“ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย” เธอพูดเช่นนี้ก็ทำให้เขาใจหายน่ะสิ เหมือนแค่ยอมรับฟังแต่ไม่ใจอ่อน
“ก็ยังดีครับ เจอกันตอนหกโมงครึ่งได้ไหม เผื่อคุณอยากเดินเล่นก่อน” “ไม่ค่ะ ไม่เดินเล่น แล้วเจอกันค่ะ” เธอปฏิเสธที่จะเดินเล่นพร้อมกับตอบรับดินเนอร์กับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ สีหน้าไม่ยิ้ม แต่แววตาเธอดูมีประกายมากขึ้นกว่าแรกๆ ถือว่าเป็นสัญญาณดีสำหรับเขาสินะเนี่ย“ก็ยังดีครับ แล้วเจอกัน” นิโคไลบอกด้วยน้ำเสียงอึดอัก ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ มีความประหม่าอยู่ในท่าทางจนน่าแปลกใจ ไอลดาคงทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองเสียแล้วจากนั้นเมื่อนิโคไลได้เอ่ยคำสุดท้ายแล้ว ไอลดาจึงก็ค่อยๆ ปิดประตูลง พลางมองหน้านิโคไลเล็กน้อยกระทั่งประตูปิดสนิท มือเรียวนุ่มแตะที่บานประตูเล็กน้อยคล้ายกับมีความอาลัย ขณะที่นิโคไลยังไม่ได้เดินไปไหนเช่นกัน ดวงตาคมกริบสีฟ้ายังคงมองที่บานประตูราวกับอาลัยอาวรณ์ไม่ต่างจากเธอ ก่อนจะหักใจแล้วเดินกลับห้องกระทั่งเวลาผ่านไปจนเกือบหกโมง ซึ่งเวลาที่นัดดินเนอร์ก็คือหกโมงครึ่ง แต่นิโคไลรีบแต่ง
“ครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย” เธอพูดเช่นนี้ก็ทำให้เขาใจหายน่ะสิ เหมือนแค่ยอมรับฟังแต่ไม่ใจอ่อน“ก็ยังดีครับ เจอกันตอนหกโมงครึ่งได้ไหม เผื่อคุณอยากเดินเล่นก่อน”“ไม่ค่ะ ไม่เดินเล่น แล้วเจอกันค่ะ” เธอปฏิเสธที่จะเดินเล่นพร้อมกับตอบรับดินเนอร์กับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ สีหน้าไม่ยิ้ม แต่แววตาเธอดูมีประกายมากขึ้นกว่าแรกๆ ถือว่าเป็นสัญญาณดีสำหรับเขาสินะเนี่ย“ก็ยังดีครับ แล้วเจอกัน” นิโคไลบอกด้วยน้ำเสียงอึดอัก ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ มีความประหม่าอยู่ในท่าทางจนน่าแปลกใจ ไอลดาคงทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองเสียแล้วจากนั้นเมื่อนิโคไลได้เอ่ยคำสุดท้ายแล้ว ไอลดาจึงก็ค่อยๆ ปิดประตูลง พลางมองหน้านิโคไลเล็กน้อยกระทั่งประตูปิดสนิท มือเรียวนุ่มแตะที่บานประตูเล็กน้อยคล้ายกับมีความอาลัย ขณะที่นิโคไลยังไม่ได้เดินไปไหนเช่นกัน ดวงตาคมกริบสีฟ้ายังคงมองที่บานประตูราวกับอาลัยอาวรณ์ไม่ต่างจากเธอ ก่อนจะหักใจแล้วเดินกลับห้องกระทั่งเวลาผ่านไปจนเกือบหกโมง ซึ่งเวลาที่นัดดินเนอร์ก็คือหกโมงครึ่ง แต่นิโคไลรีบแต่ง
ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ทางฝั่งไอลดากำลังคิดและทบทวนสิ่งที่คุยกับ นิโคไลพร้อมกับปลีกตัวเดินอยู่เพียงลำพัง โดยที่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางเอามือล้วงกระเป๋าแล้วหันหน้ามองไปทางทะเล อาการไม่ต่างกับเธอสักเท่าไหร่ กระทั่งเธอมองเห็นเจอร์รี่มาตามทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะมีสีหน้าเคร่งเครียด คล้ายกับกำลังคุยกันเรื่องงาน จากนั้นนิโคไลก็เดินกลับขึ้นไปบนรีสอร์ต ทิ้งให้เจอร์รี่ยืนอยู่ริมหาดคนเดียว ไอลดาจึงอาศัยจังหวะนี้เดินกลับเช่นกัน ทำให้ทั้งคู่ต้องเจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“คุณไอซ์! จะกลับขึ้นห้องแล้วเหรอครับ” เจอร์รี่แสร้งถามไปอย่างนั้นเอง“ยังหรอกค่ะ ฉันอยากเดินเล่นสูดอากาศน่ะ ไม่ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้นานแล้ว แต่วันนี้ก็ไม่น่าจะเรียกว่าพักผ่อนนะ” ไอลดาตอบและประชดเล็กๆ ทำให้เจอร์รี่ยิ้มอ่อนแล้วก้มหน้าเล็กน้อย“ผมเดินเป็นเพื่อนไหมครับ เผื่อว่าคุณอยากมีเพื่อนคุย”“เอ่อ เกรงจะรบกวนคุณน่ะสิคะ อีกอย่างเจ้านายของคุณคงจะ...”
