 INICIAR SESIÓN
INICIAR SESIÓNเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวตัวนอกทับเสื้อเชิ้ตสีเบอร์กันดีมองผ่านๆ แล้วดูฉูดฉาดไม่น้อย แต่ว่านั่นก็สะท้อนความมั่นใจของเจ้าตัวออกมาได้เป็นอย่างดี
ราฟาเอลเดินผ่านบรรดาบอดี้การ์ดของน้องชายที่อยู่ประจำตามจุดต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า ทุกสายตาต่างมองมาที่เขาอย่างไม่ไว้วางใจ
อย่างที่เขาคิดเอาไว้ แม้ตำแหน่งของเขาจะใหญ่กว่าริวาโน่ แต่ความจงรักภักดีของคนที่นี่มีให้กับน้องชายสูงกว่า
เดินมาจนถึงร้านกาแฟ ก็เห็นว่าริวาโน่กับผู้หญิงคนนั้นกำลังนั่งอยู่ในนั้น และใช้เวลาร่วมกันราวกับโลกนี้มีพวกเขาอยู่กันสองคน
“รอตรงนี้” ออกคำสั่งกับบอดี้การ์ด และเดินเข้าไปในร้านลำพัง
เขารู้ดี ว่าริวาโน่รู้ว่าเขาเดินเข้ามา แต่เลือกที่จะไม่สนใจ
“ไง...” เอ่ยปากทักทายก่อนอย่างไม่ถือตัว
น้องชายกลับยังนั่งนิ่ง มีเพียงผู้หญิงคนนั้นที่มีปฏิกิริยากับเสียงเรียกของเขา แต่ก็ยังไม่ได้หันมามองข้างหลังแต่อย่างใด
ก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าเอาเรื่อง
"แกจะไม่ทักทายพี่ชายหน่อยเหรอ"
เขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามน้องชาย นั่งไขว่ห้างพาดขาลงกับหน้าขาอีกข้างด้วยท่าทีสบายๆ
หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ริวาโน่ไม่เคยกลับอิตาลีอีกเลยตั้งแต่ได้มาบริหารธุรกิจที่เอเชีย
"ถ้าจะทักทายคงไปหานานแล้ว"
คำพูดของอีกฝ่ายที่ตอบกลับมาอย่างเย็นชา ทำให้คนเป็นพี่ถึงกับถอนหายใจออกมา แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกลำพัง ส่งผู้หญิงคนนี้กลับโรงแรมไป" พูดถึงอีกฝ่ายโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า ก็เขาเป็นคนแบบนี้
ไม่คุยกับคนที่ระดับต่ำกว่าตนเอง
"มาทำไม" นอกจากจะไม่ไล่ผู้หญิงข้างๆ กลับไป ริวาโน่ยังใช้มือโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้า
"แกไม่รู้?"
คำถามที่เข้าทางทำให้ร่างสูงยกยิ้มอย่างพอใจ มิวายจะปรายตามองตัวปัญหาที่ทำให้น้องชายเขาดื้อ เปลี่ยนใจไม่แต่งงานกับคนที่พวกเขาหามาให้
"แล้วเด็กนี่รู้ไหม ว่าแกกำลังจะแต่งงานอีกสองเดือน"
ผู้หญิงคนนั้นวางช้อนเค้กที่ถืออยู่ในมือ เงยหน้าสบตาเขาเป็นครั้งแรก เรือนผมสีเดียวกับน้องชาย รวมถึงแววตานิ่งสงบรับปากอวบอิ่มไร้รอยยิ้ม ทำให้ราฟาเอลอดคิดไม่ได้ว่า สองคนนี้เหมือนกันราวกับเป็นคู่แท้
"สวยขนาดนี้สินะ ถึงไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลอาร์โนลด์" ปรายตามองเธออีกครั้งด้วยดวงตาเยือกเย็น ก่อนจะหันไปสนใจน้องชายตนเอง "สองปีก่อนแกบอกว่าเรื่องแต่งงานยังไงก็ได้..."
