ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งกัดปากตีนถีบ หนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ระหว่างที่กำลังจะถูกเจ้าหนี้จับตัว เธอได้รับความช่วยเหลือจากชายแปลกหน้าที่เห็นกันเพียงครั้งเดียวในสถานบันเทิง แต่อีกฝ่ายกลับยอมช่วยเหลือและเอาเธอไปอยู่ด้วย ทว่าอีกฝ่ายดูเป็นคนลึกลับ มีบางอย่างชวนให้สงสัยว่าเขาคือกันแน่ ครั้นทุกอย่างรอบตัวมีแต่อันตราย
View More“ขณะนี้ชุดเครื่องเพชรของเราถูกประมูลอยู่ที่ 35 ล้านครับ มีใครจะเสนอราคามากกว่านี้ไหมครับ” เสียงพิธีการชายประกาศดังขึ้นหลังจากมีผู้คนสนใจอย่างล้นหลาม
“เจ็ดสิบล้าน” ชายหนุ่มหน้าตาดียกป้ายประมูลเสนอราคาที่มากกว่าเสี่ยหนุ่มใหญ่วัย 50 ปีถูกเด็กอายุน้อยกว่าชิงตัดหน้าเสนอราคาที่เพิ่มเป็นเท่าตัว แขกเหรื่อต่างหันไปในทิศทางเดียวกันมองชายหนุ่มที่เพิ่งเปล่งเสียงเพิ่มมูลค่าการประมูลเพิ่มโดยใบหน้าไม่สะทกสะท้านกับเงินจำนวนมาก
"ขณะนี้ราคาอยู่ที่เจ็ดสิบล้าน"
โห !!!
"เจ็ดสิบล้านมีใครสู้ไหมครับ” เสียงฮือฮาแตกตื่นกันอย่างหนักเมื่อจู่ๆ ผู้ยกป้ายประมูลมาแบบม้ามืดเสนอราคาไปเท่าตัว โดยผู้ประมูลท่านอื่นเริ่มลังเลกับราคาที่สูงลิ่วเกินจะสู้ไหว
“มีใครจะยกไหมครับ”
“….”
“เจ็ดสิบล้านครั้งที่หนึ่ง ,เจ็ดสิบล้านครั้งที่สองและ เจ็ดสิบล้านครั้งที่สาม” กระดิ่งดังขึ้นเป็นอันสิ้นสุดของเครื่องเพชรชุดแรกและตกเป็นของราเชนทร์ ชายหนุ่มอายุ 32 ปี นักธุรกิจผู้ที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร เข้ามาประมูลเครื่องเพชรที่มีแต่เหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายและเหล่าบรรดานักการเมืองตำแหน่งใหญ่โต
ไม่มีใครกล้าสู้เพราะยังมีชุดเครื่องเพชรอีกหลายชุดที่ยังประมูลไม่หมด ทั้งยังชิ้นสำคัญเก่าแก่มาเกือบร้อยปี ซึ่งแน่นอนมันย่อมมีมูลค่าหลายร้อยล้าน
"เอาล่ะครับ นี่คือชุดเครื่องเพชรชุดต่อไปของงาน เพชรเม็ดงามที่ตกทอดมาตั้งแต่คุณผู้หญิงชาวฝรั่งเศส เปิดประมูลอยู่ที่ห้าสิบล้านครับ"
เพชรเม็ดงามต่างมีแต่คนชื่นชมเมื่อมันอยู่ในตู้กระจกใสนำออกมาโชว์โดยมีตำรวจยืนคุ้มกันป้องกันการโจรกรรม
การประมูลเริ่ม...