ขณะที่ไอลดา ต้องอยู่เกาะกับนิโคไลเพื่อปรับความเข้าใจ และทบทวนอดีตโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงแผนการนี้ โดยเฉพาะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้น แม้จะเป็นคู่หมั้นที่เกิดจากธุรกิจ แต่เพราะความรักที่กันตพงษ์มีต่อ ไอลดานั้น ก็ทำให้เขาไม่เคยละเลย ที่จะไปช่วยดูแลน้องเมย์ในยามที่ไอลดาไม่อยู่ กันตพงษ์จึงถือโอกาสในช่วงเที่ยง เดินทางไปที่บ้านของไอลดา“คุณอา สวัสดีครับ” กันตพงษ์เดินมาทักทาย พร้อมกับยกมือไหว้ ลัลลดาอย่างนอบน้อม หลังจากที่จอดรถเอาไว้ที่หน้าบ้านเรียบร้อย มองน้องเมย์และพี่เลี้ยงกำลังวิ่งเล่นกันที่สวนหย่อมหน้าบ้านกับสุนัขตัวใหม่“สวัสดีจ้ะ คุณกันมีธุระอะไรหรือเปล่า ทานข้าวเที่ยงมาหรือยังจ๊ะ” ลัลลดารับไหว้ถามพร้อมกับยิ้มหวาน“เรียบร้อยแล้วครับ พอดีผมแวะมาเยี่ยมน้องเมย์น่ะ เห็นว่าไอซ์พาแขกไปเที่ยว” กันตพงษ์กล่าวและมองไปที่น้องเมย์กำลังวิ่งไล่สุนัขอย่างสนุกสนาน แต่อดแปลกใจไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้ไม่เคยมีสุนัขมาก่อน“ท่าทางน้องเมย์จะมีความสุข ได้เจ้าตูบมาจากไหนเหรอครับ น่ารักเชียว ไอซ์ซื้อ
“ไอซ์ เราคุยกันดีๆ ได้ไหม ได้โปรดเถอะ” เมื่อมีการขอร้องเกิดขึ้น ทำให้ไอลดาพยายามปรับอารมณ์และลดทิฐิ“เฮ้อ!” ไอลดาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหยุดยืนนิ่ง จากนั้นจึงหันหน้าออกไปทางทะเล นั่นแปลว่าเธอจะฟัง“คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมจริงๆ เหรอ ยอมอยู่กับผมเพราะผมบังคับตั้งแต่แรกใช่ไหม” เขาเริ่มยิงคำถามอีกครั้ง ซึ่งทำให้เธอตอบยากมาก เพราะมันเป็นความรู้สึก ไม่สามารถกลั่นกลองออกมาเป็นคำพูดได้“คุณก็บังคับจริงๆ นี่คะ” เขาบังคับ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เต็มใจนั่นแหละ“แล้วคุณหนีผมมาทำไม” นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดสินะ“ฉัน คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกผิดในตัวเองมากแค่ไหน ไม่รู้อะไรทำให้ฉัน... ทำแบบนั้น ฉันก็เลย”“หนีมาดื้อๆ ทั้งที่ไม่ถามผมสักนิดว่าจะรู้สึกยังไง”“คิดว่าคุณคงไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ ถึงเราจะไม่ได้นอนด้วยกัน คุณก็ไปนอนกับคนอื่นอยู่ดี”“คุณไม่ได้รู้ใจผมขนาด
