วันหยุดสุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดเทอม มิคกี้จึงนอนตื่นสายและหลับสบายในห้องแอร์ เขามารู้สึกตัวอีกครั้ง เพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น เขาจึงรีบลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า เนื่องด้วยมิคกี้ติดการนอนที่ไร้อาภรณ์
“ฮัลโหล”
“มึงพึ่งตื่นเหรอเสียงงัวเงียเลย”พอมิคกี้รู้ว่าเป็นเสียงกำนันบุญมี เขาเริ่มตาสว่างทันที
“ครับพ่อ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึกไปหน่อย”ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดูบิ๊กซีนีม่าที่ช่องสิบเจ็ดเจ็ด
“ดีมากต่อ พ่อดีใจมากเลยที่เห็นมึงตั้งใจเรียนอย่าทำให้พ่อผิดหวังนะ ถ้าอยากได้อะไรบอกพ่อได้”
“ตอนนี้ยังไม่อยากได้อะไรหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ดีพ่อโอนเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ผมสักห้าหมื่นเพื่อจะใช้จ่ายอะไรครับ”
“เงินที่เอาไปหมดแล้วเหรอ”กำนันบุญมีพูดเสียงดัง
“ยังไม่หมดหรอกพ่อ แต่เผื่อไว้เพราะอาจต้องซื้ออุปกรณ์การเรียน”
“เดี๋ยววันจันทร์พ่อจะให้อาเองเข้าไปฝากในเมืองให้”
“ขอบคุณมากครับพ่อ”
“ไม่เป็นไรหรอก เอ่อ แม่เอ็งจะคุยด้วย”
“ครับ”
“น้ำพริกแมงดาที่แม่ตำไปให้หมดหรือยัง”
“หมดแล้วครับ”มิคกี้ลืมไปเลยว่าน้ำพริกแมงดาที่จันทราแม่ของเขาตำไว้ให้นั้น เขายังไม่ได้กินแม้แต่น้อย เพราะมิคกี้ไม่ชอบกินเท่าไร ถึงจันทราจะตำไม่เผ็ดแล้วก็ตามที
“ต่อเอ็งอยากได้อะไรบอกแม่ได้นะ เดี๋ยวแม่ทำเอาไปให้”
“ไม่หรอกครับ ที่นี่อาหารการกินมีเยอะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เดี๋ยวถ้าผมกลับไปบ้านจะกินกับข้าวฝีมือแม่ เพราะแม่ทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก”
“ไม่ต้องพูดให้แม่ดีใจหรอก เอ่อ แล้วเกรทได้มาหาบ้างไหม”
“มาครับ เดี๋ยววันนี้เกรทก็จะมาหาผมครับ”
“ดีคบเกรทไว้ดีแล้ว เด็กคนนี้นิสัยดีมาก วันหลังถ้าเกิดเอ็งมีปัญหาอะไร เกรทนี่แหละจะช่วยเอ็งได้”
“ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะเกรทเป็นแฟนผมแล้ว”
“อะไรของเอ็งวะ มึงมีแฟนแล้วเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้เกรท”
“เอ่อ เปล่าครับ เกรทยังไม่มีแฟนครับ เราสองคนจึงมีเวลาอยู่ด้วยกัน”มิคกี้เริ่มปรับตัวตามยุคได้ เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ยังไม่ควรพูด
“อีกอย่างเอ็งอย่าพึ่งมีแฟนล่ะตั้งใจเรียนให้จบก่อน”
“ครับแม่”
“ดีมาก แค่นี้แหละเปลืองเงิน ค่าโทรแพงมากเลย แม่ต้องเก็บเงินไว้ให้เอ็งเรียนจนจบ”