"หกสิบล้านค่ะ" เมียรัฐมลตรีกระทรวงกลาโหมยกป้าย
"เจ็ดสิบล้าน" เสี่ยชลัมพลยกป้ายสู้ราคา
"เก้าสิบล้าน" น้ำเสียงทุ้มกล่าวให้ราคาจากเสี่ยชลัมพล ราเชนทร์ยกป้ายและประมูลโดนไปค่อนข้างมาก คนอื่นๆที่เพิ่มครั้งละสิบล้านเริ่มถอยออกเหลือเพียงราเชนทร์และเสี่ยชลัมพล
"ร้อยล้าน" คนมีอายุยังสู้เพื่อเอาชุดเครื่องเพชรแม้จะเริ่มขาสั่นแต่จะมาเสียหน้าแบบนี้ไม่ได้ โดยที่อีกราเชนทร์ยกป้ายเสนอราคาไปเพิ่มเป็นมูลค่าร้อยสิบล้าน
"ร้อยห้าสิบล้านครับ มีใครจะสู้อีกไหม"
"...." มีแต่เสียงลมหายใจดังฟึกฟัดจากรูจมูกเสี่ยชลัมพล ราคาฉี่แทบราดแต่ไอ้เด็กนี้มันนั่งกระดิกเท้าแสยะมุมปากหน้าตาเฉย
"เครื่องเพชรชุดที่สองประมูลไปที่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านครับ" เสียงฮือฮารอบที่สองดังขึ้น ราเชนทร์ได้ไปแล้วสองชุดและเหลือชุดสุดท้ายที่ถูกเปิดประมูลด้วยราคาสองร้อยล้าน
"ชุดเครื่องเพชรเก่าแก่มีใครสนใจไหมครับ"
"สามร้อยล้าน" พิธีกรถึงขั้นตาเบิกกว้าง ราเชนทร์คว้าการประมูลเครื่องเพชรไปคนเดียว 3 ชุดรวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดห้าร้อยยี่สิบล้าน กลายเป็นกระแสไปชั่วคราวคืน ไม่กี่สิบนาทีข่าวแวดดวงธุรกิจและไฮโซต่างพาดหัวข่าวหนุ่มหล่ออย่างราเชนทร์ถึงความเร็วเกินต้านและไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร
รวยมาก…
"มันเป็นใคร" เสี่ยชลัมพลเอ่ยถามบอดี้การ์ดที่ยืนคุ้มกันรักษาความปลอดภัย แม้ผู้คนจะพลุ่กพล่านก็ยังต้องมีบอดี้การ์ดตามประกบอย่างน้อยหนึ่งคน
"ไม่เคยเห็นครับเสี่ย"
"สืบมาว่ามันเป็นใคร" อยากรู้ว่าไอ้เด็กเกิดเมื่อวานมันเป็นลูกเต้าเหล่าใครรวยมาจากไหน อีกทั้งในแวววงการประมูลของมีค่าโดยเฉพาะเครื่องเพชรไม่เห็นเคยเห็นไอ้เด็กผู้ชายคนนี้
งานประมูลสิ้นสุดลงบรรดาแม่หม้ายและลูกสาวคุณหญิงคุณต่างอยากรู้จักนักประมูลอภิมหึมาโคตระรวย
"คุณราเชนทร์ ดิลกก้องเกียรติ" คุณหญิงท่านหนึ่งเอ่ยทักคนอายุอ่อนกว่าทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักหันกลับมามอง
"ครับ?" สงสัยที่มีคนรู้จักชื่อทั้งยังรู้จักนามสกุล
"ดิฉันคุณหญิงดวงแข" กล่าวแนะนำตัวให้คนรุ่นลูกรู้จัก
"ยินดีที่ได้รู้จัก" กล่าวไปตามมารยาท แม้จะไม่อยากเสวนากับสังคมจอมปลอมเช่นนี้ ใครรวยหน่อยก็มีกัลยานิมิตรที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์เข้ามา ฉะนั้นราเชนทร์ถึงมีวิถีชีวิตการต่อสู้ดิ้นรนและคบค้ากับเพียงเพราะผลประโยชน์เช่นกัน
"เผื่อมีโอกาสได้ทานข้าวกัน" ยื่นนามบัตรให้ราเชนทร์ ระบุชื่อชัดเจน ดวงแข อัคเดชอำพัน ประธานสมาคมการกุศลหลายแห่งและมีธุรกิจหลายอย่าง
