แค่ก! แค่ก! แค่ก!
“พ่อจ้าแม่จ้าช่วยลูกด้วย” ฉันร้องออกมาเสียงหลงพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ไม่สิ! อยู่นี่มาตั้งนานไม่เคยเจอเลย” ฉันค่อยลืมตาขึ้นพร้อมกับส่องไฟฉายไปรอบๆ บริเวณที่ฉันอยู่เพื่อให้แน่ใจบางทีฉันอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้นี่นา
“ผีจะมีได้ไง” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนที่สายตาของฉันจะไปสะดุดเข้ากลับอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ใกล้กับโขดหิน ลักษณะมันเหมือนกับมือของคนกำลังจับกิ่งไม่อยู่ยังไงยังงั้น
“ถ้าเป็นผีก็คงขึ้นมาหลอกเราแล้วล่ะ น้ำไหลแรงขนาดนี้ผีก็ผีเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองก่อนจะเดินไปเรือนนอนของตัวเอง ไวกว่าความคิดมือบางของฉันก็หันไฟฉายไปยังบริเวณที่มีสิ่งผิดปกติอีกครั้งเพื่อให้มั่นว่าฉันตาฝาดไปจริงๆ แต่แล้ว...
“ฮึ่ย! คนนี่หว่า” ด้วยความตกใจฉันจึงรีบวิ่งไปยังลำห้วยด้านล่างทันที ฉันไม่ได้ตาฝาดไปแน่ๆ เค้าต้องเป็นคนอย่างแน่นอนและที่สำคัญมือหนาที่จับกิ่งไม้อยู่นั้นแทบจะหมดแรงลงไปทุกทีแล้ว
“นายๆ ได้ยินฉันไหม” ฉันตะโกนเรียกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง ในขณะที่ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งสายฟ้าที่พาดผ่านลงมาเป็นแสงวูบวาบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ
“จับมือฉันไว้” ฉันเอื้อมมือไปยังร่างหนาตรงหน้า ส่วนอีกข้างยังคงจับกิ่งไม้ไว้แน่น มือหนาของเขาเอื้อมมาคว้ามือบางของฉันไว้แน่นฉันใช่แรงทั้งหมดที่ตัวเองมีออกแรงดึงร่างสูงตรงหน้า
“ช่วยดันตัวขึ้นมาด้วยสินายตัวหนักมากเลย อึบ!” ฉันค่อยๆ ดึงร่างหนาขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างสูงเองก็พยายามดันร่างของตัวเองขึ้นมาด้วยอีกแรง เราทั้งสองช่วงกันดึงดันอย่างทุลักทุเล ทำให้ฉันรู้ว่าร่างสูงตรงหน้าตัวใหญ่และสูงมากแค่ไหน
“อีกนิด อึบ...ว๊าย!” ฉันร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเนื่องจากฉันใช้แรงทั้งหมดที่ตัวเองมีดึงร่างของเขาขึ้นมาบวกกับเขาเองก็ออกแรงทั้งหมดที่ตัวเองมี ทำให้ฉันเสียหลักหงายหลังลงไปนอนกองกับพื้นก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าจะเสียหลักลงมาทับอยู่เหนือร่างของฉัน
“นาย!” ฉันค่อยๆดันอกแกร่งของเขาออกเบาๆ ร่างสูงตรงหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย เค้าค่อยๆทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ ฉันอย่างหมดแรง
“นายเดินไหวไหม ออกแรงช่วยฉันด้วยนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างหนาตรงหน้า พร้อมกับค่อยๆเข้าไปพยุงร่างนั้นขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพราะร่างหนาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ความสูงที่ดูยังไงก็เกิน 180 ในขณะที่ฉันส่วนสูงเพียง 160 เซนติเมตรเท่านั้นมันทำให้การช่วยเหลือของฉันเต็มไปด้วยความทุลักทุเล
แขนแกร่งพาดลงบนบ่าบางของฉันก่อนที่ฉันจะพาเค้าเดินเข้ามายังเรือนของฉันที่อยู่ไม่ไกล ยิ่งเข้าใกล้แสงไฟก็ยิ่งเห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น รอยเขียวคล้ำบนใบหน้าของเขาจนบวมช้ำแทบจะดูไม่ได้เลย ฉันไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าชายคนนี้เขาต้องเจออะไรมาบ้าง
ฉันพยุงเขาให้นั่งลงยังบันไดเรือน ก่อนที่ฉันจะรีบเดินออกไปตามคนมาช่วย แต่แล้ว...
“ปะ ไป” มือหนาของร่างสูงคว้ามือบางของฉันไว้แน่น ฉันก้มลงมองมือหนาของเขาอีกครั้ง ก่อนจะสังเกตเห็นรอยสักลวดลายที่ประหลายคลายกับตะขาบอยู่บนหลังมือขวาของเขา
“ฉันจะไปตามคนมาช่วย”
“มะ ไม่ ดะ...”
“ไม่ได้หรอ? ทำไมละ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัยทั้งๆ ที่เขาเจ็บขนาดนี้
“ชะ เชื่อฉัน” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น
“…”
“นะ...”
“งั้นนายช่วยฉันพาตัวเองขึ้นไปด้านบนทีนะ” ฉันช่างใจอยู่สักแป๊บก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างหนาตรงหน้า เราทั้งสองพากันขึ้นไปบนเรือนอย่างทุลักทุเล ‘ตัวหนักชะมัด’
“อีกนิดนะ...”
ฟุบ!!
