ก่อนจะเปลี่ยนใจบ่นพึมพำ
“องครักษ์ไปไหนหมด ถ้าเป็นคนร้ายเรามิตายไปแล้วหรือ”
ระรินอกสั่นขวัญหายก่อนจะเดินแบบเร็วรี่ไปยังอ่างอาบน้ำ ระฆังช่วยชีวิตไว้ทันพอดี เป็ง เป็ง
“พระองค์เกิดเหตุอะไรหรือ กระหม่อมได้ยินเสียงเอะอะ”
ฮาฟซาองครักษ์หุ่นล่ำหล่อร้ายเข้ามาขัดจังหวะระรินมองคนนู้นทีคนนี้ที
“เจ้าระวิน ลุงบุญสมตามหาเจ้าอยู่”
เสียงทุ้มนุ่มหู พูดพลางพยักหน้าไล่ส่งระรินรีบเดินตัวลีบออกไปทันที นึกขอบคุณองครักษ์หนุ่มหล่อ
“อย่าเพิ่งให้มันไปให้มันเตรียมน้ำให้เราก่อน”
เสียงเกรี้ยวกราด
“ไม่เป็นไรกระหม่อม ประเดี๋ยวกระหม่อมจะเตรียมถวายเอง มันได้เวลารับประทานอาหารเย็นแล้ว ประเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาพาลจะอด”
องครักษ์หนุ่มออกตัวแทน ด้วยทราบอารมณ์ของผู้เป็นนายได้ดี ระรินเดินผ่านประตูออกมาช้าๆ ด้วยกลัวว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง แต่เงียบไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดใดอ๋อหรือว่าจะเป็นคู่จิ้นกันหนอ เหมือนกับจะเกรงใจท่านองครักษ์ใหญ่ชอบกล
“เกือบซวยอีกแล้วซี่เจ้าระวิน ไม่ดูตาม้าตาเรือคราวหลังถ้าจะเข้าไปต้องส่งเสียงให้องค์ฟีรอสท่านก่อนไม่ใช่แอบเข้าไปอย่างนั้นทรงกริ้วมากรู้ไหม ดีที่ท่านฮาฟซาเข้าไปพอดี”
เสียงลุงบุญสมบอกเล่าเรื่องที่เธอควรปฏิบัติ
“ไป๊ ไปกินข้าวกัน กินได้ไหมอาหารที่นี่มีแต่อาหารมุสลิมเดี๋ยวอยู่ไปนานๆลุงจะพาไปเดินตลาด”
เธอซาบซึ้งในความห่วงใยจนเกือบจะร้องไห้ อย่างน้อยคนบ้านเดียวกันก็ไม่ทิ้งกัน
“ทำไม องค์ฟีรอสท่านอารมณ์ร้ายจังล่ะลุง”
ลุงบุญสมจุ๊ปาก
“ห้ามนินทาหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง เป็นบางเรื่องที่ท่าน ขี้โมโห บางเรื่องก็แสนจะดี*___*”
ตรงไหนหนอ ระรินคิดในใจจะมีดีดีบ้างไหม
หน้าตาที่แสดงว่าไม่เชื่อของระรินปิดไม่มิด
“เดี๋ยวอยู่ไปนานๆ ก็รู้เองแหละว่าองค์ฟีรอสท่านดีที่สุดในวังนี้ไม่เหมือนองค์อื่นพวกเรารักท่านทุกคน”
“............”
