“อ้าว มาวิ่งด้วยกันเหรอมังคุด” เด็กชายดลเอ่ยทักเป็นคนแรก พลอยใสมองกลุ่มขนสีดำสลับเทาและขาวอย่างอยากรู้ เมื่อคืนมองไม่ชัด พอมีแสงอาทิตย์ส่องให้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกก็รู้สึกตกหลุมรักเข้าอย่างจังเหมือนต้าวอ้วนเลย งุ้ย~เด็กชายปอนด์ยังคงรั้งอยู่ด้านหลังเพื่อนทั้งสอง มองความสูงใหญ่ของมังคุดพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอกี๊ซ (มังคุดไปด้วย)แม้จะฟังไม่เข้าใจ แต่เห็นสัตว์ตัวใหญ่พยักหน้าหลังจากที่เด็กชายถาม ทุกคนก็เข้าใจไปพร้อมกันว่ามังคุดจะไปวิ่งตอนเช้าพร้อมกับพวกเขา“งั้นก็ตามมาเลย” เด็กแสบนั้นยืดเส้นยืดสายเสร็จนานแล้ว ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ก็รอดูว่าพลายวารีจะไปด้วยกันหรือไม่ ถ้าไม่ไปพวกเขาก็จะวิ่งกันแค่ 3 คนสำหรับมังคุดจะเรียกว่าวิ่งก็ยังไงอยู่ ด้วยช่วงตัวที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้มันได้เปรียบเด็กทั้งสามอยู่พอสมควร เด็กน้อยทั้งสามต่างก็เพิ่มรอบขาให้มากขึ้น กลายเป็นพลายวารีที่รั้งท้ายเด็กชายดลต้องพยายามข่มกลั้นไม่ให้ตนเองใช้พลังพิเศษในการวิ่งน็อกรอบเพราะรู้สึกเหมือนกำลังโดนหยามหน้า บางครั้งที่มังคุดวิ่งไปไกลเกินไปก็หยุดวิ่งแล้วหันมามองว่าพวกเขาจะตามมาถึงเมื่อไหร่“...” กำลังหยามหน้ากันชัด ๆ เลยนี่หว่าส
กี๊ซ (เดินตามมาดี ๆ)แอ้ว (ก็ได้…) หูกางใหญ่ลู่ลงเล็กน้อย หางยาวเองก็ไม่ได้แกว่งไกวอย่างร่าเริงอีกเมื่อถูกดุแปะเห็นช้างน้อยตัวใหญ่ซึมไป คนที่ถูกสถาปนาเป็นพี่ชายก็กลอกตามองฟ้าครุ่นคิดในขณะเดินกลับไปยังที่พัก สุดท้ายก็ใช้พวงหางสีขาวสลับดำของตนเองลูบหลังน้องชายต่างเผ่าพันธุ์ มันผิดเองที่ดุออกไปทั้งที่เจ้าตัวโตนี่แค่อยากเล่นด้วยกี๊ซ (กลับบ้านได้แล้ว)แอ๊ว (ครับ)“กลับมากันแล้วแน่ะ” ดาริณีกำลังตั้งโต๊ะอาหารเช้ากับโจเซฟ เห็นกลุ่มเด็ก ๆ และสัตว์ตัวโตกลับมาจากออกไปวิ่งตอนเช้า… แล้วทำไมลูก ๆ ของเธอถึงได้หมดสภาพอยู่บนหลังของมังคุดอย่างนั้นล่ะ?“อะไรกัน หมดแรงข้าวต้มเลยเหรอ” โจเซฟยิ้มขำ พอเห็นเด็กตัวเล็กอยู่บนหลังมังคุดก็ให้รู้สึกว่ามันเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่ตัวใหญ่มากจริง ๆ ปกติอยู่กับพวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่ตัวโต เลยไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก“มังคุดวิ่งเร็วมากเลยค่ะ” พลอยใสผงกศีรษะขึ้นมาตอบ“ดลแอบใช้พลังพิเศษด้วยครับ” ปอนด์ฟ้อง“ใช้นิดเดียวเอง” เด็กชายดลมุดหน้าลงกับขนสีเทาดำของแร็กคูนยักษ์ทันที ไม่กล้าสบตากับครูฝึกอย่างโจเซฟหรือตุ่นก่อนที่จะเริ่มฝึก พวกเขามีข้อตกลงข้อแรกสุดเลยก็คือห้ามใ
เฉินเฟิงมาถึงฐานทัพลับของกลุ่มเด็กแสบตอนบ่ายสามโมงครึ่ง ระหว่างทางก็แอบแวะเก็บของป่าไปในตัว มื้อเย็นวันนี้เขาอยากจะทำเนื้อตะโขงต้มใบชะมวง สูตรเดียวกับอาหารพื้นบ้านในแถบจังหวัด Cตอนที่ยังทำงานอยู่เคยมีเชฟคนหนึ่งที่ครอบครัวส่งผลไม้ดังประจำจังหวัดอย่างทุเรียนมาให้พร้อมกับอาหารอีก 2-3 อย่าง จำได้ว่าในครัวแทบจะรุมทึ้งกันตายเพื่อให้ได้กินสักคำ คงมีแต่หัวหน้าเชฟที่ได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร เพราะเจ้าของอาหารตักแบ่งให้ได้ชิมเป็นคนแรก“ตรงนี้เองเหรอ” เฉินเฟิงเห็นมังคุดกำลังขุดดินอยู่ตรงลานกว้างกับพลายวารี ด้านหลังมีพุ่มไม้หนาทึบและได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างจากในนั้น นี่คงเป็นถ้ำหรือฐานทัพลับที่พิมพาพูดถึง“มิดชิดอยู่นะ” นิโคลัสออกความเห็น“นั่นสิครับ” ถ้าไม่ใช่พวกเขาที่หูดี มองแค่แวบเดียวก็คงมองไม่ออกว่าด้านหลังมีถ้ำลับของเด็ก ๆ อยู่ อาจใช้ซ่อนตัวหากเกิดเหตุฉุกเฉินได้ในอนาคต ซึ่งก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นเพียงของเด็กเล่นตลอดไปอย่าให้มีเหตุให้ต้องใช้จริงเลย“พี่เฟิง” กลุ่มเด็กแสบได้ยินเสียงคนพูดกันจึงออกมาดู“ว่าไงครับ พี่มาดูว่าพวกเราซนหรือเปล่า” เจ้ากระต่ายหรี่ตาจับผิดกี๊ซ (ไม
