ไม่นานนัก เขาก็พาเธอมาถึงร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ร้านอาหารอยู่ติดถนน ในร้านสะอาดสะอ้าน
“นั่งห้องแอร์ดีกว่านะ ข้างนอกร้อน”
“ค่ะ” ชนิษฐาเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย สายตาของหญิงสาวไม่อาจจะละจากร่างหนาของเขาได้เลย
คณิศรที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาดูดีขึ้นมาก ด้วยผมรองทรงที่หนาๆ อีกอวัยวะที่ชนิษฐาชอบเขา เพราะจมูกที่โด่งสันเป็นคน ดวงตากลมโต คิ้วดกๆ ซึ่งส่วนใหญ่ หนุ่มๆ แถวนี้จะตาตี่ๆ เป็นตี๋เสียส่วนใหญ่
สำหรับคณิศร เนื่องจากแม่มาจากใต้ เธอสืบจนรู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนสงขลาจึงทำให้หน้าตาคมคาย
พนักงานเดินมายื่นเมนูให้
“เมี่ยงอยากกินอะไรก็กินนะ สั่งได้เต็มที่เลย”
เธอจะบอกเขาอย่างไรดี แค่เห็นหน้าของคณิศรในวันนี้ ชนิษฐาก็อิ่มไปอีกหลายวัน หญิงสาวสั่งอาหารตามที่เขาสั่ง
คณิศรสั่งสเต็กสันคอ เธอก็เลือกตามเขา เพราะเธออยากรู้ว่าทำไมคณิศรถึงชอบกิน
“อีกปีเดียวก็จะจบแล้วสินะ”
“ค่ะ”
“ตั้งใจจะไปทำงานอะไร”
“เมี่ยงก็ภาวนาให้ได้งานทำใกล้บ้านนะคะ จะได้อยู่ดูแลป้าด้วย อีกอย่างนึงไม่มีรถ ป้าไม่ให้ใช้ทั้งมอเตอร์ไซค์ และก็รถยนต์น่ะค่ะ”
“เมี่ยงยังขับรถไม่เป็นเหรอ”
“ค่ะ ไม่เป็นเลย เป็นแต่จักรยานอย่างเดียว”
“เอาแบบนี้ไหมล่ะ วันหลังพี่พาไปหัดขับรถ เผื่อฉุกเฉินอะไรจะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น เช่นป้าไม่สบาย อะไรแบบนี้”
“จริงหรือคะพี่ดิน ถ้าอย่างนั้นเมี่ยงขอเบอร์โทรพี่ดินนะคะ” เธอทำตาโตมันวาว ดีใจยิ่งกว่าได้นั่งกินข้าวกับเขาเสียอีก
“ได้สิ” เขารีบบอกเบอร์โทร เธอบันทึกไว้ในเครื่องอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กดโทรออก
“พี่ดินคะ เซฟเบอร์ของเมี่ยงเอาไว้ด้วยนะคะ” หัวใจพองโตคับแน่นอก ชนิษฐาไม่อยากจะเชื่อเลย
“ช่วงสุดสัปดาห์นี้หยุดหลายวันนี่ ไปเรียนขับรถกันไหม” เขาเอ่ยอย่างมีไมตรีอีกครั้ง
“ไปค่ะ” ไม่ต้องให้เขาถามซ้ำ ชนิษฐารีบตอบออกไปในทันที ใบหน้าบานเป็นดอกไม้ต้องฤดูฝน หัวใจเต้นแรงมากๆ ความฝันสูงสุดที่อยากได้รู้จัก ได้พูดคุย ตอนนี้มันเป็นจริงแล้ว เธอเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
ตั้งแต่จากกัน เธอก็ยังดูรูปเขาทุกวัน มันเหมือนกับเธอเชื่อว่าเธอกับคณิศรเป็นเนื้อคู่กัน
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เขาก็มาส่งเธอที่หน้ามหาวิทยาลัย ชนิษฐายืนโบกมือให้รถของเขาจนลับตา