“โอเค วันหลังผมจะโทรไปหานะครับ”
มิคกี้วางหูโทรศัพท์และกำลังจะไปนอนต่อ พอได้ยินเสียงเคาะประตู เขาจึงรีบไปเปิดทันที
“ไอ้ต่อทำไมมึงไม่ใส่กางเกงมีอยู่นิดเดียวยังอยากโชว์อีก”เกรทพูดขึ้นทันที เมื่อเห็นมิคกี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
เพียงเกรทพูดจบมิคกี้รีบปิดประตูทันที และอุ้มร่างของเกรทไว้ในวงแขน แล้วรีบเดินไปที่เตียงนอนหลังจากนั้นโยนลงบนที่นอน
“ไอ้ต่อ ไอ้มิคกี้จะทำอะไร”เกรทพยายามพยุงร่างลุกขึ้น
มิคกี้เห็นเกรทกำลังจะลุกขึ้น เขาจึงรีบกระโจนลงไปที่เตียงนอนทันที และใช้มือคว้าร่างของเกรทไว้ หลังจากนั้นเขาพรหมจูบเกรททั่วใบหน้า
“ไอ้ต่อนายปล่อยเราเดี๋ยวนี้ นายจะทำอะไร เดี๋ยวฟ้าผ่าหอรก”
“คนรักกันมันจะผ่าไง”มิคกี้ไม่ยอมหยุดประกบปากของเกรททันที เกรทเม้มปากแน่นแต่มิคกี้ไม่ยอมใช้ลิ้นดันเข้าไป แต่ไม่เป็นผลสำเร็จสักเท่าไร มิคกี้จึงเลื่อนริมฝีปากมาที่ซอกคอของเกรท
“อย่านะต่อ มิคกี้”เกรทเสียงเริ่มแผ่ว เพราะความเสียวสะท้าน แรงที่ต่อต้านก็ลดลง จนเกรทเริ่มปล่อยตัวปล่อยใจตามธรรมชาติ
แต่ทว่าความสุขความสนุกของทั้งสองก็สิ้นสุดลง เมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีกครั้ง มิคกี้พยายามไม่สนใจ แต่เกรทนั้นยังคาใจว่าใครเคาะประตูห้อง
“พอก่อน ไปเปิดประตูได้แล้ว”เกรทดันร่างของมิคกี้ให้ออกห่างจากตัวของเขา
“มารจริงๆ”มิคกี้หยุดสัมผัสเรือนร่างของเกรท
มิคกี้ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้อง แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงของเกรทดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ต่อนายใส่กางเกงก่อนดีกว่าไหม”
“เหรอ”มิคกี้ก้มมองท่อนล่างตัวเองแล้วอมยิ้ม หลังจากนั้นเขาจึงรีบไปใส่กางเกงตัวเดียว แต่เป้ากางเกงก็ยังตุงอยู่
มิคกี้เริ่มรำคาญคนเคาะประตูที่เคาะไม่หยุด เล่นเคาะรัวถี่ๆจนมิคกี้หงุดหงิดและอยากจะไปด่า เขาจึงรีบไปเปิดประตูทันที และนั่นก็คือพายัพที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“เปิดช้าจังวะ มัวทำอะไรอยู่”พายัพรีบเดินเข้าไปในห้องทันที
“อ้าว เกรท”พายัพตกใจ เพราะเกรทอยู่ในสภาพหัวยุ่ง เสื้อผ้ายับเยินและคอแดงนิดหน่อย
“นายมีอะไรหรือเปล่ามาหาเราถึงที่นี่”มิคกี้เดินมาข้างๆพายัพ
“อะไรของมึงตุงเชียว ทำอะไรกัน”พายัพมองมิคกี้และเกรทสลับกันไปมา
“เปล่า กูก็เล่นกันปกติ อยู่ที่บ้านก็เล่นแบบนี้แหละ”มิคกี้อมยิ้ม
“เอ่อ ระวังเล่นไปเล่นมาแล้วได้กันล่ะ เราคิดแล้วขนลุก”พายัพนั่งลงบนเก้าอี้ แต่ยังไม่เลิกมองทั้งสองคน
