จิ่วหรง

จิ่วหรง

last updateLast Updated : 2025-09-17
Language: Thai
goodnovel12goodnovel
Not enough ratings
29Chapters
6views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เจินจิ่วหรง ใช้เวลาห้าปีในฐานะภรรยาของเขา สามปีทบทวนความผิดของตนเอง แต่การเฝ้ามองเขากับผู้หญิงคนนั้นมันทรมานเกินไป นางเลือกจบชีวิตลง และตื่นขึ้นมาตอนอายุ 15 ก่อนพบว่าตนเองกำลังท้อง นางจะหนีไปให้ไกล !

View More

Chapter 1

บทหนึ่ง

เจินจิ่วหรง คือองค์หญิงเก้า พระธิดาของเจินเซียหยางฮ่องเต้กับพระสนมเสียนเฟย ชีวิตของนางมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งลาภยศ ความงาม รวมถึงไปความรุ่งโรจน์ แม้นจะมิเป็นที่โปรดปรานมากมายดั่งเช่นองค์หญิงรอง ทว่าเสด็จพ่อก็หาได้ลืมเลือนนางไม่

มิว่าจะต้องการสิ่งใด นางล้วนได้มันมาอย่างง่ายดาย เพียงเปิดปากเอ่ยมิกี่คำ ทุกสิ่งย่อมมากองอยู่ตรงหน้า เว้นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

นั่นคือบุรุษที่บอกว่าท้องฟ้าและผืนหญ้าเป็นของนาง แม่ทัพบนหลังอาชาสง่า ‘ไท่หย่งเสียน’

นางมิเคยเสียเวลาหรือมอบความสนใจให้กับสิ่งใดเท่านี้มาก่อน พบกันครั้งแรกในรั้ววัง ใต้ต้นท้อซึ่งผลิบานสะพรั่ง

“เปิ่นกง [1] คือองค์หญิงเก้า พระธิดาในเจินเซียหยางฮ่องเต้”

บุรุษผู้นี้มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นใคร กระนั้นเขาเพียงฉีกยิ้มโง่ ๆ ซื่อ ๆ และสดใสดั่งดวงตะวันในฤดูร้อน

“กระหม่อมไท่หย่งเสียน บุตรชายของท่านแม่ทัพประจิมพะย่ะค่ะ”

และตอนนั้นเขายังเป็นเพียงบุตรชายของแม่ทัพประจิม เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปี ไร้เดียงสา มิรู้ความ

ช่างต่างจากนางที่แม้นจะเพียงสิบปี แต่ด้วยสภาพแวดล้อมในวัง นางกลายเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่มองโลกต่างจากเด็กวัยเดียวกันไปมาก

“ไฉนเจ้าถึงบอกว่าท้องฟ้าและผืนหญ้าเป็นของเปิ่นกง ไยมิบอกว่าเป็นของเสด็จพ่อ”

ไท่หย่งเสียนยังคงฉีกยิ้มและขยับกว้างขึ้นเรื่อย ๆ “กระทั่งโอรสสวรรค์ยังต้องร้องขอความเมตตาจากฟ้าดิน แท้จริงแล้วพวกมันล้วนแต่มิใช่ของใครเลย”

“แต่เจ้าบอกว่ามันเป็นของเปิ่นกง”

ปลายเท้าของเขาขยับก้าวเข้ามาใกล้ นัยน์ตากลมโตหรี่ลง เรียวขางามถอยหนีตามสัญชาตญาณ “เจ้า...”

“ดวงตาของท่าน ทำให้กระหม่อมคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ไหนเมื่อท้องฟ้าและผืนหญ้าต่างมิมีเจ้าของที่แท้จริง ไยบางเวลามันจะเป็นของผู้อื่นบ้างมิได้เล่า”

“...”

“องค์หญิงเก้า ในสนามรบมิว่าจะเป็นโอรสสวรรค์หรือแคว้นเจิน พวกมันต่างเป็นเพียงนามอันไร้รูปธรรม ศัตรูนับหมื่นต่างหากคือนามธรรม รบเพื่อฝ่าบาท แต่ใช่ว่าจะต้องยอมตายเพื่อฝ่าบาท”

“ความหมายของท่านคิดจะเป็นกบฏหรืออย่างไร” ริมฝีปากอวบอิ่มขบเป็นเส้นตรง ดวงหน้างดงามแหงนขึ้นสบตาเขาอย่างมิหวั่นเกรง แลรอยยิ้มกว้างของเขา

ไท่หย่งเสียนส่ายหน้า “กระหม่อมเพียงจะบอกว่า แม้นท่านจะถูกกักขังอยู่ในวังหลวง ท้ายที่สุดแล้วสองสิ่งที่กักขังท่านอยู่ ล้วนแต่เป็นนามอันไร้รูปธรรม ชีวิตของท่านคือของท่าน องค์หญิงเก้า”

ณ เวลานั้นนางพลันตระหนักว่าไท่หย่งเสียน มีสติปัญญาอยู่พอสมควร

ดวงเนตรดำขลับหลุบต่ำลง ก่อนยกยิ้มบางเบาประดับมุมปาก “เจินจิ่วหรง นามของเปิ่น...ข้า”

อย่างไรก็ตามนางเพียงแค่สนใจเขา หากนั่นคือจุดเริ่มต้น

“ข้ากำลังอยากได้สหายมากสติปัญญา โดยเฉพาะกับผู้ที่บอกว่าท้องฟ้าและผืนหญ้าเป็นของข้า”

หลังจากนั้นองค์หญิงเก้าได้ใช้เวลาหลายปีเพื่อเฝ้ามองเขา ผลาญวันเวลาโลดแล่นไปด้วยกันดั่งสหาย

ทว่าไท่หย่งเสียนกลับมิชอบนาง

สามปีต่อมาไท่หย่งเสียนจับจูงมือของสตรีผู้หนึ่ง แล้วบอกกับนางว่าสตรีผู้นั้นคือคนที่เขาอยากจะแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วย เจินจิ่วหรงทำได้เพียงคงรอยยิ้มเอาไว้บนดวงหน้า เรียวนิ้วมือกำเข้าหากันแน่น