เพื่อให้น้องชายถูกยอมรับจากคนในตระกูลเดียวกัน ทั้งพ่อและเขาต่างหาทุกวิธีเพื่อให้ได้สิ่งนั้น กระทั่งไปเจอสัญญาการแต่งงานระหว่างรูซโซ่และอาร์โนลด์ที่เขียนร่วมกันมามากกว่าครึ่งศตวรรษ
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ต่างก็พยายามส่งคนของตนเองเข้าแต่งงานกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายมักจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม
ถูกลอบสังหารด้วยฝีมือของกลุ่มนักฆ่าอย่างโกสท์ การฆ่าตัวตายหรือแม้แต่พยายามหลบหนีงานแต่งจนถูกคนในตระกูลไล่ล่าเอง
"แค่แต่งงานและจดทะเบียนริวาโน่ มันไม่ได้ยาก" กอดอกพิงพนักเก้าอี้เจรจาด้วยท่าทีสบายใจ "แต่งเสร็จ แกจะกลับมาอยู่กับเด็กนี่ก็ไม่มีใครว่า...แค่จดทะเบียนออกสื่อ"
"หึ ถ้ามันง่ายแบบนั้น แกก็แต่งสิ" เขาหยักยิ้มมุมปากตอบพี่ชายเฉกเช่นเดียวกัน"คนที่จะขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำคนต่อไป ก็คือแก"
"แต่การที่แกแต่งงานกับซีลีน จะทำให้คนในตระกูลยอมรับแก!"
ร่างสูงเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าน้องชายดื้อดึงกว่าเมื่อก่อน
เมื่อกี้พล่ามอะไรออกมา ให้เขาแต่งงานแทน?
แค่คิดก็สงสารสุขภาพหูตนเอง
"ฉันไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของรูซโซ่แล้ว" ริวาโน่ตอบกลับมาอย่างง่ายดาย กล้าทิ้งความพยายามของพ่อตลอดหลายสิบปีง่ายๆ เพราะผู้หญิงคนนี้
"อย่าเอาแต่ใจ พวกเราพยายามกันมาตั้งสิบกว่าปี!" ดวงตาสีเขียวเพอริโดหันไปมองที่เด็กสาวคนนั้น "เธอน่ะ ไม่อยากให้เขากลับไปอยู่กับครอบครัวหรือไง"
เมื่อน้องชายของเขาดึงดัน ราฟาเอลจึงหันไปมองหญิงสาวที่กำลังฟังด้วยแววตาวูบไหว ในยามที่เขาพูดเรื่องครอบครัวขึ้นมา
แสดงว่าเธอรู้เรื่องของริวาโน่
สนิทใจถึงขนาดเล่าเรื่องสำคัญให้ฟังขนาดนี้เลยหรือ ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับน้องชายของเขามากกว่าที่คิด
"เธอรู้ใช่ไหม ว่าริวาโน่โดดเดี่ยวขนาดไหน" และเมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของเธอขึ้นมาจึงพูดต่อ "แค่แต่งงานจดทะเบียนกัน ใช้เวลาแค่ครึ่งวัน แล้วเขาก็จะกลับมาหาเธอ"
สาวเอเชียคนนั้นยังคงนิ่งและฟัง...
