หลังจากทั้งสี่นั่งรถมาเป็นเวลานาน ก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารอโดยเฉพาะ พายัพที่คุยไม่หยุดหย่อน สารพัดหยอดคำหวานใส่สุชาดา จนมิคกี้เริ่มไม่สบายใจและหนักใจจนนิ่งเงียบ ซึ่งทำให้เกรทและหน่อยอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเกรทเพราะช่วงเวลาที่อยู่ในห้องมิคกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย
“เป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทถามในระหว่างที่กำลังจะขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อที่จะไปโรงหนัง
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เอ๊ะ ทำไมนายไม่เห็นขัดขวางพายัพกับสุชาดาเลย เมื่อตอนอยู่ในห้องนายไม่เข้าใจเหรอ พายัพกับโสภิตาต้องเป็นแฟนกัน นายก็เป็นเพื่อนโสภิตานี่”
“ทำไมต้องขัดขวาง เราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกโสภิตา ถ้าพายัพทำตัวอย่างนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นแฟนโสภิตา นายนั่นแหละเป็นอะไร โสภิตาเป็นเพื่อนเรานะ เราก็ต้องคอยคัดเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนโสภิตาซิ ซึ่งพายัพไม่เหมาะแม้แต่สักนิด เพราะเจ้าชู้เกินไปนี่ต่อหน้าต่อตาเราเชียวนะ”
“นายไม่เข้าใจเราเลย โสภิตาต้องได้กับพายัพ ถ้าไม่ได้กับพายัพอาจจะไม่มีเราไง”
“อะไรของนายเราไม่เข้าใจ พูดซะอย่างนายเป็นลูกพายัพกับโสภิตา”
“ก็ใช่น่ะสิ”มิคกี้มีสีหน้าที่ซีเรียส
“อะไรนะ”เกรทกับหน่อยพูดพร้อมกัน
“เอ่อ ไม่มีอะไรพูดติดพันไปหน่อย”มิคกี้ฝืนยิ้ม
ช่วงเวลานี้มิคกี้ก็เงียบไป เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แต่เขาก็ยังคิดไม่ออก และสิ่งที่มิคกี้หนักใจเข้าไปอีก นั่นก็คือความรู้สึกกับสองหนุ่มที่เดินขนาบข้าง
“หน่อยเป็นอะไรเงียบไปเลย”เกรทชะโงกหน้ามามองหน่อย
“เราไม่รู้จะพูดอะไร และ อีกอย่างเราพึ่งรู้จักกับนายไม่กี่วันเอง”
“พวกเราไม่มีอะไรหรอก มีอะไรคุยได้เลย พวกเราเป็นกันเอง”
“ฮือ”
“อย่า ฮือสิ มีเรื่องตลกก็พูดมาเลย”มิคกี้มองหน้าหน่อยด้วยสายตาเอ็นดู
“เราไม่มีเรื่องตลกหรอก ชีวิตเราเรียบๆแบบนี้แหละ”
“หน่อยไม่เรียบนะ หน้าตาก็น่ารัก ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใสเข้าไว้”
“มันยากนะที่จะเปลื่ยนนิสัยตัวเอง เราว่าการเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด”หน่อยพูดขึ้น
“นั่นก็ใช่ แต่ชีวิตเราต้องหาความสุขใส่ตัวด้วยรู้ไหม”
“อย่างไงล่ะ”
“อย่างแรกก็ลองเปิดใจคบใครสักคนก็ได้”มิคกี้จ้องมองหน่อยไม่กระพริบตา
“ไม่มีใครมาชอบเราหรอกเชยออกอย่างนี้”
“ไม่แน่นะอาจจะมีก็ได้ แต่หน่อยยังไม่รู้มากกว่า”
ในช่วงเวลาที่มิคกี้คุยกับหน่อย เกรทได้ฟังตลอดและเขาก็มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนเจ็บจี๊ดที่หัวใจ จนเขาต้องพูดอะไรออกมาบ้าง
“ใครเหรอ”เกรทถามห้วนๆ
“อ๋อ ไม่รู้สิ เราก็พูดไปอย่างนั้นแหละ”
“เราก็นึกว่าเป็นมิคกี้ซะอีก”เกรทพูดประชด
“อ๋อ เอ่อ อ่า”มิคกี้ไม่รู้จะพูดอะไร
เหมือนโชคช่วยมิคกี้ เพราะทั้งห้าคนเดินมาถึงที่โรงหนังพอดี ซึ่งในจังหวะนั้นที่พายัพเดินนำหน้ากับสุชาดาได้หันมาหาทั้งสามคน
“ถึงแล้ว ใครกันนะที่บอกว่าจะเลี้ยง”พายัพมองไปทางมิคกี้
“ไม่ลืมหรอก”มิคกี้รีบเดินไปซื้อตั๋วหนังทันทีห้าใบ
หลังจากมิคกี้ซื้อตั๋วหนังเสร็จเรียบร้อยก็มาแจกทุกคน และรีบเดินเข้าไปภายในโรงหนังทันที และไม่ได้ซื้ออะไรติดมือเข้าไปด้วย เพราะตั๋วที่มิคกี้ได้มานั้นเป็นตั๋วเสริม
เมื่อเข้าไปในโรงหนังซึ่งเก้าอี้ที่โยกได้นั่งสบายเต็ม เหลือเพียงเก้าอี้เสริมเคลื่อนที่สีดำพับได้ ซึ่งตั้งเรียงรายต่อจากเก้าอี้ดูนั่ง ซึ่งอยู่ตรงทางเดินขั้นบันได้ พายัพกับสุชดานั่งหน้าต่อจากอีกคน ส่วนเกรทนั่งในสุดมิคกี้นั่งตรงกลางหน่อยนั่งริมสุด
“คนเยอะหนังน่าจะสนุกนะ”เกรทพูดขึ้น
“ดูในข่าวทำรายได้หลายล้านแล้วนะ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“ถึงว่าคนเยอะมาก”เกรทมองดูผู้คนโดยรอบ
“หน่อยนั่งเงียบเลย”มิคกี้หันไปมอง
หน่อยไม่พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้ม เพราะเขาไม่สามารถที่จะคิดคำพูดอะไรออกมาได้ในขณะนี้ เพราะเมื่อหน่อยอยู่ใกล้มิคกี้แล้วใจเขาสั่นหวั่นไหว
“หนังจะฉายแล้วอย่าพูดเยอะ”เกรทแอบชำเลืองมองมิคกี้
“หนังฉายแล้ว”มิคกี้หันไปยิ้มให้หน่อย
“ฮือ”หน่อยพยักหน้า
มิคกี้หันซ้ายทีขวาทีและยิ้มให้ทั้งสองคน หน่อยนั้นยิ้มสนองตอบอย่างยินดี แต่เกรทมีท่าทีเปลื่ยนไป จนมิคกี้สังเกตได้แต่เขาก็เก็บไว้ในใจ เพราะในช่วงเวลานี้เขาไม่สามรถที่จะทำอะไรได้ นอกจากนั่งดูหนังเฉยๆอย่างเงียบๆ และแอบมองพายัพกับสุชาดาที่กระหนุงกระหนิงจนหน้าหมั่นไส้
“หึ หึ หึ”หน่อยหัวเราะเสียงค่อยๆ
“ฮะ ฮะ ฮะ”เกรทหัวเราเสียงดัน
“ตลกเหรอครับ”มิคกี้หันมามองหน่อย
“ฮือ”หน่อยพยักหน้าเล็กน้อย
“ตลกดีหนอ”เกรทหันมามองมิคกี้ แต่มิคกี้หันไปมองหน่อยอยู่ จึงไม่ได้คุยกัน เมื่อเกรทเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกน้อยใจ เกรทจึงแกล้งเขี่ยขาเก้าอี้
“มีอะไรหรือ”มิคกี้ถาม
“เปล่า”พูดจบเกรทหันหน้าไปมองทางอื่น
มิคกี้รู้สึกได้ว่าเกรทอาจหึงเขาก็ได้ เพราะมิคกี้ยังเข้าใจว่าตัวเขาเองกับเกรทยังเป็นแฟนกันอยู่ มิคกี้จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรหนัก เขาจึงเอื่อมมือไปกำมือของเกรท ตอนแรกเกรทอยากดึงมือออก แต่ความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้เปลื่ยนไปพอสมควร เกรทจึงปล่อยให้มิคกี้ได้จับไว้อยู่อย่างนั้น
ในส่วนของหน่อยเห็นมิคกี้จับมือกับเกรท เขาก็เริ่มแปลกใจและพลันคิดไปว่า ความสำพันธ์สองคนนี้ดูแปลกๆ ซึ่งเขาก็เริ่มไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ที่ทั้งสองเป็นแฟนกัน หน่อยจึงพยายามทำตัวและความรู้สึกให้ห่างมิคกี้ ถึงแม้มิคกี้จะหันมามองและยิ้มให้เป็นบางครั้ง แต่หน่อยก็แสร้งไม่สนใจมิคกี้ จนมิคกี้เหนื่อยใจหยุดสนใจหน่อยชั่วขณะ