"...." ราเชนทร์จองนามบัตรด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับเปรยตามองคนอายุมากกว่า สอดนามบัตรเข้ากระเป๋าเสื้อและหยิบของตัวเองส่งให้ดวงแขเช่นกัน
"ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ" จากนั้นก็ปลีกตัวเดินออกไปท่ามกลางฝูงชนที่รอคุยทักทาย ทว่าราเชนทร์ก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงฝ่าวงล้อมโดยมีบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยตามประกบ 3 คน
ลานจอดรถวีไอพี
"เฮียจะกลับบ้านเลยไหมครับ" ตุลย์บอดี้การ์ดมือขวาเอ่ยถามผู้เป็นนายหลังจากเสร็จธุระในการร่วมประมูลและรับเครื่องเพชรกลับบ้าน
"ยัง กูอยากพัก" หมายถึงการไปให้เด็กในเลานจ์ปรนเปรอให้ผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็นการปรนนิบัตินั่งเป็นเพื่อนเอาอกเอาใจถ้าถูกชะตาราเชนทร์ก็คือหิ้วไปนอนด้วย
ไม่แปลกในเมื่อราเชนทร์คือคนโสดแม้จะมีอดีตไม่ขาวสะอาดและไม่สวยหรู นอกจากไอ้ตุลย์บอดี้การ์ดมือขวาก็ยังมีไอ้ปืนเป็นบอดี้การ์ดมือซ้ายที่คอยตามอารักขา ทว่าวันนี้ไอ้ปืนถูกเจ้านายอย่างราเชนทร์ใช้ไปทำธุระอย่างอื่นแต่ยังมีลูกน้องคนอื่นตามประกบอีก 3 คน หมายความว่าราเชนทร์มีผู้ติดตามทั้งหมด 4 คน
รถยนต์คันแรกสีดำขับออกก่อนเป็นลูกน้องสองคนตามด้วยรถคันหลังสีเดียวกันแต่คนละแบรนด์มีราเชนทร์นั่งด้านหลังและตุลย์นั่งเบาะซ้ายฝั่งด้านหน้าและมีปืนเป็นคนขับ
หัวใจเธอเต้นแรง พวงแก้มแดงก่ำหนักกว่าเดิมและร้อนผ่าวจนเขินอายทั้งที่อยู่ด้วยกันมานาน น้ำหนึ่งเดินมาอีกมุมของห้องเพื่อหลบสายตา จัดการถอดชุดบนกายออกเพื่อจะเข้าห้องอาบชำระร่างกายแล้วออกมานอน ซิปด้านหลังพยายามจะรูดลงอย่างเงอะงะ ทว่าราเชนทร์รีบเข้ามาช่วยในทันที“จะอาบน้ำเหรอ”“อืม...เหนียวตัว”เสียงซิปรูดรั้งลง โชว์แผ่นหลังขาวเนียนแก่สายตาคนมอง จากนั้นลมร้อนจากปลายจมูกปะทะลง ทำเธอสะดุ้งตัวเมื่อริมฝีปากคนด้านหลังจุมประทับลง“ที่จริงก็ยังไม่เหนียวเลยนะ”น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบแล้วรั้งทั้งชุดลงจนเธอตัวเปลือย มองหน้าอกอวบเต่งตึงจนเกิดเส้นเลือดบนบริเวณเนื้อนมนั้น หน้าท้องมีพุงน้อยๆ โผล่ขึ้นไม่ต่างจากคนเพิ่งกินข้าว ส่วนด้านล่างนั้นเกลี้ยงเกลาน่ารักราวกับเด็กน้อยเพราะเธอไปเลเซอร์มา“ไม่เหนียวก็จะอาบ”กำลังจะเดินหนีก็ถูกโอบกอดเอาไว้ ราเชนทร์จูบลงต้นคอและไซ้เบาๆ ทำขนอ่อนบนร่างชูชันขึ้น“หนึ่ง”“ไม่เอานะเฮีย วันนี้เหนื่อยทั้งวันเลย”“เฮียมีความสุขมาก”“….”“ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์”“ค่ะ – หนึ่งจะเป็นภรรยาที่ดีของเฮียนะ”ราเชนทร์ต้องการแสดงความรักด้วยการกอดเท่านั้น กระชับร่างขาวลงจม