นางในวัยเพียงสิบสามปีพ่ายแพ้ให้แก่บุตรีของนายทหารระดับล่าง ‘ตงเหลียนฮวา’ สตรีที่ไท่หย่งเสียนบอกว่ามีรอยยิ้มงดงามยิ่งกว่าใคร

องค์หญิงเก้ามีอำนาจในมือมากมาย มันมิใช่เรื่องยากเลยหากจะบีบบังคับทูลขอสมรสพระราชทานจากเสด็จพ่อ หากนั่นมิใช่สิ่งที่นางต้องการ ยามเห็นความสุขฉายชัดในดวงตาของเขา นางได้แต่ฉีกยิ้ม ก้มหน้ายอมรับความจริง

“ข้าต้องยินดีกับท่านใช่หรือไม่”

ไท่หย่งเสียนขมวดคิ้ว ด้วยสติปัญญาของเขาคงพอคาดเดาความในใจของนางมิยาก การที่เขามาบอกนางด้วยตนเองเช่นนี้ ย่อมหมายอยากให้นางตัดใจจากเขา

“จิ่วหรง ข้าเจอคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยแล้ว”

แต่แรกคิดว่าเขาอาจลังเลอยู่บ้าง กลับมิเป็นเช่นนั้น

มิมีใจให้ก็คือมิมีใจ

“ยินดีกับท่านด้วย”

แล้วก็ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมามิหยุด

“อย่าได้เห็นใจข้า”

ใช่ อย่าได้เห็นใจนาง

แต่แล้วดั่งสวรรค์เป็นใจ หลายเดือนถัดมา ณ สงครามที่เพ่ยหยาง ตงเหลียนฮวาถูกฆ่าตายกลางสนามรบ แม้นแต่ศพก็หามิพบ

ไท่หย่งเสียนมิเคยทำตัวเหลวแหลกเช่นนี้

กลิ่นสุราลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องกว้างใหญ่ภายในจวนแม่ทัพประจิม เป็นเวลาร่วมเดือนกับการดื่มสุรามึนเมา มิทำงานทำการ เก็บตัวอยู่ภายในเรือน จนแม่ทัพประจิมต้องร้องขอนางไปพูดกับเขา เจินจิ่วหรงค่อนข้างลังเล เพราะนับแต่วันนั้นนางก็มิได้ปรากฏตัวให้เขาเห็นอีก

ไหสุราตกเกลื่อนอยู่ตามพื้นพรม นางก้มตัวลงเก็บมันขึ้นมาแล้ววางบนโต๊ะแถวนั้น สภาพยอดแย่ของไท่หย่งเสียนที่นางเคยเห็นคือมีแผลเต็มทั้งตัว มิใช่ผีสุราเยี่ยงนี้ เรือนผมดำขลับลู่ปรกดวงหน้าคมคาย มือข้างหนึ่งถือจอดสุรา แผ่นหลังเอนพิงกับชั้นหนังสือ

“ท่านพ่อขอให้เจ้ามางั้นหรือ” เขากล่าวเสียงแหบแห้ง นัยน์ตาคู่คมหม่นแสงดั่งท้องฟ้าไร้แสงตะวัน “กลับไปซะ”

“แลบุตรเป็นทุกข์ บิดาและมารดาทุกข์ยิ่งกว่านัก” นางมองหาเก้าอี้ไม้ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนนั้นแทนการนั่งบนพื้นเสมอเขา “ข้าเพียงหยิบยืมคำผู้อื่น ในวังหลวงหาได้เป็นเช่นนี้ไม่”

“ข้ามิอยากฟังอะไรทั้งนั้น” ไท่หย่งเสียนกลายเป็นคนเอาแต่ใจ เขาตวาดเสียงแข็งใส่นางเป็นครั้งแรก หากนั่นมิได้ทำให้เจินจิ่วหรงตื่นตระหนกแต่อย่างใด

หยาดน้ำตาไหลลงมาตามข้างแก้มของเขา ตามด้วยเสียงสะอื้นไห้ “จิ่วหรง...”

นางอยู่ข้างกายและเฝ้ามองเขามาถึงสามปีเต็ม แลเห็นทุกการเปลี่ยนแปลง จากเด็กหนุ่มกลายเป็นรองแม่ทัพ ในอนาคตก็จะเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร

เจินจิ่วหรงหลับตาลง ขยับลุกขึ้นแล้วย่อตัวลงเบื้องหน้า ฝ่ามืออุ่นร้อนทาบบนข้างแก้มของเขา ไท่หย่งเสียนกัดปาก พยายามหลงสายตานาง

“นางตายแล้ว ถูกธนูยิงตกลงมาต่อหน้าต่อตาข้า” น้ำเสียงของเขาสั่นไหว มิต่างจากกายแกร่ง “ข้าทำอะไรมิได้เลย ทุกครั้งที่หลับตาลงข้าเห็นเพียงของนางที่ตกลงมา จิ่วหรง จิ่วหรง...”

“ไท่หย่งเสียน คนเป็นยังต้องอยู่ต่อไป มีชีวิตอยู่ท่ามกลางคนที่รักท่าน” นางกดศีรษะของเขาลงบนซอกคอของตน โอบกอดเขาเอาไว้ด้วยเรียวแขนบอบบาง “ต่อจากนี้ หากท่านนอนมิหลับ ข้าจะร้องเพลงให้ท่านฟัง เล่านิทานสักเรื่อง หรือไม่ก็พูดคุยกับท่านจนถึงเช้า”

“...”

