เข้าเมืองโดยวิซ่าของพี่ชายฝาแฝดเพื่อหาเงินเรียนต่อ แต่กลับต้องไปพบกับองค์ชายรููปงาม ที่วางแผนการหนึ่งเพื่อจงจใจให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ
View Moreระรินเดินตัวลีบพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอยังอยู่รั้งท้ายขบวนเหมือนเดิม เมื่อเดินผ่านประตูห้องเข้าไป ระรินถึงกับตาค้างกับความอลังการของ ห้องรับรองสุดหรู สายปะทะเข้ากับบุรุษตัวสูงหน้าตาคมสัน ทว่าสายตาเย่อหยิ่ง นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาแบบหลุยส์ สีทองอร่ามดูมีรสนิยม ส่วนคนที่นั่งข้างเป็นหญิงสาวหุ่นนางแบบสวยเฉียบสไตล์ฮอลลี่วู๊ด ชายหนุ่มล่ำบึกอีกสองคนซ้ายขวา สรุปแล้วในห้องมีผู้ชายทั้งหมดเกือบสิบคน เท่แข่งกันใหญ่ระรินคิด แว่นกันแดด ที่ปิดบังดวงตาช่างเข้ากันได้ดีกับสูทสีดำสนิท ระรินสงสัยนัก ไอ้พวกบอดี้การ์ดทำไมต้องใส่ชุดสีดำชายหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ทางขวามือขยับตัวมาตรงหน้าก่อนจะพูดเสียงดัง
“ทั้งสามคนนี้นะเหรอ เด็กรับใช้คนใหม่มิสเตอร์บุญสม"
ประโยคสุดท้ายหันไปทางชายสูงอายุ ระรินปิดปากหัวเราะคิกคัก แต่งตัวก็ดีท่าทางก็ดี ชื่อบุญสม ลุงบุญสมหันมาถลึงตาใส่ระรินก่อนจะโค้งคำนับ
“ครับท่าน องครักษ์ฮาฟซา”
“หนุ่มทางภูมิภาคของเจ้านี่ ท่าทางอ้อนแอ้นไม่มีหนวดเคราหน้าตาจืดชืดไม่สมเป็นชายดีหน่อยตรงมีความละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ไว้ใจได้”
แหวะ ตบหัวแล้วลูบหลังระรินอยากพูดเหลือเกินภูมิภาคของพวกเจ้าก็ไว้หนวดไว้เคราเหมือนมหาโจร ผิวก็คล้ำไม่หล่อใส
“ครับ ตามที่องค์ฟีรอสเลือกไว้ทั้งสามคนครับ เชิญสัมภาษณ์ได้เลย”
ชายผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟา เหลือบตามองหลังจากที่ทำท่าไม่ยินดียินร้ายปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององครักษ์
“ไม่ต้องสัมภาษณ์แล้ว เราเลือกเจ้าสองคนนั้น” ใบหน้าคมพยักหน้ามาทาง ระรินและหนุ่มหน้าจืดอีกคน ไอ้คนข้างๆฉีกยิ้มดีใจแบบปิดไม่มิด ระรินส่ายหน้าไปมา 1-2-3
“กระผม... กระหม่อม...เฮ้ย..ผม ...ขอสละสิทธิ์ครับ”
คำพูดละล่ำละลักแบบมีพิรุธ ลุงบุญสมหันมามองหน้าขยิบหูขยิบตา ฟีรอสหันมองเต็มตาพลางลุกจากที่นั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของระริน เขาใช้มือแข็งแรงจับคางมนให้เชิดขึ้น ระรินดิ้นรนส่ายหน้าไปมาฮึดฮัด
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งเรารึ เจ้าหน้าอ่อน” ดวงตาคมจ้องมองเข้าไปในตากลมโตลุงบุญสมรีบถลาเข้ามาดึงแขน ระรินให้นั่งลงพร้อมกับกดหัวให้ก้มหน้า