“นายยังไม่ได้บอกเลยว่ามีอะไรหรือเปล่า”มิคกี้ถาม ส่วนเกรทไปที่กระจกจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง
“ใช่ลืมไปเลย จะชวนไปดูหนังที่เมอรี่คิงส์”
“ห้างเมอรี่คิงส์ปิดกิจการไปแล้วนี่”
“ปิดอะไรของนายยังเปิดอยู่ นับวันนายยิ่งเพี้ยนหนักขึ้นแล้วรู้ไหมมิคกี้”
“เอ่อ อ๋อ”มิคกี้เกาหัวด้วยความลืมตัว
“ไม่ต้องมาทำหน้างง ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ไปเที่ยวกัน ไปด้วยกันนะเกรท”
“ฮือ”เกรทพยักหน้า
หลังจากที่มิคกี้เข้าไปอาบน้ำ พายัพจึงชวนเกรทคุย เพราะเขาเห็นเกรทเงียบนิ่งไปชั่วขณะ และแอบสงสัยว่ามิคกี้กับเกรทต้องมีความรักลับๆ
“นายกับมิคกี้นี่สนิทกันจนเหมือนเป็นแฟนเลยนะ”
“ไม่ใช่หรอก บ้านอยู่ใกล้กันเรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาล “
“เหรอ เราถึงว่าสนิทเกินเพื่อน”
“เกินเพื่อนอะไร เพื่อนกันนี่แหละ”
“ฮือ พูดเรื่องโสภิตาดีกว่า มีใครมาจีบบ้างไหม”
“จะเหลือเหรอ ดาวคณะขนาดนั้น”
“ใคร”พายัพเสียงดังขึ้นทันที
“หนุ่มวิศวะ”
“ไม่ได้การแล้ว นายต้องขัดขวางนะรู้ไหม”
“จะไปขัดขวางได้ไงต้องแล้วแต่โสภิตาซิ”
“ได้สิ นายเป็นเพื่อนมิคกี้ ส่วนมิคกี้เป็นเพื่อนเรา นายก็เหมือนเพื่อนของเรานั่นแหละ และข้อสำคัญโสภิตาเป็นเพื่อนนาย เมื่อนายเป็นเพื่อนกับเราและโสภิตา เช่นนั้นนายเป็นเพื่อนในกลุ่มพวกเรา นายต้องอยู่ข้างเราและโสภิตา นายจะปล่อยให้ใครมาจีบโสภิตาไม่ได้รู้ไหม เพื่อนรัก”
“เหรอ”ต่องงกับคำพูดของพายัพ
“ใช่”
“ก็ได้”เกรทพยักหน้ารับโดยไม่ตั้งใจ
“คุยอะไรกันอยู่”มิคกี้ออกมาจากห้องน้ำถามทันที
“ไม่มีอะไรมาก แค่บอกเกรทเพื่อนรัก ให้คอยกันท่าหนุ่มวิศวะ เพราะมันมาจีบโสภิตาของเรา”
“ใช่ เกรท นายต้องขัดขวางไว้นะ กรอกหูโสภิตาทุกชั่วโมง ว่าต้องรักพายัพเท่านั้น อย่าให้ใครเข้าใกล้โสภิตา ยกเว้นนายคนเดียว จำไว้นะเพื่อนรัก”
“เหรอ”เกรทงงหนักเข้าไปใหญ่
“ดีมากไอ้เพื่อนรัก นายช่างรู้ใจเราดีเหลือเกินมิคกี้”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อมิคกี้เผลอพายัพจึงดึงผ้าเช็ดตัวของมิคกี้หลุดออกติดมือมา ส่วนมิคกี้นั้นก็รีบดึงกลับมารีบมาพันกายท่อนบนเหมือนเดิม
“หนอนน้อย”พายัพหัวเราะ
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ”มิคกี้อมยิ้ม
พายัพหยุดเถียงและไม่พูดต่อ แล้วเปลื่ยนเรื่องที่จะพูด เพราะสิ่งที่มิคกี้พูดนั้นคือความจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้
“รีบๆใส่เสื้อผ้า เดี๋ยวไม่ทันได้ดูหนังหรอก”
“เรื่องอะไร”มิคกี้ถาม
“สติแตกสุดขั้วโลก”
“เอ่อ อยากดูเหมือนกัน”
มิคกี้กว่าจะแต่งตัวเสร็จก็ร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะเขาต้องทาครีมกันแดด ทั้งผิวหน้าและลำตัว ที่เสียเวลาไปมากก็ตรงทรงผมของเขา เพราะทรงผมปกติแสกกลาง มิคกี้ดูแล้วไม่เข้ากับใบหน้าของเขา มิคกี้จึงควักเจลในกระปุกขยี้ผมที่ศีรษะให้ยุ่งๆ หลังจากนั้นใช้หวีผมให้เปิดหน้าผากราบไปข้างหลัง แล้วดึงขึ้นนิดหน่อยไม่ให้ราบเรียบจนเกินไป
“ไป”มิคกี้หันมามองทั้งสองคน
“จะไปดูหนังหรือไปประกวดโดม่อนแมน”พายัพรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ
“เดี๋ยวนี้มันต้องมิสเตอร์โกลบอล”
“โกลบอลอะไร ไร้สาระไปได้แล้ว”พายัพพูดเสียงห้วนๆ เพราะมิคกี้ชอบแอคเก็กหล่อ
มิคกี้ เกรท และพายัพ กำลังจะเดินไปที่รถคันหรูของพายัพ พลันเห็นสุชาดาและหน่อยเดินคู่กันมา พายัพจึงตะโกนเรียกอย่างดัง
“สุ”
พายัพเดินนำหน้ามิคกี้และเกรทไปหาทั้งสองทันที เมื่อสุชาดาและหน่อยได้ยินเสียงของพายัพทั้งสองจึงหยุดเดินหันหลังมามอง
“ไปไหนกันครับ”พายัพทำเสียงหล่อทันที เพราะวันนี้สุชาดาสวยมาก ใส่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอย กระโปรงยีนส์สั้น
“จะไปดูหนังค่ะ”สุชาดายิ้มจนเห็นฟันเรียงสวยเป็นระเบียบ
“ผมก็กำลังจะไปดูหนังเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมดูหลายคนสนุกดี เรามีเจ้ามือนี่ไงมิคกี้”พายัพหันหน้ามามองมิคกี้
“ใช่ ผมเลี้ยงเอง ดูหนังเสร็จกินข้าวต่อ”มิคกี้เอ่ยขึ้น
“ดีจังมีเจ้ามือ”สุชาดาพูดขึ้น
“จะดีเหรอ”หน่อยสะกิดแขนของสุชาดา
“ดีครับ”มิคกี้ยิ้มให้หน่อย
“มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไม่ทันได้ดูหนังกันพอดี”
หลังจากตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พายัพจึงพาทั้งหมดไปที่รถของเขา โดยที่เขาเป็นคนขับส่วนสุชาดานั่งข้างๆพายัพ ส่วนมิคกี้นั่งท้ายตรงกลาง ฝั่งขวาเป็นเกรท ฝั่งซ้ายเป็นหน่อย ซึ่งในความรู้สึกตอนนี้ของมิคกี้ หัวใจของเขาได้หวั่นไหวทั้งสองห้องฝากฝั่งหัวใจ อีกคนหนึ่งก็เพื่อนสนิท ที่เขาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟน จากหยอกล้อแกล้งเล่นกลายเป็นชอบเล็กๆ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นความรู้สึกดีๆที่มีให้ เพราะมีความคล้ายคลึงคนเคยรัก ที่หน้าตาน่ารักใสๆ แต่เขาก็หวั่นไหวได้ไม่นาน เพราะเริ่มเห็นความเจ้าชู้กรุ่มกริ่มกะล่อนของพายัพ ซึ่งมิคกี้เริ่มกังวลใจและไม่พอใจ กลัวพายัพเผลอไผลชอบสุชาดา และถ้าเป็นเช่นนั้นอาจส่งผลให้ความสัมพันธ์พายัพกับโสภิตามีปัญหา
ถึงแม้เกรทจะเรียนจบตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะคนที่เขาผูกพันที่สุดนั้นได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ใจจริงต่อก็อยากที่จะไปเรียนที่ต่างประเทศกับบิว แต่เขาหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งมิคกี้ตัวจริงจะได้กลับมา และตัวของเขาจะได้กลับไปสู่อดีตที่จากมา ต่อนั่งครุ่นคิดนิ่งอยู่พักใหญ่ จนพายัพเดินมาเห็นลูกชายที่นั่งนิ่งเชย เหมือนมีอะไรคาใจอยู่มากมาย “ลูกพ่อเป็นอะไรคิดถึงบิวเหรอ บอกให้ไปเรียนต่อกับบิวก็ไม่ไปเองนี่” “เปล่าครับ ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆครับ” “ลูกก็โตแล้วควรคิดได้แล้วว่าจะทำงานอะไร แต่พ่อก็ไม่ได้เร่งรีบให้ลูกทำงานหรอกนะพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยว่ากันก็ได้” “ครับพ่อ” “ทำไมลูกไม่ไปเที่ยวพักผ่อนสมองซะหน่อยล่ะ” “ไม่รู้จะไปเที่ยวไปหนครับ” “พอดีพ่อจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดไปกับพ่อไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ถ้างั้นพรุ่งนี้ไปเลย” “ครับพ่อ”ต่อพยักหน้ารับคำอย่างยินดี ต่อรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาพามาที่วัด แต่ต่อก็ไม่ถามไถ่ผู้เป็นพ่อของเขาแต่อย่างใด จ
ช่วงเวลาที่เลวร้ายของมิคกี้นั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง เขานั่งเฝ้าสุกี้อยู่ข้างเตียงที่ไม่แตกต่างกับหน่อยแม้แต่น้อย สุกี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง ในห้องที่สุกี้พักนั้นเป็นห้องรวม ซึ่งมีพ่อแม่และพี่สาวของสุกี้มาอยู่ด้วยตลอด “ขอบใจเรามากนะต่อ”พ่อของหน่อยพูดขึ้น ส่วนมิคกี้ในร่างต่อพยักหน้ารับคำ “แล้วคุณอาคิดไว้ว่าจะทำอย่างไรกับหน่อยครับ” “ทางเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะปล่อยให้หน่อยไป เพราะยื้อไว้ก็ไม่มีทางรอดไม่ใช่ว่าอาไม่รักลูก ก็เพราะอารักลูกนี่แหละที่ต้องทำอย่างนี้” มิคกี้ไม่สิทธิอะไรในตัวหน่อย เขาจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ มิคกี้ได้แต่มองร่างของหน่อยที่มีสายระโยงระยาง แต่ภายในนั้นเป็นตัวตนของสุกี้ มิคกี้ไม่สามารถที่จะอดทนกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป เขาจึงรีบเข้าไปในห้องน้ำอย่างโดยเร็ว มิคกี้ปิดประตูห้องน้ำและพิงประตู เขาค่อยๆเลื่อนตัวลงต่ำ จนก้นเกือบติดพื้นมิคกี้ใช้สองมือปิดหน้า น้ำตาของเขาได้หลั่งไหลพลั่งพลูออกมาอย่างไม่ขาดสาย มิคกี้ร้องไห้แท่บขาดใจ เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำใจได้ “มิคกี้อยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น มิ
