แอ๊ดดดดดดด! !!
“ฉันต้มน้ำใบบัวบกไว้ให้นายด้วย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฉันสังเกตุเห็นว่าวันนี้ใบหน้าของเขาบวมช้ำกว่าเมื่อคืนนี้ซะอีก
“น้ำใบบัวบกมีสรรพคุณแก้อาการช้ำใน ลดการอักเสบนายต้องดื่มให้หมดนะเข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยื่นแก้วในมือให้เขา
“...” เขาพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามของฉัน
“ดีมาก รอให้มันเย็นกว่านี้ก็ได้ดื่มตอนนี้เดี๋ยวมันจะลวกปากนาย”
“…” ฉันวางแก้วใบบัวบกไว้ข้างๆ ก่อนที่มือบางของฉันจะวางลงที่หน้าผากของเขา พร้อมกับมืออีกข้างของฉันวางลงที่หน้าผากของตัวเองเพื่อเป็นการเช็คอุณหภูมิร่างกายของร่างสูงตรงหน้า
“เหมือนนายจะมีไข้”
“ยะ อย่า บะ บอก คะ ใคร”
ฉันพยายามจับใจความสิ่งที่ร่างสูงพยายามจะบอกกับฉัน ก่อนจะสรุปได้ว่าเขาพูดอะไรกับฉัน ‘อย่าบอกใคร’ ยิ่งเขาย้ำฉันแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอยากรู้เรื่องราวเข้าไปใหญ่เลย คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของฉัน ‘เขาเป็นใคร?’ ‘ใครทำร้ายเขา?’ ‘แล้วทำไมต้องปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ใครรู้ด้วยล่ะ?’
“ฉันเข้าใจแล้ว นายอย่าพึ่งพูดมากเลย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาดูทรมานมากเลยกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำ
“เจ็บมากไหม” ฉันเอ่ยถามพร้อมกับมองร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความแปลกใจ ฉันกำลังทำแผลให้เขาใหม่ฉันมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนมือเบาถึงจะพยายามทำให้เบาที่สุดก็เถอะนะ ร่างสูงตรงหน้าไม่ร้องออกมาเลยสักนิดทั้งๆที่แผลของเขาสาหัสมากขนาดนี้ มันน่าจะเจ็บมากๆสิ
“…” ร่างสูงสายหัวเบาๆ
“นายโกหก...” ฉันเอ่ยบอกกับเขาออกไปเสียงดุ
“...” เขาเงียบพร้อมกับมองมาที่ฉันนิ่ง สายตาที่มองมายังฉันมันฟ้องฉันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ภายในใจ ‘รู้แล้วถามทำไม’
“น้ำใบบัวบนเย็นแล้ว เดี๋ยวฉันป้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะหยิบแก้วน้ำใบบัวบกมาเป่าเบาๆ อีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่ามันเย็นพอที่จะดื่มแล้วไม่ลวกปากเขา
“มันอาจจะขมหน่อยน่ะ” พอฉันพูดจบร่างสูงก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองมาที่ฉันนิ่งๆ
“หวานเป็นลมขมเป็นยา อยากหายก็ต้องดื่ม” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเสียงดุ
“...”
“ฉันผสมน้ำผึ้งให้ด้วยขมนิดเดียว ดื่มเร็ว...” ฉันยื่นแก้วน้ำไปจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเขา พร้อมกับจ้องมองไปยังร่างสูงตรงหน้านิ่งๆ อย่างเป็นการกดดันให้เขาดื่มน้ำในมือของฉัน
“…อึก อึก อึก...” ร่างสูงกลืนน้ำลงไปในลำคอหนาตามที่ฉันบอก พร้อมกับคิ้วหนาที่ขมวดผูกกันจนจะเป็นโบได้อยู่แล้ว
“เบาๆ ดื่มช้าๆ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เช็ดเบาๆที่มุมปากของเขา
“…”
“ฉันรู้ว่านายเจ็บอดทนหน่อยนะ”
“…”
“เก่งมาก ฉันไม่เคยต้องดูแลใครแบบนี้มาก่อนเลยนะนายต้องหายให้ได้เข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกกับเขาพร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้เขา
“…” ร่างสูงขยับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมาที่ฉันนิ่งๆแบบที่เขาชอบทำ
“นั่งพักไปก่อนนะอีกสักพักค่อยนอน”
...
2 อาทิตย์...