“คงเมาเครื่องบินขอรับ พูดจาแปลกๆ ท่านฟีรอสโปรดอภัยด้วยซาลาม”
ลุงบุญสมเสียงสั่นระรัว ระรินลดตัวลงยอมนั่งลงแต่โดยดี ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะร้ายแรงถึงเพียงนั้น
“นำ ทั้งสองคนไปที่วังทองคำให้รับใช้อยู่ใกล้ชิดเราส่วนคนที่ไม่ถูกเลือกให้ส่งไปยังบ้านของท่านพี่ซาเบีย”
คนพูดสะบัดตัว สาวสวยหุ่นนางแบบเดินตามแทบไม่ทันองครักษ์อีกสองสามคนสาวเท้าตามเร็วรี่ออกจากห้องรับรอง ลุงบุญสมบีบแขนระรินเบาเบา
“เกือบไปแล้ว แกนี่หาเรื่องใส่ตัว องค์ฟีรอสเขารู้กันทั้งประเทศว่า....ทรงไม่ชอบให้ใครขัดใจ”
ระรินน้ำตาร่วงพล่อย ซวยจริงๆล่ะที่นี้กลับก็ไม่ได้ไปต่อก็น่ากลัวเธอนั่งตัวแข็งอยู่กับที่
“ไปได้แล้ว ร้องไห้เป็นผู้หญิงไปได้ คราวหลังก็อย่าขัดใจท่านเป็นอันขาดจำไว้ เดี๋ยวจะพาไปทำความรู้จักกับวังทองคำ และเดี๋ยวลุงจะแนะนำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของแต่ละคน” ลุงบุญสมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง ระรินรู้สึกว่าตอนนี้เธอมีเพียงลุงบุญสมคนเดียวที่เป็นมิตรยามยาก
แสงตะวันเคลื่อนคล้อย ระรินนั่งเหม่อมองไปทางทิศที่คิดว่าจากมา
ป่านนี้พี่ชายฝาแฝดของเธอที่บ้านคงวุ่นวายกับการหายตัวไปของเธอ แล้วสุดท้ายทุกคนก็จะรู้เองว่าระรินไปไหนพี่ชายฝาแฝดคงห่วงใยเธอน่าดู แต่แม่เลี้ยงของเธอคงดีใจจนเนื้อเต้น ส่วนพ่อก็คงไม่ยินดียินร้ายอะไรเหมือนเคย ในเมื่อแม่เลี้ยงมีความสามารถในการพูดโน้มน้าวจิตใจจนพ่อไม่สนใจไยดีเธอ เธอผสมยานอนหลับลงไปในนมสดให้พี่ชายดื่มก่อนนอน เพราะวันรุ่งขึ้นพี่ชายฝาแฝดที่เป็นที่พึ่งเดียวของเธอ กำลังจะจากไปทำงานต่างแดน ระรินหมดสิ้นหนทางแม้พี่ชายจะพูดว่าเพราะอนาคตของเธอเพื่อที่เธอจะได้เรียนมหาลัย
เธอจับผมยาวสลวยก่อนจะใช้กรรไกรคมกริบตัดฉับลงไปทันทีเพราะกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ ใช้กรรไกรตกแต่งอีกนิดเดียวใบหน้าที่ละม้ายกันอยู่แล้ว แทบแยกไม่ออกว่าเป็นคนละคนกับพี่ชาย การปลอมตัวมันง่ายนิดเดียวเธอคิด ระรินยอมเป็นผู้จากมาดีกว่าผู้รอคอยแต่บัดนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด
“ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาหน่อย”
เสียงลุงบุญสมทำเอาระรินสะดุ้ง เธอรีบก้าวเข้าไปในห้องทันที
“เอา ฉลองพระองค์ชุดใหม่เข้าไปถวายองค์ฟีรอสเพราะพระองค์กำลังจะสรงน้ำเร็วๆด้วยนะแล้วก็รีบออกมา ทานข้าว”
ลุงบุญสมออกคำสั่ง
ระรินเดินตามระเบียงสูงของตำหนักใหญ่
ความสวยสง่าเมื่อยามต้องแสงอาทิตย์อัสดง เธอหยุดอยู่หน้าห้องก่อนจะเคาะประตูห้องส่วนตัวสองสามทีไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา ระรินผลักประตูเบาๆก่อนที่จะแทรกร่างบางเข้าไปห้องโอ่อ่าสวยงามตกแต่งแบบตะวันตก