“ข้ามิสนว่าตงเหลียนฮวาจะอยู่หรือตาย แต่ไท่หย่งเสียนจะต้องอยู่ต่อไป หากเขานอนมิหลับ ข้าก็จะอยู่กับเขาในทุกคืน หากเขามิสามารถก้าวต่อไปหรือหลงลืมได้ ข้าจะยังอยู่กับเขาเช่นเดิม”

ไท่หย่งเสียนหลับตาลง ยกมือกอดตอบนาง น้ำตาเปียกชื้นไหลซึมลงบนอาภรณ์ชั้นดี “จิ่วหรง”

“ทั้งหมดเป็นเพราะองค์หญิงเก้าตกหลุมรักท่านในปีนั้น”

และหลังจากนั้นนางใช้เวลาถึงสองปีเพื่อเยียวยาไท่หย่งเสียน ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ดอกไม้บานสะพรั่ง เจินจิ่วหรงผลิรอยยิ้มอ่อนหวานยิ่งกว่าคราไหน

ท่ามกลางความยินดีจากครอบครัวและเหล่าขุนนาง เขาขอนางแต่งงาน ทว่านางกลับเป็นฝ่ายร้องไห้ไม่หยุด

“หย่งเสียน...”

มีเหตุผลนับร้อยรวมถึงความเหมาะสมมากมายสำหรับการแต่งงานของนางกับไท่หย่งเสียน ทว่านั่นเป็นเพียงรายละเอียดยิบย่อยในสายตาของนาง ต่อให้เขามิใช่บุตรชายของท่านแม่ประจิม เจินจิ่วหรงก็ยังยินดีจะเป็นภรรยาของบุรุษที่ชื่อว่าไท่หย่งเสียน

นางพยายามไม่คิดถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับนาง องค์หญิงเก้ามิใช่คนโง่ เรื่องผลประโยชน์ทั้งหลาย ย่อมตระหนักรู้ดีกว่าใคร กระนั้นแล้วมันมิได้สำคัญ เมื่อเทียบกับไท่หย่งเสียน

คุ้มค่างั้นหรือ มิใช่แม้แต่น้อย เขาเป็นเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่นางมิประเมินคุณค่า

“เจินจิ่วหรง ข้าสัญญาว่าจะดูแลและทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดี”

องค์หญิงเก้าแย้มยิ้มอ่อนหวาน ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินออกมามิขาดสาย ก่อนโอบกอดเขาแน่น ฝังดวงหน้าลงกับแผ่นอกแกร่ง

ไท่หย่งเสียนมิเคยโกหกนาง

และนี่น่าพึงพอใจแล้ว

“มิจำเป็นต้องสร้างตำนานรักหรือเป็นที่จดจำของคนมากมาย ข้าเพียงอยากเป็นภรรยาของท่าน เป็นที่จดจำของท่านผู้เดียว”

ไท่หย่งเสียนรับรู้ถึงความในใจของนางก็จริง แต่เขามิเคยรู้เลยว่านางรักเขามากเพียงใด ดังนั้นในเวลานี้ดวงตาคู่คมจึงฉายแววตื่นตระหนก ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไปตามเรือนผม

ตงเหลียนฮวาตายไปสองปีแล้ว นางอยู่เคียงข้างเขามาถึงห้าปีเต็ม ก่อนหน้าใคร ๆ

ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ริมฝีปากบางทาบลงบนกลีบปากของนาง อาภรณ์สีมงคลเลื่อนตกลงบนพื้น เพลิงปรารถนาเจืออยู่ในดวงตา

“หย่งเสียน”

เจินจิ่วหรงมิเคยกังขาในตัวของสามี นางใช้ชีวิตในฐานะภรรยาของเขามาถึงห้าปีเต็ม ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของสามีก็เป็นไปได้ด้วยดีตลอดมา อีกทั้งเสด็จแม่-พระสนมเสียนเฟยพึงพอใจในตัวไท่หย่งเสียนเป็นอย่างยิ่ง

บัดนี้เขากลายเป็นแม่ทัพประจิม รับสืบทอดตำแหน่งต่อจากบิดา

ชีวิตครอบครัวสงบสุข ขาดเพียงแค่นางมิได้ให้กำเนิดบุตรกับเขาเลยสักคนเดียว จิ่วหรงเคยตั้งครรภ์ในช่วงปีแรดของการแต่งงาน น่าเสียดายที่นางไม่ทันระวังจึงแท้งไป นับแต่นั้นก็มิเคยตั้งครรภ์อีกเลย

โชคดีที่ครอบครัวของเขามิได้กดดันนาง นั่นเป็นเพราะด้วยยศฐานของนาง มันเพียงพอแล้ว ต่อให้มิมีลูก พวกเขาหรือจะกล้าดูถูกเหยียดหยาม

นางกะพริบตารู้ตัวอีกทีสาวใช้คนสนิทก็รีบวิ่งมาพร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ฮูหยิน ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

ดวงตาเรียวดั่งหงส์เบิกกว้างขึ้น รีบขยับลุกออกไปหาเขา เมื่อห้าเดือนก่อนเสด็จพ่อมีราชโองการให้เขานำทัพปราบกบฏที่ชายแดน แม้นนี่จะมิใช่ครั้งแรก แต่เขาหายไปนานถึงห้าเดือน ส่วนนางก็ทำได้แค่เป็นภรรยาที่ดี รั้งรอเขา

องค์หญิงเก้ารีบสวมกอดร่างสูงสง่าของสามี เช่นเดียวกับเขาซึ่งยกมือกอดตอบนาง ไท่หย่งเสียนขยับยิ้มบางเบา เนื้อตัวดูมอมแมม เรือนผมยุ่งเหยิง ทว่าอย่างน้อยก็มิได้บาดแผลอะไรกลับมา

“หย่งเสียน ข้าคิดถึงท่าน”

กับเขาแล้วนางมิเคยเขินอายที่จะแสดงความรักออกมาให้คนบนโลกได้รับรู้

“ข้านอนฝันถึงท่านทุกคืน”

ไท่หย่งเสียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาดูยังมิคุ้นชินกับท่าทีเช่นนี้ของนางเสียที ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้ามาใต้เรือนผม ดึงรั้งให้แหงนหน้าสบตาเขา

“มีอะไรงั้นหรือ”

“ข้ายกเจ้าเป็นที่หนึ่งเสมอ” เขากล่าวเสียงเรียบ เกลี่ยเส้นผมดำขลับทัดใบหู “และเจ้าเป็นภรรยาที่ดีของข้า”