ด้วยความโกรธโมโหยูโรที่กระทำต่อมิคกี้ และแอบน้อยใจที่ยูโรมีใจให้มิคกี้ บิวจึงไปดักรอยูโรที่สนามฟุตบอล เมื่อยูโรออกมาจากสนามฟุตบอล บิวเดินเข้าไปหาทันทีและต่อว่ายูโรไม่ยั้ง “นายเป็นเพื่อนมิคกี้นะ ทำไมนายทำกับมิคกี้อย่างนั้น” “ทำอะไร” “ก็นายจะทำแบบนั้นกับมิคกี้นั่นไง” “แบบไหนบอกมาซิ”ยูโรมีสีหน้าที่กวนบิวพอสมควร “พูดตรงนี้ไม่ได้ต้องไปคุยในรถ” “ก็ได้ นายไม่ได้เอารถมาเหรอ” “เปล่า” “แผนสูงที่จะให้เราไปส่งแน่เลย” “ใช่” “ตามมา”ยูโรแสยะยิ้มแล้วเดินนำหน้าบิว เมื่อทั้งสองอยู่ในรถ บิวมองยูโรไม่ว่างสายตาเลย จนยูโรรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายที่อ้อนแอ้นและบอบบางซักเท่าไร “มองคนหล่อทำไม” “ยอมรับว่านายหล่อ แต่นายใจไม่หล่อ” “ไม่หล่อตรงไหน” “ก็คิดไม่ดีกับมิคกี้” “นายก็คิดไม่ดีกับเราเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นายก็เป็นคนไม่ดีด้วย” “ถึงเราจะคิดไม่ดีกับนาย แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรนายนี่ เพราะเรารู้ว่านายยังไม่ได้รักเรา” “รู้ก็ดีแล้ว
ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา มิคกี้และเกรทได้ปรับความเข้าใจกันพอสมควร จึงทำให้มิคกี้ไม่ค่อยได้มีเวลาไปหาสุกี้เท่าไรหนัก ในระหว่างที่มิคกี้และเกรทกำลังกินข้าวกันพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะทั้งสอง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน อย่างสนุกและออกรสชาติ “ใครกัน”มิคกี้อารมณ์เสียทันที “เดี๋ยวเราไปเปิดดูก่อนนะ”เกรทเดินไปเปิดประตูทันที “มิคกี้ อ้าวเกรท”สุชาดามองเข้าไปข้างในเพื่อดูมิคกี้ “มีอะไรสุชาดา”มิคกี้ลุกขึ้นยืน “หน่อยเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนซึมเรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไงดี”สุชาดามีสีหน้าที่วิ ตกกังวลอย่างหนัก “เดี๋ยวเราขึ้นไปดู”มิคกี้รีบเดินไปที่ประตูหาสุชาดา แต่เขาก็ผ่านหน้าเกรท “เดี๋ยวเรามานะ ไปดูสุกี้ก่อน”มิคกี้หันมาพูดกับเกรท “ฮือ”เกรทพยักหน้า เกรทมีสองความรู้สึกทั้งสงสารและแอบหึงสุกี้ ที่ได้ความรักจากมิคกี้ ส่วนตัวเกรทเขานั้นไม่แน่ใจว่ามิคกี้คิดเช่นไร เมื่อมิคกี้กับสุชาดามาถึงที่ห้องของสุกี้ ก็ต้องพบสภาพสุกี้นอนซมไม่ได้สติ มิคกี้เขย่าร่างก็ไม่ขยับเขยื่อน ร่างกายของสุกี้นั้นซี