ทุกอย่างคล้ายกับถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว สวยงามหรูหราจนไม่อาจละสายตา ระรินเดินเข้าไปเรื่อยเรื่อยแต่ไม่พบใครเธอจึงถือโอกาส มองสำรวจด้วยความชื่นชมในความสวยงามลงตัว เงินนี่ทำได้ทุกอย่างจริงระรินคิดในใจเดินลูบคลำนู่นนี่เรื่อยเปื่อย จนเดินมาหยุดที่เตียงใหญ่ เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาว ร่างสองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียงเสื้อผ้าฝ่ายหญิงหลุดลุ่ยระรินมองแว๊บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือองค์ฟีรอส และสาวนางแบบนางนั้นที่เธอเห็นเมื่อตอนกลางวัน ระรินตัวแข็งทื่อหันหน้าเดินหนี แต่ช้าไปเสียแล้ว
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ เจ้าเข้ามาได้อย่างไร”
เสียงเข้มดุดัน ระรินอยากจะหายตัวได้ในทันที หันหน้ามาทำเอาร่างบางชนเข้ากับอกกว้าง ฉลองพระองค์ที่ถือมาร่วงพล่อยลงไปกับพื้น อกใหญ่ที่ปราศจากอาภรณ์ กลิ่นกายของชายชาตรีระรินหน้าแดงทันที ร่างสูงตรงหน้าคว้าแขนบางกำไว้แน่น
“กระผมเอาฉลองพระองค์มาให้ขอรับ”
ระรินละล่ำละลักก้มหน้าหลบแก้มแดง
“นึกว่ามาแอบดู .....ออกไปได้แล้ว...”
ระริน รีบสาวเท้าเดินออกมาแขนแข็งแรงคว้าข้อมือบางไว้ทันที
“ไม่ใช่เจ้า ...เธอ... หมดอารมณ์แล้ว^_^”
มือชี้ไปยังร่างระหงของสาวสวยบนเตียงนุ่ม สาวเจ้าจัดแจงเสื้อผ้าชุลมุนหน้างอหงิก ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มเดินเฉิดฉาย มาหยุดอยู่ตรงหน้าของ องค์ฟีรอสระรินหลบตาวุ่นวาย ก้มหน้านิ่งแขนแข็งแรงยังไม่ปล่อยเธอ
“ถ้า พระองค์ต้องการหม่อมฉันเมื่อไหร่”
สายตาหวานหยดย้อยนั้นทำเอาระริน แทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“ก็ เรียกนะเพคะ หม่อมฉันจะรอ”
มือสวยที่ทาเล็บสีแดง ลูบไล้ไปบนอกกว้างที่ปกคลุมด้วยไรขน คนโดนกระทำไม่สนใจสะบัดหน้าหนีก่อนจะ กดหัวเธอให้ก้มลงไปเก็บฉลองพระองค์
“เก็บมันขึ้นมา แล้วตามมาเตรียมน้ำในอ่างให้เราด้วย แล้วรอจนกว่าเราอาบน้ำเสร็จ”
พูดเสร็จก็จะปล่อยเธอแล้วเดินหันหลังทำท่าคล้ายจะเปลื้องผ้าของตัวเอง