เจินจิ่วหรงเลิกคิ้วสูง แลเห็นความกังวลและลำบากใจมากมายในดวงตาของเขา นางอยู่กับเขามาราวครึ่งชีวิต ความสัมพันธ์ถลำล้ำลึก ไท่หย่งเสียนกัดปากพลางส่ายหน้า แล้วจับจูงนางเข้าไปในตัวเรือน

“คืนนี้ข้าเป็นของเจ้า”

นัยน์ตาของนางวูบไหว พลางโคลงหัวลงครั้งหนึ่ง นึกเกลียดชังสติปัญญาของตนเป็นที่สุด

“ท่านเป็นสามีของข้า”

นอกจากดูแลความเรียบร้อยของจวนและปรนนิบัติพ่อแม่สามี เวลาว่างทั้งหมดถูกมอบให้กับการทำบัญชี คัดลอกพระคัมภีร์ บางคราก็เข้าวังไปพูดคุยกับเสด็จแม่ น่าเสียดายที่บทบาทของสตรีนั้นถูกตีกรอบเอาไว้ แม้นองค์หญิงอย่างนางก็มิอาจก้าวผ่านเส้นกรอบนี้ไปได้

นางเงยหน้าขึ้นพบว่าท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีรัตติกาล ทว่าทั้งจวนกลับยังไร้เงาร่างของเขา เรียวนิ้วมือยกขึ้นนวดไปตามหว่างคิ้ว ตามด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียด

อย่างไรก็ตามนี่หาใช่ครั้งแรกในรอบเดือนนี้ที่เขานอนค้างในค่ายทหาร ไท่หย่งเสียนรู้ดีกว่าใครว่านางมิใช่คนไร้ปัญญา

เจินจิ่วหรงหลับตาลง นึกย้อนไปถึงคำพูดของสาวใช้เมื่อกลายวันก่อน “คนที่ค่ายบอกว่าท่านแม่ทัพนำสตรีนางหนึ่งกลับมาด้วยเจ้าค่ะ”

“ได้ยินว่าท่านแม่ทัพเรียกนางว่าฮวาเอ๋อร์”

ถึงจะน่าเหลือเชื่อแต่สตรีผู้นั้นกลับมาแล้ว ตลอดมาไท่หย่งเสียนมิเคยปรายตาทมองสตรีใดนอกจากนาง ต่อให้ตอนนี้เป็นสามีภรรยา จิ่วหรงไม่กังขาในตัวเขาก็จริง แต่นางมิเคยรู้ว่าแท้จริงแล้วใจเขาเป็นเช่นไร

เมื่อถนอมตนเองนางเลือกหลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด เดินตามความถูกต้อง อยู่ภายในเส้นกรอบเสมอมา

คืนนั้นนางเบิกตากว้างมิอาจข่มตานอนหลับได้เลย ผ่านไปค่อนคืนถึงได้รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา ไท่หย่งเสียนทิ้งตัวลงนอนข้างนาง แล้วโอบกอดนางตามปรกติ

“นางกลับมาแล้วใช่หรือไม่”

“...”

“ช่างเถอะ”

แรกเช้าถัดมานางเพียงช่วยเขาสวมใส่อาภรณ์ ปรนนิบัติเขาตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี

สามเดือนต่อไป ไท่หย่งเสียนเริ่มมิกลับจวนอีกครั้ง

ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงปรกติดี เขาเอาใจใส่นางเช่นเดิม อาจมีเมินเฉยอยู่บ้าง แต่ถ้าวันใดนางไม่สบายหรือล้มป่วย เขาก็ยังกลับมาอยู่ข้างกาย เพื่อเฝ้ามองนาง

เจินจิ่วหรงมิเคยเป็นคนขาดสติ นางควบคุมตนเองได้ดีเสมอ ด้วยเหตุนี้แม้นจะรู้ถึงการคงอยู่ของตงเหลียนฮวา และพฤติกรรมที่ผิดแปลกไป นางก็มิได้เข้าไประรานเฉกเช่นนางร้ายในวรรณกรรม

ทั้งไท่หย่งเสียนเองก็มิใช่บุรุษเลวทรามที่ทอดทิ้งภรรยาของเขา สติปัญญาของเขาแยกแยะได้ว่าควรทำตัวอย่างไร ถนอมน้ำใจนางเยี่ยงไร ทั้งยังรู้ด้วยว่าควรจะพูดหรือสารภาพเมื่อไหร่ถึงจะดี

นางมองมือซึ่งกอบกุมกันเอาไว้ เรือนผมแผ่สยายทั่วแผ่นหลังบอบบาง

“ข้าเคยสัญญาว่าจะแต่งนางเป็นภรรยา”

เรียวคิ้วงามเลิกสูง “กระนั้นหรือ”

“แต่ข้ามีเจ้าอยู่แล้ว” เขากล่าวอย่างไร้อารมณ์ ดึงปิ่นปักลมบนเรือนผมของนางออก “ข้ามิมีทางทอดทิ้งเจ้า”

แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงความเห็นอกเห็นใจของเขาหรือไม่นะ

“ให้หม่อมฉันหาสามีให้นางดีไหม”

สามีของนางนิ่งเงียบไป ดวงตาคู่คมหลุบต่ำลง “นางดิ้นรนมีชีวิตรอดหมายกลับมารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับข้า”

รอยยิ้มพลันแข็งค้าง “บางทีมันอาจเป็นเพียงความเห็นใจ...”

น้ำเสียงหวานขาดห้วงไป เจินจิ่วหรงโคลงหัวไปมา ไท่หย่งเสียนเป็นคนดื้อรั้น เขาบอกนางก็จริง แต่ใช่ว่าจะเชื่อฟังนาง ท้ายที่สุดเขาจะเชื่อฟังเสียงหัวใจของตนเอง

“ฐานะของข้าในใจท่านคืออะไรกันแน่”

“ข้าขาดเจ้าไม่ได้” เขาตอบอย่างรวดเร็ว “เราอยู่ด้วยกันมานาน เจ้าเป็นภรรยาของข้า และข้ามิมีทางทอดทิ้งเจ้า”

นางหลับตาลง ตลอดมาถูกสอนเกี่ยวกับคุณธรรมของภรรยา เชื่อฟังสามีและบุตร ไท่หย่งเสียนเปิดปากกับนางด้วยตนเองเพียงนี้ ดื้อดึ้งไปก็เท่านั้น บทบาทที่สมควรคือภรรยาผู้ใจกว้างเปี่ยมเมตตา

“เช่นนั้นก็รับนางเข้ามาเป็นอนุภรรยา อย่างไรเสียก็มิใช่เรื่องผิดแปลก จวนผู้อื่นยังมีอนุภรรยามากมาย”

องค์หญิงเก้าใช้สติปัญญามากกว่าความรู้สึก แรกเริ่มเป็นเด็กดีของบิดามารดา ต่อมาเป็นลูกสะใภ้และภรรยาที่ดีของเขา

“จิ่วหรง...”