กว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ฉันรู้เพียงแค่ชื่อของเขาอาการของนายดีนดีขึ้นมากจากวันแรกที่ฉันเจอเขา ตอนนี้อาจจะมีเจ็บแผลที่หน้าท้องอยู่บ้างแต่อาการโดยรวมก็ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว
เรื่องสะพานหน้าหมู่บ้านวันนี้เป็นวันแรกที่ฝนหยุดตกหลังจากที่ตกติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน พ่อดำแกจึงจัดเตรียมชาวบ้านในหมู่บ้านไปช่วยกันทำสะพานเพื่อใช้งานชั่วคราวเท่านั้น สะพานสำหรับยานพาหนะยังคงต้องรองบจากทางภาครัฐอีกที
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสกว่าทุกวันที่ผ่านมาฉันจึงคิดว่าตัวเองจะออกไปสำรวจฝายสักหน่อย ถึงตอนนี้จะยังไม่สามารถทำอะไรได้มากเนื่องจากน้ำป่ายังคงไหลเชี่ยวอยู่เลยขืนทำอะไรไปตอนนี้อีกไม่นานก็คงพังลงมาอีกอยู่ดี
“ตื่นแล้วหรอ” ฉันหันไปถามร่างสูงที่ค่อยๆขยับตัวลุกนั่ง
ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากให้เขาได้ออกไปหาหมอในเมืองอยู่ดี อย่างน้อยก็ให้เขาได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกสักครั้ง แต่ก็ติดตรงที่สะพานยังซ่อมแซมไม่เสร็จ อีกเหตุผลก็คือเขาไม่ยอมให้ฉันบอกคนอื่นเลยว่าเขาอยู่ที่นี่กับฉัน
เขาขอให้เรื่องระหว่างเราเป็นความลับไปก่อน ฉันไม่ใช่คนที่เชื่อคนง่ายหรอกนะ แต่ทำไมกลับผู้ชายคนนี้ฉันถึงไม่รู้สึกแบบนั้นมันเหมือนกับเขาทำให้เรดาร์ของฉันพังไปซะอย่างนั้น
ถึงเราจะอยู่ด้วยกันมาสองอาทิตย์แล้วก็เถอะ ฉันกับเขาไม่ค่อยมีเวลาได้พูดคุยกันมากนักหรอ เพราะทุกๆวันฉันจะไปช่วยพี่กระถิ่นกับป้าแมวทอผ้า กลับมาเรือนนอนของตัวเองอีกทีก็ค่ำแล้ว ส่วนเรื่องอาหารการกินฉันจะเตรียมไว้ให้เขาได้กินอิ่มครบทุกสามมื้ออย่างแน่นอน
“อืม”
“นายน่าจะออกไปสูดอากาศด้านนอกดูบ้างนะ นายเอาแต่นอนอย่างเดียวมานานแล้วฉันกลัวนายจะเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปซะก่อน”
“หึ”
“วันนี้อากาศดีมากเลยนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปอย่างเป็นกันเอง หลายวันที่ผ่านมาฉันรู้สึกว่าเราสนิทกันมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันเองก็ยังคงเว้นระยะห่างกับเขาอยู่บ้างเช่นกัน เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายนี่เนอะ
“…”
“ไม่ต้องห่วงชาวบ้านส่วนใหญ่ไปช่วยกันซ่อมสะพาน จะมีก็แต่ผู้สูงอายุที่อยู่เรือนพวกท่านไม่เดินมาทางนี้หรอก”
“อืม”
“วันนี้ฉันจะออกไปข้างนอกนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสดใส ในขณะที่มือของฉันกำลังง่วนอยู่กับการจัดขันโตกซึ่งอาหารวันนี้ก็มีแกงฮังเล ลาบหมูคั่ว และก็หมูแดดเดียว เช้านี้อาหารอาจจะดูเยอะกว่าทุกวันไปสักหน่อยเนื่องจากป้าแมวแกต้องทำอาหารไปเลี้ยงพวกชาวบ้านที่ออกไปช่วยกันซ่อมแซมสะพานด้วยนั้นเอง
“ก็ออกไปทุกวันอยู่แล้ว...” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ
“…” ฉันหันไปมองค้อนใส่เขานิ่งๆ ก่อนจะหันไปจัดขันโตกตรงหน้าต่อ
“นายพอจะทานอาหารพวกนี้ได้อยู่ใช่ไหม” ฉันถามร่างสูงออกไปด้วยความกังวลเล็กน้อย
“อันนี้คือ?” ร่างสูงขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปทางลาบหมูคั่วพร้อมกับหันมาถามฉันด้วยความสงสัย
“เค้าเรียกว่าลาบหมูคั่ว ส่วนอันนี้แกงฮังเลอร่อยมากเลยนะนายลองชิมดูสิ” ฉันอธิบายกับร่างสูงตรงหน้าพร้อมนำเสนออาหารตรงหน้ากับเขาสุดๆ ถึงสีหน้าที่เขามองมาที่ฉันเหมือนเขาไม่เชื่อฉันก็เถอะ
“อร่อยจริงๆ”
“…” เขามองที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะตักแกงฮังเลตรงหน้าเข้าปาก
“ทำไมนายทำหน้าแบบนั้นอ่ะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปอีกครั้งก่อนจะตักแกงฮังเลเข้าปากตัวเอง
“อือ อร่อยจะตาย” ฉันหลับตาพริ้มพร้อมกับครางออกมาเบาๆ อาหารฝีมือป้าแมวอร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลยพริกลาบหอมๆ คลุกเคล้าเข้ากับเนื้อหมูนุ่มๆ ถูกโรยด้วยกระเทียมเจียวหอมสร้างความนัวให้กับลาบหมูนี้ขึ้นไปอีก
“ชอบรึไง” ร่างสูงเอ่ยถามฉันขึ้นเบาๆ
“ใช่! ฉันชอบกินอันนี้ม๊ากมาก...”