สองอาทิตย์ต่อมากำหนดงานแต่งที่วางแผนกันไว้ตอนนี้ล่วงเลยมาแล้ว ครั้นเกิดเหตุการณ์อันตรายจนได้รับบาดเจ็บกันทั้งสอง แผลที่เกิดจากการโดนยิงเริ่มหาย ส่วนแขนของน้ำหนึ่งที่หักก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เพราะความไม่เคยเจ็บตัวทำให้เธอระแวงในการใช้แขนเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกรอบ“ฤกษ์แต่งงาน – เราค่อยหากันใหม่”“หนึ่งไม่อยากได้ฤกษ์แล้ว”เธอตอบเขา พลางหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เปิดหนังสือจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ส่งมาให้เลือกทุกสามเดือน ทว่าน้ำหนึ่งไม่ชอบเสื้อผ้าแฟชั่นพวกนี้เท่าไหร่“ไม่มีฤกษ์ ก็ไม่ได้แต่งน่ะสิ”“เอาที่สะดวกดีกว่า”“….”“เราอยู่ด้วยกันมานาน ใครๆ รู้ว่าเป็นผัวเมียกัน ไม่ต้องทำอะไรที่เป็นพิธีรีตองแล้วก็ได้ แค่ได้อยู่กับเฮียในทุกๆ วันนั่นแหละคือความสุขของหนึ่ง”ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีงานมงคลเกิดขึ้น ทุกอย่างมาจากความต้องการของราเชนทร์เพราะอยากให้เกียรติ แต่พอผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ กันมาได้ ทำให้เธอรู้ว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวินาทีนั้นมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลา มองเมียรักนั่งไขว่ห้างเปิดหนังสือในอิริยาบถที่สบายตา เธอสบายใจขึ้นในการใช้ชีวิตจ
น้ำหนึ่งตาเบิกโพลง ราเชนทร์กำลังมีความต้องการทั้งที่สภาพร่างกายแต่ละคนก็เจ็บมากพอสมควร“หนึ่งแขนหัก เฮียโดยยิงตรงท้องและต้นแขน ขย่มไม่ได้หรอกนะ”ประโยคอ้อยอิ่งทั้งเขินอายปฏิเสธทางอ้อม ครั้นรู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร ที่เป็นอยู่มันไม่ได้เอื้ออำนวยแก่การร่วมรักเลยสักนิด“คxยเฮียไม่หักนี่”“ไม่เอา”“อยากเลีย”“เลียอะไร”ถามกลับอย่างไร้เดียงสา อันที่จริงน้ำหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงอะไร ราเชนทร์ขยับกายลงจากโซฟาแล้วนั่งย่อ จากนั้นคล้องเรียวขาเล็กลากมายังฝั่งที่ตนนั่ง เขารั้งกางเกงผู้ป่วยของเธอลง แล้วยกเท้ายันชันเข่าขึ้น“ขอเลียหน่อยนะครับ”“โรงพยาบาลนะ”“ไม่มีใครเข้ามา เฮียสั่งไว้แล้วห้ามรบกวน”“บ้า”คำพูดที่เอ่ยออกเหมือนจะปฏิเสธ ทว่าก็รู้สึกไม่ต่าง พลันมือหนาจับเรียวขาแหกออกกว้าง มองเนินกุหลาบอวบอูมที่ไม่มีชุดชั้นในห่อเอาไว้ เขาสอดมือใต้ร่มผ้า เลื่อนสูงขึ้นกำเข้าเต้านมสวยบีบมันเบาๆ แล้วใช้มืออีกข้างบดขยี้เม็ดคลิตอริสที่โผล่ขึ้นมาจากรอยแยกเล็กน้อย น้ำหนึ่งสะดุ้งตัวแต่ยังไม่มีเสียงครางเล็ดออกมาเพราะเธอกัดปากแน่นเอาไว้ กลัวว่าจะเผลอร้องจนเจ้าหน้าที่และลูกน้องที่ยืนเฝ้าลอบได้ยินและสงสั