เหน็บสมเด็จราชินีเพราะรู้ดีเหมือนที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าบิดาของอมายาเป็นคนสั่งการเรื่องนี้“องค์สุลต่านกำลังโศกเศร้าเจ้ามีข่าวใดมาบอกกล่าวได้อีก”“ลูกอยากจะคุยกับท่านพ่อเพียงลำพัง”องค์ราชินีเชิดหน้าสูงขึ้นด้วยความถือตัว“องค์สุลต่านลุกขึ้นก้าวเดินออกจากระเบียงสูงยังห้องหับมิชิดด้านใน“ซาเบีย พูดมาได้แล้ว”องค์หญิงซาเบียทำความเคารพอีกครั้งแล้วตรงเข้าสวมกอดบิดา สะอื้นอย่างหนัก“ลูกไม่อยากเห็นท่านพ่อ ในแบบที่เป็นอยู่”องค์สุลต่านยกมือสั่นเทาขึ้นลูบที่แผ่นหลังของซาเบียอย่างอ่อนโยนรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยของลูกสาวคนเดียว“เข้าใจแล้วต่อไปพ่อจะพยายามให้มากกว่านี้”ซาเบียเงยหน้าทั้งน้ำตาขึ้นมายิ้มแย้ม“ข่าวดี ข่าวดีเพคะท่านพ่อแต่ข่าวดีนี้คือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น”“ว่ามา จะมีอะไรเป้นข่าวดีอีกนอกเสียจากฟีรอสยังอยู่ที่นี่ ที่ผ่านมาพ่อให้เขาน้อยไปจึงรุ้สึกผิดหากในวันนี้ย้อนเวลาได้จะไม่ยอมให้เขาไปที่ชายแดน”ซาเบียยิ้ม “น้องจะต้องรับรู้ว่าท่านพ่อห่วงใย เพราะตอนนี้ ระรินท่านพ่อจำนางได้ไหม บัดนี้นางตั้งครรภ์ลูกของฟีรอส เลือดเนื้อเชื้อไขของฟีรอส”ใบหน้าที่เรียบเฉยกลับเปล่งประกายดีใจน้ำเ
“ระริน ระริน”เสียงพร่ำเพ้อด้วยพิษจากบาดแผลและความคะนึงหาจากริมฝีปากแห้งผากขององค์ฟีรอส รอบกายมีสายระโยงระยางบ่งบอกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อาการสาหัสเพียงใด ท่านหญิง มุกวดีบรรจงเช็ดตัวให้ไม่ห่าง“รีบฟื้นขึ้นมาสิฟีรอส รีบตื่นขึ้นมาระรินรอเจ้าอยู่”น้ำเสียงแสดงออกถึงกำลังใจองค์ฟีรอสลืมตาตื่นมาภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลในค่ำวันต่อมาร่างกายบอบซ้ำสาหัส ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของเสก็ดระเบิดของใครบางคนอยู่ที่นั่น รอยยิ้มพิมพ์ใจแสดงออกถึงความดีใจอย่างที่สุด“ฟีรอสลูกแม่ฟื้นแล้วหรือ”ฟีรอสเพียงแค่มองผ่านม่านตาโศกสลด“ขออภัยท่านหญิงเราเคยรู้จักกันหรือไม่”หยาดน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มท่านหญิงมุกวดี“หากจะบอกว่า เราคือแม่ขององค์ชายเล่า”เพียงแย้มสรวลเล็กน้อยทว่าน้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้น“เช่นไรจึงได้พบท่าน ในเวลานี้ที่ทำให้คิดว่าแทบเอาชีวิตไม่รอดในเวลาที่กำลังคิดว่าไม่อาจยื้อชีวิตไว้”“เป็นแม่ที่ยิ้ชีวิตองค์ชายขอดทษที่ไม่ได้เลี้ยงดูขอโทษที่ไม่ได้ดูแล เพียงชดเชยด้วยการช่วยเหลือในยามนี้”องค์ฟีรอสพยายาลุกขึ้นเพื่อที่จะทำความเคารพมารดาท่านหญิงมุกวดีประคองร่างบอบซ้ำไว้เสียส่ายหน้าไปมา“ไม่จำเป็
“โวยวายเรื่องอะไร”“เรื่อง...เรื่องที่นอนค่ะเขาหาว่ารีสอร์ตเราปูที่นอนไม่ตึงไม่เรียบ ไม่เป็นมาตรฐานเขาถามหาเจ้าของรีสอร์ตค่ะคุณระริน”ระรินขมวดคิ้วเข้าหากัน เปิดรีสอร์ตมาตั้งนานไม่เคยมีปัญหาอะไร“จัดคนไปเปลี่ยนผ้าปูให้เขาใหม่”“แต่เขาท่าทางโมโหมากเลยค่ะจะขอพบคุณให้ได้”ระรินถอนใจเธอยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ลูกค้าก็คือพระเจ้าระรินเดินไปยังบ้านพักราคาแพงสุดวันนี้หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีไม่น่ามีเรื่องให้ปวดหัวแบบนี้เลยเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องก็ได้ยินเสียงคนโวยวายด้วยภาษาอาหรับ เหมือนกับโมโหสุดขีด ระรินถอนหายใจคนมีสตางค์นี่แบบนี้ทุกรายจะมีน้อยรายที่นิสัยดีไม่เหมือนใคร เดินไปเคาะประตู ส่งภาษาอาหรับไปแบบนอบน้อมที่สุด“นายท่าน มีอะไรขาดตกบกพร่อง ขอได้รับคำขอโทษด้วยค่ะ”เสียงเงียบลงไปทันทีก่อนที่ประตูจะเปิดออกมาระรินตาค้างคนที่เดินออกมา เป็นชายใส่สูทคนที่ชักชวนให้เธอเข้าไปพบเจ้าของบ้าน เขาออกมายิ้มแหยๆ“เจ้าคอง...รีสอด...อยู่ที่หน่าย”พยายามพูดไทยแบบไม่ชัดอ้า ! เขาตามมาราวีเธอจริงๆ ด้วย ชายคนเมื่อคืนคนที่ทำลายเธอระรินคิดว่าเขาคง เป็นพวกบ้าหรือเสียสติแน่ๆ ที่ทำแบบนี้“มาแล้วค่ะนายท่าน”เดินเข้าประต
“นัดไว้ทุ่มครึ่งค่ะ”“ท่านเชิญเลยครับท่านบอกท่านใจร้อนอยากพบคุณ”เออให้ตายสิ จะมีปัญหาอะไรไหมนะกับคนใจร้อนนี่“เชิญครับ”ชายคนแว่นดำผายมือเป็นการกดดันให้ระรินเดินตามเดินตามทางเท้ามาจนสุดทางก่อนจะขึ้นบันไดไป ประตูเปิดอ้าออกระรินเดินเข้าไปข้างใน“สวัสดีค่ะ ดิฉันระริน สินธุเดชาค่ะจากฟ้าครามรีสอร์ต”ไม่มีเสียงตอบรับใดใด ไหนว่าอยากพบ ไม่เห็นออกมารอพบเลยค่อนข้างหงุดหงิดน้อยๆเดินสำรวจนู่นนี่ ตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง คงต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล เหมาะแก่การจัดงานแต่งงาน จริงๆ ถ้าใช้บ้านหลังนี้ คงจุคนได้เป็นพันคน คงต้องสำรวจเองเสียแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกับเจ้าของบ้านอีกทีเรื่องค่าใช้จ่าย และคอนเซ็ปต์ของงานระรินเดินไปเรื่อยๆ จนพาตัวเองขึ้นไปชั้นบน อย่างไม่ทันรู้ตัว ห้องสวยทุกห้องแต่หากเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของใหม่ การตกแต่งที่ลงตัว ระรินนั่งลงบนเตียงหนานุ่มยกมือขึ้นลูบผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงผ้าแพรนุ่มสบายมือ ฉับพลันนั้นเองไฟในคฤหาสน์ทั้งหลังดับพึ่บลงพร้อมกันตกใจจนแทบร้องกรีด ลุกขึ้นหมายจะวิ่งไปที่ประตูแต่ช้าไปเสีย แล้วโดนมือใหญ่ของใครบางคนคว้าตัวกอดรัดระรินจนสุดแรงแทบ