ริมฝีปากอวบอิ่มขยับยิ้มกว้างอีกหน่อย “ช่างน่ายินดีที่มันเป็นความสุขของท่าน”

แค่รับอนุภรรยาเข้ามาเพียงคนเดียว เรื่องปรกติ เสด็จพ่อยังมีสนมมากมาย

ไท่หย่งเสียนประทับจูบลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาของนาง เจินจิ่วหรงปิดเปลือกตาลง มันจะไม่เป็นไร

ครอบครัวของเขามิได้มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าใดนัก ทั้งยังมิกล้าแสดงกิริยาใดออกนอกหน้า ในวันมงคลของพวกเขา เจินจิ่วหรงเพียงฉีกยิ้มตลอดเวลา มอบของขวัญตามธรรมเนียม รักษาภาพรักที่ดีในฐานะภรรยาของเขา

มิรู้ว่าความรักที่มีต่อตงเหลียนฮวาจะจืดจางไปบ้างหรือไม่ แทนจะเป็นแค่อนุธรรมดา ไท่หย่งเสียนกลับตั้งนางเป็นฮูหยินรอง

นางมองภาพสะท้อนของตนบนกระจกทองเหลือง แลเห็นเพียงองค์หญิงเก้า ภรรยาที่เพียบพร้อมของเขา สตรีที่สง่างามคู่ควรแม่ทัพประจิม กระทั่งในวันรับอนุภรรยานางยังฉีกยิ้มกว้างตลอดทั้งงาน

“รั่วซิน”

สาวใช้คนสนิทรีบก้าวเข้ามาใกล้ตามเสียงเรียก “ไปนำสุรามา”

เพราะทั้งคืนนี้เขาคงนอนอยู่บนเตียงกับสตรีผู้นั้น

“ฮูหยิน...”

“ไปได้แล้ว”

รั่วซินชำเลืองมองนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนออกไปในที่สุด เจินจิ่วหรงถอนหายใจยาวเหยียด แล้วดึงปิ่นปักผมมากมานบนเรือนผมออกมาวางไว้ ปลดสร้อยคอและเครื่องประดับตามตัว ขยับลุกไปนั่งตรงบานหน้าต่าง

สายลมหนาวเย็นพัดผ่านเข้ามา แสงจันทร์นวลลออสะท้อนกับนัยน์ตา เรียวนิ้วมือยื่นออกไปด้านหน้า พรุ่งนี้เช้ายังมีหลายสิ่งต้องจัดการ

และตอนนั้นหยาดน้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบข้างแก้ม นางเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก ได้แต่รีบปาดทิ้ง ท่ามกลางความไม่เข้าใจ

“แค่มีคนเพิ่มเข้ามา”

“...”

“จวนใดบ้างจะมิมีอนุภรรยา วังหลวงยังมีสนมตั้งมากมาย มิใช่เรื่องผิดแปลกแม้แต่น้อย”