"พริมโรส..." เสียงของน้องชาย ทำให้เธอหันไปมองด้วยแววตาสับสน "ตอนนี้ฉันต้องการแค่เธอ"
ทั้งสองจูบกันต่อหน้าเขา และราฟาเอลหันไปมองหน้าบอดี้การ์ดที่มากับตนเองทันที เพราะกลัวว่าจะมีคนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องริคคาโน่
พ่อของงเขาเป็นคนเด็ดขาด คิดใหญ่ ทำใหญ่ เขาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เพราะไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียขึ้น
"แกทำแบบนี้ เด็กคนนี้จะไม่ปลอดภัย" หันไปเตือนสติน้องด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิด "พ่อไม่ปล่อยเด็กคนนี้แน่ ถ้ารู้ว่าแกไม่แต่งเพราะเธอ"
ที่เขายังไม่รายงานริคคาโน่เรื่องผู้หญิงของน้องชาย เพราะคิดว่าสามารถเจรจาตกลงกันได้ แต่ดูเหมือนสำหรับน้องชาย เขาคำตอบที่ได้คงจะเป็นคำตอบเดียว
"แกรู้ใช่ไหม ว่ากบฏของรูซโซ่ไม่มีใครตายดี"
การขัดคำสั่งของผู้นำคนปัจจุบันเท่ากับการก่อกบฏ ทุกคนรวมถึงครอบครัวของเด็กคนนี้อาจตกอยู่ในอันตราย และเขาเองก็คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มาก
คำขู่ของเขาได้ผล สาวเอเชียคนนั้นแสดงท่าทีตกใจออกมาผ่านแววตา ก่อนความกลัวนั้นจะถูกขจัดออกไป เมื่อหันไปสบตากับน้องชายตนเอง
เมื่อการเจรจาวันนี้ไม่ได้ผล ราฟาเอลก็ไม่มีธุระต้องอยู่ต่อ
"ไม่เป็นไรริวาโน่ เดี๋ยวเราค่อยกลับไปคุยที่ไทย"
กายสูงหยัดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ติดกระดุมเสื้อสูทที่ปลดออกตอนนั่งเมื่อครู่อย่างไม่รีบร้อน
ก่อนจะออกมา มิวายเอื้อมมือมาแตะไหล่น้องชายด้วยความอ่อนโยนก้มลงคุยกัน ทว่าสายตานั้นยังคงจับจ้องไปยังคนสำคัญของริวาโน่
"ฉันอยากพาแกกลับบ้านนะบ้านของเรา"
ทันทีที่เดินออกมาจากร้าน บอดี้การ์ดที่ทำการคุ้มกันปิดทางเข้าออก ก็ทำการเคลียร์พื้นที่ให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
เมื่อเดินกลับมาขึ้นรถยนต์คันหรูคันเดิม ก็หันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่ติดตามตนเองมาในวันนี้
“ถ้าเรื่องวันนี้ถือหูพ่อ ฉันจะถือว่ามาจากพวกแก”
จากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถยุโรปสีดำกลับไปที่คิงส์ตัน ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของริวาโน่กับผู้หญิงคนนั้น รวมถึงอาการดื้อดึงที่เพิ่งออกลายของน้องชาย ราฟาเอลมั่นใจว่าเขาสามารถจัดการมันได้
มาเฟียหนุ่มกลับถึงโรงแรมในช่วงบ่ายคล้อยความหงุดหงิด เจ้าของร่างสูงโปร่งเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆ ใช้เวลาหมดไปกับการยืนสูบบุหรี่ริมระเบียงให้สบายใจ จากนั้นจึงเรียกลูกน้องมารายงานสถานการณ์ทางฝั่งยุโรป
“สัญญากับทางคุณลูเซียเรียบร้อยดีครับนาย ท่านใหญ่ให้แจ้งว่าอยากให้นายรีบจัดการเรื่องแต่งงานของคุณริวาโน่กับคุณซีลีน ไม่ต้องห่วงเรื่องธุรกิจโรงแรม” อลันมือขวาของตนเองรายงานจบก็กุมมือประสานกันรอฟังคำสั่ง
แต่วันนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะสั่งงานอะไรต่อ จึงรีบตัดบทเพื่อพักผ่อน
“มีอะไรอีกไหม”
“มีครับ...หุ้นของอเมทิสต์ร่วงลงอีกห้าเปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาเพียงสามวัน ดูเหมือนข่าวการขาดทุนของอเมทิสต์ จะทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นกันเยอะ” มีแต่เรื่อง...
แต่อย่างไรก็ต้องช้อนหุ้นพยุงเอาไว้ก่อน แม้จะรู้ว่าการกระทำดังกล่าว มีแต่จะทำให้ตนเองเสียเงินฟรี
หากอาร์โนลด์ไม่ใช่กลุ่มอำนาจเก่า ที่บรรดาผู้มีอิทธิพลในฝรั่งเศสยังให้การเคารพ ราฟาเอลคงไม่เสียเวลาเกลี่ยกล่อมน้องชายเรื่องแต่งงาน หรือเอาเงินไปโยนลงบ่อด้วยการหนุนเงินให้ตระกูลอาร์โนลด์
“ซื้อหุ้นที่ปล่อยขาย แล้วหาทีมมาปั่นหุ้นให้กลับมาเท่าเดิมภายในคืนพรุ่งนี้” แค่เริ่มก็ใช้เงินกับคนตระกูลนี้ไปไม่น้อย
แต่เทียบไม่ได้เลยหากการแต่งงานสำเร็จ เขาจะได้ทั้งฐานอำนาจในฝรั่งเศส และได้น้องชายกลับบ้านตามความประสงค์ของพ่อ
“ครับนาย งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อน”
“อืม...เดี๋ยว” เสียงเรียกของเขาทำให้อลันชะงัก และหันกลับมา
“ครับ”
“ซีลีนอยู่ไหน”
“ว่ายน้ำอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าครับ”
เขาเดินออกจากห้องพักทันทีที่ได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นยังคงทำตัวไร้สาระเที่ยวเล่นไปวันๆ บ้านตัวเองจะล้มละลายอยู่แล้ว ยังมีหน้ามาว่ายน้ำเล่นอีก แทนที่จะเอาเวลาไปเกลี่ยกล่อม หรือทำให้น้องชายเขาหลงรักจนเลิกกับนักศึกษาคนนั้น
✦•·············•✦•·············•✦

สองปีต่อมา ณ เอ็กซองโพรวองซ์, ฝรั่งเศส “จุนตากับจุนยายนอนอยู่นี่เหยอ” เด็กชายโรเมโอวัยสี่ขวบครึ่งถามด้วยความสงสัยระหว่างที่จูงมือบิดาเดินเข้าไปตามเส้นทางที่ถูกปูด้วยพื้นซีเมนต์ ในขณะที่อาณาบริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยป้ายหินอ่อนและพื้นหญ้าเตียนโล่ง กระทั่งเดินมาหยุด ณ สถานที่หนึ่งซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยสวนดอกคาเนชั่นสีชมพูขนาดย่อมที่สามีส่งคนมาจัดแต่งและให้คอยดูแลเป็นประจำ ดอกคาเนชั่นที่เซรีน่าแม่ของภรรยาชื่นชอบ “ใช่ค่ะ คุณตากับคุณยายพักผ่อนอยู่ที่นี่” หญิงสาวตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงยินดี “หม่ามี้กับปะป๊าพาน้องโรมมาทุกปี จำไม่ได้เหรอ?” คำถามทวนความจำถูกเอ่ยขึ้น และเด็กชายเอียงคอนึกตามก่อนจะเบิกดวงตากลมโตสีเขียวมะกอกตนเองและคลี่ยิ้มกว้าง “จริงด้วย!! ปีนี้ไม่มีดอกไม้เหรอ ดอกไม้ๆๆ” ถามหาช่อดอกไม้ ซึ่งตนเองถือมาวางด้วยตนเองเมื่อปีที่แล้ว พลางกระโดดโลดเต้นไปมาวนรอบตัวมารดา คุณพ่อตัวสูงซึ่งมีเป้อุ้มเด็กเล็กคล้องอยู่ด้านหน้ายกยิ้มให้กับความเฉลียวฉลาดของลูกชาย ก่อนจะหันไปมองบอดี้การ์ดซึ่งทำหน้าที่ถือช่อดอกคัตเตอร์สีข
มาเฟียหนุ่มพาคนตัวเล็กเขามาในห้องเก็บไวน์แห่งความหลัง ยื้อแย่งผลักดันกันอยู่ครู่ใหญ่ เนื่องจากหญิงสาวอิดออดไม่ยอมตามใจเข้ามาข้างในแต่โดยดี ดวงตาสีฟ้าสำรวจห้องเก็บไวน์แบบพื้นไม้ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ ดูสง่างามและคลาสสิค ลวดลายพื้นไม้และสีเข้มตามธรรมชาติทำให้ห้องรู้สึกอบอุ่นทั้งที่อุณภูมิในห้องนี้อยู่ที่สิบแปดองศาเซลเซียส ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในห้องนี้ผลิตด้วยวัสดุหนังสีดำชั้นดีของอิตาลี ชั้นวางไวน์ทำจากไม้ ออกแบบให้ปิดด้วยกระจกใสหนา มองเห็นการจัดเก็บไวน์อย่างมีระเบียบพร้อมควบคุมอุณหภูมิและความชื้น เพื่อรักษาคุณภาพของไวน์ในระยะยาว มองไฟที่ใช้ในห้องที่ตกแต่งให้เป็นสีโทนอบอุ่นเสริมบรรยากาศของห้องเก็บไวน์แบบพื้นไม้ คนตัวสูงดันเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้หนังทรงสูงสามารถปรับระดับขึ้นลงได้ ปึก! "ที่รักอยากลองดื่มไวน์แดงที่นี่ดูไหม พ่อเก็บไว้เป็นอย่างดีเลย" เขาตะล่อมเธอด้วยการหยิบขวดเครื่องดื่มสีเข้มออกมาจากชั้นเก็บไวน์ เปิดจุกก๊อกด้วยความชำนาญก่อนจะเทของเหลวจำนวนหนึ่งลงในโถพักไวน์ "ระหว่างรอพักไวน์ เรามาท
โครงการฮันนีมูนของสองสามีภรรยารูซโซ่ถูกพับเก็บยาวๆ นับปี เนื่องจากหน้าที่การงานที่รัดตัวกันทั้งคู่ ราฟาเอลกำลังขยายอำนาจตนเองเข้าไปในฝรั่งเศสจึงต้องบินไปกลับอยู่บ่อยครั้ง เช่นเดียวกับภรรยาอย่างซีลีน อาร์โนลด์ รูซโซ่ที่ต้องบินไปทำงานที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของอเมทิสต์แทบทุกเดือน ทั้งสองจึงต้องผลัดกันอยู่บ้านเลี้ยงลูกเพื่อไม่ให้เด็กน้อยขาดความรักความอบอุ่น เรียกได้ว่าในหนึ่งเดือนนั้นการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกช่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก กระทั่งโรเมโออายุครบสองขวบ สถานการณ์ของอเมทิสต์และลูซโซ่เวิลด์ไวด์ในฝรั่งเศสจึงคงที่ และทำให้มีเวลากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ภายหลังฤดูหนาวสิ้นสุดลงและเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ราฟาเอลจึงตัดสินใจไปเยี่ยมบิดาที่แคว้นทัสคานี เมืองฟลอเรนซ์ ขับรถจากโรมเพียงสามขั่วโมงก็มาถึงเมืองที่เป็นดั่งจุดเริ่มต้นของประวัติอิตาลี นับตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเกิดขึ้นที่นี่ อิตาลีก็เต็มไปด้วยความฝันที่ผู้คนหลงใหลใฝ่หา ขับรถข้ามสะพานแม่น้ำอาร์โนมาถึงคฤหาสน์สไตล์เรเนซองส์เก่าแก่ ซึ
เด็กชายโรเมโอขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในวัยสามเดือนเศษ การขึ้นเครื่องบินครั้งนี้ยาวนานกว่าสิบสองชั่วโมง โดยแวะพักที่ดูไบสองชั่วโมง ก่อนจะแลนด์ดิ้งลงที่สนามบินภูเก็ต โดยเป้าหมายของการมาในครั้งนี้คือร่วมงานแต่งของน้องชายซึ่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมในเครือลูซโซ่ นับตั้งแต่ที่บิดาสละตำแหน่งให้ตนเองขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูล หุ้นทั้งหมดของบิดาในธุรกิจโซนเอเชียก็ถูกโอเป็นชื่อของน้องชาย เซนในตอนนี้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของธุรกิจโรงแรมไปแล้ว สิทธิ์ขาดในอำนาจการตัดสินใจกลายเป็นของน้องนับตั้งแต่วันนั้น เขาเองก็ไม่ได้ทัดทานความต้องการของพ่อ กลับรู้สึกว่าพ่อคิดถูกที่ยกธุรกิจในเอเชียให้เซนดูแล ไอ้เด็กนี่มันฉลาด เก่ง เด็ดขาด แม้จะชอบกวนส้นตีนเขาก็ตาม งานแต่งเล็กๆ ถูกจัดที่หาดส่วนตัวของโรงแรม ราฟาเอลรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่งานแต่งของน้องเล็กมากเมื่อเทียบกับงานของตนเอง ทว่าหากมองไปยังบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ทั้งหมดต่างแสดงความยินดีกับน้องชายด้วยความรู้สึกแท้จริง อบอุ่นและจริงใจ ราฟาเอลคิดว่าแบบนี้ก็ไม่ได้แย่ “ของขวัญฉ
หลายเดือนต่อมา ร่างสูงกำยำสาวเท้ายาวๆ ด้วยความเร่งรีบไปตามโถงทางเดินโรงพยาบาล มาเฟียหนุ่มวัยสามสิบปีกลับมาจากอเมริกาด้วยเครื่องบินส่วนตัวทันทีที่ทราบว่าภรรยาคลอดลูกชายแล้ว เมื่อประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออก ราฟาเอลก็รีบตรงดิ่งเข้ามาหาภรรยาซึ่งในมือมีเด็กทารกเพศชายอยู่ในมือ ใบหน้าสวยแม้ในยามไร้เครื่องสำอางหันมามองสามี ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “อ้าว! ทำไมกลับมาเร็วจัง อีกตั้งสามวันไม่ใช่เหรอ?” สามีออกไปทำงานต่างประเทศหนึ่งสัปดาห์ แต่นี่เพียงสามวันเขาก็กลับมาเสียแล้ว “ที่รัก!” สองมือคว้ากอดภรรยาเอาไว้ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนด?” กำหนดวันคลอดของภรรยาคือในอีกห้าวัน แต่นี่ซีลีนกลับคลอดลูกชายก่อนกำหนดถึงหกวัน เขาที่ได้รับข่าวจากคาลาร์ร์และเอ็มมาว่าคนตัวเล็กปวดท้องใกล้คลอดจึงบินตรงกลับมาที่โรมด้วยความร้อนใจ ยอมทิ้งแม้กระทั่งสัญญากาสิโนที่ลาสเวกัส ซึ่งในอีกไม่กี่วันก็จะได้เซ็นสัญญา แต่ช่างมัน คนอย่างราฟาเอลไม่สน ณ ตอนนี้ลูกกับเมียที่หนึ่งเดียว ธุรกิจพวกนี้ยังมีเวลากลับไปเจรจากันใหม่
เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงเวลาเคานต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ แขกที่มาร่วมงานต่างจับจองตำแหน่งในการยืนชมพลุที่กำลังจะเข้าสู่ท้องฟ้า คนที่ทำหน้าที่กดปุ่มปล่อยพลุในปีนี้ไม่ใช่ดาราสาวชื่อดังอย่างเทเรซ่า แต่กลับเป็นริคคาโน่ที่เป็นอดีตผู้นำและอดีตผู้บริหารจองลูซโซ่ ซึ่งนั่นก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนในงานได้ไม่ต่างกัน "ทำไมไม่เป็นคนจุดเอง" ซีนใหญ่ขนาดนี้ หากได้เห็นใบหน้าของราฟาเอลตามหน้าสื่อเท่ากับเป็นการโพรโมตการเป็นผู้นำคนใหม่ไปในตัว "ฉันจุดใครจะอยู่ข้างเธอ" เพราะสอบถามกับช่างเทคนิคในวันตรวจเช็กงานวันนั้นแล้ว ว่าใช้เวลาไม่เกินสิบวินาทีหลังกดปุ่ม พลุทั้งหมดก็จะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตามเชตที่ตั้งเอาไว้ "เข้ามาอยู่ในนี้มา" เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่มาเฟียหนุ่มสวมอยู่ถูกเปิดออก พร้อมกับมือของเขาที่ดึงตัวของเธอให้เขาไปอยู่ด้านใน ก่อนจะใช้เสื้อตัวใหญ่ปิดไว้จนกลายเป็นว่าทั้งคู่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวเดียวกัน "ถ้ากลัวเสียงจะใส่ที่อุดหูก็ได้นะ" เขาพกทุกอย่างใส่กระเป๋ามาเตรียมพร้อมให้ "ไม่ได้กลัวแล้ว" เธอสบายใจและคลายความกลัวลงนับตั้งแต่