คณิศรมองผ่านกระจกหลัง เขายังนึกถึงคำของลือกฤชว่า... ชนิษฐาหลงใหลได้ปลื้มเขามากๆ และแอบมาถามบ่อยๆ ถึงเรื่องราวของคณิศร
มือถือที่เขาเชื่อมต่อบลูทูธในรถก็ดังขึ้น เมื่อกดรับสาย เสียงแจ๋วๆ ของคนที่คณิศรเฝ้าคิดถึงก็ดังเข้ามา
(“ดินอยู่ไหนคะ”)
พอได้ยินเสียงของปลายสาย เขาก็ทำท่าดีใจ สุธาวีหายไปจากชีวิตของเขาได้เกือบสองสัปดาห์
“ผมจะอยู่ไหนได้ล่ะ ก็อยู่เชียงใหม่ หรือไม่ก็ลำพูนนี่แหละ ว่าแต่หวายเถอะ หายไปไหนตั้งสองอาทิตย์”
(“หวายมากรุงเทพฯ ค่ะ แหม... จะไม่หวายมาเยี่ยมพ่อกับแม่เลยเหรอคะ อีกอย่างหวายทำฟรีแลนซ์รับงานทั่วประเทศค่ะ”)
ฝีมือการออกแบบเขียนแบบของสุธาวีถือว่าเป็นอันดับต้นๆ เพราะหัวศิลปะ และถือว่าเป็นผลสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้
“ไปไหนก็ได้ถูกต้องน่ะถูกต้องแล้วหวาน แต่ที่มันไม่ถูก คือ หวายไม่อ่านไลน์ ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความทุกช่องทางนี้ของผมต่างหาก ที่น่าโมโห” เขาบึ้งตึงขึ้นมา
(“ดินคะ ดินอย่าโกรธหวายเลยนะคะ ยังไงวันนี้หวายก็กลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมใกล้แม่น้ำปิง รู้ไหมเอ่ย? ว่าโรงแรมไหน?”)
ทำไมคณิศรจะไม่รู้ เพราะเธอกับเขาใช้ที่นี่เป็นฐานบัญชาการและจุดนัดพบ
(“หวายคิดถึงดินจะแย่แล้วค่ะ รีบมานะคะ”) เธอก็วางสาย แล้วส่งรูปถ่ายในห้องพัก ที่มีทั้งเครื่องดื่ม อาหารการกินที่พร้อมพรั่ง รวมถึงรูปของตัวเองที่ใส่ชุดเซ็กซี่วาบหวิว
ความโกรธของคณิศรหายเป็นปลิดทิ้ง เขานึกถึงเรื่องบนเตียงความหวามกับสุธาวีที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ ก็มันติดใจไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้ คณิศรก็รู้ว่าสุธาวีเป็นอย่างไร แต่ว่าก็ยังคิดว่าเธอน่าจะหยุดอยู่ที่เขา คณิศรหมายใจเขาจะได้สุธาวีมาเป็นคู่ชีวิต
เสียงของคุณย่ามณีดังขึ้นมาในหัวสมอง
“ถ้าแกยังไม่แต่งงานปีนี้ ย่าจะไม่ยกสมบัติให้นะ ย่าจะมอบให้กับมูลนิธิ หรือองค์กรการกุศลไปเสียให้หมด” สีหน้าเคร่งเครียด
“ย่าทำไมทำอย่างนี้ล่ะครับ มาบังคับผมทำไม นี่ผมก็ปรับปรุงตัวเองขึ้นมากแล้วนะครับ มากกว่าแต่ก่อน” เขาทำทุกอย่างก็เพื่อคุณย่าจริงๆ
“แต่ย่าแก่แล้วดิน แกก็เห็นอยู่ ย่าไม่ได้แข็งแรงอย่างแต่ก่อน แล้วอีกเรื่องย่าอยากอุ้มเหลน หรือว่าแกจะให้ย่าตายไปโดยไม่รู้ว่าแกอยู่กับใครต่อไปหลังจากที่ไม่มีย่าแล้ว”