เจินจิ่วหรงทำในสิ่งที่สมควร

ท้ายที่สุดนางก็ได้แต่พร่ำบอกตนเองเช่นนั้นตลอดทั้งคืน

และนั่นบัดซบที่สุด

[1] ตัวข้าผู้เป็นเจ้าของตำหนัก

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
29 Chapters
บทหนึ่ง
เจินจิ่วหรง คือองค์หญิงเก้า พระธิดาของเจินเซียหยางฮ่องเต้กับพระสนมเสียนเฟย ชีวิตของนางมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งลาภยศ ความงาม รวมถึงไปความรุ่งโรจน์ แม้นจะมิเป็นที่โปรดปรานมากมายดั่งเช่นองค์หญิงรอง ทว่าเสด็จพ่อก็หาได้ลืมเลือนนางไม่ มิว่าจะต้องการสิ่งใด นางล้วนได้มันมาอย่างง่ายดาย เพียงเปิดปากเอ่ยมิกี่คำ ทุกสิ่งย่อมมากองอยู่ตรงหน้า เว้นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือบุรุษที่บอกว่าท้องฟ้าและผืนหญ้าเป็นของนาง แม่ทัพบนหลังอาชาสง่า ‘ไท่หย่งเสียน’ นางมิเคยเสียเวลาหรือมอบความสนใจให้กับสิ่งใดเท่านี้มาก่อน พบกันครั้งแรกในรั้ววัง ใต้ต้นท้อซึ่งผลิบานสะพรั่ง “เปิ่นกง [1] คือองค์หญิงเก้า พระธิดาในเจินเซียหยางฮ่องเต้” บุรุษผู้นี้มิรู้ด้วยซ้ำว่านางเป็นใคร กระนั้นเขาเพียงฉีกยิ้มโง่ ๆ ซื่อ ๆ และสดใสดั่งดวงตะวันในฤดูร้อน “กระหม่อมไท่หย่งเสียน บุตรชายของท่านแม่ทัพประจิมพะย่ะค่ะ” และตอนนั้นเขายังเป็นเพียงบุตรชายของแม่ทัพประจิม เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ปี ไร้เดียงสา มิรู้ความ ช่างต่างจากนางที่แม้นจะเพียงสิบปี แต่ด้วยสภาพแวดล้อมในวัง นางกลายเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่มองโลกต่างจากเด็กวัยเดียว
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทสอง
ผ่านไปสามเดือนนับแต่ตงเหลียนฮวาเข้ามา เจินจิ่วหรงยังคงใช้ชีวิตตามปรกติ ในฐานะฮูหยินตราตั้งของแม่ทัพประจิม ท่ามกลางสายตาหลากหลายคู่ซึ่งจดจ้องมองมา แต่แรกนางนึกว่าจะเป็นเหมือนบทละครที่เคยอ่าน แม่สามีมิชอบอนุต่ำต้อย ทว่ามันกลับมิได้เป็นเช่นนั้น จวนตระกูลไท่สุขสงบ มารดาและบิดาของไท่หย่งเสียนทำตัวลอยเหนือเรื่องพวกนี้ มิรังแกตงเหลียนฮวา ขณะเดียวกันก็มิได้เข้าข้างหรืออะไร ซึ่งนับว่าเป็นการวางตัวที่ดี อย่างไรเสียด้วยฐานะของนาง ปฏิเสธมิได้ว่ามันต้องเกี่ยวพันถึงในวัง หากแต่งเป็นอนุภรรยาคงมิมากเรื่อง แต่นี่กลับแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินรอง ทั้งที่ฐานะทางครอบครัวแต่เดิมก็มิได้ดีนัก ย่อมกลายเป็นที่ติฉินนินทาไปทั่ว นางเสียเวลาอยู่หลายคืนเพื่อจัดการเรื่องนี้ การรักษาหน้าตาและชื่อเสียงของสามี นับเป็นเรื่องที่สมควรทำ เรียวนิ้วมือยกขึ้นนวดขมับที่ปวดร้าว นัยน์ตาเรียวดั่งหงส์คล้ายพร่ามัวไปชั่วขณะ สิ่งใดที่สมควร นางก็ทำไปหมดแล้ว โชคดีที่ไท่หย่งเสียนมิได้เป็นบุรุษในบทละครพวกนั้น เขาแลเห็นคุณค่ารวมถึงตัวตนของนาง จึงมิได้ทอดทิ้งนาง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่ต้องมีการแบ่งปั่นสามีให้กับสตรีอื่น ไท่หย
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทสาม
บทสาม แก้วตาดวงใจของทุกคน แต่มิใช่กับข้า ไท่หย่งเสียนกำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ นานมาแล้วเขาเคยวาดฝันจะมีเด็กตัวน้อย ๆ วิ่งเล่นรอบจวน เปล่งเสียงหัวเราะใสกังวาน คอยเป็นเพื่อนเล่นกับบิดามารดา ทุกอย่างกำลังจะเป็นจริง ทว่าผู้ที่จะเป็นมารดาของเขากลับมิใช่นาง ขณะทุกคนกำลังฉีกยิ้มยินดีกับข่าวมงคลของตงเหลียนฮวา รอยยิ้มของนางกลับแข็งค้าง เรียวนิ้วมือจิกลงบนอาภรณ์สีม่วงเข้ม เจินจิ่วหรงหลับตาลงพลางสูดหายใจเข้าช้า ๆ ทรวงอกกระพือขึ้น ก่อนสงบลงเมื่อไท่หย่งเสียนหันมาหานางพร้อมยิ้มบางเบา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เช่นเดียวกับมารดาและบิดาของเขาที่พึ่งตระหนักว่าองค์หญิงเก้ายืนอยู่ตรงนี้ ปลายเท้าขยับเข้ามาใกล้ นัยน์ตาคู่คมสบหาหานาง “ข้าต้องบอกข่าวมงคลพวกนี้แก่เหล่าญาติพี่น้องของท่าน แล้วก็ต้องตระเตรียมของสำหรับเด็ก ก่อนอื่นต้องเชิญท่านหมอ...”น้ำเสียงหวานขาดห้วงไป ยามฝ่ามืออุ่นร้อนทาบลงมา นางหลุบตาต่ำลง แม้นว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเพื่อมิให้เกิดข้อผิดพลาด เจินจิ่วหรงต้องเป็นภรรยาที่ดีและสง่างามของเขา “จิ่วหรง” ชั่วขณะหนึ่งนัยน์ตาดำขลับวูบไหวอย่างรุนแรงราวกับหยาดน้ำตาจะไหลลงมา ทว่านี่คื
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทสี่