ร่วมสองชั่วโมงหนังก็จบ ทั้งห้าคนก็ออกมาจากโรงหนัง โดยมีพายัพกับสุชาดาเดินนำหน้าคุยกันอย่างถูกคอ ส่วนสามคนอยู่ด้านหลัง ช่วงแรกก็เดินคู่กันมาสามคน แต่หน่อยเริ่มเดินช้าลงเพื่อให้เกรทกับมิคกี้เดินคู่กัน มิคกี้ก็พยายามเดินข้าๆให้หน่อยเดินมาใกล้
“เร็วๆหน่อยเดินข้าจัง ดูโน้นสุชาดกับพายัพเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ฮือ เดินเร็วๆหน่อย”มิคกี้ยังไม่วายหันไปมองหน่อย และเรียกให้หน่อยเดินเร็วขึ้น
เกรทเริ่มไม่พอใจอีกครั้งรีบเดินน้ำหน้ามิคกี้ไป จนเกือบจะถึงพายัพกับสุชาดาที่เดินเคียงคู่กัน
“จะรีบเดินไปไหน”มิคกี้ก้าวเท้ายาวๆเดินมาให้ทันเกรท
หน่อยนั้นยังเดินช้าๆเหมือนเดิมๆ เพราะเขาไม่อยากที่จะเข้าไปยุ่งย่ามกับสองหนุ่ม เพราะตอนนี้หน่อยเรี่มเชื่อมั่นแล้วว่าทั้งสองน่าจะเป็นแฟนกัน ถึงแม้หน่อยจะแอบพอใจมิคกี้อยู่บ้าง แต่เขาก็จำเป็นต้องถอยห่างให้ไกล เพราะไม่อยากที่จะทำให้ทั้งสองนั้นผิดใจกัน และข้อสำคัญหน่อยคิดว่าเขามาทีหลัง ก็ควรที่จะถอยให้ห่างจะได้ไม่เจ็บซ้ำคนเดียว
พายัพกับสุชาดาชะลอเดินให้ช้าลง และหันหน้ามามองมิคกี้เพราะว่าเขาจะทวงสัญญา ที่วันนี้มิคกี้จะเป็นคนเลี้ยง
“หิวข้าวแล้วทำไงดี”พายัพหันมามองมิคกี้
“ก็ทานข้าวซิ ร้านไหนก็ได้”มิคกี้ยิ้ม และไม่ได้รู้สึกอะไรกับการจ่ายเงินในครั้งนี้ เพราะเขายังติดนิสัยในอนาคตอยู่
“ใครเลี้ยง”
“ไม่ต้องย้ำ บอกว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยง คนอย่างมิคกี้พูดคำไหนคำนั้น”
“นายมีเงินเหรอ อาหารในห้างมันแพงนะ เราไปหาอาหารกินข้างทางไหม”เกรทพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงมิคกี้ และกลัวว่ามิคกี้จะไม่มีเงินใช้ถึงสิ้นเดือน
“เราเห็นด้วยนะ”หน่อยพูดขึ้น
“แม่พระ ในเมื่อเจ้าของเงินเขาจะเลี้ยงอยู่แล้ว เธอจะไปซีเรียสทำไม”สุชาดามองค้อนหน่อย
“เราอย่างไงก็ได้ ตามใจพวกเธอทุกคน”หน่อยก้มหน้าพูด
“นานๆกินทีไม่ได้กินทุกวันไม่เป็นไร ไปหาอะไรอร่อยกินกัน”มิคกี้เดินไปร้านตรงข้ามที่ที่พวกเขายืนอยู่
พายัพกับสุชาดาและมิคกี้สั่งอาหารมาคนละหลายอย่าง ส่วนเกรทสั่งสองอย่างและหน่อยสั่งอย่างเดียง เมื่ออาหารมาถึงพ้วงเพื่อนก็เริ่มกินกันในทันที เมื่อเพียงหน่อยที่กินนิดหน่อยและค่อยๆกิน มิคกี้สังเกตเห็นเขาจึงตักกับข้าวที่เขาสั่งมาใส่ในจานให้หน่อย
“กินซะจะได้อ้วนๆ”
พายัพและเกรทมองหน้ามิคกี้ด้วยความแปลกใจ และอดสงสัยในพฤติกรรมของมิคกี้ๆไม่ได้ แม้แต่หน่อยก็ยังไม่เข้าใจว่ามิคกี้ทำเช่นนี้ทำไม มีเพียงสุชาดาที่อมยิ้มและแอบดีใจ ที่มิคกี้นั้นสนใจหน่อยเพื่อนของเธอ
“เป็นอะไรกัน”มิคกี้ส่งเสียงขึ้น เมื่อเห็นสายตาทุกคู่จ้องมองเขา
“เปล่า”พายัพพูดจบก็ตักกับข้าวใสจานสุชาดา
เกรทหลังจากแปลกใจ ก็รู้สึกแปลกๆในความคิดของเขา เกรทมีความรู้สึกแอบหวงและหึงมิคกี้ และไม่อยากให้มิคกี้ไปสนใจในตัวของหน่อย แต่เขาก็พยายามเก็บอาการแต่ก็เก็บไม่มิด เพราะออกทางสีหน้าชัดเจนจนมิคกี้แอบเห็น