นี่คือคำตอบของย่ามณี ท่านเป็นห่วงหลานชายคนเดียวเอามาก อีกอย่างนึงความเสเพลของคณิศร ทำให้ย่านั้นมีความกังวลว่าชายหนุ่มจะอยู่อย่างไรต่อไปในอนาคต
หากคณิศรมีภรรยา ได้สร้างครอบครัว การมีลูกจะทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนละคน ซึ่งคุณย่าก็คิดว่าการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงไปเป็นในทางที่ดีกว่านี้
“ดินตั้งหน้าตั้งตาหาเมียเถอะ เอาผู้หญิงเป็นตัวเป็นตนเสียที ไม่ใช่เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปก็ลอยมา แล้วไอ้นิสัยที่นอนกับผู้หญิงไปทั่วน่ะ เลิกได้ก็เลิกเสีย”
“ย่าครับ สมัยนี้ผู้หญิงน่ะเธอเดินเข้ามาหาผมเองทั้งนั้น ผมไม่ได้เร่ๆ เดินไปหาเองนะครับ” มันเป็นเช่นที่คณิศรพูดจริงๆ
“ก็นั่นไง ที่ย่าเห็นแต่ละคนเปรี้ยวเข็ดฟัน เห็นแล้วอยากจะเอาหัวโม่งฝาจริงๆ แต่งเนื้อแต่งตัว โอ๊ย! ดูไม่ได้ไ ไม่พูดเปล่าแต่ทำสีหน้าสีตาว่ารับไม่ได้ออกมาอีก
คณิศรนึกไปถึงสุธาวี เธอก็เป็นหนึ่งผู้หญิงที่ย่าเอ่ยถึง แม้จะไม่เคยเจอกัน ถ้าเจอย่าอาจจะเบ้ปากเป็นแน่
สุธาวีมักทากลีบปากด้วยสีแดง เล็บก็ทาสีแดง แม้การแต่งตัวจะดูดี และเป็นผู้ดี แต่ก็นั่นแหละย่าก็เหมารวมไปในกลุ่มที่ไม่ชอบ
แต่สำหรับเขา คณิศรคิดว่าอยู่เสมอว่า เขาสามารถมีความสุขได้กับสุธาวีเท่านั้น ‘ความสุขที่สุดยอด เธอปรนเปรอเขาได้’ นั่นก็น่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องของคณิศรแล้ว
“เมี่ยง” คณิศรตกใจ แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว ยังคงเล่นบทคนเศร้าง้อภรรยาอยู่“เมี่ยงไม่ได้อยากให้พี่ตายใช่ไหมครับ เมี่ยงจ๋า...อภัยให้พี่นะ นะครับคนดี”ไม่พูดอย่างเดียว คนที่ยอมทำตัวพิการง่อยเปลี้ยอยู่บนเตียงตั้งนานสองนาน คราวนี้ลุกขึ้นมานั่ง แล้วกอดรัดร่างอรชรเอาไว้แน่น“พี่รักเมี่ยงจริงๆ รู้ตัวแล้วว่าขาดเมี่ยงไม่ได้ พี่ต้องตายแน่ๆ”ชนิษฐารีบยกมือขึ้นมาปิดปากของเขา การที่ไม่ได้อยู่ใกล้คณิศร เธอเองก็แย่ไปเหมือนกันใจที่โกรธขึ้งเรื่องที่เขาทำลงไป สายพิณเล่าแล้วว่าทุกอย่างเป็นเหตุสุดวิสัย และสุธาวีนั้นรุกหนัก เจ้าหล่อนเล่นกับอารมณ์ใคร่ สัญชาตญาณดิบของผู้ชายฤดีรัตน์ก็ช่วยหาข่าวเหมือนกัน เพื่อนเล่าว่าสุธาวีกินกับผู้ชายเกือบทั้งสาขา ล้วนเป็นคนรอบตัวคณิศรทั้งนั้นเขาช่างโง่...โง่มากเหลือเกิน นอกจากนั้นคุณย่ามณียังให้พนักงานที่แพมายืนยัน คณิศรออกคำสั่งไล่สุธาวี ห้ามมาเหยียบทุกพื้นที่ของเขาเด็ดขาดคณิศรทำแล้วสิ่งที่ควรทำ...แล้วชนิษฐาล่ะ เธอควรทำอะไรต่อดี“อย่าพูดคำว่าตายอีกนะ เพราะยังไงพี่ดินก็ต้องอยู่ดูหน้าลูกก่อน”ชนิษฐาตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น เลือกจะให้ครอบครัวได้ไปต่อ“เมี่ยง...”คณิศรคราง แม