ข่าวการแต่งตั้งองค์อัฟนันขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ได้ยินมาถึงระริน เธอไม่ยินดียินร้ายแต่ยังคง คิดถึงคนที่จากไปจนน้ำตา ไหลในทุกค่ำคืนเมื่อคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นรัญจวนใจนั้น ว่าจะไม่มีทางได้สัมผัสอีกแล้วฮาฟซาเดินทางไปร่วมพิธีศพ ยังไม่กลับมาเธอต้องคอยซ่อนน้ำตาจากพ่อและระวินได้เพียงไม่นานระรินก็นำเงินในบัญชีส่วนหนึ่งไปซื้อที่กลางหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากพ่อและพี่ชาย เพื่อไม่ทำให้ทั้งคู่ผิดหวังและเสียใจในตัวเธอและลงมือสร้างเป็นรีสอร์ต“อมายาอัตวินิบาตกรรม ตามองค์ฟีรอสไปด้วยการผูกคอ”ฮาฟซาบอกเล่าเรื่องที่ระรินคิดว่าจะทำเป็นลืมเลือนไปให้ได้“เป็นรักแท้ที่หาได้ยาก ระรินยังไม่กล้า”ถอนใจด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต้องอยู่เพียงลำพัง“อย่าทำอย่างนั้น องค์ชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน หากระรินคิดสั้นทรงหวังให้ระรินมีชีวิตที่ดี”ระรินเหม่อมองไปยังภูเขายอดสูงลิบ คงอยู่บนฟ้าเฝ้าดูไม่นาน ฮาฟซาก็เดินทางกลับไปยังประเทศของเขาบางครั้งก็กลับมาเยี่ยมเยือนระรินครั้งละสองสามวันรีสอร์ตของระรินไปได้สวยเพราะฮาฟซาคอยหาลูกค้าอาหรับให้ตลอดและมักจัดกรุ๊ปทัวร์มาไม่ขาดสาย และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารีสอร์ตแห่งนี้สวยงามและบ
เครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าระรินมองพื้นทรายสีน้ำตาลด้วยจิตใจห่อเหี่ยว คงเป็นการลาจากที่ถาวร เพราะในชีวิตนี้ไม่แน่ว่าเธอจะได้กลับมาอีก คนที่ยังอยู่ที่นี่คนนั้นจะคิดถึงเธอไหม ป่านนี้จะเป็นอย่างไรการรบจะเป็นอันตรายไหม หากคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ฮาฟซาหากแต่เป็น องค์ฟีรอสระรินจะมีความสุขแค่ไหนระวินพี่ชายฝาแฝดจะคิดอย่างไรกับองค์ชาย แน่นอนด้วยนิสัยหวงน้องระวินต้องหาทางตรวจสอบ และช่วยระรินพิสูจน์รักแท้ คงต้องมีความแคลงใจกันบ้างแต่สำหรับระริน เธอได้มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาหมดแล้ว เครื่องบินใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานฮาฟซาจัดการทุกอย่างอย่างดี ดีจนระริน ซาบซึ้งน้ำใจของเขาหากแต่ฮาฟซากลับบอกว่าทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์ชายบ้านน้อยซุกอยู่ข้างหุบเขา ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินก้าวลงจากรถยนต์เช่าที่ฮาฟซาเช่ามา น้ำตาไหลริน มองเห็นพ่อของเธอที่ยังคง นั่งตรวจการบ้านเด็กอยู่บนโต๊ะตัวเดิม“พ่อ หนูกลับมาแล้ว”มือเหี่ยวเอื้อมมาลูบหัวระรินนั่งคุกเข่าตรงหน้าฮาฟซามองภาพตรงหน้าด้วยคิดหลากหลายปะปน“ไปอยู่ที่ไหนมาริน พ่อตามหา”แววตาสีหม่นจ้องมองด้วยความร้าวรานระรินสะอื้นไห้พูดไม่ออกเมื่อกลับมาอยู่ตรงนี้รู้สึกอบอุ่นใจอย
Comments