ร่างหนาอยู่บนเตียง จะไม่ตกใจหากราเชนทร์นอนแบบคนปกติ ทว่าตอนนี้มีผ้าสีขาวคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ลมหายใจแรงขึ้นและหยาดน้ำตาร่วงหล่นอาบใบหน้าที่ไร้การแต่งทันทีราเชนทร์ตายแล้ว...“ฮึ่ก”ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขยับไปทีละน้อยให้ใกล้เตียงแต้ม ยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้เสียงเล็ดลอดครั้นไม่อยากให้คนตายนั้นได้ห่วง ทว่าความเสียใจที่เกิดแบบไม่ทันได้เตรียมเกินกว่าจะอดทน พลันปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนัก ซบตัวลงกอดร่างหนานั้นอย่างไม่กลัว ทั้งที่ปกติเป็นคนกลัวผี“หนึ่งขอโทษ – ฮือ ขอโทษที่ช่วยเฮียไม่ได้”สะอึกสะอื้นพร้อมกับเอ่ยโทษตัวเองเสียงสั่น เพราะผู้หญิงตัวคนเดียวก็ทำได้เพียงเท่านี้ น้ำสีใสจากเบ้าตาไหลเปียกผ้าสีขาว ทั้งน้ำมูกที่ไหลออกจากรูจมูกยามร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย“ขอโทษที่ปกป้องเฮียไม่ได้”“หนึ่ง”“ฮือ!! ขอโทษ”“หนึ่ง”เจ้าของชื่อชะงักในทันที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอกลางวันแสกๆ ราเชนทร์กลายเป็นผีมาหลอกเธอได้แล้วเหรอเนี่ย“ไม่กลัว เฮียจะเป็นผี หนึ่งก็ไม่กลัว”“จะตายจริงๆ เพราะโดนเมียทับแผลนี่แหละ”เหยียดตัวยืนขึ้น จากนั้นดึงผ้าที่ห่อขึ้นคลุมศีรษะ ราเชนทร์ลืมตาแล้วกะพริบถี่
กำลังคนด้านนอกของราเชนทร์กระจายออกไปโดยรอบ สำรวจทางหนีทีไล่ในยามต้องเข้าชิงตัวเขาออกมา“เฮียตุลย์ จะเอายังไงก็เอาเถอะ เรานั่งกันแบบนี้นานแล้ว”“ใจร้อนแบบมึงก็มีแต่พาเฮียเชนทร์ไปตาย – มองไม่เห็นคนของไอ้เสี่ยเหรอ เดินเข้าเดินกันเป็นขบวน”จริงอย่างที่เขาพูด ไม่นึกว่าคนของชลัมพลจะขนมาเยอะขนาดนี้ ต้องรอจังหวะในการเก็บทีละคน กระทั่งมีชายฉกรรจ์เป็นลูกน้องฝั่งศัตรูออกมาปลดทุกข์เบา ตุลย์ที่หมอบต่ำในพงหญ้า ลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกันกับน้องคนสนิทอย่างปืน จากนั้นเข้าทางด้านหลัง ใช้มือปิดปากคนฝั่งตรงข้ามพร้อมกับใช้มีดเฉือนเข้าลำคออย่างเหี้ยมโหด ไม่ได้เป็นคนจิตใจอำมหิตโดยสันดาน แต่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดและช่วยเหลือเจ้านายผู้มีพระคุณจำเป็นต้องทำ หากมันไม่ตายราเชนทร์ก็ต้องตายน้ำหนึ่งที่ยังเกาะกิ่งไม้ดูลาดเลา ยามส่องกล้องทางไกลเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์นอนชักดิ้นชักงอจนหมดลมหายใจ พลันหัวใจเต้นรัวและหวาดกลัวไม่น้อยครั้นเห็นคนตายต่อหน้า ทว่าพยายามตบสติตัวเอง เข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวและเข้าช่วยเหลือ ไม่มีใครอยากเป็นฆาตกร“โอเคไหมหนู”ลุงที่รออยู่ด้านเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะได้ยินเสียงลมหายใจของน้