“งั้นก็กินเข้าไปเยอะๆ” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับดันจานของลาบหมูคั่วมาไว้ใกล้ฉัน
“ถ้างั้นนายกินหมูแดดเดียวละกัน”
เราสองคนทานอาหารตรงหน้าจนเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงเก็บอาหารบางส่วนที่ยังทานไม่หมดเข้าตู้ ส่วนจานชามที่ใช้แล้วฉันนำมันไปล้างที่ลำห้วยข้างๆ ก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนเรือนอีกครั้ง
“เธอจะไปไหน” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ พร้อมกับเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ
“ฉันจะไปดูความเสียหายของฝายน้ำล้นน่ะ” ฉันตอบเขากลับไปเสียงใส พร้อมกับจัดกระเป๋าเป้ของตัวเองไปด้วย
“เธอบอกว่าไม่มีคนอยู่ แล้วนี่จะไปคนเดียวหรือไง”
“ก็ใช่ไง ฉันไปที่นั่นบ่อยแค่นี่สบายมาก”
“ฉันไปด้วย” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉัน พร้อมกับยืนกอดอกจ้องมายังฉันนิ่งๆ
“โอ้โห!...นายไม่ดูสังขารตัวเองเลยเนอะ”
“…”
“นายรออยู่ที่นี่ดีกว่าดีน” ฉันเอ่ยกับร่างสูงตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันอยากไปสูดอากาศด้านนอกบ้าง”
“นายก็ออกมาสูดอากาศด้านนอกแล้วนี่ไง”
“ฉันหมายถึงนอกเรือนหลังนี้”
“แต่นายไปกับฉันไม่ได้”
“ฉันไปได้”
“ไม่ได้”
“ได้”
“…เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ฉันกับเขาก็เถียงกันอยู่ทุกวันเราผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะการเถียงกับผู้ชายหน้ามึนอย่างเขามันก็ใช้พลังงานมากอยู่ดี บทเขาจะว่าง่ายก็คือง่ายจริงๆ ฉันบอกให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ แต่พอบทจะดื้อขึ้นมาก็ดื้อตาใส ดื้อหน้ามึน เถียงฉันจนหัวชนฝาก็ยังไม่ยอมแพ้ฉันเลย
“นายจะไปให้ได้ใช่ไหม” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปอีกครั้ง
“ใช่”
“งั้นนายเดินตามฉันให้ทัน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าก่อนจะเดินนำเขาไปยังฝายน้ำล้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวหมู่บ้านมากนั้นเดินขึ้นไปตามทางนี้ประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว
“…”
“นาย...” ฉันหันกลับไปมองร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ พร้อมกับไม้เท้าคู่ใจของเขา
“นายไหวแน่นะ อยากพักก่อนไหม” ฉันเอ่ยถามเขาเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปหาเขา
“ฉันไหว”
“นายโกหกอีกแล้ว ไม่ไหวก็ไม่ไหวสิ” ฉันเอ็ดร่างสูงตรงหน้าออกไปเบาๆ ฉันไม่เข้าใจเขาจริงๆ นะ ถ้าเจ็บก็ควรบอกว่าเจ็บ ไม่ไหวก็คือไม่ไหวทำไมต้องฝืนทำเป็นเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นอะไรทั้งๆ ที่เขาเหนื่อยจนหน้าแดงไปหมดแล้ว
“…”
“นายไม่จำเป็นต้องฝืนดีน มาเดี๋ยวฉันช่วยเรานั่งพักกันตรงนี้ก่อนแล้วกัน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะช่วยพยุงเขานั่งลงบนขอนไม้ที่อยู่ไม่ไกล
“…”
“นายยิ้มอะไรของนาย” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าเสียงดุ ทันทีที่เห็นเขายิ้มจางๆที่มุมปาก
“หึ”
“อะไรของหมอนี่”
“…”
“เอ่อดีน ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ” ฉันเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆเขา
“อยากรู้อะไร”
“นายสัญญากับฉันก่อนว่าจะตอบความจริง” ฉันชูนิ้วก้อยไปตรงหน้าของเขา
“ถ้าตอบได้” เขาเกี่ยวก้อยกับฉัน ก่อนจะตอบกลับมาเสียงเรียบ เขาจ้องมาที่ฉันนิ่งๆ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแปลก
“เอ้า?”
“จะถามอะไร”
“คำถามแรกนายเป็นใครและมาจากไหน” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปเสียงใส พร้อมกับจ้องมองไปยังร่างสูงตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
“ฉันชื่อดีน มาจากกรุงเทพ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“นายกวนฉันปะ” ฉันมองเขาอย่างเอือมๆ
“ก็เธอถามฉันว่าเป็นใครมาจากไหน”
“เออๆช่างเถอะ...แล้วทำไมนายถึงถูกทำร้ายและใครทำร้ายนายหรอ”
“คำถามนี้ฉันตอบไม่ได้”
“ทำตัวลึกลับแบบนี้นายคงไม่ใช้เจ้าชายที่ถูกลอบทำร้ายมาหรอกนะ” ฉันบอกกับร่างสูงข้างๆไปอย่างกวนๆ
“เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“นายเริ่มหายดีแล้วฉันจะไว้ใจนายได้ใช่ไหม” ฉันเอ่ยถามร่างสูงข้างๆไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงส่วนเขาเองก็เป็นผู้ชายอยู่กันสองต่อสองมันก็ดูยังไงๆอยู่นะ
ฉันจ้องมองไปยังใบหน้าคมตรงหน้า ในตอนนี้รอยช้ำจางๆ บนใบหน้าของเขายังไม่สามารถปกปิดความหล่อเหลาประหนึ่งลูกรักเทพเจ้าให้มิดได้เลย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูป ตาเฉี่ยวชั้นเดียวทุกครั้งที่เขามองมายังฉันมันทำให้ฉันรู้สึกว่าภายใต้ดวงตานั้นซ่อนเรื่องราวมากมายไว้ในนั้น ฉันคิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นลูกครึ่งก็ได้
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า เธอนั่นแหละจ้องฉันขนาดนี้คิดอะไรกับฉัน?” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องมาที่ฉันนิ่งๆ
“ปากนายดีขนาดนี้หายเหนื่อยแล้วมั้ง เดินตามฉันมาให้ทันแล้วกัน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆเสียงแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปจากตรงนี้ทันที
“เดี๋ยว! เธอจะไม่ช่วยฉันก่อนหรอ?”
