เช้าวันจันทร์ด้านนอกลมเย็นผิดฤดูนิดหน่อย ส่งผลให้ในห้องทำงานเย็นกว่าปกติ ฉันยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ขณะกวาดสายตามองเอกสารชุดใหม่ที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาในอีเมล มันเป็นอีเมลจากบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างประเทศที่ขยายเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่าง บริษัทเฮลท์เลียส ดิวิลอปเมนต์โลโก้บริษัทเป็นรูปดวงอาทิตย์สีทองบนพื้นสีกรมท่า ดูน่าเชื่อถือแบบที่คนทั่วไปจะยิ้มรับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็น แต่ฉันคนที่โดนระบบเล่นงานจนเงินขึ้น ๆ ลง ๆ มาหลายเดือนมองมันแล้วสันหลังเย็นวาบอย่างไรไม่รู้ติ๊ง!ข้อความโปร่งใสเด้งขึ้นตรงกลางสายตาเหมือนโฮโลแกรม....[ระบบชาย] “แจ้งเตือน ดีลวันนี้มีความเสี่ยงสูง อาจเป็นองค์กรบังหน้าของศัตรูรายเดิม ให้เตือนเจ้านายของคุณ เน้นย้ำการตรวจสอบที่มาของเงินทุนและข้อเสนอต่าง ๆ หากละเลย ภารกิจล้มเหลว ระบบจะทำการหักเงิน 40,000 บาท”....ฉันหายใจสะดุด “โหดชะมัด…”....[ระบบหญิง] “ลูกสาว วันนี้แม่อยากให้เตือนเธอหน่อยนะ ต้องฉลาดคมกริบ สวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องร้ายให้เป็นด้วยนะบางที”....“ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า...”ฉันบ่นในลำคอ ปลายนิ้วเลื่อนเม้าส์อ่านอีเมลอย่างจริงจัง เปิดอ่านไฟล์ทีละหน้า จนลายตากั
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้อง ร่างบางเล็กขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่โอบกอดตัวเธออยู่ เมื่อลืมตาขึ้น เธอก็แทบอยากมุดลงไปใต้เตียงเมื่อรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของคิรินเมื่อคืนหลังจากกิจกรรมร้อนรักบนเตียง เธอก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยคนตัวเล็กหัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก เธอหลับตาแน่น ทำเป็นเหมือนยังไม่ตื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วตอนนี้มันรู้สึกเขินจนตัวแทบระเบิด ขืนดิ้นลุกขึ้นไปตอนนี้ เขาต้องรู้แน่ว่าเธอตื่นแล้วแต่....ลิลินอดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแอบมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาใกล้ ๆ ขอมองอีกหน่อย มองแบบนี้อีกสักหน่อยเถอะ ดวงตาคมที่ปิดสนิท ริมฝีปากได้รูป และเส้นผมที่ปรกหน้าผากนิด ๆ ทุกอย่างมันช่างดูดีไร้ที่ติไปหมด“บ้าเอ๊ย! ยัยลิลิน ทำไมต้องใจเต้นแรงเพราะเขาด้วยเนี่ย”หญิงสาวอุบอิบในใจ ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาเธอจ้องมองเขาอยู่สักพักก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้น ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะปล่อยให้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ไปตามแนวกรามของเขา ไล้ขึ้นไปที่แก้ม แล้วหยุดอยู่ตรงริมฝีปากนั้น“คนอะไร หล่อจัง...” คนตัวเล็กพึมพำเสียงเบาเหมือนกลัวใครได้ยินแต่ทันใดนั้นเอง ร่างสูงก็ขยั
อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นทีละน้อยพร้อมมือของเขาที่ขยับอย่างมั่นใจแต่ระมัดระวัง ฉันปล่อยให้อารมณ์พาไปช้า ๆ อย่างคนที่ยอมแพ้ต่อแรงดึงดูดที่ตัวเองพยายามต่อต้านมาหลายครั้ง จนกระทั่ง...มือหนานั้นเลื่อนไล้ลงมาปลดกระดุมเสื้อของฉันทีละเม็ด...“บะ...บอส”ฉันเอ่ยอย่างอยากลำบาก พยายามสูดเอาอากาศหลังจากที่คิรินผละจูบออก“หากเธอปฏิเสธตอนนี้ ฉันจะหยุด”ฉันไม่ตอบ ได้แต่หลับตาลงช้า ๆ ปล่อยให้อารมณ์นำพาทุกอย่างคิรินโน้มเข้ามาจูบฉันอีกครั้ง คราวนี้มันกลับร้อนแรงก่อนครั้งก่อน เสื้อผ้าที่ปกปิดกายฉันถูกปลดเปลื้องออกจนหมดด้วยมือไม้ที่ซุกซนของเขา ฉันเขินอายจะไม่กล้าลืมตามองริมฝีปากหนาค่อย ๆ ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอ และไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงเนินอกที่ตอนนี้เม็ดทับทิมสีชมพูระเรื่อกำลังตั้งชูชันจากการถูกปลุกเร้าแผล่บ“อ๊า~”คนตัวเล็กเผลอร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอเชิดคอขึ้นด้วยความเสียวซ่าน มือเรียวยกขึ้นขยำกลุ่มผมระบายความเสียว“อื้อออ...”ร่างบางเล็กบิดเร่าเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนไล้ลิ้นร้อนลงมาผ่านหน้าท้อง ตอนนี้ทั้งร่างร้อนวูบวาบ ห้ามความเสียวที่ได้รับไม่อยู่จนร่างบางส่งเสียงร้องครางไม่เป็นภาษาลิ้นร้อนเลื่อนผ่านล
[ลิลิน]ริมฝีปากฉันยังชาอยู่เลยหลังจากที่เขาผละออก แผ่นหลังชนผนังเบา ๆ ลมหายใจไม่ยอมเข้าที่ มือที่เคยกอดอกอยู่เผลอเลื่อนขึ้นแตะมุมปากตัวเองแบบโง่ ๆ เหมือนเด็กเพิ่งถูกขโมยลูกอมจากปากแบบไม่ตั้งตัวคิรินยังนั่งอยู่ใกล้มาก ใกล้จนเงาของเขาทับเงาฉัน กลิ่นน้ำหอมสะอาด ๆ ที่คุ้นเคยปะปนกับกลิ่นผ้าฝ้ายจากเสื้อเชิ้ตของเขาทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาก้มลงนิดเดียว สบตาฉันนิ่ง ๆ ก่อนถามช้า ๆ“ที่เธอหงุดหงิดแบบนี้ เพราะหึงฉันเหรอ”คำว่าหึงกระแทกเข้ากล่องเสียงฉันดังตุบ! จนฉันเผลอกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอ ร้อนฉ่าที่หน้า ร้อนที่ปลายหู ร้อนถึงกลางอก“ใครหึงคะ ไม่มี” ฉันตอบทันที เร็วเกินไปจนฟังดูน่าสงสัยเข้าไปใหญ่เขายกคิ้วน้อย ๆ “เหรอ”“ก็แค่...”ฉันหลบสายตา พลิกหาคำแก้ตัวในหัวเหมือนคนกำลังค้นหาทางออกในเขาวงกต “ก็แค่ขัดตา ขัดใจ ขัดระบบนิเวศทางสายตาเฉย ๆ”มุมปากเขายกขึ้นน้อยมาก แบบ แทบมองไม่เห็น แต่ฉันเห็น “ขัดระบบนิเวศทางสายตา?”“ค่ะ” ฉันตอบกลับแบบห้วน ๆ“หึ!”เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมของเขาอุ่นขึ้นกว่าตอนเข้ามาในห้อง “ลิลิน”“คะ”“มองฉัน”ฉันฝืนเงยหน้าขึ้น ทั้งที่ในอกกำลังชุลมุนวุ่นวาย เขาโน้มหน้าลงจนป