ร่างหนาหมดสติก่อนจะฟุบลงไปที่พื้นดึงให้ร่างบางของฉันล้มลงไปนั่งคลุกเข่าลงข้างๆ เค้าตามแรงฉุดของร่างสูง
“อ๊ะ!”
“เอาน่ะ ช่วยแล้วก็ช่วยให้สุดๆ ไปเลยสิบัว”
ฉันค่อยๆ ลากร่างสูงที่หลับไหลไม่ได้สติของเค้าจากทางด้านหลังเข้าไปด้านใน อุณหภูมิที่สูงขึ้นของร่างหนาตรงหน้าทำให้ฉันรับรู้ได้ทันทีว่าเขามีไข้ ฉันค่อยๆ ยกร่างหนาขึ้นไปนอนบนฟูกอย่างเบามือ
“เรานี่ก็แข็งแกร่งเหมือนกันนะเนี่ย ผู้ชายตัวหนักกว่าช้างฉันยังยกขึ้นมาได้”
“ขออนุญาตแล้วกันนะปล่อยไว้แบบนี้นายได้เป็นปอดบวมก่อนแน่ๆ” ฉันเอ่ยบอกกับชายตรงหน้าที่นอนหลับใหลไม่ได้สติเพราะพิษไข้ มือบางของฉันค่อยๆบรรจงถอดชุดให้ฉันเค้าออกจากร่างหนาทีละตัวอย่างช้าๆ เผยให้เห็นมัดกล้ามแน่นๆ ซิกแพคได้รูปของเขา เค้าดูเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีมากๆเลยคนนึง
“หุ่นดีจัง...ฮึ่ย บัวชมพูพูดอะไรบ้าๆ”
ฉันเอาผ้าขาวม้าของพ่อออกมาคลุมส่วนล่างของเค้าเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือบางของตัวเองมาปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวหนาของเขา พร้อมกับดึงมันออกอย่างยากลำบาก เนื่องจากกางเกงยีนส์ของเค้าเปียกน้ำจนชุ่มยิ่งทำให้น้ำหนักของมันเพิ่มขึ้นบวกกับมันแนบกับขาแกร่งของเขาทำให้มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะดึงมันออกมา
“เฮ้ย!!...การถอดเสื้อผ้าผู้ชายมันยากขนาดนี้เลยเลอะ”
ฉันบรรจงเช็ดตัวให้กับร่างหนาตรงหน้าก่อนจะเอาเสื้อและกางเกงของพ่อฉันใส่ให้กับร่างสูงตรงหน้าไปก่อน ซึ่งมันดูเล็กลงไปเลยเมื่ออยู่บนตัวของผู้ชายคนนี้ หลังจากแต่งตัวให้กับร่างสูงเสร็จฉันจึงนำผ้าห่มผืนขนาดไม่หนาและไม่บางจนเกินไปมาห่มให้กับเขา
“สองผืนเลยละกันอากาศหนาวเกินไป”
“นาย นาย ได้ยินฉันไหม” ฉันเรียกร่างสูงที่ยังคงหลับไหลไม่ได้สติเบาๆที่ข้างหูของเขา
“อือ” เค้าครางออกมาเบาๆ เปลือกตาบางของร่างสูงตรงหน้าขยับช้าๆ ถึงเขาจะไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองฉันแต่เขาก็ทำให้ฉันรู้ว่าเขารู้สึกตัวแล้ว
“กินยาลดไข้หน่อยนะ” ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับจะพยุงร่างสูงตรงหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะป้อนยาลดไข้ให้กับเขาไปสองเม็ดตามด้วยน้ำเปล่าล้างคอ
“ค่อยๆนะ” ฉันว่างเขาลงนอนตามเดิมก่อนจะบิดผ้าที่ชุบน้ำวางลงบนหน้าผากหนาของเขา
“เสร็จสักที...ไปอาบน้ำอีกสักรอบแล้วกัน” คิดได้ดังนั้นฉันก็เดินออกไปจัดการกับตัวเองอีกครั้ง
หลังจากที่ฉันอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จนเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงกลับเข้ามาปูที่นอนของตัวเองข้างๆเขา เนื่องจากฟูกหนาของฉันถูกร่างสูงยึดไปแล้ว ทำให้ฉันต้องใช้ผ้าห่มผืนบางที่เหลือปูนอนแทน
ถึงคืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ฉันต้องนอนกับผู้ชายสองต่อสอง แต่ฉันว่าฉันมั่นใจได้ในระดับหนึ่งเลยนะ คืนนี้ฉันน่าจะนอนหลับได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร เพราะดูจากสภาพของชายข้างๆฉันแล้ว เขาน่าจะไม่มีแรงมากพอที่จะลืมตาด้วยซ้ำ
“นอนๆไปเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับตัวเองพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนยังที่นอนของตัวเอง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยล้า
2.00 น.
