ณ ประเทศไทย สนามบินสุวรรณภูมิ
พอมารียารู้ว่าน้องสาวของเธอนั้นท้องกับปรมินทร์แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะไปอยู่ดูไบกับกวินตาลูกพี่ลูกน้องอีกคนของเธอ ซึ่งก็เป็นลูกของเพ็ญพักตร์น้าแท้ๆของเธอนั่นแหละ แต่กวินตานั้นรักและจริงใจกับเธอมากกว่ามุกดาที่เป็นน้องล่ะแม่ของเธอซะอีก
“มีน หนูแน่ใจนะว่าจะไปอยู่กับยัยกวางที่ดูไบจริงๆน่ะ…” เพ็ญพักตร์เอ่ยถามหลานสาวออกไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะถ้าลูกสาวตัวดีของเธอไม่ทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้น มารียาก็คงไม่ตัดสินใจไปดูไบกะทันหันแบบนี้
“ค่ะน้าเพ็ญ…มีนไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว…มีนอยากจะไปเปิดหูเปิดตาทำงานในที่ใหม่ๆบ้าง เพราะมีนก็คงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ถ้าต้องเจอสองคนนั้น…” มารียาพูดออกไป เพราะถ้าเธออยู่เธอก็จะได้เห็นปรมินทร์และมุกดาวนเวียนอยู่รอบๆตัวเธอ และมันก็คงทำให้เธอทำใจไม่ได้ง่ายๆ เธอจึงเอาตัวเองหลีกหนีสองคนนี้ไปอยู่ที่ที่สบายใจจะดีซะกว่า
“น้าขอโทษนะมีน น้าเลี้ยงลูกไม่ดีเองมันถึงได้ไม่รักดีแบบนี้…ถ้าหนูตัดสินใจแล้วน้าก็จะไม่ห้าม ตามใจเราก็แล้วกันว่าจะอยู่ที่ไหน..” เพ็ญพักตร์ลูบผมของมารียาอย่างเอ็นดู เพราะมารียาน่ะน่าสงสารมาก แม่ก็ตายตั้งแต่เธอเกิด ส่วนพ่อก็พึ่งจะเสียไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้ยังมาเจอมุกดาทำแบบนี้อีก มันจึงทำให้เธอนั้นยิ่งเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากขึ้นไปอีก
“น้าเพ็ญไม่ต้องขอโทษมีนหรอกค่ะ เรื่องนี้น้าเพ็ญไม่ผิด คนที่ผิดคือยัยมุกกับพี่ปาล์มเขาต่างหาก ในเมื่อเขาสองคนมีลูกด้วยกันแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเถอะค่ะ มีนไปอยู่ดูไบมันก็คงจะทำให้ชีวิตของเขาสองคนราบรื่นมากกว่านี้” มารียาพูดบอกไป เพราะถ้าเธอยังอยู่มันก็คงมีเรื่องคาราคาซังไม่จบ
“น้าอยากให้ยัยมุกมันรู้จริงๆว่ามีนน่ะห่วงมันแค่ไหน ขนาดยัยมุกทำกับเราแบบนี้แล้วเราก็ยังจะไปห่วงมันอีก เฮ้อ…ยังไงน้าขอให้หนูโชคดีนะลูก อยู่ที่นู้นมียัยกวางดูแลเราอยู่น้าก็สบายใจแล้ว มีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่เขานะ เข้าใจไหมมีน…” เพ็ญพักตร์พูดบอกไปด้วยเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ เมื่อต้องจากกับหลานสาวจริงๆ
“ค่ะน้าเพ็ญ…น้าเพ็ญก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วหนูจะโทรหาบ่อยๆค่ะ หนูไปก่อนนะคะ…” มารียาพูดบอกไปก็เข้าไปโอบกอดผู้เป็นน้าอย่างรักใคร่ ก่อนจะถอนกอดออกมาแล้วบอกลาน้าของเธอไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“จ้ะ โชคดีนะลูก…” เพ็ญพักตร์พูดไปก็มองหลานสาวค่อยๆเดินจากไปทีละนิดทีละนิดจนลับตา เธอก็น้ำตาไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะการไปของมารียาครั้งนี้มาจากการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยของมุกดาลูกสาวตัวดีของเธอ
จากนั้นไม่นานมารียาก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปยังดูไบด้วยสีหน้าเหม่อลอย เพราะเรื่องที่เธอเจอนั้นมันสาหัสจนเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองนั้นจะโชคร้ายได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งการกระทำของมุกดาที่ไม่มีสำนึก มันก็ยิ่งทำให้เธอเสียใจ และเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาตัวเองออกมาให้ห่างจากคนพวกนี้ และเธอก็หวังว่าตัวเองจะได้เจอสิ่งที่ดีรออยู่
ด้านมุกดาที่บอกว่าตัวเองท้องกับปรมินทร์นั้น เธอก็บีบบังคับให้ปรมินทร์รับผิดชอบเธอด้วยการแต่งงานเพื่อนจะเย้ยมารียา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้มารียานั้นไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ไม่เจอหน้ามารียาอีกเลย แม่ของเธอเองก็เช่นกัน หายเงียบไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้เลย มันจึงทำให้เธอนั้นโคตรหงุดหงิดเลย
