รักลับสัมพันธ์สวาท
ตอนที่ 1- เด็กอุปถัมภ์
(นิโคลไล)
"เด็กที่คุณท่านอุปถัมภ์ เธอเรียนจบแล้วนะครับ"
"แล้วไง?"
"ตามที่คุณท่านสั่งไว้ก่อนเสีย คุณนิโคลไลจะต้องรับเธอมาดูแล อุปถัมภ์เธอต่อตามพินัยกรรมที่คุณท่านระบุไว้ และให้เธอทำงานที่บริษัท"
"ฉันต้องทำตามพ่อเหรอ? ยังไงพ่อก็ไม่อยู่แล้ว ทำไมต้องไปสนใจเด็กนั่นต่อ แค่พ่อส่งเสียให้ทุนการศึกษาก็น่าจะมากพอ"
"แต่มันเป็นความประสงค์ของคุณท่านนะครับ ผมว่าคุณนิโคลไลน่าจะสานต่อเจตนารมณ์ให้ท่านหน่อย แค่เลี้ยงเธอคนเดียวคงไม่เสียหายมากมาย เพราะปกติคุณนิโคลไลก็เลี้ยงผู้หญิงตั้งมากมายไม่ใช่เหรอครับ"
"ไอ้เชรค!!!"
ผมชื่อนิโคลไล หรือเรียกสั้น ๆ ว่านิค ผมสืบต่อธุรกิจของพ่อที่สร้างมาหลังจากที่พ่อเสียชีวิตไปเมื่อไม่นาน สามเดือนแล้วที่พ่อเสียไป ท่านเขียนพินัยกรรมระบุไว้ชัดเจน ทุกอย่างไม่มีการแบ่งให้ใครเพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ แม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก มีเพียงพ่อคนเดียวที่เลี้ยงดูผมมา
ตอนนี้ผมก็อายุไม่น้อยแล้ว เข้าเลขสามพอดิบพอดี แต่ว่ามีบางอย่างที่ผมไม่ค่อยชอบใจ พินัยกรรมของพ่อระบุอีกเรื่องให้ผมสานต่อ นั่นก็คือการดูแลเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งพ่อเคยอุปการะเลี้ยงดูเหมือนลูกสาว เธอเป็นลูกของเพื่อนสนิทของพ่อผม สาเหตุที่พ่อผมอุปการะ เพราะการฝากฝังของเพื่อนสนิทก่อนตาย พวกท่านทั้งสอง ผมหมายถึงพ่อแม่ของเด็กอุปถัมภ์ของพ่อ พวกท่านประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะความแย่งชิงของญาติพี่น้อง
อารียา คือชื่อของเธอ ซึ่งผมก็ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตา ว่าเธอมีหน้าตายังไง พ่อของผมเลี้ยงดูและหาที่อยู่ในเธออย่างดิบดี พร้อมกับมีแม่บ้านที่พ่อไว้ใจส่งไปดูแลเธอไม่ให้ขาดแคลน และสิ่งที่พ่อบอกไว้มันทำให้ผมไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ก็ท่านจะมาให้ผมอุปถัมภ์ดูแลเธอต่อ ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ผมชอบความเป็นส่วนตัวที่สุด และตอนนี้ผมก็กำลังมีปากเสียงกับไอ้คนสนิทที่พ่อสรรหามาให้ เชรคเป็นคนทำงานดีครับ ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว อายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี เถียงเจ้านายอย่างผมเป็นที่หนึ่ง แต่เพราะผมสนิทกับเชรคเราเลยไม่ค่อยถือสากันเท่าไหร่
"ผมพูดความจริงใช่ไหมล่ะ" เชรคมันยอกย้อนผมครับ น่าถีบให้ล้มคว่ำ
"กวนตีนเยอะเกินไปละ"
"สานต่อหรือพอครับ? ถ้าไม่สานต่อตามสิ่งที่คุณท่านบอกไว้ คุณนิโคลไลก็คงจะเหลือแต่ตัว"
ดูสิครับมันเอาพ่อมาขู่ผมฟอด ๆ เป็นงูเห่า ไอ้ลูกน้องอสรพิษ เลี้ยงไม่ค่อยเชื่อง มีแต่พ่อผมเท่านั้นแหละมั้งที่เลี้ยงมันให้เชื่องได้ แต่เชรคเป็นคนที่ไว้ใจได้มากเลยทีเดียว ไม่อย่างนั้นพ่อผมคงไม่เลี้ยงไว้นานขนาดนี้ มันจริงใจและจริงจังครับ แต่มันกวนตีนผม
"พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันคงปฏิเสธหรอก ปากดีนักนะฝากไว้ก่อน พ่อไปสรรหาคนแบบแกมาจากไหนกันนะ แม่งเถียงเจ้านายฉิบหาย คนสนิทผู้ภักดีของพ่อจริง ๆ" ผมพูดประชดมันครับ ใครจะกล้าขัดพินัยกรรมของพ่อ บอกมาขนาดนี้ ลงทุนทำงานมาขนาดนี้ผมไม่ยอมเสียสิ่งที่มีไปหรอกนะ ผมมันคนมักได้ ทุกอย่างที่เป็นไปได้ผมต้องการ!! เพราะสันดานผมเป็นแบบนี้ ไม่ยอมใครง่าย ๆ ไม่ยอมก้มหัวให้กับใคร และใครอย่ามาคิดจะอยู่เหนือผม คนที่อยู่เหนือผมได้คือพ่อกับแม่เท่านั้น
"ตกลงตามนั้นนะครับ แล้วผมจะรีบจัดการพาเธอมา"
"แล้วหน้าตาเด็กนั่นเป็นยังไง ฉันก็ยังไม่เคยเห็น"
เชรคมันยิ้มเยาะผม ก่อนจะบอกถึงสิ่งที่มันต้องทำต่อ และผมก็ย้อนถามมันเพราะเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้ คงแบบว่าตัวดำ ๆ อ้วนกลมเตี้ย ๆ ละมั้ง นี่ผมต้องมีเลี้ยงดูผู้หญิงขี้เหร่เหรอวะ ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่นิโคลไล ผู้ที่มีสาวงามรอบกายสิ
"รู้แค่ว่าเธอน่ารักพอครับ" เชรคบอกซึ่งผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่
"น่ารักแบบบ้าน ๆ ละสิ" ผมเปรยออกไปด้วยความคิดที่ผมคิดเอง
"รอดูสิครับ ผมเคยเห็นเธอ ผมว่าเธอสวยน่ารักดี เป็นผู้หญิงไทยที่มีเสน่ห์" เชรคมันย้ำอีกครับ น่ารักของมันนี่ประมาณไหนกัน เพราะผมน่ะมันคว้านางเอกและนางแบบแถวหน้าเท่านั้น ไม่ใช่คว้ามาทำเมียนะ ผมเอามานอนเล่นด้วยเฉย ๆ
"ชมอย่างออกนอกหน้า แกชอบเธอหรือไง" พูดดักมันเลยครับหมั่นไส้
"ก็ชอบนะครับ เพราะเธอน่ารักจะตาย" มันตอบผมตาใส ใบหน้าของมันนี่อ้อนผมจริง ๆ อ้อนตีนนะไม่ใช่อ้อนอย่างอื่น
"จะไปไหนก็ไปเชรค ฉันเริ่มรำคาญแกละ"
"ไปก็ได้ครับเจ้านาย"
นั่นแหละครับผมรีบตัดบททันที แล้วมันก็ยียวนผมกลับด้วยการยกยิ้มมุมปาก ชอบนักกับการที่เห็นผมอารมณ์เสีย หัวร้อนเนี้ย!
"เดี๋ยว!!" เมื่อนึกขึ้นได้ผมจึงเรียกคนที่กำลังหันหลังเดินออกไป
"เปลี่ยนใจแล้วเหรอครับ" ยังครับยังจะกวนผมอีก อยากจะต่อยหน้าไอ้ลูกน้องคนนี้จริง ๆ
"กวนส้น! ส่งรูปยัยนั่นมาให้ฉันดูดัวย" ผมด่ามันก่อนครับ แล้วจึงสั่งกับสิ่งที่ผมต้องการ
"สนใจเธอละสิ แค่ได้ยินว่าเธอสวย เธอน่ารัก ผมรู้หรอกน่าว่าเจ้านายมีสเปกสาวแบบไหน"
"พล่ามพอหรือยัง"
แล้วก็เป็นผมนี่แหละที่เอือมระอากับไอ้เชรค ผมวางสีหน้านิ่งขรึม เชรครู้ดีว่าถ้าสีหน้าแบบไหนที่มันไม่ควรเล่นต่อ เพราะผมเวลานิ่งจะดูดุมาก มันเข้าโหมดจริงจังจะดูน่าเกรงขาม
"จากสีหน้าเจ้านายแล้ว ไม่อยากพอก็ต้องพอครับ" เชรคเริ่มหยุดแล้ว ผมสบายใจ น่าจะวางฟอร์มตั้งนานแล้วนะผมเนี้ย จะได้ไม่ต้องมาเปลืองน้ำลายต่อความยาวสาวความยืดกับมัน
"ไสหัวไป จะไหนก็ไป แล้วส่งหน้าตายัยนั่นมาด้วย แล้วก็เรื่องเด็กนี่ต้องเป็นความลับ เพราะฉันไม่อยากให้ใครมาสนใจเรื่องของฉันมาก ฉันไม่ชอบ!"