“เดินมาเองค่ะ”
“หึ”
“พังหมดเลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ ทันทีที่เห็นฝายน้ำล้นตรงหน้าของฉัน น้ำป่ายังคงไหลหลากอยู่เลยสังเกตจากสีของน้ำที่ยังคงขุ่นมัว กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวเป็นอย่างที่ฉันคิดว่าเรายังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ในตอนนี้“นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆนี้ก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าหลังจากที่ฉันปูเสื่อที่พกมาด้วยเรียบร้อยแล้ว“เธอจะไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ“เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูรอบๆไง หูนายมีปัญหาปะ”“เธอก็ดูอยู่นี่ไงไม่เห็นต้องเดินไปไหน” เขาเอ่ยบอกกับฉันหน้าตาเฉย พร้อมกับมองมายังฉันอย่างไม่เข้าใจ“นายกลัวรึไง” ฉันยืนเท้าเอวพร้อมกับมองไปยังร่างสูงอย่างไม่เข้าใจเขาเช่นกัน ฉันจะมาที่นี่คนเดียวก็จะตามมาด้วย พอฉันจะเดินไปดูรอบๆคนเดียวก็พูดเหมือนจะไม่ให้ฉันไปอีก ‘หัวจะปวดนะกับผู้ชายคนนี้’“…”“ฉันไม่ไปไกลหรอกเดี๋ยวฉันกลับมา นายนั่งพักอยู่นี่แหละ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาคัดค้านอะไรอีก“บัว” ร่างสูงตะโกนเรียกตามหลังฉันมา“ไม่ฟังแล้ว” ฉันก็ตะโกนตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน“ทำไมเธอดื้อจังวะ”“เรื่องของฉัน แบร่!” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปหลอกเค้าจ
3 วันต่อมา...8.00 น.“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาของเขาหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของฉันไปสะพายไว้ วันนี้เราสองคนมีภารกิจตามล่าหาสัญญาณโทรศัพท์“ขอบใจนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเขาออกไปด้านนอก ฉันเลือกอ้อมไปทางด้านหลังของหมู่บ้านมันอาจจะไกลกว่าทางปกติอยู่บ้างแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดสองสามวันมานี้ร่างกายของเขาเริ่มกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะยังหลงเหลือรอยช้ำอยู่บ้างก็ตาม ฉันนับถือใจเขามากเลยถ้าเป็นคนอื่นโดนมาหนักขนาดนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้“อุ๊ย!!” ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอยทำให้ฉันไม่ทันได้สังเกตุเห็นก้อนหินตรงหน้าทำให้ฉันสะดุดมันแต่...“ระวัง” ร่างสูงเอ็ดฉันเบาๆ พร้อมกับมือหนาโอบเข้าที่เอวบางของฉันไว้แน่น ถ้าไม่ได้เขาจับฉันไว้ป่านี้ฉันคงได้ไปจับกบอยู่ที่พื้นแล้วล่ะ“ขอบใจนะ”“อืม...”“…/…”“นะ นายช่วยเอามือออกจากเอวฉันก่อนได้ไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เราเงียบใส่กันไปแป๊บนึง ร่างสูงจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดออกไปอย่างช้าๆ“เดินระวังด้วย” เขาเอ่ยตามหลังฉันมาเสียงเรียบ“อืม”ติ้ง
“ใจเย็นๆ อาการเธอดูแปลกๆนะ”“อือ ดีนฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันแทบหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว“ตั้งสติ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้ฉันมีสติได้เลยจริงๆ ความร้อนในกายของฉันมันยิ่งเดือดพลานมากขึ้นไปอีก“ระ ร้อน” ฉันพยายมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของร่างสูงตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยแรงฉันสู้แรงของเขาไม่ได้“มีใครเอาอะไรให้เธอกินรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเครียด“มะ ไม่มี” ฉันสายหัวแรงๆ ฉันรู้ทุกอย่างว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย“แล้วเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง”“อื้อ นายอย่าถามมากได้ไหม...ฉันร้อน” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง“ดะ ดีน” ฉันครางเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“อย่ามามองฉันแบบนี้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง“ดีน มองฉันหน่อยน้า” ฉันอ้อนร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ตอนนี้สติของฉันแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ความยับยั้งช่างใจเองก็เช่นเดียวกัน ฉันดึงมือของตัวเอ