“ปวดหลังชะมัด”
เสียงสายฝนจางๆที่เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งหลังจากหยุดไปได้ไม่นานปลุกให้ฉันตื่นจากฝัน ฉันค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอนอย่างยากลำบากหลังของฉันปวดร้าวไปหมดเพราะที่นอนของฉันแข็งมาก
ฉันลุกออกจากที่นอนก่อนจะเดินไปจุดตะเกียงที่อยู่มุมของห้อง หลังจากนั้นจึงเดินมานั่งข้างๆ ร่างสูงที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนฟูกหนา
“ไข้ไม่ลด”
หลังมือบางของฉันวางลงบนหน้าผากหนาอย่างเบามือ จากนั้นฉันค่อยๆบิดผ้าเช็ดตัวผืนบางของเขา พร้อมกับเริ่มเช็ดตัวให้กับเขาอีกครั้งหลังจากที่สัมผัสดูแล้วไข้เขายังไม่ลดลงเลย
ฉันเช็ดตัวให้กับเขาอย่างช้าๆจนกระทั่งสายตาของฉันสบเข้ากับดวงตาบวมช้ำจากการที่ถูกทำร้ายมาอย่างหนักของร่างสูงที่จ้องมายังฉัน ฉันไม่มั่นใจว่าเขาตื่นมาตั้งแต่ตอนไหนรู้ตัวอีกทีสายตาคู่นั้นก็จ้องฉันอยู่ก่อนแล้ว
“กินยาลดไข้อีกสักเม็ดดีไหมนะ” ฉันพูดขึ้นก่อนจะพยุงเขาลงนั่งเพื่อจะได้ทานยาได้ถนัด
“อือ” ร่างสูงครางออกมาเบาๆ ฉันเลือนไปสบตากับเขาเล็กน้อย
“เจ็บหรอนายโดนมาหนักมากเลยนี่น่า อดทนหน่อยนะ”
“ฉันทำแผลให้นายไปบ้างแล้ว เดี๋ยวก็หายเชื่อมือฉัน” ฉันก้มมองดูผ้าพันแผลที่ตัวเองทำไว้เมื่อตอนหัวค่ำที่ยังคงมีเลือดสีแดงสดซึมออกมาเล็กน้อย
“…”
“นอนต่อเถอะ” ฉันบรรจงห่มผ้าให้กับร่างสูงตรงหน้าอย่าเบามือเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่เขา
“...”
“นอนสิหลับตา” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้ง เขายังคงมองมาที่ฉันอยู่อย่างนั้น
ฉันทิ้งตัวลงนอนยังที่นอนของตัวเองอีกครั้งก่อนจะหันไปมองยังร่างสูงที่นอนอยู่ข้างๆ
“หลับ...ตา นายต้องนอนพักเยอะๆนะรู้ไหม มีอะไรก็เรียกฉันนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนที่ดวงตาของฉันจะปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า...
6.00 น.
“อือ”
“ฉันทำนายตื่นรึป่าว...ไข้ลดลงบ้างแล้วแต่ยังต้องเช็ดตัวอยู่” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยเสียงสดใส พร้อมกับเช็ดตัวให้กับเค้าไปด้วย
“…”
“หิวไหม?”
“…” ร่างสูงส่ายหัวเบาๆเพื่อเป็นคำตอบให้กับฉัน
“ได้ไง อย่างน้อยก็ต้องกินสักหน่อยจะได้กินยา” ฉันเอ่ยบอกกับเขาเบาๆ ก่อนจะช่วยพยุงร่างสูงให้นั่งลง พร้อมยืนขันน้ำให้เขาล้างปาก
“เหมือนฉันซ้อมป้อนข้าวคนแก่เลยอ่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ฉันรู้สึกว่าดวงตาของร่างสูงตรงหน้าที่กำลังจ้องมาที่ฉันมันดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“อิ่มแล้วหรอ?”
“…”
“งั้นนายนั่งแบบนี้สักแป๊บนะให้อาหารย่อยก่อน” ฉันนำข้าวและยาแก้ปวดให้เขาทานจนเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกมาเตรียมลูกประคบเพื่อประคบตามรอยฟกช้ำตามตัวของเขา
ถึงจะไม่เคยทำลูกประคบเองมาก่อนแต่ฉันเคยเห็นยายของฉันทำ ฉันเป็นคนที่มีความจำที่ดีน่ะเลยนำมาทำเองได้ไม่ยาก
หลายคนอาจสงสัยทำไมฉันถึงช่วยเขาทั้งๆ ที่ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ฉันเองก็หาเหตุผลให้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ฉันไม่สามารถมองข้ามเขาไปได้จริงๆ น้องหมาน้องแมวที่เดือดร้อนฉันยังไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเลยสักครั้ง นี่เขาเป็นคนทั้งคนเลยนะฉันจะใจร้ายทิ้งเขาไว้แบบนั้นได้ไงกัน
“นายชื่ออะไรหรอ?” ฉันถามร่างสูงตรงหน้าในขณะที่สายตายังคงจ้องมองไปยังรอยช้ำตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
“…”
“ยังเจ็บแผลที่ปากอยู่ใช่ไหม?”
“...ดะ...”
