“พังหมดเลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ ทันทีที่เห็นฝายน้ำล้นตรงหน้าของฉัน น้ำป่ายังคงไหลหลากอยู่เลยสังเกตจากสีของน้ำที่ยังคงขุ่นมัว กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวเป็นอย่างที่ฉันคิดว่าเรายังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ในตอนนี้
“นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆนี้ก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าหลังจากที่ฉันปูเสื่อที่พกมาด้วยเรียบร้อยแล้ว
“เธอจะไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ
“เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูรอบๆไง หูนายมีปัญหาปะ”
“เธอก็ดูอยู่นี่ไงไม่เห็นต้องเดินไปไหน” เขาเอ่ยบอกกับฉันหน้าตาเฉย พร้อมกับมองมายังฉันอย่างไม่เข้าใจ
“นายกลัวรึไง” ฉันยืนเท้าเอวพร้อมกับมองไปยังร่างสูงอย่างไม่เข้าใจเขาเช่นกัน ฉันจะมาที่นี่คนเดียวก็จะตามมาด้วย พอฉันจะเดินไปดูรอบๆคนเดียวก็พูดเหมือนจะไม่ให้ฉันไปอีก ‘หัวจะปวดนะกับผู้ชายคนนี้’
“…”
“ฉันไม่ไปไกลหรอกเดี๋ยวฉันกลับมา นายนั่งพักอยู่นี่แหละ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาคัดค้านอะไรอีก
“บัว” ร่างสูงตะโกนเรียกตามหลังฉันมา
“ไม่ฟังแล้ว” ฉันก็ตะโกนตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน
“ทำไมเธอดื้อจังวะ”
“เรื่องของฉัน แบร่!” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปหลอกเค้า
จริงๆฉันแค่อยากเดินสำรวจดูรอบนี้เพื่อดูวัสดุที่จะใช้ซ่อมแซ่มฝายเท่านั้นไม่ได้จะไปไหนไกลหรือนานนักหรอก
“มองหาอะไรหรอ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าที่นั่งหันหลังให้ฉันอย่างสงสัย ฉันเห็นเขาชะเง้อคอมองหาอะไรมาสักพักแล้ว เขาหันหลังมามองที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเช่นเดิม
“…”
“เหมือนนายงอลฉันเลย ฉันไปแป๊บเดียวเอง” ฉันเอ่ยบอกร่างสูงออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา
“เธอทำอะไร” ร่างสูงถามฉันขึ้นพร้อมกับขยับเข้ามาหาฉันเล็กน้อย ก่อนจะมองมายังภาพที่ฉันกำลังสเก็ต
“ฉันสเก็ตภาพน่ะ”
“ฝีมือดี...”
“แน่นอนสิฉันอุตส่าห์เรียนมาตั้งหลายปี”
“เธอเรียนจบอะไรมา?” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ
“ฉันจบมัณฑนศิลป์…แล้วนายล่ะจบอะไรมาหรอ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงข้างๆกลับไป ก่อนจะหันไปจ้องมองฉันนิ่งๆ
“ฉันจบบริหาร”
“ว๊าว!! สุดยอดไปเลย”
“เธอฝีมือดีทำไมไม่ออกไปทำงานข้างนอก?” เขาเอ่ยถามฉันอีกครั้ง วันนี้เขากินยาผิดประเภทมารึป่าวนะปกตินอกจากตีกัน ฉันกับเขาคุยกันดีๆแทบจะนับครั้งได้เลย แต่วันนี้มาแปลกเขาพูดไม่หยุดและยังสงสัยนู้นนี่เต็มไปหมดเลย
“ฉันพึ่งเรียนจบยังไม่ได้รับปริญญาเลย อีกอย่างงานช่วงนี้หายากด้วยฉันเลยถือโอกาสช่วงนี้พักไปก่อนน่ะ” ฉันตอบคำถามเขากลับไป ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาสเก็ตภาพของฉันต่อไป
“อ่อ”
“นายหลอกถามฉันไม่ยุติธรรมเลยทีฉันถามนายไม่เห็นจะตอบเลย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปอย่างงอลๆ
“คำถามของเธอมันจะทำให้ตัวเธอเองตกอยู่ในอันตราย” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“นายพูดเหมือนกับโดนมาเฟียไล่ล่าเลยอ่ะ” ฉันพูดออกไปเรื่อยอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะนี่มันชีวิตจริงนะไม่ใช่นิยายที่จะโดนมาเฟียตามล่ามันคงไม่มีหรอกน่า
“...”