“ติ่งต่อง…โอ๊ย…ใครมาอีกล่ะเนี่ย” มุกดาพูดออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะลุกไปเปิดตูแล้วเธอก็เห็นฝ่านนิติบุคคลยืนยิ้มให้เธออยู่
“สวัสดีครับ พอดีผมจะเอาเอกสารมาให้คุณมารียาเซ็นต์น่ะครับ เพราะผมรอให้คุณมารียาไปเซ็นต์รับโอนห้องนี้แล้ว แต่คุณมารียาไม่ได้ไปน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณมารียาเขาอยู่หรือเปล่าครับ” ฝ่ายบุคคลเอ่ยถามออกไป
“เซ็นต์รับโอนห้องนี้เหรอคะ ไหนฉันขอดูหน่อยสิคะ” มุกดาได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยถามออกไป พร้อมกับเอาเอกสารมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ เพราะห้องนี้เป็นห้องของพี่สาวคนโตของเธอ แต่ทำไมต้องให้มารียาเซ็นต์ด้วย
“ทำไมโอนเป็นชื่อของมารียาล่ะคะ นี่มันมันห้องที่พี่สาวอีกคนของฉันซื้อนะคะ” มุกดาเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าแปลกใจ หรือว่ามารียาจะหุบเอาห้องนี้เป็นของตัวเองคนเดียว
“อ่อ คุณกวินตาเขาให้ผมโอนเป็นชื่อของคุณมารียาน่ะครับ…ถ้าคุณมารียาไม่อยู่งั้นผมขอเอกสารคืนด้วยครับ” ฝ่ายบุคคลพูดบอกไปแล้วก็จะเอาเอกสารกลับมา
“ฉันไม่คืน คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะคุยกับพี่สาวของฉันเอง ไปสิคะ…” มุกดาพูดบอกไปก็รีบไล่ฝ่ายบุคคลไปทันที ก่อนจะปิดประตูใส่จนฝ่ายบุคคลนั้นอึ้งไปเลย
“แค่แม่คนเดียวไม่พอ นี่พี่กวางยังจะไปรักไปเอ็นดูมันจนยอมยกห้องนี้ให้มันเลยเหรอ มุกไม่ยอมง่ายๆหรอก ห้องนี้มันจะต้องเป็นของมุก…” มุกดาพูดไปก็ฉีกเอกสารทิ้งไปอย่างโมโห ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเธอมา แล้วเธอก็กดโทรไปหาพี่สาวที่อยู่ต่างประเทศทันที
ด้านกวินตาพอเห็นว่าน้องสาวคนเล้กโทรมาก็ถอนหายใจออกมาเลยทันที เพราะเธอล่ะเหนื่อยใจกับน้องสาวคนนี้เหลือเกิน นี่เธอโทรหามาหลายวันแล้วไม่เคยโทรกลับมาหา แล้วนี่อยู่ๆทำไมถึงโทรมากนะ กวินตาคิดไปแบบแปลกใจก่อนจะกดรับสายของน้องสาว
“พี่กวางคะ พี่กวางยกห้องนี้ให้เป็นชื่อของพี่มีนทำไมคะ พี่มีนเขาไม่ใช่น้องแท้ๆของพี่กวางสักหน่อย คนที่พี่กวางควรจะยกให้ก็คือมุก ไม่ใช่พี่มีน…” มุกดาพูดออกไปแบบอารมณ์เสียอย่างไม่ยอมให้พี่สาวยกห้องที่เธออยู่ให้มารียา
“ถึงยัยมีนมันจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของฉัน แต่มันก็โตมากับฉันตั้งแต่เด็ก มีความรักความผูกพันธ์กันมากกว่าน้องสาวแท้ๆอย่างแกซะอีกยัยมุก…แกเคยโทรมาถามฉันไหมว่าฉันอยู่ดีสบายหรือเปล่า แกเคยรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่แล้วฉันต้องลำบากอะไรบ้าง…แกเคยรักเคยห่วงฉันบ้างไหมยัยมุก…” กวินตาพูดตอกกลับไปด้วยเสียงเข้ม เพราะตั้งแต่เธอมาทำงานที่นี่เธอไม่เคยได้รับความถามอย่างห่วงใยจากมุกดาเลย มีก็แต่มารียาที่โทรหาและถามไถ่เธออยู่ตลอด และก็ไม่เคยหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เธอ
“ทำไมมุกจะต้องห่วงพี่กวางด้วยล่ะคะ ในเมื่อพี่กวางก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบสุขสบายกว่าพวกเราซะอีก มีผู้ชายเลี้ยงแล้วมันน่าทุกข์ใจตรงไหนคะ…แล้วนี่มุกมาคุยเรื่องโอนห้อง พี่กวางจะพูดดราม่าทำไมคะ ” มุกดาพูดออกไปแบบไม่เข้าใจว่าพี่สาวของเธอจะเดือดร้อนตรงไหนเลย ก็มีผู้ชายเลี้ยงซะดิบดีขนาดนั้น
“แกน่ะมันรักแต่ตัวเองไม่เคยรักคนอื่นที่รักและหวังดีกับแกเลยยัยมุก ฉันล่ะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกเลยจริงๆ…เรื่องห้องที่ฉันจะโอนเป็นชื่อของยัยมีนน่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขายห้องนั้นทิ้งไปซะ…” กวินตาพูดออกไปแบบจริงจัง ในเมื่อมุกกาไม่คิดจะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป งั้นเธอเธอจะสั่งสอนน้องสาวของเธอเอง
“ขายห้องนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าพี่กวางขายแล้วมุกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ…” มุกดาเอ่ยพูดออกไปแบบไม่ยอม ถ้าขายห้องนี้แล้วเธอจะไปอยู่ไหนล่ะ
“ก็ไปอยู่หอพักศึกษาไง หรือแกจะไปอยู่กับแฟนยัยมีนที่แกไม่แย่งมาก็ได้ ในเมื่อแกบอกว่าผู้ชายเลี้ยงแล้วมันสบาย แกก็ให้เขาเลี้ยงแกก็แล้วกันยัยมุก ฉันจะไม่ส่งเสียเงินอะไรให้แกอีกต่อไปแล้ว” กวินตาพูดบอกไปแบบเด็ดขาด เพราะนี่คือการลงโทษน้องสาวไม่รักดีของเธอ ที่ทำผิดขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึก ก็ต้องโดนดัดนิสัยแรงๆแบบนี้แหละ
“พี่กวาง…ทำไมพี่กวางต้องใจร้ายกับมุกแบบนี้คะ…นี่มุกเป็นน้องสาวของพี่นะคะ..” มุกดาพูดออกไปแบบเสียใจที่พี่สาวของเธอทำอย่างนี้กับเธอ แบบนี้มันไม่รักไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลย
“ก็เพราะแกเป็นน้องสาวของฉันนี่ไง ฉันถึงได้ดัดนิสัยของแกแบบนี้ ในเมื่อแกไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไป แกก็ลองเรียนรู้รสชาติชีวิตเอาเองก็แล้วกัน เผื่อมันจะทำให้แกมีสำนึกบ้าง…” กวินตาพูดไปแบบใจแข็งกับน้องสาวของเธอ
“แต่ตอนนี้มุกท้องนะคะ พี่กวางไม่สงสารหลานตัวเองเหรอคะที่จะต้องไประหกระเหินเร่รอนอยู่ข้างนอกน่ะ” มุกดาพยายามหาสิ่งที่จะทำให้พี่สาวเปลี่ยนมา
“แกท้องกับใครแกก็ให้คนนั้นรับผิดชอบดูแลแกไปสิยัยมุก ในเมื่อแกมีปัญหาแย่งเขามาจากพี่สาวของตัวเองได้ แกก็น่าจะมีปัญญาดูแลลูกของตัวเองได้เหมือนกัน แค่นี้นะ ฉันไม่อยากจะคุยกับแกแล้ว ฉันเหนื่อย…” กวินตาพูดไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะกดวางสายใส่น้องสาวไปอย่างโมโห เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งจะทะปวดหัวกับคนอย่างน้องสาวของเธอจริงๆ
ด้านมุกดาพอโดนพี่สาวพูดแบบตัดเยื้อใยอย่างนั้นก็โกรธจัด เพราะไม่ใครเข้าข้างเธอเลยสักคนทั้งแม่แล้วก็พี่สาวต่างก็พากันด่าและต่อว่าเธอ แล้วตอนนี้ยังจะมาขายห้องที่เธออยู่อีก สงสัยว่าเธอจะต้องใช้เรื่องที่เธอท้องนั้นพึ่งพาปรมินทร์จริงๆซะแล้ว และจากที่เธอท้องปลอมๆเธอก็ต้องหาโอกาสที่จะท้องขึ้นมาจริงๆเพื่อจะจับเขาให้ได้
เจ็ดชั่วโมงต่อมา…กวินตาก็ไปรับมารียาที่สนามบินแล้วเธอก็พาน้องสาวมาเดินทางมายังคฤหาสน์ของจาซุสที่เธออาศัยอยู่ตอนนี้ทันที ซึ่งมันใหญ่โตจนมารียานั้นมองด้วยความตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว“เข้าบ้านกันเถอะ พี่ให้แม่บ้านเตรียมห้องพักให้มีนแล้วแล้ว…ป่ะ…” กวินตาพูดบอกไปด้วยเสียงอ่อนโยนกับน้องสาวของเธอ“พี่กวางคะ ทำไมบ้านคุณจาซุสเขาใหญ่แบบนี้ล่ะคะ ไหนพี่บอกว่าเขาเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาไงคะ อยู่คฤหาสน์ในดูไบนี่คงไม่ใช่นักธุรกิจธรรมดาแล้วมั้งคะพี่…” มารียาถามไปเพราะพี่สาวเธอเคยบอกว่าจาซุสนั้นเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาๆเท่านั้น“อ่อ เขาก็พอมีในระดับนึงนั่นแหละ แต่ว่าที่นี่ยังมีคนที่รวยแล้วก็ยิ่งใหญ่กว่าเขาอีกเยอะ เพราะฉะนั้นที่นี่เขาก็เป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ เดี๋ยวไว้เราอยู่ที่นี่ไปอีกสักพักเดี๋ยวเราก็รู้เองแหละน่า” กวินตาพูดบอกไป เพราะยังมีคนที่รวยกว่าจาซุสอีกเยอะ แค่น้องสาวของเธอยังไม่ได้ไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้น“แล้วพี่กวางพามีนมาอยู่ด้วยแบบนี้คุณจาซุสเขาไม่ว่าเหรอคะพี่..” กวินตาเอ่ยถามออกไปอย่างเกรงใจ เพราะอยู่ๆเธอก็มาอาศัยอยู่กับพี่สาวกะทันหัน เธอก็ไม่รู้ว่าผู้ชายของพี่สาวนั้นจะโอเคหร
ด้านมารียาที่มาอยู่ที่ดูไบได้หลายวันแล้วเธอก็เริ่มจะเข้าใจวัฒนธรรมของที่นี่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ค่อนข้างเปิดกว้างเลยทีเดียว เธอล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดูไบถึงเป็นเมืองที่เจริญแบบนี้ หลังจากที่เธอนั้นไปตระเวนเที่ยวกับพี่สาวของเธอมา“กลับมากันแล้วเหรอ ผมอยากจะเจอพวกคุณสองคนอยู่พอดีเลย…พรุ่งนี้เพื่อนผมจัดงานแข่งรถที่ทะเลทราย คุณสองคนอยากจะไปด้วยไหม” จาซุสเอ่ยถามออกไป เพราะไม่รู้ว่าสองสาวจะสนใจหรือเปล่า“ไปสิคะ ฉันอยากจะไปเห็นทะเลทรายแบบกว้างๆใหญ่ๆค่ะ” มารียารีบตอบไปแบบดีใจด้วยสายตาลุกวาว จนจาซุสนั้นอมย้ำขำๆ เพราะมันเหมือนกับตอนที่เขาชวนกวินตาไปเที่ยวทะเลทรายยครั้งแรกเลย เธอก็ดีใจแบบนี้แหละ แต่พอจบทริปนั้นเขาชวนเธอทีไรเธอก็ปฏิเสธเขาทุกทีเพราะอากาศมันค่อนข้างจะร้อนมากเลยทีเดียว“แต่มันร้อนมากเลยนะมีน…มันไม่ได้ไปแบบสบายๆอย่างที่เราคิดเลยนะ พี่ว่าเราไม่ไปดีกว่ามั้ง” กวินตาพูดออกไปด้วยสีหน้าที่ขยาดเต็มที เมื่อได้ยินคำว่าทะเลทราย“ไปเถอะค่ะพี่กวาง มีนมาดูไบทั้งทีก็ต้องไปให้ถึงทะเลทรายสิคะ น่านะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเองค่ะ อดทนเพื่อน้องหน่อยนะคะ นะคะพี่สาวคนสวย…”มารียาพูดอ้อนๆอย่างขอ
ส่วนฮัสลานเองก็มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาจดจ้อง เพราะเขาจำได้เลยว่าเธอคือผู้หญิงไทยคนนั้นที่เอากระเป๋ามาให้เขาที่สนามบินตอนนั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอเธอที่นี่อีก ยิ่งในกระโจมส่วนตัวของราชิดแล้วเขาก็ยิ่งแปลกใจ“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวังเอง…” มารียาพูดภาษาอังกฤษบอกไปแล้วก้มหน้าลงทันที เพราะการแต่งตัวของชายคนนี้บ่งบอกเลยว่าเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่ให้ตายเถอะ ทำไมผู้ชายประเทศหน้าคมเข้มหล่อกันขนาดนี้เนี่ย…ฮัสลานก็มองหน้าสวยๆของเธอแล้วเขาก็ตัดใจทำหน้านิ่งๆแล้วเดินผ่านเธอไปแบบไม่พูดตอบอะไร ก่อนจะเข้าไปหาเพื่อนๆของเขาที่นั่งอยู่เนื่องจากตอนนี้ทุกคนกำลังมองเขากันอยู่ เขาไม่สามารถแสดงท่าทีสนใจอะไรเธออย่างออกนอกหน้าได้ เพราะมันจะไม่ใช่ผลดีกับผู้หญิงคนนี้เองมารียาก็มองตามแบบหมั่นไส้ขึ้นมาทันทีเลย เพราะเธออุตส่าห์ขอโทษเขาแล้ว จะพูดตอบมาสักหน่อยมันจะตายหรือไง มารียาคิดไปก็ทำหน้ามึนตึงแล้วเดินออกไปจากกระโจมนี้ทันที“ยัยมีน รอพี่ด้วย” กวินตาเรียกน้องสาวแล้วก็รีบตามออกไปทันทีด้านฮัสลานก็เดินเข้าไปหาเพื่อนสนิทของเขาทั้งสองด้วยสีหน้าคมเข้ม จนราชิดและจาซุสนั้นมองแล้วก็ยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นมาทักทายเพื่อนห
พอออกมาด้านนอกแล้วฮัสลานก็มองหาผู้หญิงคนนั้นทันที แต่ด้วยความที่คนเยอะทำให้เขานั้นต้องใช้สายตาสอดส่องหาเธออยู่นานทีเดียว ก่อนจะเห็นเธอไปยืนถ่ายรูปอยู่อูฐอย่างเพลิดเพลิน ทำให้เขามองแล้วก็ยิ้มกับความน่ารักของเธอ“อยากจะขี่ไหมคุณ” ฮัสลานเดินเข้าไปยืนด้านหลังเธอแล้วเอ่ยพูดออกไปแบบนิ่งๆ ทำให้มารียาหันมามองทันทีเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆด้านหลัง“คุณ…อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่จะถ่ายรูปเฉยๆ ไม่ได้อยากจะขี่มันหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ” มารียาพูดบอกไปแล้วมองเขาแบบนิ่งๆ เพราะก่อนหน้านี้เธอพูดด้วยแล้วยังทำหยิ่งใส่เธออยู่เลย ทำไมอยู่ๆถึงเข้ามาคุยกับเธอได้“ผมฮัสลาน เป็นเพื่อนของจาซุส” ฮัสลานเห็นเธอตอบมาแบบนั้นก็แนะนำตัวเขาไปทันที เผื่อเธอจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง“ค่ะ…ฉันมารียาค่ะ เรียกง่ายๆว่ามีนก็ได้ค่ะ…ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” มารียาพูดตอบไปก็จะเดินเลี่ยงออกไป เพราะเธอไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับเขาเลย ถึงเขาจะหล่อปานไหนก็เถอะ แต่เมื่อกี้ใครบอกให้เขาหยิ่งไม่ตอบเธอเองล่ะ มาตอนนี้เธอไม่ได้อยากจะเสวนาด้วยแล้ว“เดี๋ยวสิ ผมมาขอบคุณคุณที่ช่วยเอากระเป๋ามาคืนตอนที่เราเจอกันที่สนามบินด้วย” ฮัสลานพูดบอกไป
พอฮัสลานมาเตรียมตัวที่จะแข่งรถแล้วก็เชคความเรียร้อยด้วยตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะไปนั่งกับเพื่อนๆของเขาที่เชครถรอเสร็จแล้ว“จาซุส ฉันจะถามแกเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อมารียาหน่อย เขาไม่ได้เป็นเด็กของแกใช่ไหม” ฮัสลานเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มตรงๆเพื่อเป็นการบอกให้เพื่อนหนุ่มรู้ว่าเขานั้นสนใจเธออยู่“อืม…เขาเป็นน้องสาวของผู้หญิงของฉันเอง ทำไมวะ อย่าบอกนะว่าแกสนใจเขาน่ะ” จาซุสตอบไปแล้วก็เอ่ยถามเพื่อนหนุ่มทันที“ใช่…ฉันอยากจะได้ผู้หญิงคนนี้ไปเป็นแม่ของลูกฉัน…” ฮัสลานพูดบอกไปตรงๆ เพราะเขาคิดว่าเขาอยากจะได้เธอไปเป็นแม่ของลูกเขา ที่เขากำลังเฟ้นหาอยู่ในขณะนี้“เดี๋ยวนะโว้ย…ฉันเข้าใจว่าตอนนี้แกกำลังหาผู้หญิงไปเป็นแม่ของลูกแก แต่แกเห็นแค่นี้แกก็จะเลือกมีนแล้วเหรอวะ…ไหนแกบอกว่าผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูกแกต้องเพียบพร้อมตามข้อกำหนดที่แกตั้งไว้ไง” จาซุสที่รู้ว่าเพื่อนหนุ่มกำลังหาผู้หญิงไปทำหน้าที่มีลูกให้อยู่แล้วนั้นถึงกับทำหน้าตกใจทันที เพราะไม่คิดว่าเพื่อนหนุ่มจะเลือกมารียา เพราะเท่าที่เขารู้มารียานั้นตรงข้ามกับข้อกำหนดของเพื่อนหนุ่มทุกอย่างเลย“มารียาเป็นข้อยกเว้น…ฉันจะเสนอเงินให้เขาจำนวนหนึ่ง เพื