การมาเที่ยว เป็นแค่ข้ออ้างของนิโคไล เพื่อจะได้อยู่กันตามลำพังกับไอลดา และเคลียร์เรื่องเมื่อสามปีที่ผ่านมาให้จบ แต่ให้ผู้ติดตามมาด้วยเพื่อบังหน้า พอเข้าแผนนิโคไลก็ให้ค่าขนมทุกคนแล้วขอความเป็นส่วนตัว เพราะเขาอยากจะจัดการกับคนใจร้ายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ขณะที่เขากำลังคิดที่จะเข้าไปหาไอลดาที่ห้องอยู่นั้น สายตาก็ดันเหลือบเห็นเธอผ่านทางระเบียงห้องซึ่งเธอเดินเล่นอยู่ตรงชายหาดพอดี“ดีล่ะ” นิโคไลเอ่ยลอยๆ พลางยิ้มที่มุมปากเวลาเดียวกันนี้ไอลดาก็เดินเล่นเพลินๆ ด้วยเท้าเปล่า ก้มหน้ามองที่ผืนทราย ขณะที่เกลียวคลื่น สาดซัดเข้ามาเป็นระลอกจนเกิดเป็นฟอง บางครั้งเธอก็แหงนหน้ามองท้องฟ้า หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรับความสดชื่นผ่อนคลายแอบคิดไปว่าบางทีการลดทิฐิลงมันอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาบ้างก็เป็นได้ ขบคิดทบทวนดูว่าความผิดพลาดในครั้งนั้น มันส่งผลให้ชีวิตเลวร้ายมากเชียวหรือ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เลย เธอได้ของขวัญล้ำค่าต่างหาก พลาดเพียงอย่างเดียวคือเธอรู้จักนิโคไลน้อยเกินไป แต่นั่นเพราะคิดว่าเขาไม่ได้จริงจัง จึงทำให้เธอต้องจากมา
“ฉันก็ไม่ได้เต็มใจไปตั้งแต่แรกนี่คะ” ไอลดาตอบตรงๆ จนเขารู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาทำอะไรให้เธอหรือเนี่ย“ถามจริง โกรธเรื่องเมื่อวาน ในห้องทำงานเหรอ” ประโยคนี้เขายื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู“ฉันลืมไปแล้ว” เธอพูดและถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเมินหน้าออกนอกรถ“หึๆ คุณไม่ลืมหรอก ไม่ได้ลืมตั้งแต่วันแรกที่เรารู้จักกันแล้ว”“อะไรทำให้คุณคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น”“น้องเมย์มั้ง” พอจบประโยคเท่านั้นแหละเธอก็หันไปมองหน้าเขาทันทีแต่ไม่พูดอะไร“การที่คุณมีน้องเมย์ มันยิ่งทำให้คุณไม่มีวันลืมเรื่องของเรา”“รู้ตัวไหมว่าคุณคิดผิด น้องเมย์ทำให้ฉันลืมพ่อของแกไม่ลง ส่วนเรื่องของคุณไม่เกี่ยว” เธอพูดเช่นนี้หมายความว่าพ่อของน้องเมย์ไม่ใช่เขาอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอก“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แล้วน้องเมย์เป็นลูกใครกันแน่”เขากระซิบถาม
“แล้วตกลงว่าเขาอยากไปเที่ยวไหนเหรอจ้ะ หืม”“เกาะเสม็ดค่ะ ไอซ์ให้ผู้ช่วยติดต่อทางนั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าพี่กันว่างอยากจะชวนไปด้วยกัน” เธอก็แสร้งอยากจะชวนเขาไปด้วยเท่านั้นเอง เพราะรู้ดีกว่ากันตพงษ์บ้างานมาก แต่ขณะที่เธอกำลังคุยโทรศัพท์ อยู่ๆ ฝ่ามือหนาก็สอดเข้าใต้รักแร้แล้วโอบกอดเธอจากทางด้านหลัง ทว่าเธอไม่ได้พูดอะไรเพราะกลัวกันตพงษ์จะได้ยิน“พี่อยากว่างมากเลยจ้ะ แต่ไม่ว่างนี่สิ เอาเป็นว่าเที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ ไอซ์ก็ถือโอกาสไปพักผ่อนด้วยเห็นทำงานเครียดมานาน”“ไอซ์ฝากพี่กันแวะเข้ามาดูโรงแรมด้วยนะคะ ไอซ์ไปไม่กี่วันหรอก”เธอพูดพลางเบือนหน้าหนีจมูกร้ายๆ ที่กดลงมาตรงพวงแก้มและซอกคอ นิโคไลหวังจะให้เธอส่งเสียงให้กันตพงษ์ได้ยินหรืออย่างไร“ได้จ้ะ ไม่มีปัญหา”“อื้อ! เอ่อ แค่นี้ก่อนได้ไหมคะพี่กันคือไอซ์กำลังเตรียมตัว”“อ๋อได้จ้ะ พี่ก็แค่โทรมาถามความคืบหน้าน่ะ ดูแลแขกของเราให้ดีนะจ