“นายเงียบทำไมไม่เถียงฉันล่ะ เดี๋ยวฉันก็คิดว่านายโดนมาเฟียตามล่าจริงๆหรอก”
“ไร้สาระ”
“เอ้า! หมอนี่นิทำไมต้องว่าด้วย” ฉันหันไปมองร่างร่างสูงตาขวาง อย่าให้บัวชมพูต้องแปลงร่างนะฉันพูดด้วยดีๆ มาว่าฉันไร้สาระซะงั้น
“บ้านเธออยู่ที่นี่รึป่าว”
“ไม่ตอบ ฉันไม่อยากคุยกับนาย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงเสียงเรียบพร้อมกับหันหน้าหนีเขาไปอีกทาง
“หึ งอลรึไง” เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันพร้อมกับก้มลงมามองฉันใกล้
“นี่นาย” ฉันเอ็ดเขาเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับผลักอกเขาออกไปเบาๆ ทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาของร่างสูงเข้ามาใกล้ใบหน้าของฉัน
“เธองอล”
“เออฉันงอล...นายช่วยเงียบหน่อยฉันต้องการสมาธิ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงเสียงเงียบ ก่อนจะตั้งสติและตั้งใจทำงานตรงหน้าต่อ
15.00 น.
“ดีน ดีนตื่นเถอะ” ฉันเรียกร่างสูงที่นอนพักสายตาข้างๆฉันเบาๆ
“…” เขาลืมตามองมาทางฉันเล็กน้อย
“เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวพวกชาวบ้านคงจะพากันกลับมาแล้ว” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเสียงใส ก่อนจะเก็บของตรงหน้าลงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของตัวเอง
“มาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบก่อนจะดึงกระเป๋าออกจากมือของฉัน พร้อมกับสะพายไว้ด้านหลังของเขาเรียบร้อย
“นายนี่อวดเก่งจัง ร่างกายตัวเองก็ยังไม่แข็งแรงดี” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ฉันได้ยิน เลิกบ่นแล้วกลับกันได้แล้ว”
“เชิญค่าคุณผู้ชาย” ฉันเอ่ยประชดเขาเบาๆ
~ครืนนนนน~ ~ครืนนนนน~
“รีบไปกันเถอะ” ฉันรีบเดินตามร่างสูงออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง ถ้าช้ากว่านี้มีหวังได้เปียกปอนกลับเรือนแน่ๆ และอีกเหตุผลถึงจะมีทางเดินแต่ถ้าฝนตกก็จะทำให้พื้นลื่นมันอาจทำให้เราทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บได้
“ให้ฉันช่วยไหม” ฉันเดินเข้าไปถามเขาเสียงอ่อน ขากลับทางเดินจะค่อนข้างยากกว่าตอนเรามาเนื่องจากขามาเราเดินลงเขาเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นขากลับก็เป็นเหมือนหนังชีวิตเลยล่ะเพราเราต้องเดินขึ้นเขาถึงจะไม่ไกลเท่าไหร่แต่ก็ทำให้เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
“…” เขาไม่ตอบฉันแต่เขากลับยื่นแขนแกร่งอีกข้างของเขาที่ว่างอยู่มายังฉัน ฉันมองไปที่เขาเล็กน้อยก่อนจะคว้าแขนแกร่งของเขาไว้ เราทั้งคู่จะเดินไปตามทางพร้อมกันโดยที่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนช่วยใครกันแน่
“ดีน...ทำไมนายถึงสักตะขาบที่หลังมือหรอ?” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัยทันทีที่เห็นรอยสักตะขาบบนหลังมือหนาที่จับไม้เท้าไว้แน่น ถ้าสังเกตุดีๆเหมือนฉันจะเห็นรอยแผลเป็นที่บริเวณรอยสักของเขาด้วย
“ความเจ็บปวด” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันนิ่งๆ
“เจ็บปวด?”
“เหนื่อยไหม?” เขาหยุดเดินก่อนจะเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ เราสบตากันเล็กน้อยใบหน้าหล่อเหลาของร่างสูงตรงหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาจนเปียกชุ่ม อากาศค่อนข้างอบอ้าวอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมาแน่ๆ
“ฉันเหนื่อยนิดนึง นายละไหวไหม” ฉันเอ่ยถามร่างสูงกลับไป
~ครืนนนนน~ ~ครืนนนนน~
“ฉันไหว” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“ดีน! ถ้านายไม่ไหวก็บอกฉันตรงๆ นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้นี่” ฉันเดินไปยืนตรงหน้าขวางทางเขาไว้ หลังจากนั้นฉันจึงเอ่ยบอกกับชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน หรือในชีวิตของเขาเคยผ่านอะไรมาบ้าง เท่าที่ฉันสัมผัสได้จากผู้ชายคนนี้ คือเขาเหมือนมีเรื่องราวมากมายเก็บซ่อนอยู่ภายในใจ ถึงปากของเขาจะหนักไม่ยอมพูดออกมา แต่สิ่งที่แววตาของเขามันแสดงออกมามันไม่สามารถหลอกฉันได้
“…”
“ฉันเคยบอกนายแล้วดีน ฉันไม่รู้ว่านายแบกรับอะไรไว้อย่างน้อยก็ตอนอยู่ที่นี่ถ้านายเจ็บนายก็บอกกับฉัน ถ้านายเหนื่อยนายไม่ไหวก็บอกกับฉัน”
“…”
“สำหรับฉันนายไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องเก่งอยู่ตลอดเวลาหรอกนะ ถึงเราจะพึ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากนาย”
“…”
“นายเป็นคนนะดีนนายมีเลือดมีเนื้อ นายมีหัวใจเหมือนๆกับฉัน ถ้านายเหนื่อยก็แค่เหนื่อย ถ้านายไม่ไหวนายก็ไม่จำเป็นต้องเก็บหรือกดมันไว้” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ
ฟุบ!
“อ๊ะ!!” เขาดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่นถึงฉันจะตกใจอยู่บ้าง แต่มันเหมือนฉันรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน และความรู้สึกมากมายที่ผู้ชายคนนี้แบบรับมันเอาไว้ฉันกอดตอบเขาหลวมๆ
“ฉันเจ็บท้อง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ใบหน้าของเขายังคงวางอยู่บนบ่าบางของฉัน
“ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวเรานั่งพักกันตรงนี้ก่อนเนอะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงเบาๆ พร้อมกับลูบหลังของเขาเบาๆไปด้วย
“นั่งขอนไม้นี่ก่อนนะ ฉันขอดูแผลหน่อย” ฉันพยุงร่างสูงนั่งลงบนขอนไม้ที่อยู่ไม่ไกล ก่อนที่ฉันจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของเขา ฉันค่อยๆเปิดเสื้อของเขาขึ้นช้าๆก่อนจะเห็นรอยเขียวช้ำที่หน้าท้องของเขา ตอนนี้คงยังทำอะไรไม่ได้กลับไปถึงเรือนค่อยประคบเอาอย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เขาได้บ้าง
“อือ” เขาครางออกมาเบาๆทันทีที่มือของฉันสัมผัสโดนรอยเขียวช้ำของเขา
“ฉันขอโทษ เดี๋ยวกลับไปฉันประคบให้นะ” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเสียงอ่อน ก่อนจะปิดเสื้อเขาลงตามเดิม
“ฉันอยากให้นายไปหาหมอ อย่าน้อยก็ไปเอกซเรย์ดูสักหน่อยก็ยังดี”
“…”
~ครืนนนนน~ ~ครืนนนนน~
“ดื่มน้ำก่อน” ฉันยื้อขวดน้ำเปล่าให้กับร่างสูงก่อนจะเดินกลับไปนั่งลงข้างๆเขา
“เธอกินก่อน” เขาเอ่ยบอกกับฉันนิ่งๆก่อนจะดันมือที่ถือขวดน้ำอยู่มาทางฉัน
“อืม” ฉันทำตามเขาอย่างว่าง่าย เพราะถ้ามัวแต่เกี่ยงกันฉันว่าวันนี้คงไม่มีใครได้ดื่มน้ำกันพอดี
“เธอมีโทรศัพท์รึป่าว”
“มีสิแต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณหรอกนะ เราต้องเดินขึ้นไปบนเขาอีกทาง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงเสียงใส ก่อนจะยื่นขวดน้ำไปให้เขา
“ฉันจำเป็นต้องใช้มัน”
“ได้สิ นายรีบหายเดี๋ยวฉันพาขึ้นไป” ฉันเอ่ยบอกกับฉันพร้อมรอยยิ้ม ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนเขาก็คงมีครอบครัวที่ยังรอเขาอยู่นี่เนอะ เขาขาดการติดต่อไปนานขนาดนี้ครอบครัวของเขาคงจะเป็นห่วงน่าดู
“เราไปกันเถอะ”
ซ่า! ซ่า! ซ่า!