[ลิลิน]เช้าวันจันทร์เริ่มต้นแบบไม่ธรรมดา ตั้งแต่ประตูลิฟต์ชั้นผู้บริหารเลื่อนเปิดแล้วเจอช่อดอกไม้ใหญ่เบ่อเริ่มตั้งเด่นอยู่หน้าห้องประธานพร้อมการ์ดสีทองแวววาวเขียนว่า “ยินดีต้อนรับสู่สัปดาห์ใหม่ค่ะ - มินตรา” ตัวหนังสือสวยจัดเหมือนผ่านการคัดลายมือมาโดยเฉพาะฉันยืนถือแก้วกาแฟในมือสองแก้วที่เพิ่งซื้อมาจากร้านกาแฟชั้นล่างของตึก แก้งนึงของฉัน ส่วนอีกแก้วคือของบอสก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามา”เสียงของบอสเรียบตามสไตล์ ฉันเปิดประตูเข้าไปแต่ภาพที่เห็นทำให้ฝ่าเท้าชะงักไปในเสี้ยววินาทีมินตราในชุดเดรสคัตติ้งนั่งไขว่ห้างบนโซฟารับแขก ข้างตัวเธอคือแฟ้มหนังชั้นดี ฝั่งตรงข้ามคิรินนั่งหลังตรง สายตานิ่ง ฟังเธอพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการลงทุนร่วม ผูกพันธมิตรทางธุรกิจฉันวางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะข้างเขา“เอสเปรสโซ่กับน้ำแร่ของบอสค่ะ”มินตราหันมาและยิ้มหวานใส่ฉัน“ดีจังเลยนะคะ คุณคิรินช่างมีเลขาที่เอาใจใส่ซะจริง”น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าเธอไม่ได้กำลังชมฉัน แต่กำลังกระแนะกระแหนอย่างเห็นได้ชัดฉันยิ้มตอบตามมารยาทเพียงสั้น ๆ “ขอบคุณค่ะ”....[ระบบหญิง] “แป๊ง! ยกที่หนึ่ง เริ่มได้!”....เสียงจากระบบหญิงดังขึ้นอย่างแซว ๆ
พอได้รับคำพูดแบบจากอีกฝ่าย คำพูดที่ทำให้รู้สึกเหมือนโดนวัดราคา ฉันก็ค้อมหัวรับ “ขอบคุณนะคะ”เธอเท้ามือกับพื้นโต๊ะ เล่นขอบแก้วไวน์ด้วยนิ้วนาง “คุณคิรินน่ะเป็นคนละเอียด เขาไม่ค่อยพาใครออกงานด้วยบ่อย ๆ”มิตราเอียงหน้าหน่อยเดียวแล้วยิ้ม “แต่ก็ดีใจแทนนะ ที่วันนี้เขาอุตส่าห์พามาด้วย”ประโยคนี้ฟังแล้วรู้สึกถึงการเหยียดหยามได้ชัดเจนมาก ผู้หญิงคนนี้กำลังประกาศเป็นศัตรูกับฉันสินะ!“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพูดแค่นั้น แล้วรีบเดินออกไป ถ้าอยู่นานกว่านี้ ฉันอาจจะเผลอฟาดหน้ายัยนี่ไปสักฉาดแต่แล้วธอก็เดินตามมาที่โต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ มือเรียววางแก้วลงอย่างมีจังหวะ “เจอกันระเบียงฝั่งซ้ายนะคะ อย่าลืมล่ะ วิวตอนกลางคืนสวยมาก คุณต้องไปให้ได้นะ”ท้ายประโยค มินตราก็ขยิบตาให้คิรินหนึ่งครั้งเป็นการเชิญชวนฉันถือแก้วสองใบในมือ สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วยื่นแก้วน้ำแร่ให้บอส เขารับโดยไม่เงยดูว่าใครเป็นคนยื่นให้ เหมือนมือเราฝึกจังหวะกันมาหลายร้อยครั้ง นิ้วเราเฉียดกันแวบเดียว ความอุ่นนั้นยังทำให้ใจฉันสั่นไหว“ขอบใจ” เขาพูดเบามาก“ค่ะ” ฉันตอบเสียงเบาไม่ต่างกันเพลงไวโอลินเปลี่ยนทำนองเป็นทำนองวอลทซ์ช้