บทสี่ เจ้ากับเสด็จแม่จะได้มิลำบาก เจินจิ่วหรงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก นางนั่งนิ่งท่ามกลางสายตาหลากหลายคู่ซึ่งจดจ้องมา เสียงหวานของตงเหลียนฮวาเอื้อนเอ่ยออกมามิหยุด พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบลงมาทั้งสองข้างแก้ม มันช่างแลดูน่าสงสาร ทว่ากลับว่างเปล่าในสายตานาง ขณะที่นางเอาแต่นิ่งเงียบ รั่วซินกลับออกตัวปกป้องนาง ต่อเถียงกับตงเหลียนฮวามิขาดปาก หากนั่นเหมือนไร้ค่า เหล่าข้ารับใช้ส่วนใหญ่ในจวนถูกตงเหลียนฮวาซื้อตัวไป เห็นได้จากที่พวกเขากลายเป็นพยานใส่ความนางว่าผลักไท่ตงเจินตกลงไปในสระ เรียวนิ้วมือสัมผัสลงบนหว่างคิ้ว นางกัดปาก พลางลอบมองไท่หย่งเสียนครั้งหนึ่ง เขายังคงนิ่งเฉย เช่นเดียวกับไท่ฮูหยินและอดีตแม่ทัพ “ข้าต้องการความเป็นธรรม” ตงเหลียนฮวากรีดร้องเสียงแหลม หันขวับไปหาไท่หย่งเสียน “ท่านแม่ทัพ...” พวกคนตระกูลไท่ย่อมมิใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา ไท่หย่งเสียนหรี่ตาลง ก่อนโบกมือไปมา “ทุกอย่างต้องมีการตรวจสอบอย่างเป็นขั้นตอน” “มีพยานเห็นเหตุการณ์มากมาย ยังต้องตรวจสอบอะไรอีกเจ้าคะ” “ฮูหยินเป็นถึงองค์หญิงเก้า มีหรือต้องลดตัวไปทำเรื่องชั่วช้าเยี่ยงนั้น” รั่วซินกลอกตาไปมา “อย่าคิดว่
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทห้า
บทห้า ข้าเลือกปลายทางของตนเอง สิ่งใดกันที่สำคัญต่อการได้รับความรัก เป็นที่หนึ่ง ตัวเลือกแรกในใจของผู้คน นั่นคือคำถามที่ตั้งไว้เพื่อตนเองของนาง แผ่นหลังบอบบางเหยียดตัวพิงไปปกับเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้านหลัง ใบไม้แห้งโปรยปราย มวลบุปผาต่างโรยรา รวมไปถึงอากาศหนาวเย็น และความแห้งแล้ง สัญญาการมาเยือนของฤดูใบไม้ร่วงอันแสนหม่นหมอง นัยน์ตาเรียวดั่งหงส์หรี่ลง ปลายนิ้วมือสัมผัสลงบนเรือนผมซึ่งถูกปล่อยสยาย ก่อนออกแรงสางมัน แลเห็นเงาร่างของรั่วซินยืนอยู่ตรงบานประตู นางกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนเปล่งเสียงแผ่วเบา พลันตระหนักถึงลำคอที่แห้งเหือดราวขาดน้ำมานาน “ข้าอยากล้างหน้า” อาจเป็นประโยคแรกที่บอกความต้องการในรอบหลายวัน รั่วซินเบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นตระหนก ตามด้วยรอยยิ้มที่ขยับกว้าง แล้วรีบทำตามคำสั่งของนาง “เจ้าค่ะ ฮูหยิน” เพียงมินานก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ เจินจิ่วหรงมองเงาสะท้อนบนผืนน้ำ พลางสูดหายใจเข้าช้า ๆ กวักของเหลวสีใสขึ้นชโลมทั่วดวงหน้า พริบตานั้นสามารถจมดิ่งไปกับภวังค์ได้อย่างง่ายดาย ดวงตาไร้แววเริ่มเจือด้วยอารมณ์ “รั่วซิน ท่านแม่ทัพล่ะ” หลายวันก่อนไท่หย่งเสียนมาหานาง กล่าวให้ถูกมันเป
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทหก
บทหก หย่งเสียน ใต้หล้านี้เป็นของเสด็จพ่อต่างหาก การโรยราในฤดูใบไม้ร่วงเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ เจินจิ่วหรงคิดเช่นนั้น แล้วตัดสินใจข้ามผ่านฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว เพื่อรั้งรอฤดูใบไม้ผลิ นัยน์ตาเรียวดั่งหงส์มองควันขาวขุ่นที่พวยพุ่งจากถ้วยชา เรียวนิ้วมือสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนหนาซึบซับกับความอบอุ่น ริมฝีปากแต้มสีชาดเหยียดเป็นรอยยิ้ม เปลือกตาปรือปิดลงอย่างเชื่องช้า “รั่วซิน” “เจ้าคะ” รั่วซินตอบรับเสียงใส ดวงตาดำขลับจดจ้องผู้เป็นนาย “มีอะไรหรือเจ้าคะ” “เสด็จพ่อมีพระธิดามากมาย ดังนั้นข้าจึงอยู่ท่ามกลางผู้คน แย่งชิงความโปรดปราน” นางเอ่ยอย่างเลื่อนลอย “องค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานหาใครเสมอเหมือนจะต้องเป็นที่สนใจ ส่วนองค์หญิงที่ไม่ได้รับความโปรดปรานจะเป็นที่น่าเอ็นดูและเวทนาจากเหล่าข้ารับใช้ ขณะที่องค์หญิงซึ่งได้รับความโปรดปรานครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างข้าจะถูกลืม” รั่วซินเงียบ ตระหนักถึงเรื่องพวกนี้ดีกว่าใคร เพราะอีกฝ่ายติดตามรับใช้นางตั้งแต่ยังมิออกเรือน “กระนั้นเสด็จแม่กลับตรัสว่า ข้าโชคดีที่อย่างน้อยก็ได้รับความโปรดปราน อาจเพราะตอนนั้นข้ายังเด็กจึงฉีกยิ้มอย่างโง่งม” เจินจิ่วหรงขยับตัว
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทเจ็ด
บทเจ็ด ประกาศสงครามกับเสียนเฟย นานมาแล้วเจินจิ่วหรงเคยหวาดหวั่นต่อความตาย หากตอนนี้นางกลับพบว่ามันมิใช่เรื่องน่ากลัวที่สุด เมื่อเทียบกับการต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป มิรู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดหรือว่าสรวงสวรรค์ต้องการเล่นตลก ยามลืมตาขึ้นอีกครั้ง องค์หญิงเก้ายังคงอยู่บนโลกใบเดิม นอนนิ่งบนเตียงภายในห้องกว้าง เสมือนมิได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ราวแรกเช้าในวันธรรมดา เว้นเพียงช่วงเวลา วันที่สามของการย้อนเวลา ภาพสะท้อนบนกระจกทองเหลืองตอกย้ำทุกความเป็นจริงลงในหัวสมอง เรือนผมเกล้าเป็นมวยสูงปักด้วยปิ่นหลากสี ดวงหน้าที่ดูอ่อนวัยลง สตรีซึ่งสดใสและงดงาม เจินจิ่วหรงในวัยเพียงสิบห้า ช่วงชีวิตอันรุ่งโรจน์ ปีแรกของการแต่งงาน ภรรยาของไท่หย่งเสียน ปลายนิ้วมือครูดลงบนอาภรณ์ปักลายดอกเบญจมาศ นัยน์ตาเรียวดั่งหงส์ดูเลื่อนลอย ท่ามกลางสายตาของรั่วซินมองอยู่ตลอด ริมฝีปากอวบอิ่มกัดเป็นเส้นตรง เกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ทำไมถึงยังไม่ตาย นางควรอยู่สะพานไน่เหอ ดื่มน้ำแกงลืมเลือนแล้วก็กลับไปเกิดใหม่ ทำไมถึงได้โผล่หัวอยู่ที่นี่ ดวงหน้าแหงนมองเพดาน คานยาวซึ่งเคยใช้ผูกคอตายฉายชัดในดวงตา พลันเนื้อตัวสั่นระริก เจิน