“บัว บัวตื่นได้แล้วลูก”“ห้ะ!!...” ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาจากที่นอนของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ เหมือนฉันจะได้ยินเสียงของพ่อตัวเองเลย ‘จะเป็นไปได้ไง หูฝาดแหละ’“บัวลูกตื่นหรือยัง” เสียงพ่อของฉันดังมาจากประตูหน้าเรือนปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ทันที ฉันรีบมองหาร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ‘เขาหายไปไหนของเขา?’“บัว”“จ้าพ่อ...” ฉันขานรับท่านเสียงใสพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด พร้อมกับเดินออกไปเปิดประตูเรือนให้พ่อทองเข้ามาด้านใน ท่านเดินเข้ามาลูบตัวฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะสวมกอดฉันแน่น เพราะความคิดถึงของท่านก็เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือนเลยนี่เนอะ“ตื่นสายเชียวตัวแสบของพ่อ”“บัวคิดถึงพ่อกับแม่ และก็ยายที่สุดเลยค่ะ” ฉันกอดตอบพ่อด้วยความคิดถึงเช่นกัน“งั้นหนูรีบไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกลับบ้านเรากันลูก”“แล้วเรื่องซ่อมฝายล่ะคะ”“เดี๋ยวพายุลูกใหญ่จะเข้าอีกลูกเราคงซ่อมกันตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก”“หรอคะ”“ไปลูกบัวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม่ทำของโปรดรอหนูไว้เยอะเลย” พ่อบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู“ค่ะพ่อ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน“งั้นเดี๋ยวพ่อไปรอที่บ้านล
[BUA’S PART]3 วันต่อมา...“โอ้โห่ พ่อเอาขนาดนี้เลยหรอคะ” ฉันถามพ่อออกไปด้วยความตกใจ พ่อของฉันท่านเล่นใหญ่มาก ท่านลงทุนซื้อคอนโดให้เป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นทำงานครั้งแรกของฉัน ถึงห้องที่พ่อซื้อไว้จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดของที่นี่ก็เถอะ แต่คอนโดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ราคาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ“เอาขนาดนี้แหละ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับฉัน ถึงภายนอกพ่อจะดูดุมากแค่ไหน แต่สำหรับสายตาฉันท่านเป็นสามีที่รักภรรยา เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกสาวอย่างฉันมาก“แม่คะดูพ่อ” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคนที่วันและเวลาไม่สามารถทำให้ความงดงามของท่านจางหายไปเลย ฉันเดินเข้าไปกอดแม่ฉันอย่างอ้อนๆ ถ้าเป็นคำพูดของแม่พ่อต้องเชื่อแน่นอนจริงๆ อยู่ที่นี่มันก็สะดวกสบายดีหรอก แต่มันดูสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับฉัน“แม่ว่าพ่อเค้าทำถูกแล้วนะลูก อยู่ที่นี่ระบบความปลอดภัยก็ดีพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลด้วย”“แม่อ่า...”“อีกอย่างมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของหนูนี่ ถ้ารถติดลูกก็จะได้เดินไปทำงานได้ไม่ต้องรีบร้อน”“เนอะที่รักเนอะ” พ่อเดินมากอดแม่ฉันด้วยอีกคน“อยู่ที่นี่เถอะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน
“เจ้ว่าอะไรนะคะ...”“เอ้า! ก็เมื่อกี้คุณดีโอไง”“หนูไม่ทันมองอะ” ฉันกระซิบบอกกับร่างบางข้างๆเสียงอ่อน ฉันเห็นเพียงรอยสักของเขาเท่านั้นถึงรอยสักนั้นจะเหมือนกับใครอีกคนที่ฉันเคยรู้จักก็เถอะ แต่ก็คงไม่ใช่เขาหรอก เพราะเขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณไอรีน คุณบัวชมพู ผมริวนะครับเป็นผู้ช่วยของคุณขจรเดชครับ” ช่วยร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำมากมายเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา เขาดูสูงสง่ามากกว่าชายคนอื่นบุคลิกท่าทางรวมถึงน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ‘ถ้าขนาดลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ เจ้านายของเขาจะขนาดไหนเนี่ย’“ค่ะ/ค่ะ”“เชิญทางนี้ครับ”“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับเจ้ไอรีนเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปอย่างงงๆ ตอนนี้ในหัวของฉันมีคำถามเยอะแยะมากมายที่อยากถาม แต่ก็นะร่างสูงตรงหน้าน่ากลัวจนพวกฉันไม่กล้าถามและไม่กล้าชวนเขาคุยเลยด้วยซ้ำ“รอตรงหน้าสักครู่นะครับ” เขาพาฉันกับเจ้ไอรีนมาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกหรูแห่งนี้“ได้ค่ะ”“ขออนุญาติค่ะ” เสียงป้าแม่บ้านดังมาจากประตูบานใหญ่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาด้านในทันทีที่ได้รับอนุญาต“คุณผู้หญิงรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ” ป้าแม่บ้านเอ่
วันต่อมา...“บ่ายแล้วนะคะเจ้พักทานข้าวก่อนเถอะนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหนังสือสัญญามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอแทบจะไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ“อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้วบัว”“มีอะไรให้บัวช่วยไหมคะเจ้” ฉันเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน“งานที่บัวมีอยู่ตอนนี้ก็ล้มมืออยู่แล้ว พึ่งทำงานได้สองวันก็เจองานใหญ่ซะแล้ว”“บัวไหวค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆให้กับเธอ ตอนเรียนฉันก็ทำงานที่อาจารย์สั่งลืมวันลืมคืนแบบนี้แหละ พอมาทำงานฉันก็เตรียมตัวมาบ้างแล้วล่ะ“ขอบคุณนะบัว”“ด้วยความยินดีค่ะ”“น่ารักที่สุดเลยน้องสาวของเจ้”...30 นาทีต่อมา...“เย้! เสร็จแล้ว” ร่างบางข้างฉันร้องออกมาด้วยความดีใจ“ทานข้าวเลยค่า” ฉันตะโกนบอกร่างบางกลับไปในขณะที่ตัวเองยังคงง่วนอยู่กับงานตรงหน้า“รับทราบค่า”“บัวเย็นนี้ไปเป็นเพื่อนเจ้หน่อยนะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับฉัน“ปะ ไป” ฉันชะงักทันทีที่เจ้ไอรีนพูดจบ...เรื่องที่เมื่อวานฉันไปปากเก่งกับเขาเอาไว้ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หายเลย ถ้าวันนี้ต้องไปเจอกันอีกฉันจะกล้าสู้หน้าเขาได้ไง“ก็ไปเซ็นต์สัญญาไงคะ และน่าจะทานอาหารร่วมกันนิดหน่อย”“เจ้ไม่ไปกับเฮีย
