอันใดหรือเพคะ”“เรื่องในงานเลี้ยงวันนั้น เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่?”ลี่อินก้าวลงบันไดศาลา“เหตุใดท่านอ๋องถึงคิดว่าหม่อมฉันเกี่ยวข้องเล่าเพคะ?”“เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามิใช่สตรีที่จะยอมให้คนเหยียบย่ำได้โดยง่าย”น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่ไม่ได้กล่าวหา หากแต่แฝงด้วยความสนใจและชื่นชมล
หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยง ลี่อินใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการถอดอาภรณ์หรูออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายธรรมดา นางสั่งให้ซิ่วอิงไปเตรียมน้ำชาซิ่วอิงเอ่ยอย่างอดกลั้นความตื่นเต้นไม่ได้“คุณหนูเจ้าคะ เสี่ยวจูเล่าให้บ่าวฟังว่าวันนี้ท่านทำให้ฮูหยินรองหน้าชาไปเลย สะใจยิ่งนัก”ลี่อินยกถ้วยชาขึ้นจิบ“วันนี้เป็นเพียงบทเรียนแรกของนางเท่านั้น แต่คนอย่างนาง จะต้องได้ลิ้มรสการสูญเสียอย่างแท้จริง”นางรู้ดีว่าในจวนสกุลเซียว เจินซูเม่ยสร้างภาพให้ตนเป็นฮูหยินผู้เมตตา บ่าวไพร่จึงภักดีและให้ความนับถือ หากภาพนี้แตกสลาย อำนาจของนางในจวนก็ย่อมสั่นคลอนลี่อินหยิบตะกร้าผ้าใบเล็กออกมา ข้างในมีขวดดินเผาขนาดเท่านิ้วโป้ง ซิ่วอิงมองแล้วเลิกคิ้ว“นี่คือ…?”“ผงดอกไม้ป่า บดผสมสมุนไพรบางชนิด ไม่อันตรายถึงชีวิตแต่ถ้าโดนผิว จะขึ้นผื่นแดงและคันไปทั่วทั้งตัว”รอยยิ้มบางเฉียบแตะมุมปากนาง“ข้าจะใช้มันในวันที่เหมาะสม”..ช่วงบ่ายแก่ ๆเจินซูเม่ยเรียกบ่าวมาจัดเรือนรับแขก เพราะพรุ่งนี้จะมีสตรีชั้นสูงมาดื่มชา นี่เป็นโอกาสที่ลี่อินรอคอย เพราะนั่นคือเวทีที่จะทำให้นางเสียหน้าในหมู่สตรีสูงศักดิ์ด้วยกันเองลี่อินออกเดินในสวนราวกับบังเอิ
ยามอู่ของวันถัดมาจวนแม่ทัพใหญ่สวีคึกคักเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันชุมนุมสตรีชั้นสูงในเมืองหลวง เหล่าฮูหยินและเหล่าคุณหนูจากตระกูลขุนนางใหญ่ต่างมารวมตัวกันเพื่อประลองฝีมือเย็บปัก พูดคุยเรื่องของสตรี และแน่นอนเพื่อแข่งขันแฝงอำนาจระหว่างตระกูลเจินซูเม่ยแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศด้วยผ้าไหมสีชมพูอ่อนปักลายดอกเหมย เซียวถิงฮวาเดินเคียงข้างในชุดสีฟ้าอ่อนดุจน้ำค้างแววตาของสองแม่ลูกเต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะนี่คือเวทีที่พวกนางคิดจะกดเซียวลี่อินให้จมดิน..เรือนเตรียมตัวด้านในงานเลี้ยงเสี่ยวจูกระซิบอย่างกังวล“คุณหนูเจ้าคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านปรากฏตัวต่อหน้าสตรีชั้นสูงในเมืองหลวง หากพวกเขาร่วมมือกับฮูหยินรอง เกรงว่าท่านจะเสียเปรียบนะเจ้าคะ”ลี่อินยกยิ้มบาง “ครั้งแรกก็ยิ่งต้องทำให้จำ ไม่ใช่จดจำในความอ่อนแอ แต่ให้พวกนางจดจำในสิ่งที่ข้าอยากให้พวกนางเห็น”ลี่อินปรากฏตัวในชุดผ้าไหมสีขาวปักลายดอกเหมยแดง ดูบริสุทธิ์แต่แฝงความเยือกเย็น เพียงก้าวแรกที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถง สายตาหลายคู่ก็หันมามองที่นาง บางคนมองด้วยความสนใจ บางคนมองด้วยความดูแคลนเจินซูเม่ยยกถ้วยชาขึ้นจิบ พลางเอ่ยเสียงดังพอให้รอบโต๊ะได้ยิ
รุ่งเช้าวันถัดมาตลาดใหญ่ในเมืองหลวงคึกคักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ แต่ท่ามกลางเสียงพ่อค้าเร่ขายและกลิ่นขนมปังร้อน ๆ กลับมีเสียงกระซิบกระจายไปราวกับควันไฟ“เจ้าได้ยินหรือไม่ เมื่อคืนจิ้งอ๋องช่วยคุณหนูใหญ่สกุลเซียวจากมือสังหารต่อหน้าคนทั้งงานเลี้ยงเลยนะ”“ข้าได้ยินมาว่า หลังจากนั้นท่านอ๋องถึงกับส่งนางกลับเรือนด้วยพระองค์เอง!”“โอ้สวรรค์ นี่มันอย่างกับเรื่องราวความรักในตำราโบราณเลยนะ”..ภายในเรือนเล็กของลี่อินซิ่วอิงกำลังล้างใบชาพร้อมสีหน้ากระวนกระวาย“คุณหนูเจ้าคะ ข่าวลือเรื่องเมื่อคืนลามไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว” นางกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก“แม้แต่พวกบ่าวในจวนก็เอาไปพูดกันไม่หยุด” เสี่ยวจูกล่าวเสริมลี่อินนั่งจิบชาด้วยท่าทีสงบ นางเพียงยกคิ้วเล็กน้อย“ให้พวกเขาพูดไป ทุกคำที่พวกเขาเล่า จะกลายเป็นเกราะของข้าในยามจำเป็น”....ในเรือนใหญ่ เจินซูเม่ยกำลังกัดฟันกรอด มือบีบถ้วยหยกในมือจนแทบแตก“นางมันอาศัยโชคชะตา! จิ้งอ๋องคงช่วยเพียงเพราะเห็นแก่คุณธรรมเท่านั้น แต่คนพวกนี้กลับตีความไปไกลเกิน”เซียวถิงฮวานั่งอยู่ด้านข้าง แววตาเย็นเฉียบ“ท่านแม่ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงของนางจ