Share

บทที่ 1012

Author: ไห่ตงชิง
หากมองลงมาจากที่สูงในขณะนี้ จะเห็นว่าองครักษ์เสื้อแพรได้เข้าควบคุมพื้นที่สำคัญแทบทั้งหมดของเมืองหลวง

แทบทุกๆ ห้าก้าวจะมีองครักษ์ประจำจุด นอกจากด่านตรวจประจำจุดเหล่านี้แล้ว ยังมีหัวหน้าหน่วยระดับหมู่คอยนำกองลาดตระเวนออกตรวจตราเส้นทางเป็นระยะ

หากพบผู้ต้องสงสัย จะถูกจับตัวทันที ส่วนราษฎรทั่วไปก็ยังคงได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพ เช่นเดียวกับที่พวกเขาปฏิบัติต่อจางเหล่าซาน โดยส่วนมากพวกเขาเพียงบอกให้กลับบ้านไป

แต่สำหรับผู้ที่ดื้อรั้น ไม่ยอมทำตามคำสั่ง พวกเขาจะถูกจับมัดแล้วนำตัวไปทันที

เพียงแต่ก็แทบไม่มีใครโง่เขลาพอที่จะกล้าต่อต้านหน่วยบูรพา

เมืองหลวงค่อยๆ ตื่นขึ้นจากความเงียบสงบของราตรี แต่วันนี้กลับไม่เหมือนวันอื่นๆ ปกติแล้ว ในช่วงเวลานี้ ถนนจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาตลาดเช้า

แต่วันนี้ บนท้องถนนกลับมีเพียงองครักษ์เสื้อแพรและเจ้าหน้าที่ของทางการที่เดินตรวจตรา แม้แต่ร้านค้าริมทางที่เคยเปิดรับลูกค้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ก็ยังคงปิดประตูเงียบ

เมืองทั้งเมืองเงียบงันอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาดเช่นนี้ จนกระทั่งแสงแรกของวันทอดลงมาบนแผ่นดิน

เมื่อแสงอาทิตย์สาดกระทบกระเบื้องเคลือบของพระที่นั่งสีเจิ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1013

    หลี่เฉินสวมชุดพิธีการอันหนักอึ้งและยุ่งยาก ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งไร้อารมณ์ ราวกับหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมให้เคลื่อนไหว เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เขาก้าวออกจากตำหนักด้วยท่วงท่าที่ถูกกำหนดล่วงหน้า จากนั้นขึ้นรถม้าอย่างเป็นระเบียบ รถม้าเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่กำหนดอย่างเชื่องช้าทันทีที่รถม้าของหลี่เฉินเริ่มเคลื่อนที่ เสียงดนตรีก็ดังขึ้นพิธีอภิเษกสมรสขององค์รัชทายาทได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเส้นทางจากตำหนักบูรพาสู่ตำหนักเฟิ่งสี่ หลี่เฉินเดินจนคุ้นเคย ต่อให้หลับตาเขาก็ยังรู้ว่าต้องไปทางไหนแต่ทุกครั้งที่เดินบนเส้นทางนี้ เขาไม่เคยรู้สึกว่ามันช่างยุ่งยากและเชื่องช้าขนาดนี้มาก่อนทุกที่ที่สายตาของเขากวาดผ่านไป เต็มไปด้วยขุนนาง นางกำนัล และขันทีที่เดินขวักไขว่ไปมา ทุกคนล้วนมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความสุขแต่ในใจของหลี่เฉินกลับไม่สงบเลยแม้แต่น้อยเพราะเขารู้ว่า จ้าวเสวียนจีจะลงมือได้ทุกเมื่อภายใต้บรรยากาศแห่งความยินดีของเมืองหลวง สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใต้นั้นคือ อันตรายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งจักรวรรดิณ จวนแม่ทัพใหญ่บรรยากาศที่นี่ก็ดูรื่นเริงเช่นกั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1014