23.30 น.“เจ้เพลงไม่มานเลยอ่า” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางข้างๆอย่างอารมณ์เสีย มันแบบขัดใจเจ้อะ“นั่นเส่...”“นี้คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะถ้าสองคนนี้เมาจะเป็นแบบนี้ไงครับ” เฮียผาเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆอย่างเอือมละอากับภาพตรงหน้า“ดูน่ารักดีนะครับ” ร่างสูงตรงหน้าฉันพูดขึ้น ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องมาที่ฉันก็จะยกยิ้ม ‘ทำไมวันนี้ต้องยิ้มพร่ำเพรื่อด้วยปกติก็ไม่เห็นจะค่อยยิ้มขนาดนี้เลย’“ยิ้มอะไรของนาย?” ฉันเอ็ดร่างสูงตรงหน้าเบาๆ“บัว!” เฮียภูผาดุฉันเบาๆ ฉันหน้างอลงเล็กน้อยตั้งแต่ฉันรู้จักกันมา เฮียไม่เคยดุฉันเลยนะ...“หึ ไม่เป็นไรครับ”“ผมขออนุญาตพาสองคนนี้ไปพักก่อนนะครับ” เฮียภูผาบอกกับร่างสูงข้างๆอย่างนอบน้อม“เชิญครับ นี่คีย์การ์ดครับ” เขาตอบกลับเฮียภูผาเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้เฮียมา 2 ใบ“เดี๋ยวกลับมาครับ”“เรื่องสัญญาเราคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็ได้ครับ วันนี้คุณจะได้พักผ่อนด้วย”“ครับ วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” เฮียผาขอโทษร่างสูงข้างๆ อีกครั้ง“บัวเจ่เจ้อยากเข้าห้องน้ำ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างเสียงอ่อนๆ“ไปเข้าที่ห้องไหวไหมที่รัก” เฮียผาอ่ยบอกกับแฟนสาวของเขาเสียงอ่อน“หวายยยยย...”
@บ้านพักต่างอากาศที่เขาใหญ่...“ถึงแล้ว” ดีแลนที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นทันทีที่รถหรูของเราจอดลงยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน“ลุยเลยครับ” ฉันหันไปบอกกับลูกก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ เราสามคนพ่อ แม่ ลูกมาแคมป์ปิ้งด้วยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นแทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าลูกชายคนเดียวของฉันเลย เพราะเขาชอบที่นี่มากและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็มักจะขอให้ฉันกับพี่ดีนพามาที่นี่อยู่บ่อย“ที่รัก เดี๋ยวแด๊ดดี๊ยกเองหนูไปเปิดบ้านรอเลยครับ”“จริงด้วยครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันเดินมาเปิดประบ้านตามที่คุณสามีและเจ้าลูกชายของฉันสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามเข้ามาด้านใน“ไหวไหมครับ” ฉันเอ่ยถามดีแลนที่สะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองเข้ามาหาฉัน“แค่นี้สบายมากครับ แต่แม่ครับเมื่อไหร่ดีแลนจะตัวเท่าป๊าหรอครับ” เด็กน้อยตรงหน้าถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะว่างกระเป๋าที่สะพายมาลง“ถ้าลูกอยากตัวเท่าป๊าก็ต้องกินนมและออกกำลังด้วยเข้าใจไหมคะ”“ตัวเท่าป๊าได้แต่จะหล่อเหมือนป๊าคงจะยากหน่อยนะ”“คุณย่าบอกว่าดีแลนหล่อกว่าป๊านะครับ”“จริงรึป่าว”“คุณย่าไม่โกหกดีแลนแน่นอน ป๊าไม
4 ปีต่อมา...ก๊อกกกกกๆๆ!!หลังจากที่ฉันกับพี่ดีนอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวเข้านอน เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล พี่ดีนมองมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ยังคงดังไม่หยุดก๊อกกกกกๆๆ!!“แด๊ดดี๊ แด๊ดดี๊” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาทันทีเพื่อทักทายร่างสูงที่ยืนบังเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เข้ามาด้านใน“เรียก ‘ปะป๊า’...‘แด๊ดดี๊’ เอาไว้ให้เมียป๊าเรียกได้คนเดียว” พี่ดีนเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปที่ร่างเล็กของเด็กตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แด๊ดดี๊”“ดีแลน”“ปะป๊าก็ได้ครับ” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงทันทีที่โดนป๊าของเขาเรียกแบบนั้นดีแลนเป็นลูกชายคนเดียวของฉันกับพี่ดีนที่อายุพึ่งจะ 4 ขวบไปเมื่อสองวันก่อน ฉันจะบอกว่านอกจากลูกจะวาดรูปเก่งเหมือนฉันแล้วดีแลนก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย ขนาดม๊าของพี่ดีนกับแม่ของฉันยังบอกว่าดีแลนถอดแบบพี่ดีนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ความสุขุมมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ความฉลาดและเขายังมีไหวพริบที่ดีจนหลายๆ ครั้งฉันยังอึ้งกับการกระทำของเจ้าลูกชายของฉันเลยดีแลนมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับพี่ด