ต่อมาในวันรุ่งขึ้น ไอลดารีบตื่นแต่เช้า และเดินทางไปที่โรงแรมในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นก็สั่งให้พนักงานขับรถนำรถตู้วีไอพีออกมา เพื่อจะได้เก็บกระเป๋าไว้ท้ายรถ เรียบร้อยแล้วจึงเข้าไปสั่งการให้พนักงานรีเซฟชั่นโทรศัพท์ขึ้นไปตามนิโคไล เพราะเธอไม่อยากขึ้นไปตามด้วยตัวเองกริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ภายใน ตรงหัวเตียงห้องของนิโคไลดังขึ้น ขณะที่เขากำลังแต่งตัวอยู่ และเมื่อได้ยินจึงเดินไปหยิบขึ้นมารับสาย“ฮัลโหล” นิโคไลรับสายเสียงเรียบ“สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรจากล็อบบี้ค่ะ คุณไอลดาให้เรียนท่าน ว่ารถตู้พร้อมแล้วค่ะ” สิ้นเสียงรายงานของพนักงานสาว นิโคไลก็กัดฟันแน่นประหนึ่งว่ากำลังหงุดหงิดใจที่ไอลดาไม่ยอมขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับให้พนักงานโทรขึ้นมาราวกับว่าไม่ให้เกียรติเขาเสียอย่างนั้น“พร้อมแล้วไง ผมยังไม่เรียบร้อย อีกอย่างผมต้องทานมื้อเช้าเสียก่อน บอกเธอว่ารอได้ก็รอ หรือถ้าจะให้ดีบอกเจ้านายคุณว่าให้ถือโจ๊กร้อนๆ มาให้ผมด้วย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่พอใจและถือวิสาสะใช้เสียเลย
“ก็... อยากมีเวลาให้ลูกนี่คะ” เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เมื่อบิดามารดาไม่เข้าข้างก็ยิ่งทำให้นิโคไลยิ้มได้ใจ“ไม่เป็นไรครับ อย่าตำหนิคุณไอซ์เลย ผมก็แค่อยากมีเพื่อนทานข้าวน่ะ ผมรบกวนไม่นานหรอกครับคุณไอซ์ จะรอเล่นกับน้องเมย์อีกสักหน่อยเดี๋ยวก็กลับ” จุดหมายก็คือน้องเมย์ มันชัดเจนแล้วว่าเขานึกสงสัยและอาจจะเดาถูก แต่เธอไม่มีทางบอกความจริงแน่ๆ“โอเคงั้นทานข้าวกันเลย เดี๋ยวหิวแย่” ภูชิตตัดบทเพราะขืนชวนคุยบนโต๊ะอาหารนานๆ เกรงจะเสียมารยาท จากนั้นทุกคนจึงได้ลงมือรับประทาน น้องเมย์นั้นมีพี่เลี้ยงคอยป้อน พร้อมให้ทั้งรับประทานเองด้วย ส่วนนิโคไลก็ลอบมองเป็นระยะด้วยความเอ็นดูไม่ว่าน้องเมย์จะเป็นลูกของเขาหรือไม่ แต่ถูกชะตาเหลือเกิน ความรู้สึกของการเป็นพ่อมันเป็นเช่นนี้เอง มีความสุขทุกวินาทีที่มองหน้า ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งเห็นว่าน้องเมย์หน้าเหมือนเขามากแค่ไหน อยากจะโกรธคนใจร้ายที่ทำให้พ่อลูกกลายเป็นคนแปลกหน้ากันหลังจากที่ทานให้เสร็จ ทุกคนก็ได้เวลาแยกย้าย เหลือแต่เพียงไอลดากับน้องเมย์และพี่เลี้ยงที่เตรียมจ