    "จิ่นพ่า พี่ไม่มีความสามารถอะไรนัก สิ่งเดียวที่พี่ทำสำเร็จและน่าภูมิใจที่สุดในชีวิต คือศึกที่เสียนเฉา""แต่ถึงกระนั้น ศึกนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีพ่อคอยช่วยเหลือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และหากไม่มีองค์ชายตำหนักบูรพาคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ พี่ก็คงไม่อาจชนะศึกนั้นได้"ซูผิงเป่ยกล่าวด้วยเสียงเรียบ ขณะก้มมองซูจิ่นพ่าที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง "แต่วันนี้ วันแต่งงานของเจ้า พี่ให้คำมั่นว่า จะไม่มีผู้ใดมาทำลายพิธีแต่งงานของน้องสาวพี่ได้!"ซูจิ่นพ่าหันไปมองซูผิงเป่ย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ "ท่านสวมชุดเกราะเช่นนี้ กำลังจะออกเดินทางแล้วสินะ?"ซูผิงเป่ยพยักหน้า "หน่วยบูรพาส่งข่าวมาว่า จุดที่พวกเขาเฝ้าระวังอยู่เกิดความเคลื่อนไหวผิดปกติ มีบุคคลแปลกหน้าปรากฏตัวรอบนอกเมืองหลวงจำนวนมาก ข้าต้องนำกองกำลังไปประจำการที่ ประตูเสินอู่ ด้วยตัวเอง""เมื่อพระราชพิธีเริ่มขึ้น หากกองกำลังศัตรูโจมตีจากเมืองรอบนอกเข้าเมืองชั้นใน ประตูเสินอู่จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่พวกเขาต้องผ่าน ข้าจะดูแลจุดนั้นด้วยตัวเอง"ซูจิ่นพ่าถอนหายใจเบาๆ "ข้าไม่เข้าใจพวกผู้ชายจริงๆ ทำไมถึงต้องแย่งชิงอำนาจกัน? เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้วต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1015

    ซูเจิ้นถิงมองซูผิงเป่ยแวบหนึ่ง ราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดเรื่องนี้ออกไปดีหรือไม่ซูผิงเป่ยรู้สึกใจร้อนขึ้นมาทันที "ท่านพ่อ สถานการณ์ถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังมีเรื่องปิดบังข้าอีกหรือ? ถ้าข้าไม่รู้อะไรเลย ข้าจะรับมือที่ประตูเสินอู่ได้อย่างไร?"ซูเจิ้นถิงแค่นเสียงต่ำ ก่อนจะลดเสียงลงและกล่าวว่า "เพิ่งได้รับข่าวมา แม่ทัพที่ประจำตำแหน่งสำคัญในกองบัญชาการทหารบางนายหายตัวไป"คำพูดสั้นๆ นี้ทำให้ซูผิงเป่ยรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง"แม่ทัพระดับบัญชาการนั้นหรือ!? แถมยังเป็นตำแหน่งสำคัญด้วย!?""แม้ว่าตำแหน่งของพวกเขาจะไม่สูงนัก แต่พวกเขาก็สามารถเข้าถึงข้อมูลลับต่างๆ ได้มากมาย การหายตัวไปของพวกเขาหมายความว่าอย่างไร? พวกเขาถูกฆ่าตายแล้ว หรือว่าพวกเขาเป็นคนของอีกฝ่ายตั้งแต่แรก!?"ซูเจิ้นถิงขมวดคิ้ว ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด ข้าได้ส่งคนออกไปสืบสวนแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวกลับมา ข้าว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะถูกฆ่าตายไปแล้ว"ซูผิงเป่ยกัดฟันแน่น ก่อนจะสบถออกมา "ให้ตายเถอะ! จ้าวเสวียนจีซ่อนคนของมันไว้ลึกขนาดนี้เลยหรือ? กองบัญชาการทหารตรวจสอบกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่มันก็ยังแอบซ่อนสายของมันไว้ได้!?"