"ครับ"
แล้วเชรคก็เดินออกจากห้องทำงานของผมไป ไม่นานนักก็มีการแจ้งเตือนของข้อความเข้ามา ผมจัดการเปิดดูมันเป็นรูปถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร เพราะงานที่เชรคได้รับไปเขามีพร้อมส่งผมทันที
"หึ...ไม่ธรรมดานี่หว่า"
'อารียา'
ผมลุกยืนแล้วมองไกลไปยังด้านนอกที่ตอนนี้มีแสงแดดในตอนเย็นสาดทอ ทัศนียภาพที่กว้างไกล ตึกสูงระฟ้ามากมายที่รายล้อม ผมยืนคิดกับสิ่งที่เชรคพูด พร้อมกับใบหน้าที่ติดตาของผมเพียงแค่เห็นผ่านรูปถ่าย ใบหน้าจิ้มลิ้ม รอยยิ้มที่น่ารัก พวงแก้มกลมเนียนใส มันผิดคลาดจากที่ผมคิดไว้โดยสิ้นเชิง
บทส่งท้าย-มันคือรักที่ยากจะหวนกลับ(อารียา)เวลาผ่านไปหลายเดือน คนที่อยู่ในท้องก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา คำสัญญาที่คนแก่ของฉันเคยให้ไว้ ภาระหน้าที่การงานก็รีบเคลียร์แล้วพาฉันมาเที่ยว...("เรียบร้อยดีใช่ไหม? อืม แล้วนี่นายอยู่ที่บริษัทไหม?...งานที่บริษัทฝากนายด้วย เดี๋ยวสิ้นปีจะตบโบนัสให้อย่างงามเลย...มึงพูดให้มันเคลียร์ ๆ ดิเชรค... ไอ้เชรค!")ประโยคเหล่านี้ฉันนั่งฟังพร้อมกับรอยยิ้มในบางครา และแน่นอนว่าเขากำลังคุยกับเลขาคนสนิท ที่สามารถฝากฝังหน้าที่การงานได้ คำพูดที่หยาบโลนแต่แอบซ่อนด้วยความทะเล้น คนแก่ ๆ ที่ฉันเคยตราหน้าว่า เป็นเหมือนหมาที่เอาไม่เลิกฤดู สุดท้ายจนก็ต้องมาตกม้าตายและกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากเขา ที่อดีตเคยลั่นไม่คิดจะเอาผู้หญิงอย่างฉันทำเมีย...เสมอกันทั้งฉันและเขาสายลมอ่อนพัดกระทบใบหน้า ทำให้ฉันรู้สึกดี มันสดชื่นจนยากจะบรรยาย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่ที่พร้อมดูแลลูกน้อยที่อยู่ในท้อง คนที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ว่าฉันกลับรักมากมาย แม้ถวายชีวิตฉันก็สามารถให้เขาได้ 'ลูก' เพียงเท่านั้นที่ฉันยอมและ และคนแก่ที่นั่งข้างฉันก็คงคิดและรู้สึกแบบเดียวกัน"อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ""ขอนั่ง
(อารียา)หลังจากที่ฉันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว เพราะอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คนแก่ของฉันก็แสดงความโอเวอร์เร้าหรืออยากให้อยู่ใกล้หมอต่อ ให้เหตุผลว่าอยากให้แน่ใจว่าฉันหายดีแล้วจริง ๆ จนฉันต้องเอาลูกที่ยังเท่าเม็ดถั่วมาอ้างว่าไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล เขาถึงได้ยอมให้ฉันกลับมาพักที่บ้าน…เขามันเวอร์ทั้งที่ฉันปกติดีทุกอย่าง“ไม่ต้องประคองหรอก หนูเดินเองได้” ฉันบอกเขาในขณะที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน“ไม่ได้หรอกเผื่อลื่นขึ้นมาจะทำยังไง อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มีอะไรจะได้รับไว้ทัน ทำไมหนูไม่เข้าใจอะ” เหตุผลคนแก่ที่ทำฉันต้องอมยิ้ม แม้บางทีจะดูงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ“ก็ไม่อยากให้อาวุ่นวายไง แล้วนี่งานไม่เยอะเหรอถึงไม่เข้าบริษัท” หันไปถามเขา ทำเอาคนแก่ของฉันถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“นี่ไล่ทางอ้อมใช่ไหม ทำไมอยู่ด้วยกันมันอึดอัดมากหรือไง ใช่สิคนอายุเยอะมันคงไม่กร้าวใจเหมือนคนหนุ่ม ๆ” มีโวยวายเบา ๆ อย่างกับน้อยใจ อะไรวิ่งเข้าหัวสมองทำให้เขาต้องมีอาการวัยรุ่นแบบนี้นะ ทำฉันกลั้นขำแทบไม่ไหวเลยทีเดียว“อะไรของคุณอากันคะเนี้ย หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แค่เป็นห่วงว่างานขอ
(นิโคลไล)“ว่าไงเชรค” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนผมต้องหันไปสนใจ เป็นเชรคที่โทรเข้ามา ผมกลัวว่าอารียาจะตื่นหากคุยอยู่ตรงนั้น จึงเดินออกไปตรงระเบียง เพราะตอนนี้เธอกำลังนอนหลับสนิท“เรื่องที่นายให้ผมไปสืบได้ความแล้วครับ”“ว่ามา”“คุณไมค์กับคุณนาตาลีร่วมมือกันทำร้ายคุณอารียาจริง ๆ ครับ เขาเป็นลูกชายของมิสเตอร์ปาเวลที่ฆ่าตัวตาย หลังจากที่คุณนิคไปเทคโอเวอร์บริษัทนั้นมา แต่คุณไมค์ก็มีธุรกิจที่เรารู้กัน แต่จริงแล้วบริษัทที่พ่อเขาสร้างมากับมือเข้าสู่สภาวะวิกฤตเรื่องการเงิน เพื่อรักษาบริษัทนั้นไว้เขาจึงได้ยอมให้ทางเราเทคโอเวอร์” “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีทายาทอีกคน”“คุณไมค์เป็นลูกภรรยาคนที่สองของมิสเตอร์ปาเวลครับ เขาและพ่อของเขาผูกพันกันมาก เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน และผมคิดว่าการที่เขาเข้าใกล้คุณอารียาเพราะว่า.....”“คงเพราะคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พ่อเขาฆ่าตัวตายสินะ”“พ่อเขาเป็นคนขอให้คุณนิคช่วยซื้อบริษัทไว้ เพราะห่วงพนักงานกลัวว่าจะตกงานหากบริษัทปิดตัวลง จุดนี้ผมคิดว่าคุณไมค์คงไม่ทราบถึงเบื้องลึกเหล่านี้”สิ่งที่ผมมอบหมายให้เชรคไปตามสืบ เรื่องราวที่ผมเฝ้ารอ มันทำให้ผมหูผึ่งแ
(อารียา)ฉันตื่นนอนในยามเช้า ข้างเตียงไม่มีเขาที่เฝ้าฉันเมื่อคืน กวาดสายตามองหาจนพบว่าเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เหมือนกับเลี่ยงไม่อยากให้ใครได้ยิน ไม่รู้ว่ากลัวจะรบกวนการนอนหลับของฉัน หรือมันมีเรื่องอะไรที่ปิดบังจนไม่อยากได้ฉันรับรู้ ฉันนอนมองแผ่นของเขาอย่างครุ่นคิด พร้อมกับทบทวนคำพูดและการอ้อนวอนของเขาที่พูดเมื่อคืน...ฉันควรเปิดใจและให้โอกาสเขาได้เป็นพ่อของลูกดีไหม?“ตื่นแล้วเหรอ...รู้สึกยังไงบ้าง ปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายตัวไหม?” เขาถามทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่วางสาย ถามรัวจนฉันตั้งตัวที่จะให้คำตอบไม่ทัน สีหน้าของเขาดูห่วงใยฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดี แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอย่างนิโคลไลจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ไม่แน่ใจว่าเขาจะจริงจังหรือไม่ ฉันไม่อยากจะคาดหวังกับผู้ชายคนนี้เลย...กลัวผิดหวัง“ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูโอเคตอนนี้อยากกลับบ้าน” ฉันบอกเขาในสิ่งที่ต้องการ ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลยสักนิด“ให้หมอดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนเถอะนะ จะได้มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ” เขาคะยั้นคะยอ พร้อมกับมือเอื้อมมาลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันมองหน้าเขาอย่างสังเกต สายตาของเขามองฉันต่างไปจากเดิมใน
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 59-ยอมทุกอย่าง“นายคิดจะทำอะไรกันไมค์ เข้าหาอารียาเพื่ออะไร” จากที่เชรคเล่าให้ฟัง ทำให้ผมนั่งคิดทวนคนเดียวอยู่ในห้อง มีเพียงความมืดสลัวที่อยู่เป็นเพื่อนตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกห่วงอารียามากกว่าเดิม ผมกลัวว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจนได้รับอันตรายอีก ผมเดินออกมาตรงระเบียงห้องพักฟื้น ยืนมองทอดไกลไปอย่างไร้จุดหมาย สมองคิดเรื่องราวมากมายที่มันสามารถเชื่อมโยงกัน แต่นึกทวนยังไงผมก็นึกมันไม่ออก ตอนนี้โคตรกลุ้มเลยล่ะผมเดินกลับเข้ามาในห้องพักฟื้นของอารียา แล้วนั่งลงข้างเธอ ผมกุมมือของเธอไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าของเธอในความมืดสลัว คิดกลัวและกังวลจนตอนนี้ผมรู้สึกนอนไม่หลับ ห่วงความปลอดภัยของเธอหากผมเผลอหลับไป แล้วใครแอบเข้ามาทำร้ายเธออีก“อา...” เสียงของอารียาที่แผ่วเบาเรียกผมจนต้องตื่นตัวหลุดจากภวังค์ความคิด ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงของเธอที่แหบแห้งชัดเจน“หนูเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม เดี๋ยวอาเรียกหมอให้” ผมรีบถามอาการของเธอทันที ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟหัวเตียงเพื่อให้มีแสงสว่าง“ลูกละคะปลอดภัยใช่ไหม?” เป็นคำถามแรกที่เธอเอ่ยขึ้น ไม่ได้นึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 58 - กำจัด(ก็คุณพลาดเองช่วยไม่ได้ จะมาโทษผมได้ยังไง...นั่นมันเรื่องของคุณ ผมช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญญาจัดการ.....อืม ค่อยคิดอีกที และคุณก็ควรห่างการติดต่อผมสักพักด้วย...แค่นี้นะ)(เปิดทางให้แล้วยังโง่อีก) "เชรคนายจัดการเรื่องที่อารียาถูกทำร้ายให้เด็ดขาด ฉันไม่มีปล่อยให้อารียาเจ็บฟรีแน่" ผมเดินออกมานอกห้องพักของอารียาหลังจากที่เธอนอนหลับไปแล้ว สั่งการกับเชรคที่รออยู่ด้านนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ผมโมโหมาก และคงยากหากมันไม่ได้รับการคลี่คลายในแบบของผม ผมไม่ได้ใจร้ายหากใครไม่คิดทำลายผมหรือคนที่ผมรักก่อน"ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้ทันที" เชรคตบปากรับคำ เป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจมากและรักเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง เราสองคนสนิทสนมกันมานานจนรู้ใจกัน"นาตาลีทำเกินไปและฉันจะไม่เอาไว้ให้รกหูรกตา ถ้าอยู่ไม่เป็นเย็นไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้มีที่ยืน...ฉันเอาจริง!!!" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งนึกภาพที่อารียากำลังจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา มันยิ่งทำให้ผมโกรธเคือง หญิงหรือชายหากสร้างปัญหาให้ผมก็ไม่เอาไว้"ครับ” เชรคก้มหัวตอบรับคำสั่งของผมอย่างที่เขาเคยทำ“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าอา