“แด๊ดดี๊คะ อ่าส์” ร่างสูงจับฉันคว่ำลงกับที่นอนก่อนที่เขาจะตามลงมาทาบทับฉันไว้ ริมฝีปากหนาจูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน“พี่ขอเข้าไปนะครับ” ร่างสูงกระซิบลงที่ข้างหูของฉัน ก่อนที่เขาจะขบเม้นเบาๆที่ติ่งหู ฉันหันไปหาเขาก่อนที่เราจะจูบกันอย่างดูดดื่มมือหนาของเขาประคองใบหน้าเรียวของฉันเอาไว้เพื่อให้เขาจูบฉันได้ง่ายขึ้น“ค่ะ อื้อออออ” หลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก ฉันครางออกมาด้วยความเสียงซ่านมือหนายกสะโพกงามของฉันขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอาท่อนเอ็นอันใหญ่โตของฉันถูขึ้นถูลงเบาๆ ที่กึ่งกลางสาวของฉันสวบบบบบบบ! !!“ซี๊ดดดดดด/ซี๊ดดดดด” ฉันกับพี่ดีนครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวบางของฉันไว้แน่นก่อนที่สะโพกหนาของเขาจะเริ่มขยับตับ! ตับ! ตับ!!“อ่าส์ อะ อื้อออออ” ฉันครางออกมาไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียงซ่าน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน ตับ! ตับ! ตับ!!“อ๊ะ อ๊ะ อ่าส์” สะโพกหนาเร่งจังหวะกระแทกเข้ามาใส่ฉันหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับมือหนาขย้ำสะโพกงามของฉันอย่างมันมือตับ! ตับ! ตับ!!เพียะ!!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย” ฉันครางออกมาพร้อมกับเอวบางของฉันบิดเล้าไปมาท
Christmas Day…@คฤหาสน์วงค์อัครหิรัญวันนี้เป็นวันคริสต์มาสเป็นเหมือนวันรวมพลของหลายๆ ครอบครัว ซึ่งครอบครัวของพวกเราก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังนี้เพื่อรับประทานอาหารและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเราจึงจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีฉันกับพี่ดีนแต่งงานกันมาปีกว่าๆ แล้วเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฉันอย่างนั้น เราทั้งคู่ยังไม่มีทายาทหรอนะฉันเคยคุยเรื่องนี้กับพี่เขาแล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดแบบเดิม ‘พี่ยังไม่พร้อมครับ’ เขาบอกฉันแบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้“หนูบัวช่วงนี้หนูดูซูบไปนะลูก” ม๊าถามฉันขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินตามท่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีแต่ผู้หญิงส่วนพวกผู้ชายแยกไปดื่มกันอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก“ช่วงนี้หนูงานเยอะน่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันรีบเคลียร์ให้เสร็จเพราะจะลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวกับคุณสามีของฉันน่ะสิ อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจึงหักโหมทำงานอย่างหนัก“แอร๊...” เสียงน้องไข่มุกลูกสาวของพี่เบลซกับดาร้องขึ้นมาเบา พร้อมกับทำท่าทางเ
16.00 น.หนุ่มๆ โดนสวดกันไปยกใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพี่ดีนที่จะตามกลับไปทีหลัง เราตกลงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันและแน่นอนว่าฉันได้วันหยุดมาจะเฮียผาอีกแล้วเฮียบอกกับฉันตอนผูกแขนว่า ‘เฮียอยากเลี้ยงหลาน ไม่ต้องรีบกลับเฮียให้วันหยุดเพิ่มเพื่อปั้มหลานเท่านั้น’ เมื่อวานก่อนกลับก็ยังย้ำฉันอีกรอบด้วยนะ“รถพร้อมแล้วไอ้ลูกเขย” เสียงพ่อตะโกนเรียกพี่ดีนมาจากทางหน้าบ้าน เอาอีกแล้วสองคนนี้มีลับลมคมนัยกันอีกแล้ว“ครับพ่อ”“มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไหนเขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง...“ไปกัน” ร่างสูงจูงมือฉันเดินออกไปยังรถโฟวิลที่พ่อของฉันเตรียมไว้รอเรา“ทุกอย่างเรียบร้อย” พ่อบอกกับพี่ดีนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เขา“ขอบคุณครับ”“แด๊ดดี๊ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะคะว่าจะพาไปไหน” ฉันถามร่างสูงออกไปอย่างงอลๆ“โอ๊ๆๆ อย่าพึ่งงอลแด๊ดนะครับ” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงอ่อนในขณะที่มือหนาโยกหัวของฉันไปมาอย่างเอ็นดู“ชอบเซอร์ไพรส์หนูตลอด”“แล้วหนูชอบไหมคะ”“ชอบค่ะ” ฉันตอบกลับเขาไปเสียงใสพร