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1016

    ตั้งแต่พิธีในช่วงเช้าเริ่มต้นขึ้น จ้าวชิงหลานก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า ร่างของนางสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหลี่เฉินด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย พลางกล่าวว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าตำแหน่งที่เจ้ากำลังยืนอยู่นี้ เป็นที่ของผู้ใด?""รู้สิ ข้างกายฮองเฮาย่อมมีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่ยืนได้"หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "แต่เสด็จพ่อไม่ได้เสด็จมาใช่หรือไม่? อีกอย่าง รอบข้างนี้ก็ไร้ผู้คน""แต่บรรพกษัตริย์ล้วนกำลังจับตาดูเจ้ากับข้าอยู่!" จ้าวชิงหลานกล่าวเสียงเข้มหลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนเงยหน้ามองภาพวาดและป้ายวิญญาณของฮ่องเต้แห่งต้าฉินในอดีต จากนั้นกล่าวว่า "หากบรรพกษัตริย์เหล่านั้นสามารถปรากฏตัวขึ้นได้ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำก็คือประหารกบฏทั้งหมดที่นำโดยบิดาของเจ้า"จ้าวชิงหลานกัดริมฝีปากแน่น นางไม่อาจหาคำใดมาหักล้างคำพูดของเขาได้โชคดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางถูกหลี่เฉินกล่าวจนเงียบไป และในเมื่อไม่มีสิ่งใดให้กล่าว นางก็เลือกที่จะเงียบ"คนตายไม่อาจพึ่งพาได้ หากคิดว่าคนตายจะช่วยอะไรได้ จักรวรรดิต้าฉินคงไม่ตกต่ำถึงเพียงนี้"หลี่เฉินกล่าวพลางกระชากบ่าของจ้าวชิงหลานให้หันมาหาตน บังคับให้นางประจัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1017

    คำพูดของหลี่เฉินทำให้จ้าวชิงหลานรู้สึกอับอายและโกรธแค้นถึงขีดสุดสถานการณ์พิเศษที่พวกเขาอยู่ และถ้อยคำของหลี่เฉิน ล้วนแต่กระตุ้นทุกเส้นประสาทในร่างของนาง"ข้ากับเขาได้แยกทางกันแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นเพราะเจ้า นี่ก็คือสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงยังต้องมาดูถูกข้าอีก" น้ำเสียงของจ้าวชิงหลานเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความแค้น"เหตุใดจึงเป็นเพราะข้า?"หลี่เฉินโต้กลับ "หากไม่ใช่เพราะเขาโหดเหี้ยมถึงขั้นหมายจะฆ่าลูกของตนเอง เจ้าจะหมดสิ้นศรัทธาต่อเขาหรือ? ข้าต่างหากที่ช่วยเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคงยังยอมทำงานให้เขาต่อไป"จ้าวชิงหลานพยายามดิ้นรนอีกครั้งก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ปล่อยข้าก่อน""ข้าไม่ปล่อย"หลี่เฉินไม่ยอมผ่อนปรน ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกระชับอ้อมแขนให้แน่นยิ่งขึ้น"จ้าวเสวียนจีก่อกบฏ เจ้าคือฮองเฮา เขาคือพระอัยกาแห่งแผ่นดิน ไม่ว่าการกบฏนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว ผู้ที่ตกอยู่ในสภาพน่าอับอายที่สุดก็คือเจ้า และเจ้าจะไม่มีวันได้เป็นไทเฮา ดังนั้น เมื่อข้าขึ้นครองราชย์ ต้าฉินจะมีฮองเฮาสองพระองค์"เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เฉิน สีหน้าของจ้าวชิงหลานเต็มไปด้วยควา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1018

    เพียงช่วงเวลาหนึ่งธูปหมด ประตูเสิ่นอู่ก็เต็มไปด้วยซากศพ ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายรุก แต่ทว่าผู้ที่ยังคงยืนอยู่ ล้วนเป็นฝ่ายที่มีริบบิ้นแดงผูกแขนนักรบเหล่านั้นที่ยังคงเปื้อนกลิ่นเลือด แยกแถวออกเพื่อเปิดทางให้หลี่อิ๋นหู่ในชุดเกราะก้าวขึ้นไปยืนบนกำแพงเมืองเขายืนอยู่บนหอคอยประตูเสิ่นอู่ มองไปยังเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยตึกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เสียงตะโกนสู้รบจากที่ไกลยังพอได้ยิน ขณะที่ใกล้ตัวนั้นมีเพียงกลิ่นคาวเลือดนี่เป็นครั้งแรกที่หลี่อิ๋นหู่ได้เข้าร่วมสงครามจริงๆ ทิวทัศน์ของเลือดที่ไหลนองและซากศพที่เกลื่อนกลาดไม่เพียงไม่ทำให้เขาหวาดกลัว กลับกระตุ้นความฮึกเหิมของเขายิ่งขึ้นมือของเขาตบลงบนราวกั้นหินอย่างหนัก ก่อนหันไปกล่าวกับโจวสิงเจี่ย องครักษ์ที่ติดตามปกป้องเขาตลอดเวลา "ผู้อาวุโสโจว! มหากาพย์แห่งหมื่นชั่วอายุคนอยู่ตรงหน้าเราแล้ว!""ตราบใดที่เราบุกเข้าสู่พระราชวังหลวงได้ ฆ่าหลี่เฉินเสีย แผ่นดินนี้ก็จะเป็นของเรา!"โจวสิงเจี่ยกล่าวเบาๆ "ท่านอ๋องย่อมไร้อุปสรรค ปกครองแผ่นดินด้วยเสื้อคลุมทองคำ"หลี่อิ๋นหู่ยกมือขึ้น สีหน้าเย็นชา "อย่าเรียกข้าว่าอ๋อง ข้าไม่ชอบได้ยินคำนั้น"โจวสิงเจี่ยฉุกคิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1019

    "ง่ายดายเกินไป"จ้าวเสวียนจีพึมพำกับตัวเองราวกับไม่ได้ยินคำพูดของฟู่อวี้จือ "หลี่เฉินคือลูกมังกรตัวจริง เขารู้ดีว่าข้ากับเจ้าจะก่อการในวันนี้ เขาจะไม่มีการเตรียมการใดเลยหรือ?""แม้ว่าเขาจะไม่เตรียม ซูเจิ้นถิงก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่รับมือได้ง่าย?""ตอนนี้แม้แต่ซูเจิ้นถิงก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ต่างซ่อนตัวอยู่ในตำหนักบูรพาและสำนักบัญชาการทหารสูงสุด เจ้าคิดว่ามันไม่แปลกหรือ?"ฟู่อวี้จือกล่าวอย่างลังเล "แต่ในถนนของเมืองหลวง ก็มีองครักษ์หน่วยบูรพาและองครักษ์อวี่หลินวางกำลังทุกห้าก้าว พวกเราก็เจอการต่อต้านไม่น้อย""ไปแจ้งหลี่อิ๋นหู่ ให้เขายึดประตูเสิ่นอู่"จ้าวเสวียนจีสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ประตูเสิ่นอู่มีซูผิงเป่ยเฝ้ารักษาด้วยตัวเอง ประตูนี้เชื่อมระหว่างเมืองชั้นในและชั้นนอก ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เขาต้องยึดให้ได้โดยเร็วที่สุด"สายตาของจ้าวเสวียนจีหรี่ลง แววโหดเหี้ยมฉายชัด "สั่งให้กองกำลังที่ซุ่มอยู่ในเมืองชั้นในเคลื่อนไหว ประสานโจมตีจากทั้งสองด้าน เปิดเผยไพ่สองใบแรกของเราออกมา ดูสิว่าซูเจิ้นถิงและตำหนักบูรพาจะยังอดทนต่อไปได้หรือไม่ ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนการใด ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถอ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1020

    การสังหารที่โหดเหี้ยมปะทุขึ้นอย่างไร้สัญญาณเตือนเพียงแค่เริ่มต้นก็เป็นจุดสูงสุดของการต่อสู้แล้วองครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพาและกองกำลังกบฏล้วนเป็นทหารชั้นยอด เพียงเผชิญหน้ากันไม่กี่อึดใจก็ปะทะกันทันทีเสียงอาวุธกระทบกัน เสียงตะโกนก้องด้วยโทสะ ผสมกับเสียงร่างที่ล้มลงกระแทกพื้นดินอันหนักแน่น ราวกับเสียงร่ำไห้จากนรกที่รายล้อมขบวนอภิเษกอันเป็นสัญลักษณ์ของความมงคลเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ของการต่อสู้ ก็ได้คร่าชีวิตไปกว่าสิบชีวิตสิ่งที่แดงฉานยิ่งกว่าชุดแต่งงาน และสว่างสดใสกว่ากลีบดอกไม้บนพื้น คือโลหิตของมนุษย์ท่ามกลางเสียงสังหาร ขุนนางกรมพิธีการที่ก่อนหน้านี้ตกใจจนล้มลงกับพื้น ละทิ้งความอับอาย รีบวิ่งไปยังเกี้ยวของซูจิ่นพ่าและตะโกนลั่น "คุ้มกันพระชายา! เร็วเข้า! รีบมาคุ้มกัน!"เขาประคองหมวกขุนนางของตน ก่อนจะเอ่ยถามคนภายในเกี้ยว "พระชายาทรงปลอดภัยหรือไม่?"ภายในเกี้ยว เสียงของซูจิ่นพ่าดังออกมาอย่างสงบนิ่ง "ข้าไม่เป็นอะไร ขบวนอภิเษกจงเดินหน้าต่อไป อย่าให้พลาดเวลามงคล"น้ำเสียงเย็นชา ราบเรียบไร้ความตื่นตระหนกแม้แต่น้อยเหล่าขุนนางและทหารที่ได้ยิน ต่างอดไม่ได้ที่จะมองซูจิ่นพ่าใหม่อีกคร

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1069

    เสียงหัวข้าะเบาๆ ของต้วนจิ่นเจียง ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นหัวข้าะลั่น ก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวข้าะคลุ้มคลั่ง ต้วนจิ่นเจียงราวกับเสียสติ เงยหน้าหัวข้าะอย่างบ้าคลั่ง แม้สายฝนเย็นเฉียบสาดซัดใส่ใบหน้า เขาก็ยังไม่หยุดหัวข้าะ “ดี! ดีมาก!” ต้วนจิ่นเจียงหัวข้าะจนแทบหายใจไม่ออก เขาชี้ไปที่หลี่เฉิน กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “องค์รัชทายาท เจ้านี่ช่างเป็นผู้ถูกมังกรคุ้มครองแท้จริง แม้หลี่อิ๋นหู่กับจ้าวเสวียนจีจะร่วมมือกัน ก็ยังโค่นเจ้าไม่ลง!” “ข้าเพียงเสียดาย ที่ยามท่านอ่อนแอที่สุด ข้ามิได้ลงมือเด็ดขาด ปล่อยให้เจ้าเติบโตมาจนถึงขั้นนี้ ข้า...เสียใจนัก!” สภาพของต้วนจิ่นเจียงเริ่มเข้าสู่ความคลุ้มคลั่งเต็มขั้น ดวงตาแดงฉาน ใบหน้าเหยเกดั่งอสูร “ทำไมกัน! ทำไมข้ารอบคอบวางแผนมาขนาดนี้ เจ้าถึงยังไม่ตาย! มันเป็นเพราะอะไร!” ในถ้อยคำนี้ เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่ยอมแพ้อย่างถึงที่สุด “วางแผนรอบคอบย่อมดี แต่คนอย่างเจ้าที่เอาแต่ซุกซ่อนในมุมมืด ดุจหนอนใต้ซากศพ คอยวางแผนลอบกัดไปวันๆ ยังคิดหวังจะทำการใหญ่ได้หรือ?” หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “ข้าไม่มีเวลามากพอจะปล่อยให้พวกเจ้าถ่วงเล่น มาเข้าเรื่องกัน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1068

    ตึก ตึก ตึก... เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงดังขึ้น ฟังแล้วชวนให้หัวใจพลุ่งพล่านอย่างไม่ทราบสาเหตุ พร้อมเสียงเกราะกระทบกัน สักพักหนึ่ง เหล่าทหารกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเข้าสู่ลาน พวกเขาเคลื่อนที่อย่างมีระเบียบและได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ทันทีที่เข้าสู่ลาน ก็จัดรูปขบวนทันที ล้อมรอบกลุ่มของหลงไหวอวี้ที่ยืนอยู่หน้าศาลบูรพกษัตริย์ การล้อมวงเช่นนี้ ทำให้ต้วนจิ่นเจียงรู้สึกผิดสังเกตขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณ “เกิดอะไรขึ้นหรือ อาจารย์?” หลงไหวอวี้ที่รู้สึกว่าต้วนจิ่นเจียงเริ่มตึงเครียดก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ต้วนจิ่นเจียงตอบเสียงหนักแน่น “พวกทหารเหล่านี้กำลังล้อมข้าอยู่” ต้วนจิ่นเจียงซึ่งเคยเป็นขุนนางกระทรวงกลาโหม ย่อมมีพื้นฐานด้านการยุทธ เขาเพียงแค่ชำเลืองดูก็รู้ว่านี่คือรูปขบวนของทหารต้าฉิน ใช้สำหรับล้อมศัตรูกลุ่มเล็กโดยเฉพาะ หากเป็นคนของหลี่อิ๋นหู่หรือจ้าวเสวียนจี ต่อให้คิดฆ่าพวกเขาก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ และยิ่งไม่ควรจะทำได้ง่ายดายเช่นนี้ ต้วนจิ่นเจียงหรี่ตาลง พยายามเพ่งมองเครื่องแบบเกราะของทหารเหล่านี้ หวังจะดูให้แน่ชัดว่าเป็นหน่วยใด แต่ด้วยความมืดของยามค่ำคืน และสายฝน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1067

    สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วถูกลมพายุหอบพัด แทบจะซัดกระหน่ำในแนวราบใส่สิ่งปลูกสร้างทั้งปวงระหว่างฟ้ากับดิน บนหลังคา ชายคา และพื้นดิน ล้วนถูกฝนกระแทกกระจายเป็นละอองฝอยบางราวกับหมอก ทั่วทั้งผืนฟ้าดินเปียกชุ่มฉ่ำไปหมด เสียงที่ได้ยิน มีเพียงเสียงสายฝนกระหน่ำราวน้ำตก กับเสียงน้ำในร่องน้ำใกล้ๆ ไหลทะลักอย่างไม่อาจต้านทาน บางทีอาจเป็นเพราะสายฝนนี้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุจลาจล เมืองหลวงทั้งเมืองจึงเงียบงันอย่างน่าประหลาด ในยามปกติ ต่อให้เป็นยามดึกเพียงใด ตามตรอกซอกซอยในเมืองหลวงก็ยังคงมีผู้คน จะเป็นเสียงฝีเท้าผ่านไปมา หรือเสียงพูดคุยจากลานบ้านข้างเคียงก็ตามที แต่ไม่ใช่เช่นคืนนี้ ที่ดูราวกับผู้คนล้วนหายไปจนสิ้น สิ่งเดียวที่ยังมองเห็นบนท้องถนน คือทหารที่เร่งฝีเท้าเดินผ่านไป แม้แต่เหล่าทหารเหล่านั้น ต่างก็เฝ้าระวังราวกับกำลังเผชิญศัตรู บางคนถึงกับมีบาดแผลติดตัว ฟ้าดินแห่งเมืองหลวงพลิกผัน ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท ในวันนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนล้มตายไปมากเพียงใด เสียงระเบิดในช่วงกลางวันดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ยังทำให้ชาวบ้านพากันปิดประตูหน้าต่าง ไม่กล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1066

    ประโยคแรกที่ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสออกมา ก็ทำให้บรรยากาศในตำหนักบรรทมเคร่งเครียดถึงขีดสุด จ้าวเสวียนจีก้มหน้า สีหน้าอ่อนน้อม เอ่ยด้วยเสียงเบา “ขอฝ่าบาททรงอภัย กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่กล้า?” ฮ่องเต้ต้าสิงแค่นเสียงเย็น ก่อนจะก้าวออกจากที่ประทับมายืนตรงหน้าจ้าวเสวียนจี แล้วตรัสว่า “ยังมีสิ่งใดบ้าง ที่เจ้าไม่กล้า?” จ้าวเสวียนจีก้มหน้า เขามองเห็นช่วงล่างของฮ่องเต้ต้าสิงในระยะประชิด พระวรกายของฮ่องเต้ต้าสิงอ่อนแอยิ่งนัก ขณะทรงยืนอยู่นั้น พระวรกายก็สั่นเล็กน้อย ชัดเจนว่าการยืนอยู่นี้ลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อทรงกาย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงชายชราอ่อนแรงดั่งเปลวเทียนกลางสายลม เพียงแค่พระองค์ยังมีลมหายใจ ยังลืมพระเนตร แผ่นดินต้าฉินก็ยังไม่ถึงคราวล่มสลาย “ตั้งแต่เจ้าฝังอาจารย์ของเจ้าคือหลินจือเป้าในคดีแสดงความยินดีปีใหม่ แล้วเริ่มรวบรวมพรรคพวก ผูกมิตรแบ่งพรรค ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างลับๆ ไปจนถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ด่านเย่ว์หยา แผนการลอบเร้นอันโหดร้ายแต่ละเรื่อง ล้วนสะเทือนใจอย่างยิ่ง เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ? แล้วเจ้ากลับกล้ากล่าวว่าเจ้าไม่กล้า?” ถ้อยคำของฮ่องเต้ต้าส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1065

    “ซานเป่าใช้งานได้ดี หน่วยบูรพาก็ใช้งานได้ดี แต่ก่อนจะลงมือทำสิ่งใด หรือตัดสินใจต่อผู้ใด เจ้าจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบว่า การกระทำของเจ้าจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องเช่นไรบ้าง” “หากซานเป่าตาย หน่วยบูรพาที่อยากอยู่รอดต่อไปก็จะต้องพึ่งพาเจ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น เจ้าต้องใช้หน่วยบูรพาต่อไป และควบคุมหน่วยบูรพาไว้ให้มั่น การให้ซานเป่าตายจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” “ยิ่งไปกว่านั้น ราชสำนักปั่นป่วน ขุนนางทั่วแผ่นดินต่างลำบากใจกับหน่วยบูรพามานาน แต่หน่วยบูรพายังมีคุณค่าที่ควรคงไว้ การรักษาหน่วยบูรพาไว้ย่อมเป็นประโยชน์กับเจ้ามากกว่า ดังนั้น เจ้าห้ามแตะต้องหน่วยบูรพา แต่ซานเป่าล่ะ? ตายไปคนหนึ่ง เจ้าไม่เพียงควบคุมหน่วยบูรพาได้แน่นขึ้น แต่ยังปลอบใจขุนนางทั้งราชสำนัก ให้พวกเขาได้ระบายออกบ้าง ซานเป่าตาย มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ฮ่องเต้ต้าสิงเปรียบประหนึ่งชี้แนะด้วยใจจริง พระองค์ตรัสว่า “จ้าวเสวียนจีก็เป็นเหตุผลเดียวกัน หากจ้าวเสวียนจีตาย ราชสำนักจะวุ่นวาย ขุนนางไม่สงบ ประชาชนก็หวั่นไหว ที่สำคัญที่สุด คือแผ่นดินอาจระส่ำระสาย” “เมื่อบ้านขาดหมาร้ายเสียตัวหนึ่ง ญาติชั่วและเพื่อนบ้านเลวเหล่านั้น ก็จะเริ่มคิดว่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1064

    เมื่อฮ่องเต้ต้าสิงตรัสมาถึงตรงนี้ ความหมายก็ชัดเจนยิ่งนัก หลี่เฉินถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ต่อให้ไม่ใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจวางใจได้อยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ต้าสิงมิได้กริ้ว พระองค์ตรัสว่า “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ต้องรอให้เจ้าขึ้นครองราชย์ก่อน” “ขุนศึกเปลี่ยนตามกษัตริย์ ขุนนางตามยุค ฮ่องเต้ใหม่ย่อมมีขุนนางใหม่ จ้าวเสวียนจีคือหมากที่ข้าทิ้งไว้ให้เจ้าใช้สร้างอำนาจ แต่ตราบใดที่เจ้ามิได้ขึ้นครองราชย์ ก็ยังไม่อาจแตะต้องเขาได้ มิฉะนั้น ในสายตาขุนนางทั้งแผ่นดิน องค์รัชทายาทยังมิทันครองราชย์ ก็ฆ่าราชเลขาประจำสำนักราชเลขาเสียแล้ว แล้วเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ พวกเขาจะยังมีทางรอดอีกหรือ?” “เฉินเอ่อร์ ในฐานะฮ่องเต้ ความคิดและวิสัยทัศน์ของเจ้า ห้ามจำกัดอยู่เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง จ้าวเสวียนจี มิใช่จ้าวเสวียนจี แต่เขาคือตัวแทนของกลุ่มคน กลุ่มราษฎรคือกลุ่มราษฎร อ๋องแห่งแคว้นคืออ๋องแห่งแคว้น ขุนนางท้องถิ่นคือขุนนางท้องถิ่น ขุนนางประจำเมืองหลวงก็คือขุนนางประจำเมืองหลวง” “เจ้าต้องมองเห็นพวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ แล้วปรับกลยุทธ์ของเจ้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ใช้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status