จากนั้นทั้งสามหนุ่มก็ไปขึ้นรถแล้วก็ขับรถไปที่จุดปล่อยตัวทันที และสายตาของฮัสลานก็มองไปทางที่นั่งเชียร์ด้านข้างอย่างอยากเห็นมารียา แล้วมันก็ทำให้เขาต้องหน้าบึ้งทันที เมื่อเขาเห็นเธอกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายฝรั่งคนนหนึ่งอยู่ และเธอก็ยังถ่ายรูปกับผู้ชายคนนั้นแบบสนิทสนมด้วย“แป้น!...มองอะไรวะฮัสลาน จะแข่งแล้วนะโว้ย มีสติหน่อยสิวะ” ราชิดที่จอดอยู่ข้างๆรถของอัสลานพูดไปเพราะตอนนี้ใกล้จะปล่อยตัวแล้วแต่เพื่อนเขายังมองไปทางข้างสนามอยู่เลย“เออๆ ฉันเข้าใจแล้ว” ฮัสลานหันมาตอบเพื่อนหนุ่มแล้วก็มองไปทางข้างหน้าแล้วก็เบิ้ลคันเร่งแบบพร้อมไป แล้วเขาก็แลสายตาไปมองทางมารียาอีกครั้งด้วยสีหน้าหงุดหงิดใจ ก่อนจะกัดฟันไว้แน่นอย่างโมโหพอสาวๆโบกธงสัญญาณแล้วเขาก็เหยียบรถแบบสุดเท้าอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขานั้นกำลังระบายอารมณ์หมองขุ่นไปกับการแข่งในครั้งนี้ ราชิดและขาซุสเองก็ออกตัวตามเพื่อนหนุ่มไปติดๆ ส่วนบาซิมก็ออกตัวไปพร้อมกับฮัสลานและก็ค่อนข้างจะสูสีกันมาก ทำให้คนทั้งสนามนั้นพากันมองอย่างลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในวันนี้“รถของคุณฮัสลานนำโด่งเลย คุณจาซุสจะชนะไหมเนี่ย ไหนจะรถของคุณบาซิมอีก เฮ้อ…” กวินตาพูดออกไปแบบลุ้น
วันต่อมา….มารียาก็เดินทางไปสมัครงานตามบริษัทที่เธอหาเอาไว้จนครบแต่เธอก็ไม่ได้ถูกเลือกเลยสักที่ ทำให้เธอนั้นเลือกที่จะมาสมัครงานที่บริษัทของฮัสลานตามที่เขาแนะนำเอาไว้ เพราะตอนนี้เธอไปสมัครมาแล้วทุกที่จนเหลือแค่ที่นี่ที่เดียวแล้ว“สวัสดีค่ะ ฉันมาสมัครงานน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าต้องไปกรอกเอกสารสมัครงานที่ไหนคะ” มารียาเดินเข้าไปถามพนักงานประชาสัมพันธ์หน้าบริษัทด้วยหน้าตาใสซื่อพอพนักงานประชาสัมพันธ์เห็นหน้าของผู้หญิงที่มาถามก็ยิ้มให้ทันที เพราะเธอจำใบหน้าสวยๆของสาวเอเชียคนนี้ได้ทันที เพราะเลขาของท่านประธานได้เอารูปมาให้พวกเธอดูตั้งแต่เช้าแล้วว่าหากผู้หญิงคนนี้มาสมัครงาน ให้พาไปที่ห้องสัมภาษณ์งานของบริษัท“ไปยื่นเอกสารที่ห้องสัมภาษณ์งานได้เลยค่ะ เอาเอกสารมาครบใช่ไหมคะ” พนักงานเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้ม เพราะผู้หญิงคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่“เอามาครบแล้วค่ะ แล้วห้องสัมภาษณ์งานอยู่ตรงไหนเหรอคะ” มารียาตอบไปก็เอ่ยถามทันที เพราะเธอมาที่นี่ครั้งแรกเธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าห้องสัมภาษณ์อยู่ที่ไหน บริษัทก็ใหญ่โตออกขนาดนี้“รอสักครู่นะคะ ฉันขอแจ้งทางห้องสัมภาษณ์ก่อน….” พนักงานสาวชาวอาหรับพูดตอบไปก็กดโทรศัพท์แจ้งไป
“คุณฮัสลาน คุณเข้ามาทำไมคะ” มารียาหันไปมองแล้วเห็นเขาก็รีบเอ่ยถามออกไปทันที ก่อนจะมองเขาที่เข้ามาในชุดสูทแบบหล่อเหลา เพราะหน้าแขกๆของเขาเวลาแต่งตัวแบบนี้แล้วก็ดูดีราวกับนายแบบในหนังสือนิตยสารเลย“ก็มาสัมภาษณ์งานคุณไง มีอะไรน่าตกใจเหรอคุณ ” ฮัสลานแกล้งพูดออกไปแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะตรงหน้าเธอ“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะมาเป็นคนสัมภาษณ์น่ะค่ะ” มารียาตอบไปเพราะเท่าที่เธอรู้มาจากพี่สาวคือฮัสลานนั้นเป็นมหาเศรษฐีที่รวยยิ่งกว่าจาซุสเสียอีก แต่ทำไมเขาถึงได้มาสัมภาษณ์พนักงานที่จะเข้าทำงานที่บริษัทด้วย ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด“ปกติผมก็ไม่ได้สัมภาษณ์หรอก แต่เผอิญว่าตำแหน่งที่ผมหาอยู่เนี่ยมันสำคัญกับผมมาก ผมเลยต้องมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ทีแรกผมก็นึกว่าจะไม่มีใครมาสมัครทำงานนี้แล้วนะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาสมัครทำงานนี้กับผม…” ฮัสลานแกล้งพูดออกไปเพราะเขาจะทำให้เธอนั้นเข้าใจผิดแบบเนียนๆโดยที่เขานั้นจะได้ไม่ต้องโดนเธอมองว่าไม่ดี“ฉันก็งงค่ะ ที่บริษัทใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครมาสมัครงานเลย เห็นมีแค่ฉันคนเดียวเนี่ย แถมคำถามในข้อสอบก็แปลกมากด้วย…” มารียาพูดตอบไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆ เพราะบริษัทให
สี่ชั่วโมงผ่านไป…ณ เวลาเที่ยง…มารียาก็ตื่นขึ้นมาแล้วด้วยสภาพที่อ่อนแรงเพราะเธอถูกฮัสลานจับกดอ้าขาเอาไม่รู้กี่รอบ ไหนจะถูกเขาขึ้นขาหยั่งยังไม่พอ เขายังมาพาเธอนั่งชิงช้าห้อยเพื่อกระแทกเธอแรงๆอีก แต่ล่ะอย่างที่เขาเอากับเธอน่ะล้วนแต่ทำให้เธอนั้นอ่อนแรงทั้งนั้น และตอนนี้เธอก็ไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงเลย“ตื่นแล้วเหรอคุณ…ผมจะมาเรียกคุณไปทานอาหารพอดีเลย นี่เที่ยงแล้วด้วยลุกมาทานอะไรหน่อยไป…คุณจะได้มีแรงสู้กับผมอีก…เอะ…หรือว่าคุณลุกไม่ไหว ให้ผมเอามาให้คุณทานในนี้ไหม…ผมยินดีบริการเลยนะ…” ฮัสลานพูดบอกไปแล้วก็มองเธอด้วยยิ้ม เพราะเขาเห็นหน้าสวยๆของเธอทำหน้างอนใส่เขาแบบนี้แล้วมันโคตรน่ารักเลย“ไม่ต้อง…ฉันไม่อยากจะกินอะไรทั้งนั้นแหละ…คุณออกไปซะ ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าคุณ” มารียาพูดออกไปแบโกรธๆเขา ก่อนจะเมินหน้าไม่สนใจเขา เพราะเธอโกรธที่เขาทำกับเธอแบบนี้“ยังไม่ทันจะท้องเลยนะคุณก็เบื่อหน้าผัวตัวเองแล้วเหรอ ถ้าท้องขึ้นมาจะขนาดไหนเนี่ยหึ….” ฮัสลานแกล้งพูดหยอกเย้าเธอไป เมื่อเธอทำท่าทีหมางเมินกับเขา“คุณฮัสลาน ทำไมคุณมันหน้าด้านขนาดนี้หึ…ฉันพูดด่าอะไรไปคุณไม่คิดจะสะทกสะท้านอะไรบ้างเลยหรือไง หรือว่าหน้าคุณมัน
มารียาก็ถูกเขากระหน่ำท่อนเอ็นใส่แบบไม่ยั้งจนเธอนั้นเสียวและจุกที่ท้องน้อยเลย เธอก็ส่ายหน้าไปมาอย่างทรมานเลยทีเดียว จะหยุดเขาก็ทำไม่ได้เพราะเขาเอามือกดขาของเธอไว้ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขากดขี่ข่มเหงเธอแบบนี้อีกแล้ว“เอาสิ…อ้ะ อ้ะ ไปนอนโรงพยาบาลบาลก็ดี ฉันจะได้หลุดพ้นจากการทำลูกของคุณสักที….โอ๊ย….ซี๊ด….อ้ะ อ้ะ….” มารียาร้องครางตอกกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้“โอว์….ฟัก….ต่อให้คุณจะไปนอนที่โรงพยาบาล ผมก็จะตามไปกระแทกหอยคุณให้ได้ ผมจะทำให้คุณครางลั่นโรงพยาบาลเลยมารียา….อ่าส์….ซี๊ด….ตับ ตับ ตับ….” ฮัสลานพูดบอกไปก็กัดฟันจนกรามขึ้นเป้นสันเลยทีเดียว จากนั้นเขาก็ส่งท่อนเอ็นใส่ร่องสาวเธอแบบรัวๆเลยทีเดียว“อ้ะ…คุณมันใจร้าย…อ้ะ อ้ะ…” มารียาพูดต่อว่าเขาไปก็ร้องครวญครางอย่างทรมานใต้ร่างของเขา เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังคงไม่ลดละกับการที่จะมีอะไรกับเธอเลย“คุณนั่นแหละที่บังคับให้ผมต้องใจร้ายกับคุณแบบนี้…อ่าส์…ซี๊ด….ถ้าคุณอยากให้ผมใจดีด้วยก็พูดให้รู้เรื่องหน่อย อ่าส์…ไม่ใช่มาเถียงผัวตัวเองฉอดๆแบบนี้ ตับ ตับ ตับ….โอว์…ซี๊ด….” ฮัสลานพูดบอกเธอไปก็ถอนท่อนเอ็นออกจากร่องสาวของเธอแล้วเขาก็เอาหมอนมารองก้นของเธอไว้สูง แล้
มารียาก็ดิ้นพล่นขึ้นมาทันทีเพราะมันสั่นแรงและยังถูไถที่ติ่งเสียวของเธออีก เธออยากจะเอามือไปจับมันออกแต่มันก็ไม่สามารทถได้เพราะทั้งมือทั้งเท้าต่างก็ถูกล็อคไปหมดแล้ว ทำให้เธอนั้นกำหมัดแน่นเลยทีเดียวจนตัวเธอนั้นเด้งหน้าอกขึ้นแล้วดิ้นไปมาอย่างทรมาน“อื้อ….อือ…อ้ะ….อ้ะ….” มารียาร้องครางออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อตอนนี้ร่างกายของเธอมุนถูกรุกรานอย่างหนัก เพราะเธอพึ่งเสร็จไปเมื่อกี้การที่เธอถูกเล่นเสียวต่ออีกทำให้มันทรมานมาก“หึๆ…ดูสิมีนว่าตอนนี้คุณน่ะกำลังเสียวมากแค่ไหน ดูตัวเองในกระจกนั่นสิ….โคตรยั่วเลย….” ฮัสลานพูดไปก็กดปรับเก้าอี้ให้มันเป็นนั่งเอนพิงลงไป แล้วมันก็ทำให้มารียานั้นได้เห็นตัวเองอย่างชัดเจนเลย จนเขานั้นทนไม่ไหวต้องถอดกางเกงแล้วเอาท่อนเอ็นใหญ่ออกมา แล้วเอามือรูดชักเบาๆอย่างทนไม่ไหว เพราเห็นแค่นี้เขาก็อยากจะเสียบเธอแล้ว แต่ไม่ก่อน เขายังอยากจะทรมานตัวเองไปพร้อมๆกับเธอด้วยมารียาได้ยินแบบนั้นก็มองตัวเองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เอนเบาะนี้ราวกับในหนังโป๊แนวซดิตส์เลย แล้วดูร่องสาวและตูดของตัวเองตอนนี้สิ มันถูกเติมเต็มไปด้วยของเล่นที่ฮัสลานนั้นเอามายัดเยียดใส่ในตัวเธอ และมันก็กำลังสร