2 วันต่อมา...ซู่! ซู่! ซู่!วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับแล้วเวลาของความสุขมันมักจะผ่านไปไวเสมอเลยเนอะ ฉันยืนมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อซึมซับเสียงของคลื่นที่กระทบชายฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“หืมมมม” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันทีที่แขนแกร่งที่คุ้นเคยกอดฉันเอาไว้จากทางด้านหลัง ฉันไม่ตกใจกับการกระทำเขาแล้วล่ะเพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน“แด๊ดดี๊หายไปไหนมาแต่เช้าคะ” ฉันซบลงที่อกแกร่งของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย“แด๊ดดี๊ไปเตรียมอาหารเช้าให้หนูมาครับ” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะก้มลงซุกหน้าของเขาลงกับไหล่มนของฉัน“อะไรนะคะ แด๊ดดี๊ทำอาหารหรอคะ ไปฝึกมาตอนไหนเนี่ย” ฉันรัวคำถามใส่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเป็นชุด ก็เขาชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนี่นา“ความลับครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” พี่ดีนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจูงมือของฉันให้เดินตามเขาออกไป“เรากำลังจะไปไหนกันหรอคะ”“…”“แด๊ดดี๊”“เดี๋ยวถึงแล้วหนูก็รู้ครับ”เขาพาฉันเดินมาจากหาดทรายกว้างๆ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ ก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่หน้าปากถ้ำ
19.00 น.หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันกลับมายังบ้านพัก ร่างสูงเปิดประตูรั่วเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านในก่อน...“นายครับ” เสียงของพี่ริวเรียกพี่ดีนดังขึ้นมาจากด้านหลัง เราทั้งคู่หันกลับไปมองเขาพร้อมกัน“เดี๋ยวหนูเข้าไปรอด้านในนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตของบ้านพักทันทีเพื่อให้เขาคุยงานกับพี่ริวได้สะดวก“อาบน้ำก่อนดีกว่า ก่อนอื่นต้องจัดของเข้าที่ก่อน” ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ฉันเลือกที่จะจัดเสื้อผ้าของพี่ดีนแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้าก่อนเพราะมีอยู่กี่ตัว ก่อนจะหันมาจัดของของตัวเองด้วยความเป็นผู้หญิงมันก็จะมีของกระจุกกระจิกเต็มไปหมดบางทีฉันก็สงสัยนะว่าตัวเองเอาอะไรมาเยอะแยะ‘เที่ยวให้สนุกนะคะ - กะทิ’ นี่เป็นของฝากจากกะทิพี่ดีนบอกว่าลูกน้องของจีซัสนำมาฝากไว้ให้ฉันก่อนที่เราจะขึ้นเครื่อง“ไหนดูสิกะทิฝากอะไรมา” ฉันอ่านข้อความในโพสอิทก่อนจะเปิดถุงผ้าตรงหน้าออก ในนี้มีบิกินีสองตัวใหม่เอี่ยมป้ายราคายังไม่ทันแกะฉันแค่บ่นให้เธอฟังเองว่าไปหาซื้อไม่ทัน เธอก็จัดหนักมาให้ฉันซะเลยสินะ ‘ทูพีชแบบนี้แด๊ดดี๊จะให้ใส่รึป่าวเนี่ย’ ‘ช่างเถอะพรุ่งนี้แด๊ดดี๊ไ
2 อาทิตย์ต่อมา...“แด๊ดดี๊หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ มาให้ฉัน“หนูไม่เจ็บแผลแล้วหรอครับ หืมมมม...” ร่างสูงวางไอแพดในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน“แด๊ดดี๊หนูไหวคะ ไม่มีแผลแล้วด้วย หนูอยากออกไปเจอแสงแดดบ้าง” ฉันนั่งกอดอกพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างงอลๆฉันออกมาจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ 1 อาทิตย์แล้ว รวมกับที่ฉันนอนโรงพยาบาลตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันทำได้เพียงกินกับนอนพี่ดีนไม่ให้ฉันทำอะไรเลยส่วนตัวของเขานั้นก็ได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่คอนโดของฉันอย่างเต็มรูบแบบ เขาเฝ้าฉันแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเลย พอฉันขอออกไปทำงานที่บริษัทเฮียผาก็ไม่ให้ไปบอกให้ฉันหยุดไปเลย 1 เดือน เนี่ยทุกคนพร้อมใจกันกักขังฉัน“งั้นเตรียมตัวนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้แด๊ดพาไปเที่ยวทะเล” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะอุ้มฉันไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขา“คะ? ไปทำงานหรอคะ”“ใช่ครับ...”“ฮึ่ย แด๊ดดี้ทำไมพึ่งบอกล่ะคะ”“จริงๆแด๊ดดี้ให้ใครทำงานให้ก็ได้ครับแต่เห็นหนูอยากไปเจอแสงแดดพอดี แด๊ดดี้เลยคิดว่าน
[BUA’S PART]9.00 น.ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาช้าๆ ด้วยคำถามที่ว่า ทำไมโลกของฉันมันถึงได้หมุนแบบนี้ล่ะ ‘หรือว่าฉัน...’ ฉันรวบรวมสติของตัวเองและคิดทบทวนตัวเองอีกที ‘ฉันโดนยิงนี่...แล้ว?’ ฉันหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจก่อนจะเห็นร่างสูงที่ฉันคุ้นกำลังเซ็นเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้นในขณะที่มืออีกข้างของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น“แด๊ดดี้ ขา...”“ขา...ตื่นแล้วหรอเด็กดื้อ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือทันทีที่ได้ยินเสียงของฉัน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า“ยังค่ะหนูหลับอยู่” ฉันบอกกับเขาอย่างแกล้งๆ พร้อมกับมองสำรวจร่างกายของเขาไปด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“หลอกแด๊ดหรอ หืมมมมม” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน“อ๊ะ”“เจ็บมากไหม...ไม่มีหนูอยู่แด๊ดจะอยู่อย่างไง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงกับมือบางของฉัน“หนูไม่เจ็บเลยค่ะ แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะลูบลงที่แก้มของเขาเบาๆ“…”“แด๊ดเจ็บตรงไหนไหมคะ” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความเป็นห่วงพร้