เพียะ!!ฝ่ามือหนาฟาดลงใบหน้าราเชนทร์จนหมุนไปตามแรงกระทบ แรงผู้ชายที่ง้างมือตบครั้งเดียวทำมุมปากเขาแตก เลือดไหลเพียงเล็กน้อยทว่ามีรอยแดงขึ้นกลางหน้าปรากฏเด่นชัด เล็บจิกลงกับพื้นคอนกรีต กลืนน้ำลายยามที่คับแค้นใจ อยากจะลุกตอบโต้ด้วยการเตะเสยปลายคางก็ต้องอดกลั้นเอาไว้อย่างที่สุดครั้นตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นรอง เป็นครั้งแรกที่เขาอดทนได้มากขนาดนี้ อดเพื่อรอเวลาเป่ากบาลไอ้สารเลวที่มันกำลังคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น“ไงมึง ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา”“อ๊า—”ชลัมพลกำเข้าเส้นผมอีกฝ่ายแน่น จากนั้นกระชากจนใบหน้าแหงนขึ้นสูง ราเชนทร์เอียงสายตาโกรธแค้นมองคนเลวที่ยังทำชั่วลอยหน้าลอยตาหนักแผ่นดินไม่เลิก พลันสีหน้าของมันบ่งบอกว่าสะใจมาก เมื่อตอนนี้เขาตกเป็นรองทุกอย่างจะบีบก็ตาย จะคายก็ตาย...“กูจะส่งมึงตามพ่อมึงไป ส่วนแม่มึง...แค่ดึงสายออกซิเจนออกไปก็หมดลมหายใจทันที ถึงตอนนั้นพวกมึงคงไปรอกันที่ทางช้างเผือ""....""ครอบครัวคงจะสมบูรณ์ มีความสุขแล้วสินะไอ้ลูกหมา"แสยะยิ้มร้ายกาจแล้วตบหน้าชายหนุ่มเบาๆ พูดอย่างเย้ยหยันแล้วแผดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ ก่อนนจะจับหน้าผากของราเชนทร์กระแทกลงพื้นดังปักไปหลายทีและหัวแตกใ
23:00ร่างเล็กเดินกลับเข้าบ้านทั้งดวงตาแดงก่ำ วันนี้ทุกอย่างดูเงียบผิดปกติ น้ำหนึ่งที่ยืนอยู่กลางบ้านรู้สึกใจหวิวกับสถานการณ์ที่ดูแปลกประหลาดไปเสียหมด จากที่มีลูกน้องราเชนทร์เดินสวนกันไปมา แม่บ้านเสิร์ฟของว่างกันจนดึกดื่น ทว่าวันนี้กลับไม่มีใครเดินสวนสนามอย่างเช่นวันก่อนๆ“คุณหนึ่ง”เป็นเสียงของปืนที่เปิดประตูออกมาจากห้องเก็บของ กล่าวทักและมองเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เธอยืนนิ่งมองลูกน้องของรเชนทร์เช่นกัน ทว่าตัวเองนั้นคล้ายคนหมดเรี่ยวแรงเข้าไปทุกที“เฮียเชนทร์ยังไม่กลับเหรอ”“ยังครับ คงอีกหลายวัน”“….”คำตอบนั้นทำน้ำหนึ่งฉงนงง ทำไมต้องหลายวัน เธอไม่เข้าใจ พลางขมวดคิ้วแล้วมองไปยังใบหน้ามีพิรุธของเฮียปืน“เฮียมีงานด่วนที่ต่างประเทศครับ”เธอเผยสีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน หากเป็นเรื่องงานเธอคงไม่ห้ามหรือก้าวก่าย แต่จะไปไหนทำไมไม่บอกเธอด้วยปากของตัวเอง“แบบนี้ก็ได้เหรอ อยากไปก็ไม่บอกกันสักคำ”“เฮียฝากบอกให้คุณหนึ่งจัดการเรื่องงานแต่งต่อได้เลย เฮียไปถึงคงจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาช่วยดู”“ยุ่งมากถึงขั้นไม่รับสายหนึ่งไหม”“คงจะเป็นแบบนั้น”ปืนเสริมคำตอบออกมา