“ในเมื่อคุณพึ่งเข้าห้องแดงของผมเป็นครั้งแรก งั้นก็เอาแบบเบาๆไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมใจร้ายกับคุณอีก…หึๆ…” ฮัสลานพูดไปก็หยิบไข่สั่นแบบอัตโนมัติออกมาจากลิ้นชัก แล้วก็ตามด้วยลูกตุ้มพวงขนกระต่ายและก็ผ้าปิดตาสีขาว ที่สามารถทำให้เธอเห็นแบบลางๆตอนนี้ที่ถูกปิดตาได้“ฉันไม่เล่นอะไรกับคุณทั้งนั้นแหละคุณฮัสลาน คุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นถ้าคุณปล่อยฉันเมื่อไหร่ ฉันจะเล่นงานคุณให้หนักเลย…” มารียาพูดออกไปก็พยายามดิ้นขัดขืน แต่เธอข้อมือของเธอก็ถูกเขาล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนาจริงๆ“ก่อนที่คุณจะได้เล่นงานผม ผมก็คงจะเล่นงานคุณหนักๆไปแล้วล่ะ คุณจะเอาแรงที่ไหนมาเล่นงานผมหึ เอาตัวเองให้เดินออกจากห้องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ เพราะวันนี้ผมจะเอาจนคุณขาถ่างจนหุบไม่ลงเลย หึๆ…” ฮัสลานพูดไปก็เอาของทีเขาเลือกมาไปวางไว้บนเตียงแล้วเขาก็มองเธอแบบเจ้าเล่ห์“วันนี้ไม่ได้ มันก็ต้องมีวันอื่นอยู่ดี ฉันไม่ยอมปล่อยให้คุณรังแกฉันฝ่ายเดียวหรอก” มารียาพูดบอกไปพร้อมกับสายตาที่มองเขาแบบไม่พอใจ“ปากดีจริงเลยนะคุณเนี่ย ดี!... ในเมื่อคุณคิดจะเอาคืนผม งั้นผมก็ไม่เกรงใจอะไรคุณแล้วล่ะ…ตรงนี้มันคงไม่เหมาะกับคุณ…ผมว่าไปตรงเก้าอี้
“มันก็แค่การตัดสินใจของคุณคนเดียว ครอบครัวคุณไม่ได้รับรู้ด้วยเลย คุณมาพูดเองเออเองแบบนี้จะให้ฉันเชื่ออะไรหึ…ครอบครัวคุณก็คงไม่ต่างจากครอบครัวของคุณจาซุสเขาหรอก คุณไม่ได้ต้องมาหลอกฉันซะให้ยากเลย ฉันไม่หลงเชื่อคุณหรอกคุณฮัสลาน” มารียาพูดไปพร้อมกับยืนยันว่าเธอไม่เชื่อเขา เพราะขนาดพี่สาวของเธอที่อยู่กับจาซุสมาสองปี ยังต้องยอมแพ้กลับไทยไปเลย แล้วเขาที่รวยกว่าจาซุสล่ะ จะไปเหลืออะไรกัน“แต่ครอบครัวผมกับครอบครัวของจาซุสมันคนล่ะครอบครัวกันนะคุณ คุณจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ครอบครัวของผมไม่ได้สนใจเรื่องความแตกต่างทางสังคมหรือเชื้อชาติอะไรเลย ที่ครอบครัวผมสนใจมีอย่างเดียวเลยคือเรื่องทายาท และมันก็เป็นต้นเหตให้เราสองคนมาเถียงกันอยู่ตอนนี้ ดังนั้นเรื่องแต่งงานของคุณกับผมมันจะไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าคุณท้องลูกของผม คุณจะกลายเป็นเมียแล้วก็แม่ของลูกผมอย่างถูกต้องทันที ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองดูก็ได้” ฮัสลานพูดอธิบายบอกไปแบบตรงๆ เพราะครอบครัวของเขานั้นอยากให้เขามีเมียมีลูกจะตายไป แต่ในกรณีของมารียา เธอจะต้องท้องก่อนเขาถึงจะมีอะไรไปต่อรองกับพ่อแม่ของเขาเพื่อรับเธอมาเป็นภรรยาอย่างถูกต้อง“ฉันต้องท้องฉันเท่าน
ณ เพ้นท์เฮ้าท์ของฮัสลานในเวลาต่อมาฮัสลานก็เดินเข้ามาในบ้านแบบเงียบๆไม่พูดคุยอะไรกับมารียาเลยทำให้มารียานั้นเดินตามเขาแล้วมองแบบงงๆว่าเขาโกรธอะไรเธอ ทั้งที่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าโกรธงอนกันเลยสักนิดเดียว“คุณฮัสลาน คุณมีอะไรไม่พอใจฉันคุณก็พูดมาเถอะค่ะ ไม่ใช่มาเงียบใส่กันแบบนี้ฉันไม่ชอบ…เราไม่ใช่เด็กๆกันแล้วนะคะ” มารียาเอ่ยพูดออกไปแล้วมองตามเข้าไปด้วยสีหน้าจดจ้อง เพราะเธอทนให้เขาเงียบใส่เธอ ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่อยากจะใช้สงครามประสาทกับเขาหรอกนะ“รู้ด้วยเหรอว่าเราไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว แล้วคุณคิดบ้าอะไรอยู่หึถึงได้คิดจะฉีดยาคุมกำเนิดโดยไม่บอกผมเลยสักคำน่ะ ถ้าผมไม่โทรหา ป่านนี้คุณก็คงฉีดมันไปแล้วสินะ” ฮัสลานหันไปพูดตอบเธอด้วยสีหน้าโกรธๆอย่างอดไม่ได้“อ่อ ที่โกรธอยู่นี่เพราะฉันไม่ได้บอกคุณเรื่องนี้เหรอคะ ฉันคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรฉันก็เลยไม่ได้บอกคุณน่ะค่ะ อีกอย่างนี่มันก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ได้กินยาคุมเป็นประจำแบบฉัน และถ้าฉันฉีดมันแล้ว มันก็ดีกับเราทั้งคู่ไม่ใช่เหรอคะ…” มารียาพูดบอกไปแล้วมองสบตากับเขาอย่างอ่อนโยน“มันไม่ได้ดีกับผมเลยมารียา ผมต้องการที่จะมีลูกกับ
ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นครดูไบมารียาก็แอบปลีกตัวจากฮัสลานตอนที่เขานั้นไปประชุมข้างนอก ออกมาที่โรงพยาบาลใกล้ๆกับบริษัทของเธอ เพราะเธอได้โทรนัดเวลาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำให้มาถึงเธอก็ได้เข้าพบหมอได้เลย“คุณแน่ใจนะคะว่าจะฉีดยาคุมกำเนิดน่ะ” หมอหนุ่มเอ่ยถามออกไปกับคนไข้อย่างต้องการความแน่ใจ“แน่ใจค่ะ ฉันไม่อยากจะท้องตอนนี้ คุณหมอฉีดได้เลยค่ะ” มารียาพูดบอกไปเพราะเธอไม่ค่อยได้ทานยาคุมทุกวัน เธอจึงตัดสินใจมาฉีดยาคุมกำหนดเพื่อป้องการไม่ให้เธอพลาดตั้งท้องขึ้นมาแบบพี่สาวของเธอ เนื่องจากฮัสลานนั้นแทบจะไม่เคยปล่อยข้างนอกเลยนับตั้งแต่มีอะไรกันมา เขาจะปล่อยในแทบทุกครั้ง ทำให้เธอกลัวว่าเธอจะพลาดท้องกับเขาขึ้นมา เธอจึงตัดปัญหาด้วยการฉีดยาคุมซะเลย จะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาในภายหลัง“โอเคครับ งั้นเรามาทำความเข้าใจกับการฉีดยาคุมกันก่อนนะครับ ฉีดครั้งเดียวจะสามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 3 เดือน ตอนนี้ถ้าคนไข้ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงอยู่ก็ให้เลิกทานได้เลยนะครับ” หมอหนุ่มพูดบอกไปแล้วก็ยิ้ม“ค่ะคุณหมอ…” มารียาพยักหน้าตอบไปแบบเข้าใจที่หมอพูด“หลังฉีดอาจจะประจำเดือนไม่มาไม่ต้องตกใจนะครับ มันเป็นผลข้างเคียงจากการฉีกน่ะครับ
“อืม….รู้จักขอโทษก็ดี มีอะไรก็เข้าไปคุยกันในบ้าน ฉันไม่อยากมาเถียงกับแกให้อายเพื่อนบ้านหรอกนะยัยมุก…” กวินตาพูดออกไปแล้วเธอก็เดินเข้าไปในบ้านทันที เพราะถึงมุกดาจะก้าวร้าวยังไง เธอก็ยังเป็นน้องสาวของเธออยู่“ไปลูก พี่เขาให้เข้าบ้านแล้วก็ทำตัวดีๆหน่อย อย่าไปทำให้พี่เขาโมโหอีก ป่ะ” เพ็ญพักตร์พูดบอกไปแล้วก็พยักหน้าใส่ลูกสาวให้เดินตามเธอเข้าไปมุกดาก็ทำหน้าบึ้งๆออกไป ก่อนจะเดินตามพี่สาวและแม่เข้าไปในบ้าน พอเข้ามาด้านในเธอก็เห็นว่ามีสนามหญ้ากว้างไปจนสุดข้างบ้านเลย มันก็ไม่ได้เล็กแบบที่เธอคิดเลย พี่สาวของเธอคงซื้อไว้สำหรับลูกที่จะเกิดมาแน่ๆ“แม่คะ นี่พี่กวางเขาจะกลับมาอยู่ไทยถาวรแล้วเหรอคะ ถึงได้ซื้อบ้านอยู่แบบนี้น่ะ…แล้วผู้ชายของพี่กวางล่ะคะ เขามาด้วยไหม…” มุกดาเข้าไปกระซิบถามแม่ของเธออย่างอยากรู้ เพราะอยู่ๆก็กลับมากะทันหันแถมยังซื้อบ้านเป็นหลังอยู่อีก แบบนี้มีแววว่าจะอยู่ยาวไหมล่ะ“เขาไม่ได้มาด้วยเพราะยัยกวางเลิกกับเขาแล้ว ก็เลยตัดสินใจกลับมาอยู่ไทยแล้วก็จะไม่กลับไปดูไบอีก…เพราะฉะนั้นแกก็อย่าไปถามอะไรพี่แกเรื่องนี้ล่ะ…”เพ็ญพักตร์พูดบอกไปตามตรง เพราะเธอไม่อยากจะให้กวินตาคิดมากอีก“เลิกกันแล
หลายวันผ่านไปจาซุสก็ถูกครอบครัวของเขาบังคับให้มาดูตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตอนนี้งานแต่งงานของเขานั้นได้ถูกกำหนดไว้ให้จัดแต่งในเดือนหน้านี้แล้ว มันจึงทำให้เขานั้นนั่งทำหน้าเซ็งๆอย่างอดไม่ได้ เพราะเขาต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะไปรอดได้ยังไงกัน“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหมจาซุส แกจะมาทำให้พ่อกับแม่ขายหน้าทางนู้นเขาไม่ได้นะ ถ้าพวกเขามาแกต้องยิ้มแย้มเขาใจไหม” จามีลพูดบอกลูกชายของเขาไปขณะที่นั่งรออีกฝ่ายมาอยุ่ในร้านอาหารหรู“ผมมาตามที่พ่อแม่ต้องการแล้ว ยังจะให้ผมยิ้มแย้มอะไรอีกครับ ผมไม่ได้ยินดีที่จะได้แต่งงานสักหน่อย…”จาซุสพูดบอกไปตรงๆอย่างอดไม่ได้ เพราะใครจะไปยิ้มออกกันถูกบังคับให้แต่งงานขนาดนี้“ไม่ยินดีแต่ลูกก็ต้องแต่ง แม่ไม่ยอมให้ลูกไปคว้าเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นเมียหรอกนะ ลูกสะใภ้ของตระกูลเราจะต้องมีฐานะเหมาะสมกันเท่านั้น แล้วหนูอาย่าน่ะเขาก็ฐานะเหมาะสมกับเรา แถมหน้าตาก็สวยมากเลยด้วย สวยกว่านางบำเรอของลูกซะอีก ” ชามาเอ่ยพูดกับลูกชายของเธอไป เพราะลูกสะใภที่เธอหามาให้ลูกชายน่ะสวยมาก“สวยกว่าแต่ก็ไม่ได้แปลว่าจ