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทแปด
บทแปด หนทางสู่อิสระ การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนคืออะไร เจินจิ่วหรงเป็นพวกลงมือจัดการต้นเหตุก่อนเสมอ ในเมื่อการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุนับว่าไร้ประโยชน์ นางก็มิควรจะเสียเวลามากเกินความจำเป็น แรกเริ่มทุกอย่างเป็นเพราะเสด็จแม่ต้องการใช้นางเป็นฐานอำนาจหนุนน้องสิบสาม เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาท นั่นหมายความว่าต่อให้หย่ากับไท่หย่งเสียนไป มารดาก็ยังคงให้นางแต่งงานกับคนอื่นอยู่ดี สุดท้ายย่อมกลับสู่วังวนเดิม ๆ มิมีจุดสิ้นสุด สิ่งที่ควรทำมากยิ่งกว่าอะไร คือการนำตนออกห่างจากพวกเขา จะน้องสิบสามหรือมารดา หากพวกเขาต้องการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท นางจะมิขอเข้าไปยุ่งอีก พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะมิใช้ประโยชน์จากนาง ส่วนเรื่องของไท่หย่งเสียน มันมิใช่เรื่องยากนัก ด้วยนิสัยของเขาแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร รั่วซินเป็นอีกหนึ่งคนซึ่งมิเข้าใจวิธีการของเจินจิ่วหรง อีกฝ่ายทำตัวราวกับจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ดวงหน้าขาวผ่องเต็มไปด้วยร้อนรน แม้นจะผ่านไปถึงสามวันนับแต่ตอบจดหมายเสด็จแม่ นั่นช่างแตกต่างกับท่าทีสงบนิ่งที่นางแสดงออก “ไยต้องร้อนรนเพียงนั้น”นางกล่าวเสียงเรียบ ทำลายความเงียบสงบ พลางเดินไปเปิ
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทเก้า
บทเก้า ช่างกลับกลอกเสียจริง เจินจิ่วหรงได้ทำในสิ่งที่สามารถทำได้ และอาจเรียกว่าสมควร ทว่านั่นทำให้นางมิรู้สึกติดค้างอีกต่อไป เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นคนเช่นไร หลายครั้งที่การมีหัวใจ เพื่อรักคนอื่นมากเกินไปทำให้นางเจ็บปวด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เสด็จแม่มิได้มีอะไรน่ากลัว มารดาของนางเป็นเพียงเสียนเฟยผู้ถูกขังอยู่ในกำแพงวังหลวง กรงทองราคาแสนแพง มิอาจออกมาข้างนอกได้ตามใจชอบ ยามแต่งออกมาเป็นภรรยาของผู้อื่น ยังมีอะไรให้นางต้องหวั่นเกรงอีกกัน นับแต่แรกทุกอย่างเป็นเพียงความรู้สึกรวมถึงความผูกพันระหว่างพวกเขา หากมองว่านี่คือชาติภพใหม่ที่คล้ายคลึงกัน แทนการย้อนอดีต บางทีมันอาจทำให้ทุกอย่างง่ายดายขึ้น เสด็จแม่ดูจะมิสนใจสิ่งที่นางกำลังพูดนัก ความสนใจทั้งหมดทั้งมวลถูกยกให้แก่ความสงสัยมากมายซึ่งก่อตัวขึ้นก่อนหน้านี้ แต่นั่นออกจะมิสำคัญ ระยะเวลาหลายปีผ่านมาทำให้นางได้เรียนรู้ว่าตนเองมิสามารถใช้ทั้งชีวิตเพื่อใครหรืออะไรได้ นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับไท่หย่งเสียนก็ยังต้องจัดการให้เรียบร้อย เชื่อได้เลยว่าจุดจบของบทสนทนาคงมิสวยนัก และยังยุ่งยากมากอีกด้วย “ไหนบอ
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
บทสิบ
บทสิบ ความเจ็บปวดของไท่หย่งเสียน นี่เป็นอ้อมกอดเย็นชาและเฉยชาที่สุดของเจินจิ่วหรง และไท่หย่งเสียนสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน นางไม่ยกมือโอบกอดเขาด้วยซ้ำ เพียงยืนนิ่งกลางอ้อมเสมือนไร้ค่านี่ ไท่หย่งเสียนผลักตัวออกมาเบา ๆ จดจ้องดวงตาไร้แววดุจก้นเหวลึกของนาง พลันหัวใจแตกสลายทีละนิด ช่างเหมือนกับแววตาก่อนนางจะปลิดชีวิตลงเมื่อชาติที่แล้ว เจินจิ่วหรงในวัยสิบห้าปี เป็นช่วงวัยที่สดใสและผลิบานอย่างสง่างาม นางไม่มีทางมีสภาพเป็นเช่นนี้ หลังเจินจิ่วหรงจบชีวิตลง ทุกอย่างในชีวิตของเขาก็พังทลาย แผนการขององค์จักรพรรดิกินระยะเวลายาวนานเกินไป แม้นสุดท้ายตงเหลียนฮวาจะถูกจับกุมในฐานะสายลับของแคว้นฝูเยว่ที่ทำสงครามมาช้านาน แต่ชีวิตของนางกลับปลิดปลิวไปแล้ว เพราะแบบนั้นหลังได้รับข่าวลือของตงเหลียนฮวา เขาถึงตัดสินใจจะจัดการตั้งแต่แรก ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเพียงกลลวงของใครบางคน จนกลับมาหาเจินจิ่วหรงล่าช้ากว่ากำหนดถึงห้าวัน เจินจิ่วหรงไม่มีทางเคืองโกรธในเรื่องนี้ พวกเขาผูกพันกันมานาน… ไท่หย่งเสียนสบตาเจินจิ่วหรงอีกรอบ มันยังคงเป็นแววตาเช่นเดิม สะท้อนความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย แล้วกลืนหายไป หรือว่
last updateLast Updated : 2025-09-17
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status