หญิงสาวที่อายุอารามไม่ได้ห่างไกลไปจากบลูเท่าไหร่นัก ทว่า กลับมีความคิดที่โก้กว่า วางแผนจับได้สามีรุ่นราวคราวพ่อไม่สนว่าเป็นหม้ายหรือทำใครบางคนต้องทุกข์ใจ มีเพียงเจตจำนงอยากจะได้สมบัติเขาเท่านั้น ครั้งนึงเคยทำตัวดีมาก อาจจะถูกสร้างมาเพื่อให้ตายใจ ทว่า อย่างไรเสียหล่อนก็พลาดท้องลูกของตัวเองอยู่ดี และเพราะหล่อนยังเสียดายความสาว หรือสิ่งที่เกิดมันไม่ได้อยู่ในแผนที่วางไว้ หล่อนจึงแสดงธาตุแท้ออกมา อิงอรพยายามสรรหาถิ่นทำบาป หวังจะเอาเด็กออก แอบหนีไปทำแท้งเกือบสำเร็จโชคดีสามีจับได้ เพราะความรักที่มีต่อหล่อน หรือเรียกได้ว่าหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้น หล่อนทำผิดขนาดนี้ยังมองว่าดี ปราโมทย์กลายเป็นคนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนับตั้งแต่ได้แต่งงานดับหล่อนเป็นต้นมา ลงทุนส่งบุตรสาวคนเดียวไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเพราะแค่ต้องการจะตัดความรำคาญ ระงับสงครามเย็นภายในครอบครัวระหว่างเมียใหม่กับลูกสาวเท่านั้น ความหยิ่งยโส บาดหมางภายในจิตใจบลูคราวนั้น ยังฝั่งลึกเป็นตราบาปไม่จางหายมาถึงทุกวันนี้ เธอยังคงคิดเสมอ หากระงับสติไม่ใจร้อนจนใช้อารมณ์วัยรุ่นตัดสินเหนือเหตุผล พ่อของเธอคงไม่ต้องมาตายแบบนี้
.....ที่อยู่ๆก็ตาย ด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งที่ปราโมทย์เป็นคนออกกำลังกายไม่เว้นวัน...
หลังจากปราโมทย์สิ้นใจได้ไม่นานอิงอรก็มีรักครั้งใหม่ ทันทีโดยไม่แคร์สังคม และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากหญิงร่านสวาทอย่างหล่อนจะเจอคนที่นิสัยเดียวกันอย่างกับแกะ วสันต์ สามีคนล่าสุด ทว่า อายุน้อยกว่า จะมาร่วมมือช่วยกันผลาญสมบัติของพ่อบลูไม่ละอายใจ เพราะติดการพนัน กรรมทั้งหมดที่บลูกำลังรับผลอยู่นี้ คงจะโทษใครไม่ได้จริงๆ นอกจากความเขลาของพ่อตัวเอง!
(ฉันจะไปพรุ่งนี้ คืนนี้ฉันไม่สะดวก)
หลังจากบลูพยายามติดต่ออิงอรอยู่นานหลายรอบ เพื่อจะบอกข่าวน้องชายในสถานะที่หล่อนควรจะรู้ แต่ไม่คิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะหลุดออกมาจากปากของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแม่อย่างหล่อน
“ แต่แม่คะ น้องอาการหนัก...”
(ฉันก็เห็นมันหนักอยู่แบบนั้นทุกวัน)
“ ห๊ะ...............”
เธอช่างพูดราบเรียบเสมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร อ้างติดงานทั้งๆ ที่รู้แก่ใจว่าทำอะไรอยู่
(เอาเป็นว่า ขอบใจแกมากที่อยู่ดูแล ขอโทษด้วย วันนี้ฉันงานยุ่งไม่สะดวกจริงๆ)
ทั้งๆ ที่ลูกตัวเองตกอยู่ในอันตรายน่ะเหรอ เขาอาจจะไม่มีสิทธิ์รอดก็ได้นะ ทำไมล่ะ ทำไมถึงได้ใจดำกันแบบนี้ นี่ตอนที่หล่อนคลอดลูกออกมาไม่ได้รักเขาเลยใช่ไหม....หัวใจผู้หญิงคนนี้ทำด้วยอะไรกัน!
....เลือดเย็น! ....
บลูคิด ขบกรามเข้าหากันจนปูด ข่มน้ำตาหยดที่ร้อยลงมาอาบแก้ม ปาดมันออกลวกๆ ก็ตอนที่ปลายสายนั่นวาง เม้มปากสนิทเป็นเส้นตรง สภาวะหัวใจเธอตอนนี้อยู่ในช่วงระบมเต็มที่ จะเป็นยังไง หากผ่านคืนนี้ไปน้องชายไม่อยู่กับเธอแล้ว
“ สาบานเลยอิงอร หากบีมเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้แกมีความสุขอยู่อย่างเช่นทุกวันนี้...”
ตีสี่....กับดวงตาแดงก่ำทั้งนอกและใน บ่งบอกเธอนั้นผ่านการร้องไห้มาหลายครั้งต่อหลายครั้ง จนช้ำไปหมดแล้ว บลูนั่งตัวคู่มือผสาน นับตั้งแต่ที่มาถึง จวนตอนนี้เกือบจะสี่ชั่วโมง หล่อนก็ยังคงอยู่ที่เดิม
แอด...
ประตูห้องไอซียูเปิดออก หญิงสาวปรือตาช้อนมอง แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ยังต้องฝืนไว้ ผสานตาประสบเข้ากันกับคนมาใหม่ในชุดกาวน์ที่ปิดหน้าไปซะครึ่ง เลยเผยให้เห็นแววตาที่ส่งมานั้นอย่างชัดเจน มันทั้งสิ้นหวัง และเจือปนไปด้วยความสงสาร จนกระทั่งถึงวินาทีที่ริมฝีปากของคนจะบอกไม่ทันขยับ ผีเกิดเห็นผีเพราะหล่อนเองก็เป็นหมอ ในใจกรีดร้องก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ ไม่จริง!!! “
ฝ่ามือน้อยๆ ขยุ่มลงตรงไหล่ เขย่าหมอหัวสั่นคลอน น้ำตาจากไหนไหลลงมามากมายก็ไม่รู้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหือดแห้งไปหมดแล้ว
“ ใจเย็นนะครับ “
“ บอกฉันสิคะ ว่ามันไม่จริง! หมอยังช่วยได้อยู่ “
“ หมอช่วยอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่คนไข้ไม่ตอบสนอง ทางเราเลยจะขอให้คุณถอดสายออกซิเจน “
“ หมอโกหก!!! “
“ คุณ... “
สุดท้ายต้องกลายเป็นหมอที่ยื่นมือไปคว้าไว้แทน หลังจากที่บลูทิ้งร่างตัวเองหล่นลงไปนั่งกับเก้าอี้ กัดปากสั่นระริก ปล่อยเครื่องหน้าให้ยับยู่ยี่ สะอื้นไห้สุดตัว
“ หมอ... ฮือๆๆ ฉันไม่เหลือใครแล้วนะคะ “
บีบมือหมอแน่น ช้อนตาขึ้นไปขอความเห็นใจ ทั้งๆที่รู้มันหมดหนทางแล้ว
“ ผมขอโทษ.. ผมช่วยไม่ได้.... “
“ ได้สิ...หมอต้อง..ช่วยหนู..”
ความน่าสงสารแผ่ซ่านไปทุกเส้นของความรู้สึก กลายเป็นว่าหมอ ที่คิดจะเดินมาบอกเจ้าของไข้ให้ถอดสายชีพจรในทีแรก นึกว่าหล่อนนั้นทำใจได้บ้างสักกึ่งนึง ต้องมาปลอบใจแทนซะเอง ทว่า เวลาผ่านไปสักพัก ไม่นานบลูสงบนิ่ง ปล่อยฝ่ามือหมอ แล้วนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตามลำพัง ถามตัวเองไปมาซ้ำๆ นี่ใช่ไหมความเจ็บปวดของคนที่สูญเสีย ภาพเหตุการณ์ย้อนกลับไปในวันเก่าๆ ช่วงที่หล่อนทำงานเป็นสัตวแพทย์ มีหน้าที่คอยดูแลและรักษาสัตว์ วันนึงหากช่วยไม่ได้ขึ้นมา นี่ใช่ไหมคือบทเรียน... วันนี้เธอเข้าใจมันแล้ว ความหมายของคำว่าหมอช่วยไม่ได้ ก็คือช่วยไม่ได้จริงๆ แม้พยายามจะช่วยสักแค่ไหน อยากจะชุบชีวิตขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ถ้าหมอทุกคนมีเวทมนตร์ นั่นคือจรรยาบรรณที่หล่อนถูกสอนมาตลอด และความรู้สึกของผู้สูญเสียในวันนั้น ก็คงจะเหมือนเธอในวันนี้
..ที่มีรสชาติไม่ต่างกัน...
บลูใช้เวลานั่งทำใจไม่ถึงสิบนาที จึงจะตัดสินใจลุกเข้าไปหา สภาพน้องชายที่นอนหงายเหยียดเท้าตรง มือเบาไร้ความรู้สึกถูกวางไว้ข้างๆ ตัว นี่คือวัฏจักรของสิ่งมีชีวิต เมื่อร่างกลายเป็นศพก็สุดแล้วแต่ใครจะทำลาย หมอคนเดิมพยักหน้าให้บลู เหมือนจะซ้ำเติมให้รับรู้ว่าบีมนั้นไม่มีทางกลับมาแล้ว และให้หล่อนเป็นคนถอนออกซิเจนด้วยตัวเอง นั่นยิ่งทำให้บลูตอนนี้หมดแรงไม่ต่างกับร่างถูกฉีดยาชา ก้มหน้าลงมองหน้าน้องชายเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมฝ่ามือยื่นไปแนบหน้า พยายามอย่างมากกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงไหล
“ ไปดีนะบีม...”
บอกลาเสียงเบาราวกับสายลม ข่มความฝืนไว้ด้วยการหลับตา แล้วถึงจะดึงสายชีพจรออก
ปี๊ดดดดดดด.................
ก่อนเสียงนี้จะทำหัวใจหล่อนสลาย ฟุบหน้าลงสะอื้นกับร่างไร้วิญญาณ
" ลาก่อนนะบีม ถ้าชาติหน้ามีจริง บีมเกิดมาเป็นน้องพี่อีกนะ.. "
7 เดือนผ่านไปบูรพาไม่ได้แต่งงานเหมือนใครเขา เนื่องจากฟังความคิดเห็นที่ค่อนข้างจะเบี่ยงเบนไปทางโอดโอยมากจนเกินไป ประสบการณ์เจ้าสาววัยละอ่อนสองคนก่อนหน้านี้อัดแน่นพร้อมรีวิวสีหน้ามาสมทบ ....มันไม่สนุกเลย ที่จะให้คนท้องโย้ สวมชุดเจ้าสาว นอกจากไม่สวยแล้ว มันแสนจะทรมานใช่! นี่คือคำเล่าอ้าง ไหนจะต้องยืนยิ้มทั้งวัน คอยเอาใจแขกเหรื่ออีก แค่บูรพานึกภาพ แทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว เธอเลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ดูแลตัวเอง เป็นคนรักที่ดี คอยเอาใจสามี รอวันคลอดจะดีกว่าและเหมือนว่าความสนิทสนม ในช่วงเวลาอยู่ด้วยกันจะเพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนสรรพนามไปโดยปริยาย" พี่คอปคะ พี่ว่า สีนี้จะสวยรึเปล่า "บูรพาเดินถือหนังสือแคตตาล็อกอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดของตัวเองมายังห้องโถงกลางห้อง ในขณะเจ้าของชื่อกำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารกองโตหน้าจอคอม เธอหมายถึง ผ้าม่านสีครีมสีสวยที่ต้องการจะนำไปติดที่บ้านสวนของเธอ ก่อนหน้านี้ พวกเขาเกทับตัวเองไปพักที่นั่นกันมาแล้ว หลังจากโมดิฟายต่อเติมได้ไม่นาน มันดูชีวิตชีวาขึ้น และน่าอยู่ขึ้น นับตั้งแต่มีคนไปอยู่ ก่อนจะย้ายกลับมา เมื่อไม่กี่วันมานี้ ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้น และระยะทางร
ร่างบางในชุดนอนเนื้อผ้าซาตินลนลานหมุนตัวกลับ เกือบปาดน้ำตาแทบไม่ทัน หลังนึกอะไรขึ้นได้ ปิดประตูอย่างเบามือ ทิ้งตัวลงกลางเตียงแกล้งหลับ ในจังหวะคุณคอปเดินเข้ามาพอดี เขากำกล่องกำมะหยี่นั้นแน่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตั้งแต่เดินเข้ามา ก่อนค่อยๆ โน้มตัวนอนลงข้างเธอ ไม่ได้ผลักร่างบางซึ่งนอนตะแคงหันหลังอยู่เข้ามา ทว่ายัดกล่องเล็กนั่นเข้าไปในอุ้งมือแทน" อะไรหรือคะ "บูรพาแกล้งถาม ใช้ศอกยันตัวลุกขึ้นอิงแผ่นหลังพิงกับร่างใหญ่ คุณคอปโน้มหน้ามาฉกริมฝีปากเธอเร็วๆ พลางยิ้มละมุน" ของคุณ"" คะ? "" เก็บไว้ใส่นิ้วนี้ "กระซิบเสียงแผ่ว พร้อมดึงมือข้างซ้ายมาเขย่าเบาๆ บูรพายิ้มตาม ก่อนจะใช้มือข้างขวาปิดปากปล่อยโฮ คราวนี้เธอไม่ได้แกล้ง แต่กลับร้องไห้ออกมาจริง เนื่องจากภาพตอนเธอแอบมองมันไกลเกินกว่าจะเห็น ในมือสามีนั่นถืออะไร ได้ยินเพียงแค่คำขอโทษ กับการสวมกอดของคนสองคนแค่นั้น ก็ดีใจมากพอแล้ว ไม่คิดว่าคุณนายจะเล่นใหญ่ถึงขั้นยกแหวนวงนี้ให้กับคนอื่น วงที่บูรพาเห็นมันบ่อยๆบนนิ้วชี้ด้านขวาของหล่อนใช่ เธอจำได้ และรู้คุณนายหวงมันมาก" ฮึก..."นิ้วใหญ่ยื่นมาปัดก้อนน้ำตาให้ ในขณะริมฝีปากเขายังเปื้อนยิ้มอยู่ ไล้ลงมา
มือบางจัดไปค่อนข้างเหี่ยว บีบเข้ากันแน่น ต่างกันแต่สีหน้าที่ยังเรียบเฉย หัวใจภายใต้เนื้อในเสื้อหรูผ้าซาตินเต้นแรงไม่เป็นจังหวะคุณนายอารีย์ไม่ได้เขินอายเสมือนหญิงสาววัยรุ่น กลับกันหล่อนรู้สึกชื่นใจแปลกๆใจที่บางอยู่แล้ว ยิ่งทวีคูณความบางเข้าไปอีก เมื่อหางตาเกิดชำเลืองไปมองหน้าอดีตสามี ในจังหวะที่เขาเอื้อมมือ ถือวิสาสะมาโดน****" อ๊ะ.."และผลที่เกิดขึ้น คือไม่ต่างจากไฟช็อต คุณนายอารีย์เลื่อนมือตนออกห่าง ยอมรับหล่อนยังไม่ใจอ่อน หรือพร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์แบบนี้" คุณได้ยินที่ผมพูดไหม "ทว่า คู่กรณีเจ้ากรรม ก็พร่ำแต่จะก่อกวน ขยี้คำถามให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นหนักซะเหลือเกิน มือเรียวเลยบีบเข้าหากันใหม่ ซึ่งคราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะมันขึ้นเส้นเลือดปูด" ผมยังจำเรื่องราวในตอนนั้นได้อยู่นะ ยังสามารถเล่าให้คุณฟังได้อยู่ "" อย่ามายุ่งกับฉัน "ตัดสินใจ ลุกขึ้นยืนทันควัน แต่เหมือนจะช้าไป พ่อเลี้ยงผู้รู้นิสัยหล่อนดี เดินมาดักหน้าเสียก่อน" ผมจะปล่อยให้คุณหนีผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว "" หยุดพล่าม คุณก็รู้ว่ามันไม่มีทาง "" เพราะอะไร "ร่างสูงขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ คราวนี
การปรึกษาหารือกันระหว่างพ่อลูก อยู่ในสายตาของบูรพาห่างๆ ด้วยระยะที่ไกล เธอจะไม่มีทางฟังได้สรรพ ยกเว้นจากท่าทีที่ทั้งคู่แสดงออกมาหากให้เดาตามสัญชาตญาณ วินิจฉัยด้วยสมอง จะรู้ในทันทีว่าพ่อเลี้ยงสยามไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ไม่ต่างจากเธอ กับการขายหุ้นมรดกและการเปลี่ยนนามสกุลนั้น เพราะนั่นหมายความว่าคุณคอปเสียผลประโยชน์ไปโดยปริยายอย่าลืม บุคคลในตระกูลจรัญทิพย์ไม่ได้มีแต่คุณนายอารีย์และบุตรชายเท่านั้น ทว่ายังมีบุคคลอื่นที่พร้อมจะแย่งสมบัติ ตามสายเลือดซึ่งหัวเชื้อได้สร้างไว้ใช่ คุณนายอารีย์มีคู่แข่ง และ อดีตสามีหล่อนก็รู้ เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจใยตกมาเป็นของหล่อน มีสิทธิ์มากกว่าผู้ใดในผลประโยชน์ นั่นก็เพราะหล่อนคือบุตรีคนโต ที่ได้เปรียบเรียนรู้งานก่อนคนอื่น ซึ่งแน่นอนผู้มาใหม่ อย่างบูรพาเองก็ยังรู้ เลยคิดว่าเหตุผลทั้งหมดที่จะทำเพื่อแลกกับอิสระในการมีเธอเพียงคนเดียวนี้ มันไม่สมควร เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สามีตัวเองหมดตัว หากมันจะจนตรอก นี่ต้องไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย! จะอย่างไรเธอก็เข้าใจคุณนายอารีย์ แม้ว่าทุกเวลาเธอนั้นโดนกระทำ ต่อให้เธอต้องถูกชิงชัง ทว่ายังทำให้เธอเข้าใจหล่อนอยู่ ยิ่งมาถึงวันนี
สายโด่ นาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมงเศษ คุณคอปงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังนอนเกลี่ยผมภรรยาเพลินจนเผลอหลับไป สิ่งแรกที่ใจคิดถึง คือคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นยังนอนอยู่ที่เดิมและท่าเดิม ก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก" เฮ้..ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"เขาเขย่าตัวเธอ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ที่บูรพานั้นหลับสนิทไร้เสียงตอบรับใดๆ และเปลือกตาถ่างขึ้น แต่น่าแปลก ลมหายใจเข้าออกของเธอกลับสม่ำเสมอไร้อาการคนป่วย เธอเหมือนคนนอนหลับสบายเสียมากกว่าก็อก ก็อก ก็อก" ไม่ได้ล็อก"สีหน้าวิตกกังวลของคุณคอปเบี่ยงไปตามเสียง ก่อนบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจะถูกเปิดเข้ามาเบาๆ คนโผล่หน้ามาให้เห็นเป็นคนแรกคือป้าแม่บ้าน หลังจากนั้นจึงจะเป็นหน้าหมอรองลงมา" หมอมาแล้วค่ะ "หล่อนบอกก่อนโค้งหัวให้แล้วเดินออกไป มีเพียงหมอ คุณคอป และ ภรรยาเขาที่นอนไม่ไหวติงเหลืออยู่เท่านั้น" ตามสบายครับ"ร่างสูงพยักหน้ายิ้มเล็กๆ ก่อนจะลุกจากเตียง หลีกทางให้หมอได้ทำงาน ในขณะรอหมอตรวจ เป็นเวลาที่เขาได้เช็คโทรศัพท์ และไม่คิดว่าจะได้ดูดบุหรี่ควบคู่กันไปด้วย" ขอตัวนะครับ ตรวจเสร็จก็เรียกผม "" ครับ "เขายอมพาตัวเองออกไปนอกระเบียง ปิดประตูหลังจนมิดช
สี่ล้อรถหรูค่อยชะลอก่อนจะจอดนิ่งในที่สุด เมื่อถึงที่หมาย บ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้หรูหราเทียบเท่าคฤหาสน์จรัญทิพย์ รูปทรงต่างจากทั่วไป ทว่าสวยได้ใจสุดๆ ตั้งตระหง่านหลังเดียวโดดเด่นอยู่กลางป่า คุณคอปดับเครื่องยนต์สนิท ก่อนผ่อนลมหายใจระงมใหญ่ ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะได้มาเหยียบที่นี่ บ้านสวนพ่อซึ่งยกให้เขา ปิดประตูรถฝั่งตัวเอง พลางเดินอ้อมไปจุ๊บผากมนทีนึง และอุ้มคนข้างกายที่หลับสนิทอย่างเบามือ" ไปนอนต่อในบ้านนะครับ "บูรพาหลับไม่ตื่น นับตั้งแต่ออกมาจากบริษัทท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเขา สามีของเธอ เขาพร่ำภาวนาให้ภรรยาไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ จนกระทั่งมาถึงที่นี่แอดมันคงจะเป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่พอสมควร จากคนที่เคยมาล่าสุดตอนเป็นเด็ก หลังจากอายุสิบห้าปีเขาไม่มาเหยียบอีกเลย ทว่า ยังคงจ้างแม่บ้านและคนสวนคอยดูแลสม่ำเสมอ" คุณเป็นใคร"" ...."และเหมือนสภาพเขาไม่รู้ว่าโตขึ้น หรือว่าโทรม ทำแม่บ้านจำแทบไม่ได้ เมื่อหล่อนวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความตกใจมายืนหอบตัวโยน หลังเห็นไฟในบ้านเปิดเกือบทุกดวง ร่างสูงค่อยๆหันกลับมาด้วยความเหนื่อย เคล้าโคลงรูปหน้าค่าตาแปรเปลี่ยนไปจากเด็กน้อยเพียงนิดเดียว ทำแม่บ้านชะงัก