“ไม่เป็นไรยังไม่ต้องฝืน” ฉันเอ่ยบอกกับเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะประคบรอยช้ำบริเวณมุมปากอย่างเบามือ
“ดะ ดีน” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงสั่น
“นายชื่อดีน…ส่วนฉันชื่อบัว”
“ฉันมีเรื่องอยากสอบสวนนายเยอะเลย แต่รอให้นายหายดีกว่านี้ก่อนแล้วกัน”
แอ๊ดดดดดดด! !!“ฉันต้มน้ำใบบัวบกไว้ให้นายด้วย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าที่ยังคงมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ฉันสังเกตุเห็นว่าวันนี้ใบหน้าของเขาบวมช้ำกว่าเมื่อคืนนี้ซะอีก“น้ำใบบัวบกมีสรรพคุณแก้อาการช้ำใน ลดการอักเสบนายต้องดื่มให้หมดนะเข้าใจไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะยื่นแก้วในมือให้เขา“...” เขาพยักหน้าเบาๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามของฉัน“ดีมาก รอให้มันเย็นกว่านี้ก็ได้ดื่มตอนนี้เดี๋ยวมันจะลวกปากนาย”“…” ฉันวางแก้วใบบัวบกไว้ข้างๆ ก่อนที่มือบางของฉันจะวางลงที่หน้าผากของเขา พร้อมกับมืออีกข้างของฉันวางลงที่หน้าผากของตัวเองเพื่อเป็นการเช็คอุณหภูมิร่างกายของร่างสูงตรงหน้า“เหมือนนายจะมีไข้”“ยะ อย่า บะ บอก คะ ใคร”ฉันพยายามจับใจความสิ่งที่ร่างสูงพยายามจะบอกกับฉัน ก่อนจะสรุปได้ว่าเขาพูดอะไรกับฉัน ‘อย่าบอกใคร’ ยิ่งเขาย้ำฉันแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันอยากรู้เรื่องราวเข้าไปใหญ่เลย คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของฉัน ‘เขาเป็นใคร?’ ‘ใครทำร้ายเขา?’ ‘แล้วทำไมต้องปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้ใครรู้ด้วยล่ะ?’“ฉันเข้าใจแล้ว นายอย่าพึ่งพูดมากเลย” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไปด้ว
“พังหมดเลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ ทันทีที่เห็นฝายน้ำล้นตรงหน้าของฉัน น้ำป่ายังคงไหลหลากอยู่เลยสังเกตจากสีของน้ำที่ยังคงขุ่นมัว กระแสน้ำยังไหลเชี่ยวเป็นอย่างที่ฉันคิดว่าเรายังไม่สามารถซ่อมแซมมันได้ในตอนนี้“นายนั่งรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปดูรอบๆนี้ก่อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าหลังจากที่ฉันปูเสื่อที่พกมาด้วยเรียบร้อยแล้ว“เธอจะไปไหน” เขาเอ่ยถามฉันเสียงเรียบ“เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูรอบๆไง หูนายมีปัญหาปะ”“เธอก็ดูอยู่นี่ไงไม่เห็นต้องเดินไปไหน” เขาเอ่ยบอกกับฉันหน้าตาเฉย พร้อมกับมองมายังฉันอย่างไม่เข้าใจ“นายกลัวรึไง” ฉันยืนเท้าเอวพร้อมกับมองไปยังร่างสูงอย่างไม่เข้าใจเขาเช่นกัน ฉันจะมาที่นี่คนเดียวก็จะตามมาด้วย พอฉันจะเดินไปดูรอบๆคนเดียวก็พูดเหมือนจะไม่ให้ฉันไปอีก ‘หัวจะปวดนะกับผู้ชายคนนี้’“…”“ฉันไม่ไปไกลหรอกเดี๋ยวฉันกลับมา นายนั่งพักอยู่นี่แหละ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงใส ก่อนจะเดินออกไปทันทีไม่รอให้เขาคัดค้านอะไรอีก“บัว” ร่างสูงตะโกนเรียกตามหลังฉันมา“ไม่ฟังแล้ว” ฉันก็ตะโกนตอบกลับเขาไปทันทีเช่นกัน“ทำไมเธอดื้อจังวะ”“เรื่องของฉัน แบร่!” ฉันหยุดเดินก่อนจะหันไปหลอกเค้าจ
3 วันต่อมา...8.00 น.“เอากระเป๋ามาเดี๋ยวฉันสะพายเอง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาของเขาหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของฉันไปสะพายไว้ วันนี้เราสองคนมีภารกิจตามล่าหาสัญญาณโทรศัพท์“ขอบใจนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะเดินนำเขาออกไปด้านนอก ฉันเลือกอ้อมไปทางด้านหลังของหมู่บ้านมันอาจจะไกลกว่าทางปกติอยู่บ้างแต่มันก็เป็นเส้นทางที่ปลอดภัยสำหรับเขาที่สุดสองสามวันมานี้ร่างกายของเขาเริ่มกลับมาแข็งแรงแล้วอาจจะยังหลงเหลือรอยช้ำอยู่บ้างก็ตาม ฉันนับถือใจเขามากเลยถ้าเป็นคนอื่นโดนมาหนักขนาดนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้“อุ๊ย!!” ในขณะที่ฉันคิดอะไรไปเรื่อยๆ ด้วยความเหม่อลอยทำให้ฉันไม่ทันได้สังเกตุเห็นก้อนหินตรงหน้าทำให้ฉันสะดุดมันแต่...“ระวัง” ร่างสูงเอ็ดฉันเบาๆ พร้อมกับมือหนาโอบเข้าที่เอวบางของฉันไว้แน่น ถ้าไม่ได้เขาจับฉันไว้ป่านี้ฉันคงได้ไปจับกบอยู่ที่พื้นแล้วล่ะ“ขอบใจนะ”“อืม...”“…/…”“นะ นายช่วยเอามือออกจากเอวฉันก่อนได้ไหม” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เราเงียบใส่กันไปแป๊บนึง ร่างสูงจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดออกไปอย่างช้าๆ“เดินระวังด้วย” เขาเอ่ยตามหลังฉันมาเสียงเรียบ“อืม”ติ้ง