“กับข้าวช้อนนี้เรามอบให้นาย”มิคกิ้ยิ้มให้เกรท
“ไม่ต้องเรามีมือตักกินเองได้ ไปตักให้คนที่ตักกินเองไม่เป็นดีกว่า”เกรทแอบชำเลืองไปที่หน่อย
เมื่อหน่อยได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ และไม่อยากจะกินข้าวต่อ แต่ก็ต้องจำใจกินให้หมดตามมารยาท
“มิคกี้ คนอยากกินกับข้าวที่มิคกี้ตักมีอยู่”สุชาดามองมิคกี้แวบหนึ่งและชำเลืองมาที่หน่อย และหันมายิ้มให้มิคกี้
“ฮือ ก็ตักให้หน่อยนั่นแหละ”พายัพอยากเอาใจสุชาดาจึงพูดเช่นนี้
ในช่วงเวลานี้พายัพเริ่มให้สนใจสุชาดามากกว่าโสภิตา เพราะโสภิตาค่อนข้างจืดชืด เรียบร้อยเกินไปเจ้าระเบียบ ส่วนสุชาดาง่ายๆไม่เรื่องมาก และพายัพรู้สึกได้ว่าสุชาดานั้นเข้าใจตัวเขามากกว่าโสภิตาอย่างมาก
มิคกี้เริ่มเห็นความสัมพันธ์ที่คืบหน้าของพายัพและสุชาดา เขาก็เรี่มกังวลกลัวว่าจะผิดตัวผิดฝาไปกันใหญ่ แต่มิคกี้ก็ไม่สามารถสนใจพายัพกับสุชาดาได้ไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้เขาต้องดูแลคนที่เขารู้สึกดีๆตั้งสองคน ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมีความรู้สึกเช่นนี้
ในทีแรกกับเกรทเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่เข้าใจผิดว่าเกรทเป็นแฟนเขาก็เลยตามเลย จนเริ่มรู้สึกชอบพอเกรท ส่วนหน่อยนั้นเขาชอบเพราะมีความคล้ายอดีตคนเคยรัก และเขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมมีความรู้สึกเช่นนี้ทีเดียวถึงสองคน
ถึงแม้เกรทจะเรียนจบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะคนที่เขาผูกพันที่สุดนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ใจจริงต่อก็อยากที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศกับบิว แต่เขาหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งมิคกี้ตัวจริงจะได้กลับมา และตัวของเขาจะได้กลับไปสู่อดีตที่จากมา ต่อนั่งครุ่นคิดนิ่งอยู่พักใหญ่ จนพายัพเดินมาเห็นลูกชายที่นั่งนิ่งเชย เหมือนมีอะไรคาใจอยู่มากมาย “ลูกพ่อเป็นอะไรคิดถึงบิวเหรอ บอกให้ไปเรียนต่อกับบิวก็ไม่ไปเองนี่” “เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆครับ” “ลูกก็โตแล้วควรคิดได้แล้วว่าจะทำงานอะไร แต่พ่อก็ไม่ได้เร่งรีบให้ลูกทำงานหรอกนะพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยว่ากันก็ได้” “ครับพ่อ” “ทำไมลูกไม่ไปเที่ยวพักผ่อนสมองซะหน่อยล่ะ” “ไม่รู้จะไปเที่ยวไปหนครับ” “พอดีพ่อจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดไปกับพ่อไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปเลย” “ครับพ่อ”ต่อพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ต่อรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาพามาที่วัด แต่ต่อก็ไม่ถามไถ่ผู้เป็นพ่อของเขาแต่อย่างใด จ
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