อีกประมาณสามเมตรเราทั้งสองก็จะถึงเรือนอยู่แล้วเชียว ฝนดันตกลงมาซะก่อนทำให้เส้นทางตรงหน้าขาวไปหมดตอนนี้วิสัยทัศโดยรอบย่ำแย่มาก ฉันกอดแขนแกร่งของเขาไวไม่ยอมห่างพร้อมกับพยุงร่างสูงข้างๆไว้แน่น ฝนมันตกค่อนข้างหนักฉันกลัวว่าเขาจะลื่นล้มลงไปและแผลของเขาจะระบมไปมากกว่าเดิม
ส่วนมือหนาของเขาก็กุมมือของฉันไว้แน่นเช่นกัน อีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะถึงเรื่องอยู่แล้วแต่มันเหมือนไกลแสนไกลเหลือเกิน
ซ่า! ซ่า! ซ่า!
“ถึงสักที” ฉันบ่นออกมาเบาๆ ทันทีที่เดินเข้ามาถึงเรือน
“เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวไม่สบาย” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบตามแบบของเขา
“นายเข้าไปเปลี่ยนข้างบนเถอะ เดี๋ยวฉันเอาผ้าแล้วไปอาบน้ำ”
“อืม”
“บัว” เสียงพี่กระถินตะโกนแข่งกับสายฝนอยู่ที่หน้าประตู
“จ้าพี่” ฉันรีบตะโกนตอบพี่กระถินทันที
“หาที่หลบสิ” ฉันกระซิบบอกกับร่างสูงเบาๆ
“…” ร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหลบข้างๆตู้ ภาพที่ฉันเห็นมันทำให้ฉันต้องกลั้นขำจนหน้าแดงเพราะภาพที่เห็นคือ ร่างหนาที่แอบในช่องว่างซึ่งมันพอดิบพอดีกับตัวของเขาจนทำให้ขยับตัวไปไหนไม่ได้ สงสารก็สงสาร จะขำก็ขำ
“บัว”
แอ๊ดดดดด!!!
“จ้า” ฉันขานรับพี่กระถินเสียงใสพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เธอทันทีที่ประตูเรือนถูกเปิดออก
“ทำไมตัวเปียกแบบนี้ล่ะ ไปซนที่ไหนมา”
“บัวไปดูฝายมาค่ะ นี่ก็กำลังจะไปอาบน้ำ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส
“งั้นรีบไปอาบน้ำเลย พี่เอาข้าวเย็นมาให้บัวจะได้ไม่ต้องเดินไป” พี่กระถินเอ่ยบอกกับฉันก่อนจะยื่นปิ่นโตในมือของเธอมาให้ฉัน
“ขอบคุณจ้าพี่กระถิน”
“จ้า...เอ่อบัวอีก 3 วันจะมีงานแต่งในหมู่บ้านเผื่อบัวอยากเห็นพิธีกรรมของที่นี่”
“บัวอยากเห็นค่ะ”
@บ้านพักต่างอากาศที่เขาใหญ่...“ถึงแล้ว” ดีแลนที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นทันทีที่รถหรูของเราจอดลงยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน“ลุยเลยครับ” ฉันหันไปบอกกับลูกก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ เราสามคนพ่อ แม่ ลูกมาแคมป์ปิ้งด้วยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นแทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าลูกชายคนเดียวของฉันเลย เพราะเขาชอบที่นี่มากและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็มักจะขอให้ฉันกับพี่ดีนพามาที่นี่อยู่บ่อย“ที่รัก เดี๋ยวแด๊ดดี๊ยกเองหนูไปเปิดบ้านรอเลยครับ”“จริงด้วยครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันเดินมาเปิดประบ้านตามที่คุณสามีและเจ้าลูกชายของฉันสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามเข้ามาด้านใน“ไหวไหมครับ” ฉันเอ่ยถามดีแลนที่สะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองเข้ามาหาฉัน“แค่นี้สบายมากครับ แต่แม่ครับเมื่อไหร่ดีแลนจะตัวเท่าป๊าหรอครับ” เด็กน้อยตรงหน้าถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะว่างกระเป๋าที่สะพายมาลง“ถ้าลูกอยากตัวเท่าป๊าก็ต้องกินนมและออกกำลังด้วยเข้าใจไหมคะ”“ตัวเท่าป๊าได้แต่จะหล่อเหมือนป๊าคงจะยากหน่อยนะ”“คุณย่าบอกว่าดีแลนหล่อกว่าป๊านะครับ”“จริงรึป่าว”“คุณย่าไม่โกหกดีแลนแน่นอน ป๊าไม
4 ปีต่อมา...ก๊อกกกกกๆๆ!!หลังจากที่ฉันกับพี่ดีนอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวเข้านอน เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล พี่ดีนมองมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ยังคงดังไม่หยุดก๊อกกกกกๆๆ!!“แด๊ดดี๊ แด๊ดดี๊” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาทันทีเพื่อทักทายร่างสูงที่ยืนบังเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เข้ามาด้านใน“เรียก ‘ปะป๊า’...‘แด๊ดดี๊’ เอาไว้ให้เมียป๊าเรียกได้คนเดียว” พี่ดีนเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปที่ร่างเล็กของเด็กตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แด๊ดดี๊”“ดีแลน”“ปะป๊าก็ได้ครับ” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงทันทีที่โดนป๊าของเขาเรียกแบบนั้นดีแลนเป็นลูกชายคนเดียวของฉันกับพี่ดีนที่อายุพึ่งจะ 4 ขวบไปเมื่อสองวันก่อน ฉันจะบอกว่านอกจากลูกจะวาดรูปเก่งเหมือนฉันแล้วดีแลนก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย ขนาดม๊าของพี่ดีนกับแม่ของฉันยังบอกว่าดีแลนถอดแบบพี่ดีนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ความสุขุมมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ความฉลาดและเขายังมีไหวพริบที่ดีจนหลายๆ ครั้งฉันยังอึ้งกับการกระทำของเจ้าลูกชายของฉันเลยดีแลนมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับพี่ด
“แด๊ดดี๊คะ อ่าส์” ร่างสูงจับฉันคว่ำลงกับที่นอนก่อนที่เขาจะตามลงมาทาบทับฉันไว้ ริมฝีปากหนาจูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน“พี่ขอเข้าไปนะครับ” ร่างสูงกระซิบลงที่ข้างหูของฉัน ก่อนที่เขาจะขบเม้นเบาๆที่ติ่งหู ฉันหันไปหาเขาก่อนที่เราจะจูบกันอย่างดูดดื่มมือหนาของเขาประคองใบหน้าเรียวของฉันเอาไว้เพื่อให้เขาจูบฉันได้ง่ายขึ้น“ค่ะ อื้อออออ” หลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก ฉันครางออกมาด้วยความเสียงซ่านมือหนายกสะโพกงามของฉันขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอาท่อนเอ็นอันใหญ่โตของฉันถูขึ้นถูลงเบาๆ ที่กึ่งกลางสาวของฉันสวบบบบบบบ! !!“ซี๊ดดดดดด/ซี๊ดดดดด” ฉันกับพี่ดีนครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวบางของฉันไว้แน่นก่อนที่สะโพกหนาของเขาจะเริ่มขยับตับ! ตับ! ตับ!!“อ่าส์ อะ อื้อออออ” ฉันครางออกมาไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียงซ่าน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน ตับ! ตับ! ตับ!!“อ๊ะ อ๊ะ อ่าส์” สะโพกหนาเร่งจังหวะกระแทกเข้ามาใส่ฉันหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับมือหนาขย้ำสะโพกงามของฉันอย่างมันมือตับ! ตับ! ตับ!!เพียะ!!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย” ฉันครางออกมาพร้อมกับเอวบางของฉันบิดเล้าไปมาท
Christmas Day…@คฤหาสน์วงค์อัครหิรัญวันนี้เป็นวันคริสต์มาสเป็นเหมือนวันรวมพลของหลายๆ ครอบครัว ซึ่งครอบครัวของพวกเราก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังนี้เพื่อรับประทานอาหารและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเราจึงจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีฉันกับพี่ดีนแต่งงานกันมาปีกว่าๆ แล้วเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฉันอย่างนั้น เราทั้งคู่ยังไม่มีทายาทหรอนะฉันเคยคุยเรื่องนี้กับพี่เขาแล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดแบบเดิม ‘พี่ยังไม่พร้อมครับ’ เขาบอกฉันแบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้“หนูบัวช่วงนี้หนูดูซูบไปนะลูก” ม๊าถามฉันขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินตามท่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีแต่ผู้หญิงส่วนพวกผู้ชายแยกไปดื่มกันอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก“ช่วงนี้หนูงานเยอะน่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันรีบเคลียร์ให้เสร็จเพราะจะลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวกับคุณสามีของฉันน่ะสิ อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจึงหักโหมทำงานอย่างหนัก“แอร๊...” เสียงน้องไข่มุกลูกสาวของพี่เบลซกับดาร้องขึ้นมาเบา พร้อมกับทำท่าทางเ
16.00 น.หนุ่มๆ โดนสวดกันไปยกใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพี่ดีนที่จะตามกลับไปทีหลัง เราตกลงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันและแน่นอนว่าฉันได้วันหยุดมาจะเฮียผาอีกแล้วเฮียบอกกับฉันตอนผูกแขนว่า ‘เฮียอยากเลี้ยงหลาน ไม่ต้องรีบกลับเฮียให้วันหยุดเพิ่มเพื่อปั้มหลานเท่านั้น’ เมื่อวานก่อนกลับก็ยังย้ำฉันอีกรอบด้วยนะ“รถพร้อมแล้วไอ้ลูกเขย” เสียงพ่อตะโกนเรียกพี่ดีนมาจากทางหน้าบ้าน เอาอีกแล้วสองคนนี้มีลับลมคมนัยกันอีกแล้ว“ครับพ่อ”“มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไหนเขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง...“ไปกัน” ร่างสูงจูงมือฉันเดินออกไปยังรถโฟวิลที่พ่อของฉันเตรียมไว้รอเรา“ทุกอย่างเรียบร้อย” พ่อบอกกับพี่ดีนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เขา“ขอบคุณครับ”“แด๊ดดี๊ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะคะว่าจะพาไปไหน” ฉันถามร่างสูงออกไปอย่างงอลๆ“โอ๊ๆๆ อย่าพึ่งงอลแด๊ดนะครับ” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงอ่อนในขณะที่มือหนาโยกหัวของฉันไปมาอย่างเอ็นดู“ชอบเซอร์ไพรส์หนูตลอด”“แล้วหนูชอบไหมคะ”“ชอบค่ะ” ฉันตอบกลับเขาไปเสียงใสพร
2 วันต่อมา...ซู่! ซู่! ซู่!วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับแล้วเวลาของความสุขมันมักจะผ่านไปไวเสมอเลยเนอะ ฉันยืนมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อซึมซับเสียงของคลื่นที่กระทบชายฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“หืมมมม” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันทีที่แขนแกร่งที่คุ้นเคยกอดฉันเอาไว้จากทางด้านหลัง ฉันไม่ตกใจกับการกระทำเขาแล้วล่ะเพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน“แด๊ดดี๊หายไปไหนมาแต่เช้าคะ” ฉันซบลงที่อกแกร่งของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย“แด๊ดดี๊ไปเตรียมอาหารเช้าให้หนูมาครับ” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะก้มลงซุกหน้าของเขาลงกับไหล่มนของฉัน“อะไรนะคะ แด๊ดดี๊ทำอาหารหรอคะ ไปฝึกมาตอนไหนเนี่ย” ฉันรัวคำถามใส่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเป็นชุด ก็เขาชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนี่นา“ความลับครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” พี่ดีนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจูงมือของฉันให้เดินตามเขาออกไป“เรากำลังจะไปไหนกันหรอคะ”“…”“แด๊ดดี๊”“เดี๋ยวถึงแล้วหนูก็รู้ครับ”เขาพาฉันเดินมาจากหาดทรายกว้างๆ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ ก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่หน้าปากถ้ำ