ทำคนฟังไม่พอใจหนักมากขึ้น ต่อให้ยุ่งมากแค่ไ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาการเตรียมตัวไม่ใช่แค่มีชุดแล้วจบ น้ำหนึ่งถูกประโคมด้วยการทำทรีตเมนต์ โปรแกรมความสวยความงามของว่าที่เจ้าสาว แม้จะปฏิเสธไปแล้วว่าไม่อยากทำก็ขัดความต้องการของราเชนทร์ไม่ได้เขาอยากให้เมียสวยในวันสำคัญ....“เฮียไม่ไปกับหนึ่งเหรอ”“ต้องไปทำงาน วันนี้มีคุยเจรจากับคุณอเนก”ลูกค้าทางธุรกิจคนใหม่ที่เพิ่งมีโอกาสได้เจอกัน ครั้นทางนั้นกำลังหานายทุนโปรโมตสินค้าหลังจากลองรับข้อเสนอจากเจ้าอื่น แต่ทว่ารู้สึกว่ามันโดนเอาเปรียบมากเกินไป จึงตัดสินใจอยากขอคุยกับราเชนทร์เป็นการส่วนตัวอีกครั้ง“งั้นเฮียมารับหนึ่งนะ – แล้วไปดูหนังด้วยกัน”“ครับ”วันนี้น้ำหนึ่งมีท่าทางงอแงผิดปกติ อยากอยู่ใกล้ชายคนรักตลอดเวลา เธอรู้สึกใจหวิวอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ตื่นนอน แต่เพราะอีกฝ่ายต้องทำงานและตนต้องไปทำสวยก็ทำได้เพียงแสดงใบหน้างอง้ำก็เท่านั้น“หนึ่งรักเฮียนะ"“รู้แล้ว”"จะรอดูหนัง รีบคุยรีบมา”"อืม..."เขายกมือขยี้ผมคนอายุน้อยและจูบลงหน้าผากหนักๆ สองทีอย่างชื่นใจ ก่อนจะลุกหยิบสูทสีดำแล้วเดินนำหน้าตุลย์ขึ้นรถ มีลูกน้องตามประกบไปอีกสองคน ในส่วนของน้ำหนึ่งมีปืน ลูกน้องมือดีอีกคนขับรถไปส่งและดูแลความปลอดภัยให
ไม่นานนักคนตัวบางก็เดินกลับมายังจุดเดิม ทว่าตรงหน้ากลับปิดไฟมืดไปเสียดื้อๆ ทำน้ำหนึ่งขมวดคิ้วงงทำอะไรไม่ถูก มันมืดจนมองด้านหน้าไม่เห็น“เฮีย!!”“….”“เฮียเชนทร์!! --- เล่นอะไร”“…..” มีเพียงความเงียบที่เกิดขึ้น น้ำหนึ่งหมุนตัวกวาดสายตามองหารอบๆ ทว่าก็ไม่มีใคร มันสงัดจนน่ากลัวขึ้นมากะทันหัน“เล่นอะไรกัน หนึ่งไม่สนุกนะ”“….” จากที่มืดบริเวณโซนกินข้าว คราวนี้ทุกอย่างถูกดับลงโดยฉับพลัน หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักความกลัวเกิดขึ้นไปต่างๆ นานา หรือราเชนทร์จะโดนใครลอบทำร้าย แต่มันก็เพียงสิบนาทีที่เธอเดินหายเข้าห้องน้ำ ทั้งไม่มีเสียงอะไรดังให้ได้ยินยืนท่ามกลางความมืด หมุนตัวไปทางไหนก็ดำสนิทราวกับคนตาบอด กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าวมันเกิดอะไรขึ้นทำไมราเชนทร์หายไป ทำไมทุกคนหายไปหมด เกิดอะไรขึ้น หรือว่าอันตรายมาเยือน เป็นคำถามไม่มีมีคำตอบนอกจากความมืดมิดและลมที่เริ่มพัดแรงขึ้น พลันน้ำตาก็ไหลอาบแก้มยามตะโกนหาราเชนทร์ครั้งสุดท้ายสุดเสียง ทว่าก็มีเพียงเสียงของตัวเองสะท้อนกลับมา“ฮึ่ก”ทรุดฮวบลงกับพื้นหญ้า กุมหน้าร้องไห้ยามนึกอะไรไม่ออกทำอะไรไม่เป็น สะอื้นตัวสั่นอยู่คนเดียว กระทั่งเห็นไฟรางๆ ด้านหน้าสว่างขึ้นพ
Comments