เกือบหนึ่งเดือนแล้วที่เมญาวีเข้าทำงาน เธอกับเวหาทำงานเข้าขากันดี โปรเจกต์ที่ก็กำลังไปได้สวย ทางโรงงานจะเริ่มต้นผลิตในอีกสามวันข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะวางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป
“คุณเวย์คะ วันนี้เมยจะไปที่โรงงานช่วงบ่ายนะคะ” เมญาวีบอกกับเจ้านาย ตอนนี้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้นสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก็เลยเปลี่ยนไป
“ผมไปด้วยนะ”
“ไม่รู้จะใช้เวลานานไหม เมยกลัวคุณเวย์กลับมาทานอาหารเย็นกับคุณแม่ไม่ทันค่ะ” ตอนนี้เมญาวีรู้แล้วว่าคุณแม่ที่เวหาพูดถึงนั้นเป็นแม่จริง ๆ ไม่ใช่แม่คุณอย่างที่เธอและรินรดาคิดในตอนแรก
“ผมคิดว่าทันนะครับ เราไปสองคนช่วยกันทำงานก็น่าจะเสร็จเร็วกว่าคนเดียวนะครับ”
“ถ้าคุณเวย์คิดอย่างนั้นก็โอเคค่ะ”
“เช้านี้ผมไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้างั้นเราไปกันตอนนี้เลยไหมครับ ไปหาข้าวกินที่นั่นดีไหมผมอยากกินกุ้งเผาครับ”
“ก็ได้ค่ะ คุณเวย์จะไปรถส่วนตัวหรือรถบริษัทคะ”
“ผมว่าขับไปเองดีกว่า”
พอได้ยินคำคอบของเจ้านายแล้วเมญาวีก็รีบเก็บของบนโต๊ะ เธอไม่ลืมที่จะโทรศัพท์ไปยกเลิกการขอใช้รถของบริษัทที่ตัวเองขอไปเมื่อตอนเช้า
รถเอสยูวีคันหรูกำลังทะยานไปบนท้องถนน เป้าหมายคือโรงงานที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา
เวหาและเมญาวีมาถึงโรงงาน ทั้งสองเข้าพบผู้จัดการโรงงานแต่ยังไม่ทันได้ลงไปดูที่ฝ่ายผลิตเพราะถึงเวลาพักเที่ยงพอดี
ผู้จัดการเลยอาสาจะพาหัวหน้าโปรเจกต์และผู้ช่วยไปทานอาหารกลางวัน
“ไหน ๆ ผมก็มาถึงนี้แล้ว เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมเลี้ยงเอง ชวนคนอื่นในออฟฟิศไปดีไหมครับ ผมอยากรู้จักทุกคนไว้ เพราะคงได้ร่วมงานกันอีกนาน”
“จะดีเหรอครับคุณเวหาพวกเรามีกันหลายคนเลยนะครับ”
“ดีสิครับ อันที่จริงผมอยากรู้จักทุกคนเลยแต่วันนี้เอาแค่หัวหน้าแผนกก่อน ส่วนพนักงานคนอื่นผมจะพยายามรู้จักพวกเขาเอง”
พอตกลงกันได้แล้วเวหาก็ขับรถตามทุกคนไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเลขาของผู้จัดการได้โทรจองเองเอาไว้แล้ว
หลังมื้ออาหารเวหาก็ได้คุยกับหัวหน้าแต่ละแผนกอย่างเป็นกันเอง เขาไม่ได้บอกทุกคนว่าตัวเองเป็นลูกชายของคุณสิงหล เรื่องนี้คนในบริษัทไม่มีใครรู้
ชายหนุ่มไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับบิดาเพราะตากับยายอยากให้หลานชายคนเดียวได้ใช้นามสกุลเก่าแก่ของตัวเอง มากกว่าจะไปใช้นามสกุลของบิดา ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนในแวดวงธุรกิจ
ฝนตกรถติดเป็นอะไรที่มักจะมาคู่กันและเป็นปัญหาเสมอกับคนที่อยู่ในเมืองกรุง แม้เวหาจะออกจากอยุธยาตั้งแต่บ่าย ถึงตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วรถคันหรูของชายหนุ่มก็ยังติดแหง็กอยู่บนท้องถนน
“จอดให้เมยลงตรงนี้ก็ได้ค่ะคุณเวย์”
“ทำไมล่ะครับ ยังไม่ถึงบริษัทเลย”
“รถติดขนาดนี้กว่าเราจะไปถึงบริษัทก็คงเป็นชั่วโมง เมยคิดว่าคุณคงกลับทานข้าวกับคุณแม่ไม่ทันแน่ ๆ ค่ะ ให้เมยลงตรงนี้ดีกว่านะคะ เดี๋ยวเมยเรียกแท็กซี่กลับเองได้”
“คุณกลับเองได้แน่นะครับ ฝนตกแบบนี้อาจไม่มีแท็กซี่ก็ได้”
“ถ้าแท็กซี่ไม่มี เมยเรียกแกรปก็ได้ค่ะ จากตรงนี้ไม่ไกลจากที่พักของเมยเท่าไหร่ คุณเวย์ก็จะได้เลี้ยวข้างหน้าได้เลยไม่ต้องเข้าไปเจอรถติด”
“งั้นก็ได้ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
“ค่ะ ขับรถดีนะคะ” เมญาวีพูดเร็วปรื๋อแล้วเปิดประตูรถลง ก่อนจะวิ่งไปยังป้ายรถเมล์เพื่อหลบฝนที่กำลังตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
อันที่จริงแล้วเมญาวีไม่มั่นใจเท่าไหร่ ว่าเธอจะเรียกเกรปหรือแท็กซี่ให้ไปส่งได้ที่บอกเวหาไปแบบนั้นก็เพราะไม่อยากให้เจ้านายต้องมาเสียเวลา
หญิงสาวยืนรอรถอยู่นานก็ยังไม่มีคันไหนว่าง ยิ่งจะเรียกเกรปก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เพราะต้องรออีกนานกว่าจะได้คิวตามที่เรียก หญิงสาวเห็นว่าฝนเริ่มจะซาลงแล้วจึงตัดสินใจเดินไปยังวินรถจักรยานยนต์อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอยืนอยู่มากนัก
แม้ว่าจักรยานยนต์จะคล่องตัวกว่าในสภาพการจราจรในเวลานี้ แต่ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเธอจะมาถึงหน้าห้องพัก
สภาพของเมญาวีตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกหมาตกน้ำเลยทีเดียว
พอเดินขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่ชั้นสามก็รีบตรงเข้าไปอาบน้ำ จากนั้นเอาคัพเค้กในตู้เย็นออกมาทานรองท้อง คิดว่าถ้าสักพักจะลงไปหาอะไรทานที่ร้านอาหารตามสั่งด้านล่างห้องพัก แต่เพราะทั้งเหนื่อยและเพลียบวกกับสภาพอากาศเย็น ๆ เมญาวีก็เลยเผลอหลับไป รู้ตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ตัวเองรู้สึกหนาวสั่น หญิงสาวรีบหายาลดไข้มาทานจากนั้นก็รีบนอนพัก เพราะพรุ่งนี้เธอมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการ
เช้านี้กว่าเมญาวีจะบังคับให้ตัวเองลุกจากที่นอนได้ก็แทบแย่ หญิงสาวรู้สึกปวดหัวเหมือนจะเป็นไข้ ทั้งที่เมื่อคืนก่อนจะนอนก็ทานยาไปแล้ว แต่คงเพราะเมื่อวานเธอเปียกฝนอยู่เกือบชั่วโมงร่างกายก็เลยไม่ไหว
หญิงสาวรีบทานยาและแต่งตัวไปทำงาน เธอไม่อยากลาหยุดเพราะตัวเองยังเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงสองเดือนและมันยังไม่ผ่านช่วงทดลองงาน
พอได้ทานยาแล้วก็รู้สึกดีขึ้นตลอดเช้านี้เธอเลยได้ทำงานอย่างเต็มที่
หลังอาหารกลางวันเธอต้องรีบเข้าประชุมกับทีมการตลาดทำให้เธอไม่ทันได้กินยา พอประชุมเสร็จเธอก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะมีไข้อีกครั้งหญิงสาวรีบทานยาลดไข้ และกลับเข้าไปนั่งทำงานต่อ
แต่เธอก็ฝืนร่างกายของตัวเองไม่ไหว หญิงสาวเลยฟุบหน้าลงบนโต๊ะทำงานคิดว่านอนพักสักครู่ก็คงจะดีขึ้น แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเพราะตอนนี้ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วเธอยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
เวหาเริ่มผิดสังเกตเพราะเมญาวีนั้นเงียบผิดปกติ พอเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าผู้ช่วยนั้นฟุบอยู่บนโต๊ะทำงาน เขาคิดว่าเธอคงแค่พักสายตา แต่พอเขากำลังจะเตรียมตัวกลับบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวยังไม่ขยับตัว
“เมย ผมจะกลับแล้วนะ เมย เมย” เขาเรียกอยู่หลายครั้งแต่หญิงสาวก็นิ่ง
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเขย่าแขนเธอเบา ๆ เมญาวีขยับตัว เงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นเจ้านายเธอตกใจรีบนั่งตัวตรงอย่างรวดเร็ว
“เมย คุณไม่สบายหรือเปล่า หน้าคุณแดงมาก”
“ขอโทษนะคะที่เมยหลับในเวลางาน พอดีเมยปวดหัวนิดเลยก็เลยเผลอหลับไปค่ะ”
“ผมว่าไม่หน่อยแล้วนะ หน้าคุณดูไม่ดีเลย ขอโทษนะ” เวหาเอื้อมมือมาแตะบนหน้าผากแล้วก็รีบดึงมือกลับ
“ตัวคุณร้อนมาก ไปหาหมอดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
“คุณกินยาไปตอนกี่โมง”
“หลังออกจากห้องประชุมค่ะ”
“นี่มันก็เกือบสองชั่วโมงแล้ว มันคงไม่ดีขึ้นแล้ว ผมว่าคุณเก็บของแล้วรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมยไปเองได้”
“ผมไม่ได้ขอร้องคุณนะ ผมสั่ง”
แล้วเมญาวีก็ต้องรีบเดินตามเจ้านายไปยังรถอย่างมีไม่ข้อโต้แย้ง
“เดินไหวไหม”
“ไหวค่ะ” เมญาวีรีบตอบ
แล้วเวหาก็รีบขับรถพาหญิงสาวมาส่งที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เสียงดนตรีเพลงคลาสสิกที่กำลังบรรเลงอยู่สร้างความโรแมนติกให้กับคู่รักหลายคู่ในบาร์รูฟท็อปบนโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เวหากับเมญาวีก็เป็นหนึ่งในคู่รักนั้น วันนี้เป็นวันครบ 3 ปี สำหรับการแต่งงานของทั้งสอง เป็นโอกาสพิเศษที่ทั้งสองคนจะได้อยู่ตามลำพัง เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเขาและเธอวุ่นวายอยู่กับการทำงานและเลี้ยงดูลูกน้อยวัยสองขวบ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือนเมญาวีก็ตั้งท้องลูกสาวที่แสนน่ารัก เด็กหญิงตัวน้อยมีชื่อว่าน้องข้าวหอมเพราะอยากเลี้ยงลูกเองแต่ก็ต้องทำงานไปด้วย เวหาเลยแบ่งห้องที่ทำงานเป็นห้องสำหรับเด็กหนึ่งห้อง จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลลูกสาวในขณะที่เมญาวีทำงาน พอถึงเวลาเลิกงานทั้งครอบครัวก็กลับไปที่บ้านหลักเล็กซึ่งปลูกอยู่ในรั้วเดียวกับบ้านเดิมของเวหา แต่เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งสอง เพชรลดาอยากให้ลูกสาวและลูกเขยได้ใช้เวลาช่วงนี้ด้วยกันตามลำพัง เธอจึงมารับหลานสาวและพี่เลี้ยงไปอยู่ที่โคราชชั่วคราว“ร้านนี้บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะพี่เวย์ จองยากไหมคะ”“ไม่ยากหรอกครับ พี่แดนจัดการให้” โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่เดนิสเพื่อนรุ่นพี่ของ
ภายในห้องนอนยังมืดสนิทแม้จะเป็นเวลาเกือบจะเที่ยงเพราะมีผ้าม่านกันแสงอย่างดี เมญาวียังซุกตัวอยู่กับแผงอกแกร่งของคนรัก เธอเพิ่งได้นอนพักในเวลาเกือบจะหกโมงเข้า แต่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ทั้งเขาและเธอก็เลยไม่ต้องรีบไปทำอะไรที่ไหน เมื่อคืนเมญาวีตามใจเขามากกว่าทุกครั้งเพราะเห็นว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทมาตลอด เมญาวีไม่คิดจะไปเรียนต่อแล้วเพราะไม่อยากห่างจากคนรักแต่เธอก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเวหา หญิงสาวใช้เวลาช่วงที่ไม่ตามคนรักไปบริษัทเรียนรู้งานกับคุณสิงหลที่บ้านหลังใหญ่ของเขา เพราะอยากช่วยงานของเวหาให้ได้มากกว่านี้ พอได้ไปบ้านของเวหาบ่อยขึ้นเมญาวีก็สนิทสนทกับคุณวราพรมารดาของชายหนุ่มมากขึ้นด้วย หญิงสาวจึงรู้ว่าที่ผ่านมาเวหาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนในบริษัทและบิดายอมรับในตัวเขา เมญาวีรู้สึกเห็นใจคนรักมากขึ้น บริษัทที่เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักให้นั้นอีกส่วนหนึ่งก็เป็นของเธอด้วย การจะไปเรียนและให้เขาทำงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรักควรทำสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอคิดถึงแต่ตัวเองมาตลอด แม้ตอนแรกเวหา
ระหว่างที่ยังรอวีซ่าซึ่งไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ เมญาวีก็ย้ายมาอยู่กับเวหาที่คอนโด แม้ว่ามารดาของเขาจะชวนให้ไปอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่เพราะเวหาอยากมีเวลาส่วนตัวกับคนรักให้มากที่สุด เขาจึงพาเมญาวีไปทานข้าวกับท่านที่บ้านเป็นบางวันเท่านั้น เมญาวีตามเวหาไปที่บริษัทเป็นบางวันเท่านั้น เธอไม่ได้ไปทำงานในตำแหน่งเลขา เพียงแต่ตามไปเพราะเวหาอยากให้หญิงสาวเรียนรู้งานในบริษัท พนักงานส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เมญวีมีหุ้นอยู่ในบริษัท ทุกคนรู้แค่เพียงว่าเธอเป็นคนรักของเวหาเพียงเท่านั้น ช่วงนี้งานของเวหาค่อนข้างหนักเอาการ แต่งานหนักแค่ไหนเขาก็ไม่เคยบ่น เพราะทันทีที่กลับมาถึงคอนโดมาเจอกับคนรักเขาก็หายเหนื่อยทันที “พี่เวย์ ช่วงนี้งานเยอะเหรอคะ” “ก็เยอะเป็นปกติครับ” “หาเลขาสักคนดีไหม” “ไม่เป็นไรครับพี่ธรก็ยังอยู่ เขาช่วยพี่ได้เยอะ” “ถ้ากลัวว่าเลขาคนใหม่จะทำให้เมยหึงพี่เวย์ก็หาเลขาผู้ชายสิคะ” “เอาไว้ถ้าพี่ธรบ่นว่าเหนื่อยพี่จะให้เขาหาคนมาช่วยนะครับ” “ถ้ารอให้พี่ธรบ่นสงสัยไม่ต้องหาเลขากันแล้วล่ะคะ”เมญา
กลับจากหัวหิน เวหาพาเมญวีมาที่บ้านของตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เธอมายังบ้านหลังใหญ่“สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้และเรียกคุณวราพรว่าแม่อย่างที่เคยเรียก เนื่องจากตอนนี้เธอกับเวหาตกลงจะกลับมาคบกันอย่างเดิมแล้ว“หนูเมย แม่คิดว่าจะไม่ได้เจอหนูแล้ว แม่ขอโทษเรื่องพ่อของหนูด้วย ถ้าแม่ไม่เห็นแก่ตัวหนูคงมีครอบครัวที่อบอุ่น”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ ที่ผ่านมาเมยก็มีครอบครัวที่อบอุ่น มีแม่กับลุงวัตถ์ เมยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร”“หนูไม่โกรธแม่ใช่ไหม”“ไม่ค่ะ เมยคิดว่าเมยกับแม่ก็ต้องขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”“แม่อยากเจอกับแม่ของหนู อยากขอโทษเขาด้วยตัวเองเอง”“ได้สิคะ เอาไว้เมยจะหาเวลาพาแม่มาเยี่ยมนะคะ”“แม่อยากไปหาที่ไร่ เวย์บอกแม่ว่าที่นั่นร่มรื่นมาก แม่อยากไปเที่ยว”“เมยขอถามแม่กับลุงวัตถ์ก่อนนะคะว่าสะดวกวันไหน เพราะบางทีสองคนนั้นก็เข้าไปในไร่ตั้งแต่เช้า ถ้าไม่นัดก่อนก็อาจจะไม่เจอค่ะ”“เอาอย่างนั้นก็ได้ สะดวกตอนไหนหนูก็บอกเวย์นะลูก”“ค่ะแม่”“วันนี้จะค้างที่นี่ไหม แม่จะได้ให้ป้ายุพาจัดห้อง”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“เมยรังเกียจครอบครัวของแม่หรือเปล่า”“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณแม่เข้าใจผิดแล้ว วันนี้เมยต
พายุตัณหาสงบลงในเวลาเกือบตีหนึ่ง เวหาเช็ดตัวให้กับเมญาวีเพราะอยากให้เธอนอนสบายตัว จากนั้นก็นอนกอดหญิงสาวคนรักจนถึงสายของอีกวัน “เราจะกลับตอนไหนคะ” เมญวีถามในขณะที่กำลังเริ่มทานอาหารมื้อสายด้วยกัน “คงอีกสักสองวันครับ เมยอยากกลับแล้วเหรอ” “พี่เวย์ขา เมยขอโทรหาแม่ได้ไหมคะ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงนะคะ” พอเธออ้อนเวหาก็ยอมใจอ่อน เขาไปเอากระเป๋าในรถมาให้เธอจากนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก ส่วนเมญาวีนั้นเดินไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน หญิงสาวกลับออกมาอีกครั้ง เธอนั่งลงข้างเขา พิงศีรษะกับไหล่หนา “แม่ว่ายังไงบ้างครับ” “ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่แค่ฝากบอกพี่เวย์ว่าอย่าลืมสัญญา พี่สัญญาอะไรกับแม่คะ” “สัญญาว่าจะดูแลเมยอย่างดีครับ” “แค่นั้นเหรอคะ” “ครับแค่นั้น” เมญาวีคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่เขาไม่ยอมพูด แต่คงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าอย่างนั้นมารดาของเธอคงบอกไปแล้ว “เราจะอยู่แต่ในห้องเหรอคะ ไหนว่าพาเมยมาเที่ยวทะเล” “เมยอยากออกไปไหน ถ้าจะไปเล่นน้ำรอตอนเย็นก่อนดีกว่าไ
เมญาวีตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน จำได้แค่ว่ากำลังคุยกับเวหาอยู่ในรถ และเขากำลังจะพาเธอกลับบ้าน เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แล้วก็ต้องตกใจเพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของ หญิงสาวรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูห้องนอนออกไปทันที “เวย์ พาเมยมาที่ไหน เมยอยากกลับบ้าน” “ตื่นแล้วเหรอครับ หิวหรือยัง มานั่งตรงนี้สิพี่สั่งสเต็กปลาของโปรดให้เมยแล้ว” “พี่เวย์คะ เมยบอกกว่าอยากกลับบ้าน” เธอเดินไปยังประตูด้านหน้าแต่พยายามเปิดเท่าไหร่ประตูก็ไม่ขยับ “เปิดประตูให้เมยด้วย เมยจะกลับ” “เดี๋ยวสิเมยคุยกันก่อน” เวหารีบมาดึงตัวคนรักไว้ เขากอดเธอจากด้านหลัง จมูกกดลงไปยังผมสีดำขลับ สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอด “เราต้องคุยกับให้รู้เรื่องนะครับ” “เมยว่าเราคุยกับรู้เรื่องแล้วนะคะ” เวหาอุ้มคนตัวเล็กมายังโต๊ะทานข้าว กดให้หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ขณะที่ตัวเองกักเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง “พี่ไม่ให้เมยไปเรียน” “เมยจะไป เมยเตรียมตัวเรียนภาษามาตั้งสองเดือน” “เมยจะทิ้งพี่ไปจริ