“ใจเย็นๆ อาการเธอดูแปลกๆนะ”“อือ ดีนฉันร้อน” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงกระเส่า ก่อนที่ฉันจะล้มลงไปนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันแทบหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว“ตั้งสติ” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ แต่คำพูดของเขาไม่สามารถทำให้ฉันมีสติได้เลยจริงๆ ความร้อนในกายของฉันมันยิ่งเดือดพลานมากขึ้นไปอีก“ระ ร้อน” ฉันพยายมดึงมือตัวเองออกจากการจับกุมของร่างสูงตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเลยแรงฉันสู้แรงของเขาไม่ได้“มีใครเอาอะไรให้เธอกินรึป่าว” ร่างสูงเอ่ยถามฉันเสียงเครียด“มะ ไม่มี” ฉันสายหัวแรงๆ ฉันรู้ทุกอย่างว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่เหมือนกับว่าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย“แล้วเธอกินอะไรเข้าไปบ้าง”“อื้อ นายอย่าถามมากได้ไหม...ฉันร้อน” ฉันตะคอกร่างสูงตรงหน้าเสียงดัง“ดะ ดีน” ฉันครางเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้เขา“อย่ามามองฉันแบบนี้” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง“ดีน มองฉันหน่อยน้า” ฉันอ้อนร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ตอนนี้สติของฉันแทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ความยับยั้งช่างใจเองก็เช่นเดียวกัน ฉันดึงมือของตัวเอ
“บัว บัวตื่นได้แล้วลูก”“ห้ะ!!...” ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาจากที่นอนของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ เหมือนฉันจะได้ยินเสียงของพ่อตัวเองเลย ‘จะเป็นไปได้ไง หูฝาดแหละ’“บัวลูกตื่นหรือยัง” เสียงพ่อของฉันดังมาจากประตูหน้าเรือนปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ทันที ฉันรีบมองหาร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ‘เขาหายไปไหนของเขา?’“บัว”“จ้าพ่อ...” ฉันขานรับท่านเสียงใสพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด พร้อมกับเดินออกไปเปิดประตูเรือนให้พ่อทองเข้ามาด้านใน ท่านเดินเข้ามาลูบตัวฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะสวมกอดฉันแน่น เพราะความคิดถึงของท่านก็เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือนเลยนี่เนอะ“ตื่นสายเชียวตัวแสบของพ่อ”“บัวคิดถึงพ่อกับแม่ และก็ยายที่สุดเลยค่ะ” ฉันกอดตอบพ่อด้วยความคิดถึงเช่นกัน“งั้นหนูรีบไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกลับบ้านเรากันลูก”“แล้วเรื่องซ่อมฝายล่ะคะ”“เดี๋ยวพายุลูกใหญ่จะเข้าอีกลูกเราคงซ่อมกันตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก”“หรอคะ”“ไปลูกบัวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม่ทำของโปรดรอหนูไว้เยอะเลย” พ่อบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู“ค่ะพ่อ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน“งั้นเดี๋ยวพ่อไปรอที่บ้านล
[BUA’S PART]3 วันต่อมา...“โอ้โห่ พ่อเอาขนาดนี้เลยหรอคะ” ฉันถามพ่อออกไปด้วยความตกใจ พ่อของฉันท่านเล่นใหญ่มาก ท่านลงทุนซื้อคอนโดให้เป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นทำงานครั้งแรกของฉัน ถึงห้องที่พ่อซื้อไว้จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดของที่นี่ก็เถอะ แต่คอนโดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ราคาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ“เอาขนาดนี้แหละ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับฉัน ถึงภายนอกพ่อจะดูดุมากแค่ไหน แต่สำหรับสายตาฉันท่านเป็นสามีที่รักภรรยา เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกสาวอย่างฉันมาก“แม่คะดูพ่อ” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคนที่วันและเวลาไม่สามารถทำให้ความงดงามของท่านจางหายไปเลย ฉันเดินเข้าไปกอดแม่ฉันอย่างอ้อนๆ ถ้าเป็นคำพูดของแม่พ่อต้องเชื่อแน่นอนจริงๆ อยู่ที่นี่มันก็สะดวกสบายดีหรอก แต่มันดูสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับฉัน“แม่ว่าพ่อเค้าทำถูกแล้วนะลูก อยู่ที่นี่ระบบความปลอดภัยก็ดีพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลด้วย”“แม่อ่า...”“อีกอย่างมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของหนูนี่ ถ้ารถติดลูกก็จะได้เดินไปทำงานได้ไม่ต้องรีบร้อน”“เนอะที่รักเนอะ” พ่อเดินมากอดแม่ฉันด้วยอีกคน“อยู่ที่นี่เถอะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน
“เจ้ว่าอะไรนะคะ...”“เอ้า! ก็เมื่อกี้คุณดีโอไง”“หนูไม่ทันมองอะ” ฉันกระซิบบอกกับร่างบางข้างๆเสียงอ่อน ฉันเห็นเพียงรอยสักของเขาเท่านั้นถึงรอยสักนั้นจะเหมือนกับใครอีกคนที่ฉันเคยรู้จักก็เถอะ แต่ก็คงไม่ใช่เขาหรอก เพราะเขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณไอรีน คุณบัวชมพู ผมริวนะครับเป็นผู้ช่วยของคุณขจรเดชครับ” ช่วยร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำมากมายเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา เขาดูสูงสง่ามากกว่าชายคนอื่นบุคลิกท่าทางรวมถึงน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ‘ถ้าขนาดลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ เจ้านายของเขาจะขนาดไหนเนี่ย’“ค่ะ/ค่ะ”“เชิญทางนี้ครับ”“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับเจ้ไอรีนเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปอย่างงงๆ ตอนนี้ในหัวของฉันมีคำถามเยอะแยะมากมายที่อยากถาม แต่ก็นะร่างสูงตรงหน้าน่ากลัวจนพวกฉันไม่กล้าถามและไม่กล้าชวนเขาคุยเลยด้วยซ้ำ“รอตรงหน้าสักครู่นะครับ” เขาพาฉันกับเจ้ไอรีนมาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกหรูแห่งนี้“ได้ค่ะ”“ขออนุญาติค่ะ” เสียงป้าแม่บ้านดังมาจากประตูบานใหญ่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาด้านในทันทีที่ได้รับอนุญาต“คุณผู้หญิงรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ” ป้าแม่บ้านเอ่
วันต่อมา...“บ่ายแล้วนะคะเจ้พักทานข้าวก่อนเถอะนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหนังสือสัญญามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอแทบจะไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ“อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้วบัว”“มีอะไรให้บัวช่วยไหมคะเจ้” ฉันเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน“งานที่บัวมีอยู่ตอนนี้ก็ล้มมืออยู่แล้ว พึ่งทำงานได้สองวันก็เจองานใหญ่ซะแล้ว”“บัวไหวค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆให้กับเธอ ตอนเรียนฉันก็ทำงานที่อาจารย์สั่งลืมวันลืมคืนแบบนี้แหละ พอมาทำงานฉันก็เตรียมตัวมาบ้างแล้วล่ะ“ขอบคุณนะบัว”“ด้วยความยินดีค่ะ”“น่ารักที่สุดเลยน้องสาวของเจ้”...30 นาทีต่อมา...“เย้! เสร็จแล้ว” ร่างบางข้างฉันร้องออกมาด้วยความดีใจ“ทานข้าวเลยค่า” ฉันตะโกนบอกร่างบางกลับไปในขณะที่ตัวเองยังคงง่วนอยู่กับงานตรงหน้า“รับทราบค่า”“บัวเย็นนี้ไปเป็นเพื่อนเจ้หน่อยนะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับฉัน“ปะ ไป” ฉันชะงักทันทีที่เจ้ไอรีนพูดจบ...เรื่องที่เมื่อวานฉันไปปากเก่งกับเขาเอาไว้ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หายเลย ถ้าวันนี้ต้องไปเจอกันอีกฉันจะกล้าสู้หน้าเขาได้ไง“ก็ไปเซ็นต์สัญญาไงคะ และน่าจะทานอาหารร่วมกันนิดหน่อย”“เจ้ไม่ไปกับเฮีย
@บ้านพักต่างอากาศที่เขาใหญ่...“ถึงแล้ว” ดีแลนที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นทันทีที่รถหรูของเราจอดลงยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน“ลุยเลยครับ” ฉันหันไปบอกกับลูกก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ เราสามคนพ่อ แม่ ลูกมาแคมป์ปิ้งด้วยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นแทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าลูกชายคนเดียวของฉันเลย เพราะเขาชอบที่นี่มากและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็มักจะขอให้ฉันกับพี่ดีนพามาที่นี่อยู่บ่อย“ที่รัก เดี๋ยวแด๊ดดี๊ยกเองหนูไปเปิดบ้านรอเลยครับ”“จริงด้วยครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันเดินมาเปิดประบ้านตามที่คุณสามีและเจ้าลูกชายของฉันสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามเข้ามาด้านใน“ไหวไหมครับ” ฉันเอ่ยถามดีแลนที่สะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองเข้ามาหาฉัน“แค่นี้สบายมากครับ แต่แม่ครับเมื่อไหร่ดีแลนจะตัวเท่าป๊าหรอครับ” เด็กน้อยตรงหน้าถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะว่างกระเป๋าที่สะพายมาลง“ถ้าลูกอยากตัวเท่าป๊าก็ต้องกินนมและออกกำลังด้วยเข้าใจไหมคะ”“ตัวเท่าป๊าได้แต่จะหล่อเหมือนป๊าคงจะยากหน่อยนะ”“คุณย่าบอกว่าดีแลนหล่อกว่าป๊านะครับ”“จริงรึป่าว”“คุณย่าไม่โกหกดีแลนแน่นอน ป๊าไม
4 ปีต่อมา...ก๊อกกกกกๆๆ!!หลังจากที่ฉันกับพี่ดีนอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวเข้านอน เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล พี่ดีนมองมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ยังคงดังไม่หยุดก๊อกกกกกๆๆ!!“แด๊ดดี๊ แด๊ดดี๊” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาทันทีเพื่อทักทายร่างสูงที่ยืนบังเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เข้ามาด้านใน“เรียก ‘ปะป๊า’...‘แด๊ดดี๊’ เอาไว้ให้เมียป๊าเรียกได้คนเดียว” พี่ดีนเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปที่ร่างเล็กของเด็กตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แด๊ดดี๊”“ดีแลน”“ปะป๊าก็ได้ครับ” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงทันทีที่โดนป๊าของเขาเรียกแบบนั้นดีแลนเป็นลูกชายคนเดียวของฉันกับพี่ดีนที่อายุพึ่งจะ 4 ขวบไปเมื่อสองวันก่อน ฉันจะบอกว่านอกจากลูกจะวาดรูปเก่งเหมือนฉันแล้วดีแลนก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย ขนาดม๊าของพี่ดีนกับแม่ของฉันยังบอกว่าดีแลนถอดแบบพี่ดีนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ความสุขุมมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ความฉลาดและเขายังมีไหวพริบที่ดีจนหลายๆ ครั้งฉันยังอึ้งกับการกระทำของเจ้าลูกชายของฉันเลยดีแลนมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับพี่ด
“แด๊ดดี๊คะ อ่าส์” ร่างสูงจับฉันคว่ำลงกับที่นอนก่อนที่เขาจะตามลงมาทาบทับฉันไว้ ริมฝีปากหนาจูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน“พี่ขอเข้าไปนะครับ” ร่างสูงกระซิบลงที่ข้างหูของฉัน ก่อนที่เขาจะขบเม้นเบาๆที่ติ่งหู ฉันหันไปหาเขาก่อนที่เราจะจูบกันอย่างดูดดื่มมือหนาของเขาประคองใบหน้าเรียวของฉันเอาไว้เพื่อให้เขาจูบฉันได้ง่ายขึ้น“ค่ะ อื้อออออ” หลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก ฉันครางออกมาด้วยความเสียงซ่านมือหนายกสะโพกงามของฉันขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอาท่อนเอ็นอันใหญ่โตของฉันถูขึ้นถูลงเบาๆ ที่กึ่งกลางสาวของฉันสวบบบบบบบ! !!“ซี๊ดดดดดด/ซี๊ดดดดด” ฉันกับพี่ดีนครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวบางของฉันไว้แน่นก่อนที่สะโพกหนาของเขาจะเริ่มขยับตับ! ตับ! ตับ!!“อ่าส์ อะ อื้อออออ” ฉันครางออกมาไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียงซ่าน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน ตับ! ตับ! ตับ!!“อ๊ะ อ๊ะ อ่าส์” สะโพกหนาเร่งจังหวะกระแทกเข้ามาใส่ฉันหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับมือหนาขย้ำสะโพกงามของฉันอย่างมันมือตับ! ตับ! ตับ!!เพียะ!!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย” ฉันครางออกมาพร้อมกับเอวบางของฉันบิดเล้าไปมาท
Christmas Day…@คฤหาสน์วงค์อัครหิรัญวันนี้เป็นวันคริสต์มาสเป็นเหมือนวันรวมพลของหลายๆ ครอบครัว ซึ่งครอบครัวของพวกเราก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังนี้เพื่อรับประทานอาหารและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเราจึงจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีฉันกับพี่ดีนแต่งงานกันมาปีกว่าๆ แล้วเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฉันอย่างนั้น เราทั้งคู่ยังไม่มีทายาทหรอนะฉันเคยคุยเรื่องนี้กับพี่เขาแล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดแบบเดิม ‘พี่ยังไม่พร้อมครับ’ เขาบอกฉันแบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้“หนูบัวช่วงนี้หนูดูซูบไปนะลูก” ม๊าถามฉันขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินตามท่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีแต่ผู้หญิงส่วนพวกผู้ชายแยกไปดื่มกันอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก“ช่วงนี้หนูงานเยอะน่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันรีบเคลียร์ให้เสร็จเพราะจะลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวกับคุณสามีของฉันน่ะสิ อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจึงหักโหมทำงานอย่างหนัก“แอร๊...” เสียงน้องไข่มุกลูกสาวของพี่เบลซกับดาร้องขึ้นมาเบา พร้อมกับทำท่าทางเ
16.00 น.หนุ่มๆ โดนสวดกันไปยกใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพี่ดีนที่จะตามกลับไปทีหลัง เราตกลงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันและแน่นอนว่าฉันได้วันหยุดมาจะเฮียผาอีกแล้วเฮียบอกกับฉันตอนผูกแขนว่า ‘เฮียอยากเลี้ยงหลาน ไม่ต้องรีบกลับเฮียให้วันหยุดเพิ่มเพื่อปั้มหลานเท่านั้น’ เมื่อวานก่อนกลับก็ยังย้ำฉันอีกรอบด้วยนะ“รถพร้อมแล้วไอ้ลูกเขย” เสียงพ่อตะโกนเรียกพี่ดีนมาจากทางหน้าบ้าน เอาอีกแล้วสองคนนี้มีลับลมคมนัยกันอีกแล้ว“ครับพ่อ”“มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไหนเขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง...“ไปกัน” ร่างสูงจูงมือฉันเดินออกไปยังรถโฟวิลที่พ่อของฉันเตรียมไว้รอเรา“ทุกอย่างเรียบร้อย” พ่อบอกกับพี่ดีนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เขา“ขอบคุณครับ”“แด๊ดดี๊ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะคะว่าจะพาไปไหน” ฉันถามร่างสูงออกไปอย่างงอลๆ“โอ๊ๆๆ อย่าพึ่งงอลแด๊ดนะครับ” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงอ่อนในขณะที่มือหนาโยกหัวของฉันไปมาอย่างเอ็นดู“ชอบเซอร์ไพรส์หนูตลอด”“แล้วหนูชอบไหมคะ”“ชอบค่ะ” ฉันตอบกลับเขาไปเสียงใสพร
2 วันต่อมา...ซู่! ซู่! ซู่!วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับแล้วเวลาของความสุขมันมักจะผ่านไปไวเสมอเลยเนอะ ฉันยืนมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อซึมซับเสียงของคลื่นที่กระทบชายฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“หืมมมม” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันทีที่แขนแกร่งที่คุ้นเคยกอดฉันเอาไว้จากทางด้านหลัง ฉันไม่ตกใจกับการกระทำเขาแล้วล่ะเพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน“แด๊ดดี๊หายไปไหนมาแต่เช้าคะ” ฉันซบลงที่อกแกร่งของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย“แด๊ดดี๊ไปเตรียมอาหารเช้าให้หนูมาครับ” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะก้มลงซุกหน้าของเขาลงกับไหล่มนของฉัน“อะไรนะคะ แด๊ดดี๊ทำอาหารหรอคะ ไปฝึกมาตอนไหนเนี่ย” ฉันรัวคำถามใส่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเป็นชุด ก็เขาชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนี่นา“ความลับครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” พี่ดีนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจูงมือของฉันให้เดินตามเขาออกไป“เรากำลังจะไปไหนกันหรอคะ”“…”“แด๊ดดี๊”“เดี๋ยวถึงแล้วหนูก็รู้ครับ”เขาพาฉันเดินมาจากหาดทรายกว้างๆ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ ก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่หน้าปากถ้ำ
19.00 น.หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันกลับมายังบ้านพัก ร่างสูงเปิดประตูรั่วเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านในก่อน...“นายครับ” เสียงของพี่ริวเรียกพี่ดีนดังขึ้นมาจากด้านหลัง เราทั้งคู่หันกลับไปมองเขาพร้อมกัน“เดี๋ยวหนูเข้าไปรอด้านในนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตของบ้านพักทันทีเพื่อให้เขาคุยงานกับพี่ริวได้สะดวก“อาบน้ำก่อนดีกว่า ก่อนอื่นต้องจัดของเข้าที่ก่อน” ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ฉันเลือกที่จะจัดเสื้อผ้าของพี่ดีนแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้าก่อนเพราะมีอยู่กี่ตัว ก่อนจะหันมาจัดของของตัวเองด้วยความเป็นผู้หญิงมันก็จะมีของกระจุกกระจิกเต็มไปหมดบางทีฉันก็สงสัยนะว่าตัวเองเอาอะไรมาเยอะแยะ‘เที่ยวให้สนุกนะคะ - กะทิ’ นี่เป็นของฝากจากกะทิพี่ดีนบอกว่าลูกน้องของจีซัสนำมาฝากไว้ให้ฉันก่อนที่เราจะขึ้นเครื่อง“ไหนดูสิกะทิฝากอะไรมา” ฉันอ่านข้อความในโพสอิทก่อนจะเปิดถุงผ้าตรงหน้าออก ในนี้มีบิกินีสองตัวใหม่เอี่ยมป้ายราคายังไม่ทันแกะฉันแค่บ่นให้เธอฟังเองว่าไปหาซื้อไม่ทัน เธอก็จัดหนักมาให้ฉันซะเลยสินะ ‘ทูพีชแบบนี้แด๊ดดี๊จะให้ใส่รึป่าวเนี่ย’ ‘ช่างเถอะพรุ่งนี้แด๊ดดี๊ไ
2 อาทิตย์ต่อมา...“แด๊ดดี๊หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ มาให้ฉัน“หนูไม่เจ็บแผลแล้วหรอครับ หืมมมม...” ร่างสูงวางไอแพดในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน“แด๊ดดี๊หนูไหวคะ ไม่มีแผลแล้วด้วย หนูอยากออกไปเจอแสงแดดบ้าง” ฉันนั่งกอดอกพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างงอลๆฉันออกมาจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ 1 อาทิตย์แล้ว รวมกับที่ฉันนอนโรงพยาบาลตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันทำได้เพียงกินกับนอนพี่ดีนไม่ให้ฉันทำอะไรเลยส่วนตัวของเขานั้นก็ได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่คอนโดของฉันอย่างเต็มรูบแบบ เขาเฝ้าฉันแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเลย พอฉันขอออกไปทำงานที่บริษัทเฮียผาก็ไม่ให้ไปบอกให้ฉันหยุดไปเลย 1 เดือน เนี่ยทุกคนพร้อมใจกันกักขังฉัน“งั้นเตรียมตัวนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้แด๊ดพาไปเที่ยวทะเล” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะอุ้มฉันไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขา“คะ? ไปทำงานหรอคะ”“ใช่ครับ...”“ฮึ่ย แด๊ดดี้ทำไมพึ่งบอกล่ะคะ”“จริงๆแด๊ดดี้ให้ใครทำงานให้ก็ได้ครับแต่เห็นหนูอยากไปเจอแสงแดดพอดี แด๊ดดี้เลยคิดว่าน
[BUA’S PART]9.00 น.ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาช้าๆ ด้วยคำถามที่ว่า ทำไมโลกของฉันมันถึงได้หมุนแบบนี้ล่ะ ‘หรือว่าฉัน...’ ฉันรวบรวมสติของตัวเองและคิดทบทวนตัวเองอีกที ‘ฉันโดนยิงนี่...แล้ว?’ ฉันหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจก่อนจะเห็นร่างสูงที่ฉันคุ้นกำลังเซ็นเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้นในขณะที่มืออีกข้างของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น“แด๊ดดี้ ขา...”“ขา...ตื่นแล้วหรอเด็กดื้อ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือทันทีที่ได้ยินเสียงของฉัน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า“ยังค่ะหนูหลับอยู่” ฉันบอกกับเขาอย่างแกล้งๆ พร้อมกับมองสำรวจร่างกายของเขาไปด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“หลอกแด๊ดหรอ หืมมมมม” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน“อ๊ะ”“เจ็บมากไหม...ไม่มีหนูอยู่แด๊ดจะอยู่อย่างไง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงกับมือบางของฉัน“หนูไม่เจ็บเลยค่ะ แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะลูบลงที่แก้มของเขาเบาๆ“…”“แด๊ดเจ็บตรงไหนไหมคะ” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความเป็นห่วงพร้