ต่อนั้นไม่สามารถที่จะเรียนและเข้าใจเนื้อหาในตำราเรียนได้ เพราะมิคกี้อยู่ถึงปีสามคณะบริหารธุรกิจ เขาจึงต้องให้บิวเพื่อนรักมาติวสอนที่บ้านอยู่เป็นประจำ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งต้องมีการทำรายงานส่ง บิวจึงต้องมาช่วยเพื่อนรักไม่งั้นต่อในร่างของมิคกี้อาจเรียนไม่จบ บิวช่วยต่อทำรายงานจนเกือบสี่ทุ่มถึงเสร็จ ซึ่งทำให้ต่อนั้นซึ้งในน้ำใจบิวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหน้าตาออกแนวน่ารักสดใจ ต่อจึงมีใจให้บิวจนสุดหัวใจ “เสร็จซะทีเนาะ”บิวบิดขึ้เกียจ “ใช่ เสร็จซะที ถ้าไม่ได้นายเราคงแย่แน่เลย” “เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน ทำกับเด็กพึ่งอยู่ปีหนึ่ง นี่จะจบการศึกษาแล้วนะ ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” “เรามันโง่ไง ฉลาดสู้บิวก็ไม่ได้” “ไม่ต้องมาชมให้เปลืองน้ำลายเลย” “ชมก็ไม่ได้ ถ้างั้นไปหาอะไรกินข้างล่างไหม” “ไม่ไปหรอก อยู่บนห้องนี้แหละกลัวนางยักษ์” “นายนี่ร้ายว่าแม่เลี้ยงเราอีก” “หรือว่าไม่จริง” “ก็จริงน่ะซิ อย่าพูดเรื่องอื่นเลย บิวไปอาบก่อนเถอะ เราจะได้นอนกันซะที เราง่วงนอนมากเลยรู้ไหม” “จร้า” บิวรับคำแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อจนเผยเห็นผิวกายที่ขาวใสออร่ากระจาย ต่อจ้องมองอย่างหื่นกระหา
ต่อในร่างของมิคกี้จำเป็นต้องไปเล่นฟุตบอลการกุศลที่ต่างจังหวะ เพราะบิวปฏิเสธท่าเดียว ถึงจะชอบยูโรแค่ไหนบิวก็ไม่สามารถที่จะไปเล่นฟุตบอลได้ ต่อจึงจำเป็นต้องไปเล่นแทนมิคกี้ ซึ่งความสามรถของต่อนั้นก็ยังพอไหวเล่นได้ตามปกติ ไม่ถึงขั้นเทพอย่างมิคกี้ที่ฝึกซ้อมมาตั้งเด็ก และการแข่งขันในครั้งนี้มิคกี้ลงได้แค่ครึ่งแรก เพราะครี่งหลังเปลื่ยนตัวพักยาว ผลการแข่งขันทีมของมิคกี้แพ้ราบคาบ ถึงจะไปแข่งฟุตบอลต่างจังหวัด แต่ละคนนั้นล้วนเป็นลูกหลานไอโซคนร่ำรวย ที่พักต้องอยู่ในโรงแรมสุดหรู และต่อก็ได้พักห้องเดียวกับยูโร ซึ่งก็ได้สร้างความพึ่งพอใจให้ยูโรอย่างมาก ส่วนตัวต่อก็เฉยๆเขาไม่กลัวยูโร หรือคิดว่ายูโรจะทำอะไรเขาแบบเกรท “วันนี้นายเป็นอะไรฝีมือตกไปเยอะ” “เราก็เล่นประมาณนี้อยู่แล้วนะ”ต่อนั่งกดมือถือดู เพราะช่วงนี้ต่อติดโทรศัพท์มือถือมาก “มิคกี้นายนี่ระดับนักฟุตบอลทีมมหาวิทยาลัยเลยนะ เป็นไปไม่ได้ที่ฝีเท้านายจะมีอยู่แค่นี้”ยูโรสงสัยและจ้องมองต่ออย่างใคร่พิจารณา “มองอะไร”ต่อมองกลับ “ก็มองนายนั่นแหละ” “มองทำไม มีอะไรให้น่ามอง” “ไม่มองก็ได้อาบน้ำดีกว่า”ยูโรถอดเสื้อฟุตบอลออก หลังจากนั้นถอดกางเกงออ