ระรินกินอาหารมุสลิมอย่างเงื่องหงอยอาหารที่มีแต่อาหารเลี่ยนๆ คิดถึงอาหารไทยรสจัดที่บ้านจับใจ หนุ่มอีกคนที่ถูกคัดเลือกให้มาทำงานในวังพร้อมกัน มองดูระรินจากที่ไกลไกลก่อนจะขยับเข้าใกล้
“ระวิน นายเคยเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ฟีรอสแล้วใช่ไหม”
ระรินพยักหน้าแทนคำตอบ
“คือ คือว่าเราอยากขอร้องนาย"
ตากลมโตของระรินเบิกกว้าง
“เราเห็นนาย กล้าดี คืออีกอย่างเรา.... กลัวองค์ฟีรอส ลุงบุญสมบอกให้มาตกลงกันเอาเอง”
ระรินยิ่งสงสัยหนัก
“เรื่องอะไร”
“คือเรามีหน้าที่.. ถวาย.. ปรนนิบัติ ...แบบ... แบบว่าประมาณว่าทำที่หลับที่นอน เออตรวจตราที่บรรทม ประมาณว่าที่นอนหมอนมุ้งให้องค์ฟีรอสแต่เราอยากขอเปลี่ยนกับนาย เราจะทำหน้าที่แทนทุกอย่างข้างนอกนี่ยกเว้นในห้องบรรทมจะได้ไหม”น้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ
จนได้ไหมล่ะระรินคิดในใจ แล้วไอ้ที่ยิ้มร่าดีใจตอนถูกเลือกกับเสียงหัวเราะที่หัวเราะเยาะเธอเมื่อขอสละสิทธิ์ นี่มันใช่คนเดียวกันไหมที่แบบนี้ไอ้คนนั้นไปไหนเสียล่ะ
ระรินถอนหายใจยาวเหยียด
“เราทำแทนทุกอย่างเลย ทุกอย่างจริงจริงนายทำแค่สองอย่างได้ไหมเพื่อนรัก”
โอ้ ระรินกลายไปมีเพื่อนรักตั้งกะเมื่อไหร่
“หรือจะให้เราแบ่งค่าจ้างส่วนของเราให้นายก็ได้นะ”ใจป้ำซะด้วย
ไปกันใหญ่เลย ระรินรู้ดีว่ามาอยู่ที่นี่ค่าจ้างสูงสิบ งานสบายที่อยู่ที่กินก็ดีต่างจากพวกที่อยู่ข้างนอกที่ต้องดิ้นรน แต่เธอก็ไม่อยากได้ของใคร แม้จะคิดว่าจะพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้กลับบ้านไปเรียนต่อถ้าหากไม่ถูกจับได้เสียก่อน
“ไม่เป็นไร เราไปเองก็ได้”
ไอ้หนุ่มขี้กลัว เผลอตัวคว้ามือระรินขึ้นมากุมไว้ด้วยความดีใจระรินชักมือออกด้วยความตกใจเหมือนกัน สายตาคมกริบของฮาฟซาจ้องมองแบบจับผิดจากมุมหนึ่ง
“ดีใจจริงจริงเลยเพื่อนยาก เริ่มคืนนี้เลยนะเพื่อน”เช็ดมือไปมา
แหวะระรินอยากจะบ้าตาย นี่นายกะจะไม่เข้าไปเจอองค์ฟีรอสเลยหรืออย่างไร เฮ้อ!
ยามเย็นที่แสนจะวุ่นวายผ่านไปเสียทีระรินยืนอยู่ที่ระเบียงยาวทอดไปสู่ห้องบรรทม องครักษ์หลายคนประจำตามจุดต่างๆระรินมองคนนู้นทีคนนี้ทีพลางทอดสายตาไปสู่ดวงจันทร์ดวงกลมใหญ่ ที่ต่างจากดวงจันทร์ที่เธอเคยเห็นเพราะมีขนาดใหญ่กว่า ความสวยงามก็มากกว่า เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำเอาระรินสะดุ้ง
“ตกใจหรือ”
ฮาฟซาเดินมาจากทางห้องพักขององครักษ์ที่อยู่ติดกันกับห้องบรรทม ระรินพยักหน้าสายตาคมกริบยังมีแววจับผิด ระรินหลบตาก้มหน้า ฮาฟซายิ่งเขม่นมองอย่างค้นคว้า ด้วยว่ารูปหน้าที่งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ของระรินความหวานที่ฉาบทาอยู่ไม่อาจปิดบังได้
“มายืนเหม่ออะไรอยู่ที่นี่ ยังไม่พักผ่อนอีกหรือ”
เสียงทุ้มนุ่มหูเจือไว้ด้วยความห่วงใยกลายกลาย
“มารอถวายการรับใช้ใน…. ห้องบรรทมขอรับท่านฮาฟซา”
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย