ผ่านไปเกือบปี
คณิศรเริ่มเป็นโล้เป็นพายมากขึ้น เข้ามาทำงานให้กับคุณย่าในบางส่วนที่ได้รับมอบหมาย และคุณย่าก็ยังให้เงินทุนตามที่เขาเรียกร้อง คณิศรเปิดบริษัทรับออกแบบการจัดสวนตามสาขาที่เขาได้เรียนมา นอกจากนั้นยังรับเหมาทำสวนอีกด้วย ดอกไม้ก็มี ไม้ล้อมก็มี เพราะฝีมือของคุณย่าที่ปูทางให้ คณิศรได้พิสูจน์ตัวเองมาหลายงานแล้ว
วันนี้อาจารย์ณรงวิทย์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยทราบข่าวว่าลูกศิษย์ได้เปิดบริษัทแล้ว ยิ่งเป็นคณิศรอีก ถือว่าเขาเป็นพวกที่อยู่รั้งท้ายเพื่อนด้วยซ้ำ แต่เขากลับมีความก้าวหน้า
อาจารย์ณรงวิทย์จึงเรียกให้มาหาที่มหาวิทยาลัย พอดีอาจารย์กำลังจะตกแต่งสวนให้กับบ้านของลูกสาว ที่จะยกให้เป็นเรือนหอ
คณิศรจึงเดินทางมาหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย หลังจากคุยธุระเสร็จแล้วเขาก็เดินลงมาข้างล่าง
“พี่ดินคะ พี่ดิน” เสียงหวานๆ เรียกเขาเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มหยุดฝีเท้า คณิศรรีบหันไปมองชนิษฐาที่วิ่งมาหาด้วยความดีอกดีใจ
หญิงสาวซ่อนอาการหน้าบานที่ได้เจอเขาอีกครั้ง เธอตามติดชีวิตของคณิศรในโซเชียล และมีอยู่หลายครั้งที่ไปกินร้านอาหารของชายหนุ่มกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่เห็นหน้าเห็นตาของเขา และตัวจริงเลย
“พี่ดินมาทำอะไรที่นี่หรือคะ” เอื้อนเอ่ยอย่างใบหน้าระรื่น
คณิศรเห็นหน้าเธอก็ยิ้มให้ จำได้ทันที เพราะเป็นรุ่นน้องที่น่ารักเสมอ แม้จะเรียนคนละคณะ แต่ดูเหมือนเธอจะทำตัวจะเนียนว่ารู้จักกับเขาเป็นอย่างดี และจำได้ขึ้นใจเพราะลือกฤชเอ่ยถึงเธอบ่อยๆ
“พี่มาหาอาจารย์ณรงวิทย์น่ะ พี่เปิดบริษัทเกี่ยวกับการรับออกแบบและตกแต่งสวนครับ”
“ว้าว! ยินดีด้วยนะคะ เมี่ยงขอให้พี่ดินกิจการรุ่งเรือง” เอ่ยชื่อตัวเองเพราะเกรงเขาจะจำไม่ได้ เธอก็เป็นเพียงแค่แมลงบินตัวเล็กๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเขา แต่ด้วยสีสันที่ไม่โดดเด่น ชนิษฐาคิดว่าเขาจะจำเธอไม่ได้
คณิศรมองชนิษฐาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ไม่เจอตั้งนาน จากเด็กกะโปโลกลายเป็นผู้หญิงที่สวยขึ้น” เขาชม
ผมของชนิษฐาที่ยาวเกือบถึงกลางหลังเป็นเอกลักษณ์ ในตอนนี้ถูกเธอรวบมัดเป็นหางม้า เผยให้เห็นลำคอขาวๆ ของเธอ
จากที่คณิศรสังเกตเมื่อก่อนเธอไม่แต่งหน้า แต่เดี๋ยวนี้บนใบหน้าของชนิษฐามีสีหวานแต่งแต้ม พวงแก้มมีบรัชออน ดวงตามีอายไลน์เนอร์กรีดจนเป็นเส้น แล้วปากที่เคยมีแค่ลิปกลอสมันวาว ตอนนี้ฉาบด้วยสีส้มพีชอ่อนระเรื่อ
จากอาการที่ทำตาโตๆ เมื่อถูกชม และเคอะเขิน คณิศรก็รีบเอ่ย
“จริงๆ นะ เมี่ยงสวยขึ้นเป็นกองเลย”
พอถูกชมอีก เธอแทบม้วนลงไปกองอยู่ข้างล่าง ชนิษฐาไม่คิดว่าเขาจะชมเธอ
“มันเป็นอย่างไรหรือคะ”
“ก็สวยขึ้น รู้จักการแต่งหน้าแต่งตาด้วย”
“พอดีอาจารย์ที่คณะเชิญวิทยากรสอนการแต่งหน้ามาน่ะค่ะ แต่ที่จริงมาขายเครื่องสำอางต่างหาก”
“แล้วเราตกหลุมไปเท่าไหร่ล่ะ หมดไปกี่บาท” หญิงสาวถึงกับหัวเราะลั่น
“พี่ดินรู้ได้ยังไงคะ”
“ตอนที่พี่เรียน ก็มีวิทยากรมาสอนแบบนี้แหละ เพื่อนๆ พี่หลายคนก็ตกหลุมพรางเหมือนกัน ก็โดนไปคนละหลายพัน”
ชนิษฐาถึงกับหัวเราะขำไม่หยุด
“แต่ก็คุ้มใช่ไหมคะพี่ดิน”
“อื้อ... ตามที่มองเมี่ยงแล้ว พี่คิดว่าคุ้มนะ”
แสนปลื้มใจ แสดงว่าที่เธอคิดว่าเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของเขานั้นไม่ใช่ความจริง ที่จริงคณิศรเห็นเธอ
“พี่ดินกินข้าวเที่ยงหรือยังคะ” อะไรดลใจให้เธอถามออกไปแบบนี้ก็ไม่รู้ ชนิษฐาชอบเขา เธออยากได้เบอร์โทรของคณิศร เมื่อก่อนไม่ได้ขอเอาไว้ เพราะไม่กล้า เรียกว่ายังไม่สนิทพอ
อย่างน้อยวันนี้ชวนคณิศรไปกินข้าว แล้วขอเบอร์ก็ไม่น่าเกลียด ถึงแม้เธอจะติดตามชายหนุ่มทุกช่องทาง แต่ก็ไม่กล้าส่งข้อความไปคุยกับเขาตรงๆ ความอายกลัวเขาจะเพิกเฉยไม่ตอบก็มีอยู่เยอะ
วันนี้มีโอกาสชนิษฐาจะขออนุญาตติดต่อเขาอย่างเป็นทางการเสียที่ ไม่ต้องแอบส่อง ไอจี ทวิตเตอร์ เฟซบุค เหมือนอยากเคย ไม่ต้องแอบ จะได้กล้าเปิดเผย
“เอาสิ ไปกินข้าวด้วยกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเมี่ยงเอง”
“ว้าว! ดีใจจังเลยค่ะ” ชนิษฐายิ้มแก้มแทบแตก ความรู้สึกที่หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาข้างนอกอก จนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้
คณิศรเผลอยิ้ม ชนิษฐา... เป็นผู้หญิงที่น่ารัก ไม่มีจริตจะก้านแพรวพราว แม้จะไม่โดดเด่น แต่สีหน้าและแววตาที่จริงใจทำให้น่ามอง
แต่สำหรับคณิศรแล้ว เขาก็ยังชื่นชอบสุธาวีอยู่ดี อย่างที่ไม่เคยเปลี่ยนใจ
คณิศรพาชนิษฐาไปขึ้นรถ เขาพานำเธอไปยังรถโฟวิลคันใหญ่ที่โก้หรู ด้านนอกตกแต่งอย่างสวยงามซึ่งบ่งบอกถึงฐานะว่ามีเป็นคนมีเงิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถหาเงินมาถลุงเล่นโดยการตกแต่งรถธรรมดาให้สะดุดตาได้ถึงขนาดนี้
เมื่อเธอขึ้นไปนั่งบนรถของเขา ในรถของคณิศรหอมฟุ้งไปหมด การตกแต่งภายในยิ่งล้ำกว่าข้างนอกเสียอีก
คณิศรขึ้นมานั่งแล้ว ชนิษฐาเอ่ย “รถพี่ดินสวยจังเลยค่ะ เมี่ยงอยากมีแบบนี้สักคัน เอาไว้เรียนจบก่อน เมี่ยงค่อยหาเงินซื้อค่ะ” เธอไม่กล้าจะแตะต้องเพราะเกรงว่ารถของเขาจะเป็นรอยมือของเธอ
“ตอนนี้มาเรียนยังไงหรือ”
“นั่งรถสองแถวมาจากบ้าน แล้วก็มาลงข้างหน้าค่ะ” เธอโชคดีที่รถสองแถวผ่านตรงทางหน้ามหาวิทยาลัย จึงไม่ได้ลำบากมากนัก
แต่ทว่าพื้นที่ของมหาวิทยาลัยก็กว้างใหญ่ไพศาล แต่เพื่อนก็มีน้ำใจ ถ้าพบเจอเธอ ก็จะพาให้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ หรือไม่ก็เรียกขึ้นให้นั่งรถไปยังตึกเรียนด้วย
เมื่อก่อนคณิศรไม่เคยสนใจเธอ แต่วันนี้นั่งรถด้วยกันก็ถามเสียหน่อย “บ้านอยู่ไหนหรือจ๊ะ”
“ไม่ไกลจากที่นี่หรอกค่ะพี่ดิน ห่างไป 10 กิโลฯ ค่ะ” เธอชี้ทางไปบ้าน
“เมี่ยงอยู่กับใครหรือ”
“เมี่ยงอยู่กับป้าค่ะ ท่านเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้านนั่นแหละค่ะ”
“และพ่อกับแม่ล่ะจ๊ะ ไปทำงานต่างจังหวัดเหรอ หรือว่ายังไง” เขาถามอย่างอยากรู้ แววตาของเธอหม่นลงไปนิดนึง
“พ่อแม่เสียทั้งสองคนค่ะ ป้าก็เลยรับมาอุปถัมภ์ ป้าเป็นพี่สาวของแม่น่ะค่ะ”
“อ๋อ ชีวิตของเราสองคนเหมือนกันนะ พี่ก็ไม่มีพ่อมีแม่เหมือนกัน ไม่รู้รีบทั้งสองคน สงสัยที่สวรรค์น่าอยู่กะมั้ง เลยไปไม่กลับมาเลย แถมยังไม่เคยเข้าฝันอีก แหม... จะกลับมาบอกเลขลูกชายมั้งก็ไม่ได้”
เรื่องที่เศร้าทำให้เธอหัวเราะ ชนิษฐาอดขำไม่ได้ด้วยคำพูดของ แม้จะเป็นเรื่องเศร้า แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็คงจะหนีกันไม่พ้น
“เมี่ยง” คณิศรตกใจ แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว ยังคงเล่นบทคนเศร้าง้อภรรยาอยู่“เมี่ยงไม่ได้อยากให้พี่ตายใช่ไหมครับ เมี่ยงจ๋า...อภัยให้พี่นะ นะครับคนดี”ไม่พูดอย่างเดียว คนที่ยอมทำตัวพิการง่อยเปลี้ยอยู่บนเตียงตั้งนานสองนาน คราวนี้ลุกขึ้นมานั่ง แล้วกอดรัดร่างอรชรเอาไว้แน่น“พี่รักเมี่ยงจริงๆ รู้ตัวแล้วว่าขาดเมี่ยงไม่ได้ พี่ต้องตายแน่ๆ”ชนิษฐารีบยกมือขึ้นมาปิดปากของเขา การที่ไม่ได้อยู่ใกล้คณิศร เธอเองก็แย่ไปเหมือนกันใจที่โกรธขึ้งเรื่องที่เขาทำลงไป สายพิณเล่าแล้วว่าทุกอย่างเป็นเหตุสุดวิสัย และสุธาวีนั้นรุกหนัก เจ้าหล่อนเล่นกับอารมณ์ใคร่ สัญชาตญาณดิบของผู้ชายฤดีรัตน์ก็ช่วยหาข่าวเหมือนกัน เพื่อนเล่าว่าสุธาวีกินกับผู้ชายเกือบทั้งสาขา ล้วนเป็นคนรอบตัวคณิศรทั้งนั้นเขาช่างโง่...โง่มากเหลือเกิน นอกจากนั้นคุณย่ามณียังให้พนักงานที่แพมายืนยัน คณิศรออกคำสั่งไล่สุธาวี ห้ามมาเหยียบทุกพื้นที่ของเขาเด็ดขาดคณิศรทำแล้วสิ่งที่ควรทำ...แล้วชนิษฐาล่ะ เธอควรทำอะไรต่อดี“อย่าพูดคำว่าตายอีกนะ เพราะยังไงพี่ดินก็ต้องอยู่ดูหน้าลูกก่อน”ชนิษฐาตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น เลือกจะให้ครอบครัวได้ไปต่อ“เมี่ยง...”คณิศรคราง แม
พีรพัฒน์เข้ามาแบบมีข้าวของเต็มสองมือ“คุณเมี่ยงไม่อยู่ค่ะ” สายพิณรายงาน“อ้าวเหรอครับ มิน่าล่ะ โทรหาก็ไม่รับ แล้วยังไม่อ่านไลน์ผมอีก สวัสดีครับคุณย่า”คนแก่ลอบถอนหายใจ แต่ก็พยายามปั้นยิ้ม หากชนิษฐาจะตีจากจากคณิศร แล้วไปซบอกผู้ชายคนนี้ มันก็เหมาะสมอยู่พีรพัฒน์มีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ ดูเป็นคนมั่นคงพึ่งพาได้ แม้เป็นพ่อหม้าย แต่การเลิกร้างนั้นจบลงด้วยดี ไม่มีข่าวลือเสียหายตามหลังเลย แต่ส่วนลึกในใจ...คุณย่ามณีไม่อยากให้ชนิษฐากับคณิศรหย่ากันอยู่ดี“คุณพีได้นัดกับคุณเมี่ยงเอาไว้หรือเปล่าคะ” สายพิณเข้าไปรับเอาข้าวของ ไม่ปล่อยให้เขายืนเก้อเขิน“เปล่าครับ พอดีผ่านมา”“แหม... แค่ผ่านเหรอคะ จอมทองกับเชียงใหม่ มันไม่น่าผ่านกันได้เนอะ”อดที่จะแซวแบบเหน็บๆ ในความพยายามทุ่มสุดตัวของชายหนุ่มไม่ได้“เสียเวลาแย่เลยพ่อพี มาเสียเที่ยวไม่ได้เจอน้อง”คุณย่ามณีเห็นใจ มองออกว่าชนิษฐาไม่เล่นด้วยกับพ่อหม้ายคนนี้ มิเช่นนั้นหลานจะหลบเลี่ยงการพบเจอทำไม“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณย่าอาการเป็นไงบ้างครับ”พีรพัฒน์นั่งลงใกล้ เขาเป็นคนที่โอบอ้อมอารี เอาใจใส่ทุกคน“ก็งั้นๆ แหละจ้ะ สุขภาพทรง ๆ ทรุด ๆ ตามประสาคนแก่ ขาหนึ่งก็ก้า
ที่ห้องพักของคุณย่ามณี ทุกคนได้ยินเสียงโอ้กอ้ากของชนิษฐาดั่งลั่นออกมาจากห้องน้ำ หญิงสาวอาเจียนเอาสิ่งที่เพิ่งกินเมื่อครู่ออกมาแบบหมดไส้หมดพุงคุณย่าที่อยู่บนเตียงสบตาคุณช่อม่วงที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ผู้เป็นป้ามองอาการหลานด้วยความกังวล สายพิณเป็นคนลูบหลังให้“ไม่สบายหนักเลยนะเมี่ยง ทำไมกินอะไรถึงได้อ้วกออกมาหมด”“พิณว่าพาคุณเมี่ยงไปตรวจเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็ใกล้หมอ อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว พี่สินไปโทรเรียกให้คนเอารถเข็นมารับคุณเมี่ยงสิ”“จ้ะๆ ได้จ้ะ ได้” สินเดินไปที่โทรศัพท์ ก่อนจะยกหูไปยังโอเปอร์เรเตอร์ เขาขอรถเข็นมารับผู้ป่วย เพื่อไปตรวจดูเหมือนชนิษฐาจะหมดแรงแล้ว หน้าซีดจางขาวราวกระดาษ อ่อนเพลียร่างอยากจะนอนพักมากๆ“ทำไมต้องมาเกิดเรื่องเกิดราวเอาตอนนี้นะ ดวงราหูจะเข้าแล้วแน่ๆ”คุณช่อม่วงเพิ่งผ่านตาคลิปหมอดูทักจากยูทูป ยามเปิดเล่นแก้เบื่อเมื่อต้องอยู่เฝ้าคุณย่ามณี“พาไปหาหมอซะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” คุณย่าสั่งด้วยใจห่วงใยปนกังวลไม่นานนักบุรุษพยาบาลก็มาพร้อมกับรถเข็น แล้วพาชนิษฐาเข้าลิฟต์ไปยังห้องตรวจด้านล่างในเวลาต่อมา“หมอว่าเป็นอะไรคะ” ทั้งสายพิณและสินตั้งหน้าตั้งตารอฟังผลที่หน้าห้องตรวจ“หมอว
เมื่อสองป้าหลานไปถึงที่โรงพยาบาลแล้ว เห็นสายพิณนั่งร้องไห้น้ำตานอง เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงของคุณย่ามณี“เกิดอะไรขึ้นหรือคะพี่พิน”“พี่พิณกับคุณย่าไปที่วัด ว่าจะอยู่วิปัสนาที่นั่นสักสองสามคืน แต่ตอนที่กินข้าวกันอยู่ สินโทรเข้ามาว่าคุณดินประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ในห้องฉุกเฉิน เท่านั้นแหละค่ะ... คุณย่าก็สำลักข้าวค่ะ อาหารติดคอ ดีนะคะที่ตรงนั้นมีคุณหมอมาวิปัสนาที่วัดอยู่ด้วย เลยเข้ามาปฐมพยาบาลทัน แล้วก็พามาที่นี่แหละค่ะ”“แล้วอาการหนักไหมคะ” คุณช่อม่วงเอ่ยถาม“ดีนะคะหมอบอกว่าสมองไม่ขาดออกซิเจน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อาจจะกลายเป็น...” สายพิณยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้“คุณเมี่ยงคะ พี่พิณรับไม่ไหวแล้วนะคะ ไหนจะคุณย่า ไหนจะคุณดิน”“แล้วตอนนี้ดินอยู่ไหน” คุณช่อม่วงอีกนั่นแหละที่เป็นคนถามใบหน้าหลานสาวซีดเผือก ตาแดงก่ำราวกับคนที่กำลังจะร้องไห้ออกมาแล้วชนิษฐาจับมือของคุณย่าและบีบเบา“คุณดินออกจากห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ มาพักอยู่ที่ห้องพิเศษค่ะ”สายพิณรายงานหันไปหาชนิษฐาทั้งตัว“ฮือ... คุณดินน่ะไปทำอะไรมาก็ไม่รู้ค่ะ เห็นว่าประสบอุบัติเหตุในไซต์งานก่อสร้างที่ไปทำตกแต่งสวนนั่นแหละ พิณไม่รู้จริงๆ ไม่ได้ถามใค
ชนิษฐายืนฟังการสนทนานี้มาตั้งนานแล้ว เธอได้ยินทุกอย่าง“ไปกันได้แล้วค่ะเจ้านาย” เธอแสร้งทำเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส วันนี้เป็นวันเกิดของคณิศร เธอกับเขาเคยคุยกันเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวด้วยกันสามคน คุณย่า เขาและก็เธอ แต่ดันมาเกิดเรื่องขึ้นก่อน“ขับรถดีๆ ล่ะ แล้วเมี่ยงจะกลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่า”“ป้าไม่ต้องห่วงเมี่ยงค่ะ กินไปก่อนได้เลย”“อ้อ ตอนเย็นๆ ป้าไม่อยากกินอะไรหนักๆ นะ ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากให้เปลืองเงิน”ชนิษฐายิ้มยกมือโบกบ้ายบาย แล้วตามพีรพัฒน์ไปขึ้นรถในรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดคันใหญ่ที่หรูหราจอดไม่ไกลจากตรงนั้นนัก คุณย่ามณีอยู่กับสายพิณและนายสิน ตั้งใจจะมาชวนชนิษฐาไปทำบุญ แต่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจเข้าเสียก่อน คุณย่าถึงกับหน้าหงอย“เฮ้อ...หมดหวังแล้วใช่ไหมสายพิณ”“ยังหรอกค่ะ อย่าตัดสินกับแค่ภาพแบบนี้สิคะ มันอาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้”แต่สินมือไว ยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพ แล้วส่งไปให้อีกคน คณิศรใช้ให้สินมาเป็นสายสืบติดตามชีวิตของภรรยา“ถ้าอย่างนั้นสิน”“ครับ”“ขับไปวัดเถอะ ไปวัดวิปัสนานะ จะไปอยู่สักสองสามวัน”“ครับ”คุณย่ามณีหลับตาลง ตอนนี้เหนื่อยล้าเหลือเกิน คณิศรกอดขวดเหล้าเมาหยำเปทุกวัน ท่านภาว
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน นึกว่าเห็นแก่คนแก่ เอาที่หนูเมี่ยงสบายใจ แต่ย่าบอกแล้วเมื่อรับเป็นหลานอีกคนก็จะไม่ผลักไสไล่หนี เมี่ยงอยู่ที่นี่จนกว่าสบายใจ ไม่อยากกลับไปอยู่กับดินก็ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่แหละ ใช้ชีวิตของตัวเอง ดูแลคุณป้า...”จ้องสบตากับคุณช่อม่วงที่ตอนนี้หลบสายตาของคุณย่ามณีแล้ว“อยากทำอะไรก็ทำ ไปหางานทำก็ได้ แต่ย่าจะให้คนของย่าโอนเงินให้ใช้ทุกเดือน เงินจากกงสีนั่นแหละ ถือว่าเป็นหลานสาวแล้ว เป็นคนในครอบครัว และถ้าวันไหนเจอคนที่ถูกใจ อยากจะแต่งงานด้วย ค่อยไปบอกย่าก็แล้วกัน หาคนที่ดูแลกันได้ แล้วย่าจะให้ดินหย่าให้”ดูเหมือนคุณย่ามณีจะไม่รบเร้าอีกต่อไป น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ขวางไป เรือลำใหญ่แค่ไหนก็ล่มได้“สายพิณกลับเถอะ”กลายเป็นว่าคนที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าคือสายพิณเสียเอง“พี่พิณก็ไม่เคยมีผัว หรือว่ามีความรักหรอกนะคะ แต่เห็นอยู่หลายคู่ การให้อภัยกันต่างหากค่ะที่มันควรจะเริ่มจากคนในครอบครัว เหมือนที่คุณย่าพูดค่ะคุณเมี่ยง ใครก็ทำผิดพลาดกันได้ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราญยังรู้พลั้ง ถ้าไม่รักคุณดิน ก็รักคุณย่านะคะ ถ้าคิดว่ายังเป็นหลานคุณย่าก็กลับบ้านเรา” สายพิณเข้ามาประคองคุณย่า อ