พีรพัฒน์เข้ามาแบบมีข้าวของเต็มสองมือ“คุณเมี่ยงไม่อยู่ค่ะ” สายพิณรายงาน“อ้าวเหรอครับ มิน่าล่ะ โทรหาก็ไม่รับ แล้วยังไม่อ่านไลน์ผมอีก สวัสดีครับคุณย่า”คนแก่ลอบถอนหายใจ แต่ก็พยายามปั้นยิ้ม หากชนิษฐาจะตีจากจากคณิศร แล้วไปซบอกผู้ชายคนนี้ มันก็เหมาะสมอยู่พีรพัฒน์มีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ ดูเป็นคนมั่นคงพึ่งพาได้ แม้เป็นพ่อหม้าย แต่การเลิกร้างนั้นจบลงด้วยดี ไม่มีข่าวลือเสียหายตามหลังเลย แต่ส่วนลึกในใจ...คุณย่ามณีไม่อยากให้ชนิษฐากับคณิศรหย่ากันอยู่ดี“คุณพีได้นัดกับคุณเมี่ยงเอาไว้หรือเปล่าคะ” สายพิณเข้าไปรับเอาข้าวของ ไม่ปล่อยให้เขายืนเก้อเขิน“เปล่าครับ พอดีผ่านมา”“แหม... แค่ผ่านเหรอคะ จอมทองกับเชียงใหม่ มันไม่น่าผ่านกันได้เนอะ”อดที่จะแซวแบบเหน็บๆ ในความพยายามทุ่มสุดตัวของชายหนุ่มไม่ได้“เสียเวลาแย่เลยพ่อพี มาเสียเที่ยวไม่ได้เจอน้อง”คุณย่ามณีเห็นใจ มองออกว่าชนิษฐาไม่เล่นด้วยกับพ่อหม้ายคนนี้ มิเช่นนั้นหลานจะหลบเลี่ยงการพบเจอทำไม“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณย่าอาการเป็นไงบ้างครับ”พีรพัฒน์นั่งลงใกล้ เขาเป็นคนที่โอบอ้อมอารี เอาใจใส่ทุกคน“ก็งั้นๆ แหละจ้ะ สุขภาพทรง ๆ ทรุด ๆ ตามประสาคนแก่ ขาหนึ่งก็ก้า
ที่ห้องพักของคุณย่ามณี ทุกคนได้ยินเสียงโอ้กอ้ากของชนิษฐาดั่งลั่นออกมาจากห้องน้ำ หญิงสาวอาเจียนเอาสิ่งที่เพิ่งกินเมื่อครู่ออกมาแบบหมดไส้หมดพุงคุณย่าที่อยู่บนเตียงสบตาคุณช่อม่วงที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ผู้เป็นป้ามองอาการหลานด้วยความกังวล สายพิณเป็นคนลูบหลังให้“ไม่สบายหนักเลยนะเมี่ยง ทำไมกินอะไรถึงได้อ้วกออกมาหมด”“พิณว่าพาคุณเมี่ยงไปตรวจเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็ใกล้หมอ อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว พี่สินไปโทรเรียกให้คนเอารถเข็นมารับคุณเมี่ยงสิ”“จ้ะๆ ได้จ้ะ ได้” สินเดินไปที่โทรศัพท์ ก่อนจะยกหูไปยังโอเปอร์เรเตอร์ เขาขอรถเข็นมารับผู้ป่วย เพื่อไปตรวจดูเหมือนชนิษฐาจะหมดแรงแล้ว หน้าซีดจางขาวราวกระดาษ อ่อนเพลียร่างอยากจะนอนพักมากๆ“ทำไมต้องมาเกิดเรื่องเกิดราวเอาตอนนี้นะ ดวงราหูจะเข้าแล้วแน่ๆ”คุณช่อม่วงเพิ่งผ่านตาคลิปหมอดูทักจากยูทูป ยามเปิดเล่นแก้เบื่อเมื่อต้องอยู่เฝ้าคุณย่ามณี“พาไปหาหมอซะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” คุณย่าสั่งด้วยใจห่วงใยปนกังวลไม่นานนักบุรุษพยาบาลก็มาพร้อมกับรถเข็น แล้วพาชนิษฐาเข้าลิฟต์ไปยังห้องตรวจด้านล่างในเวลาต่อมา“หมอว่าเป็นอะไรคะ” ทั้งสายพิณและสินตั้งหน้าตั้งตารอฟังผลที่หน้าห้องตรวจ“หมอว
เมื่อสองป้าหลานไปถึงที่โรงพยาบาลแล้ว เห็นสายพิณนั่งร้องไห้น้ำตานอง เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงของคุณย่ามณี“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่พิน”“พี่พิณกับคุณย่าไปที่วัด ว่าจะอยู่วิปัสนาที่นั่นสักสองสามคืน แต่ตอนที่กินข้าวกันอยู่ สินโทรเข้ามาว่าคุณดินประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน เท่านั้นแหละค่ะ... คุณย่าก็สำลักข้าวค่ะ อาหารติดคอ ดีนะคะที่ตรงนั้นมีคุณหมอมาวิปัสนาที่วัดอยู่ด้วย เลยเข้ามาปฐมพยาบาลทัน แล้วก็พามาที่นี่แหละค่ะ”“แล้วอาการหนักไหมคะ” คุณช่อม่วงเอ่ยถาม“ดีนะคะหมอบอกว่าสมองไม่ขาดออกซิเจน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อาจจะกลายเป็น...” สายพิณยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้“คุณเมี่ยงคะ พี่พิณรับไม่ไหวแล้วนะคะ ไหนจะคุณย่า ไหนจะคุณดิน”“แล้วตอนนี้ดินอยู่ไหน” คุณช่อม่วงอีกนั่นแหละที่เป็นคนถามใบหน้าหลานสาวซีดเผือก ตาแดงก่ำราวกับคนที่กำลังจะร้องไห้ออกมาแล้วชนิษฐาจับมือของคุณย่าและบีบเบา“คุณดินออกจากห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ มาพักอยู่ที่ห้องพิเศษค่ะ”สายพิณรายงานหันไปหาชนิษฐาทั้งตัว“ฮือ... คุณดินน่ะไปทำอะไรมาก็ไม่รู้ค่ะ เห็นว่าประสบอุบัติเหตุในไซต์งานก่อสร้างที่ไปทำตกแต่งสวนนั่นแหละ พิณไม่รู้จริงๆ ไม่ได้ถามใค
ชนิษฐายืนฟังการสนทนานี้มาตั้งนานแล้ว เธอได้ยินทุกอย่าง“ไปกันได้แล้วค่ะเจ้านาย” เธอแสร้งทำเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส วันนี้เป็นวันเกิดของคณิศร เธอกับเขาเคยคุยกันเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวด้วยกันสามคน คุณย่า เขาและก็เธอ แต่ดันมาเกิดเรื่องขึ้นก่อน“ขับรถดีๆ ล่ะ แล้วเมี่ยงจะกลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่า”“ป้าไม่ต้องห่วงเมี่ยงค่ะ กินไปก่อนได้เลย”“อ้อ ตอนเย็นๆ ป้าไม่อยากกินอะไรหนักๆ นะ ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากให้เปลืองเงิน”ชนิษฐายิ้มยกมือโบกบ้ายบาย แล้วตามพีรพัฒน์ไปขึ้นรถในรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดคันใหญ่ที่หรูหราจอดไม่ไกลจากตรงนั้นนัก คุณย่ามณีอยู่กับสายพิณและนายสิน ตั้งใจจะมาชวนชนิษฐาไปทำบุญ แต่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจเข้าเสียก่อน คุณย่าถึงกับหน้าหงอย“เฮ้อ...หมดหวังแล้วใช่ไหมสายพิณ”“ยังหรอกค่ะ อย่าตัดสินกับแค่ภาพแบบนี้สิคะ มันอาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้”แต่สินมือไว ยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพ แล้วส่งไปให้อีกคน คณิศรใช้ให้สินมาเป็นสายสืบติดตามชีวิตของภรรยา“ถ้าอย่างนั้นสิน”“ครับ”“ขับไปวัดเถอะ ไปวัดวิปัสนานะ จะไปอยู่สักสองสามวัน”“ครับ”คุณย่ามณีหลับตาลง ตอนนี้เหนื่อยล้าเหลือเกิน คณิศรกอดขวดเหล้าเมาหยำเปทุกวัน ท่านภาว
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน นึกว่าเห็นแก่คนแก่ เอาที่หนูเมี่ยงสบายใจ แต่ย่าบอกแล้วเมื่อรับเป็นหลานอีกคนก็จะไม่ผลักไสไล่หนี เมี่ยงอยู่ที่นี่จนกว่าสบายใจ ไม่อยากกลับไปอยู่กับดินก็ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่แหละ ใช้ชีวิตของตัวเอง ดูแลคุณป้า...”จ้องสบตากับคุณช่อม่วงที่ตอนนี้หลบสายตาของคุณย่ามณีแล้ว“อยากทำอะไรก็ทำ ไปหางานทำก็ได้ แต่ย่าจะให้คนของย่าโอนเงินให้ใช้ทุกเดือน เงินจากกงสีนั่นแหละ ถือว่าเป็นหลานสาวแล้ว เป็นคนในครอบครัว และถ้าวันไหนเจอคนที่ถูกใจ อยากจะแต่งงานด้วย ค่อยไปบอกย่าก็แล้วกัน หาคนที่ดูแลกันได้ แล้วย่าจะให้ดินหย่าให้”ดูเหมือนคุณย่ามณีจะไม่รบเร้าอีกต่อไป น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ขวางไป เรือลำใหญ่แค่ไหนก็ล่มได้“สายพิณกลับเถอะ”กลายเป็นว่าคนที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าคือสายพิณเสียเอง“พี่พิณก็ไม่เคยมีผัว หรือว่ามีความรักหรอกนะคะ แต่เห็นอยู่หลายคู่ การให้อภัยกันต่างหากค่ะที่มันควรจะเริ่มจากคนในครอบครัว เหมือนที่คุณย่าพูดค่ะคุณเมี่ยง ใครก็ทำผิดพลาดกันได้ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราญยังรู้พลั้ง ถ้าไม่รักคุณดิน ก็รักคุณย่านะคะ ถ้าคิดว่ายังเป็นหลานคุณย่าก็กลับบ้านเรา” สายพิณเข้ามาประคองคุณย่า อ