อีกสาเหตุหนึ่งที่เฉินเฟิงเลือกเมนูนี้ขึ้นมาก็เพราะตอนอยู่ในค่ายเขาได้ไปแลกบางสิ่งบางอย่างมาจากตลาดนัดในค่ายพันธมิตร ราคาของมันเรียกได้ว่าแพงหูฉี่ กระปุกหนึ่งราคา 8 แต้ม กว่าจะต่อรองมาได้ก็เปลืองน้ำลายไปเยอะ แต่พอแม่ค้าเห็นว่าโจเซฟยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มก็ลดราคาให้อย่างเร็วเหลือเพียง 6 แต้ม สมกับเป็นเทพเดินดินของคนในค่ายพันธมิตรจริง ๆซึ่งเจ้าสิ่งนั้นก็คือ… กะปิและน้ำมันพืชนั่นเอง!ผู้คนส่วนมากในค่ายไม่นิยมทำอาหารกินเองเพราะใช้แต้มคะแนนไปแลกอาหารที่โรงอาหารได้หลากหลายกว่าเฉินเฟิงแทบจะใช้แต้มคะแนนที่มีทั้งหมดแลกมันมาให้ได้มากที่สุด มีน้ำปลากับซีอิ๊วหวานอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย พอเห็นว่าตรงไหนมีวางขายก็อยากจะซื้อมาให้หมดเชฟใหญ่ประจำบ้านตระเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหาร มองข้าวของบนโต๊ะที่มีครบอย่างที่อาหารจานหนึ่งควรจะเป็นด้วยสีหน้าอิ่มเอิบอา… มีเครื่องปรุงพร้อมนี่มันสวรรค์ชัด ๆอิ่มเอมกับบรรยากาศเครื่องปรุงและวัตถุดิบรอบตัวเรียบร้อยแล้วก็เริ่มจากทำเครื่องแกงก่อนเป็นอันดับแรก โดยคนที่รับหน้าที่นี้คือเฉินเฟิง ส่วนสองสาวจะนั่งฉีกใบชะมวงและหั่นเนื้อตะโขงแดดเดียว ก่อนจะนำไปล้างน้ำเพื่อล้างความเค็ม
“อร่อย! อร่อยมาก!!” เขาไม่เคยกินอาหารรสชาติแบบนี้มาก่อนเลย“อร่อยก็ดีแล้วครับ ปะ พวกเรายกไปที่โต๊ะเลยดีกว่า” เห็นคนรักไม่บาดเจ็บในปากก็โล่งอก ยิ้มกว้างให้กับเมนูอาหารในวันนี้ ดีที่ตอนนั้นหลังจากได้ชิมต้มหมูชะมวงของเชฟในครัวเขาก็ไปค้นหาสูตรอาหารชนิดนี้ในอินเทอร์เน็ตต่อ ทำพลาดอยู่ 4-5 จานก็ได้รสชาติคล้ายคลึงที่สุดเท่าที่จะทำได้อืม… เขาก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย //ยืดหลังอาหารทยอยเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ภาพบรรยากาศแสนสุขก็กลับมาอีกครั้ง เด็ก ๆ ตักแกงกินกับข้าวคำโต ผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ นั่งปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร มีตรงไหนต้องปรับปรุง พอของคาวหมดก็ต่อด้วยเมนูผลไม้ล้างปาก เป็นส้มโอที่ถูกบิเนื้อออกเป็นเส้น ๆ แล้วนำไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลและน้ำปลา ได้รสชาติหวานเค็มตัดกับความเปรี้ยวอมหวานของส้มโอเมื่อไม่เหลืออาหารให้จัดการอีก ตุ่น หงส์ และทีโอก็อาสานำภาชนะทุกชิ้นไปล้างโดยมีเด็กซน 3 คนออกตัวว่าอยากไปช่วยล้างด้วย ไม่รู้ว่าไปช่วยหรือไปป่วนกันแน่ฟากมังคุดก็นั่งเลียปากเลียมือ นอนตีพุงอย่างสุขใจ มันเพิ่งเคยกินอาหารที่ชายหนุ่มทำแบบเต็มที่ เครื่องแน่น ๆ เน้น ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกอร่อยมาก… อร่อยจนไ
“ก็ดีนะ” นิโคลัสพยักหน้าเห็นด้วย“แต่น้ำมันรถที่มีจะไม่พอให้เราตะลอนหาของได้ตามใจชอบน่ะสิ” โจเซฟส่ายหน้าเห็นต่าง พวกเขาไม่มีถังน้ำมันสำรองกักตุนไว้ในปริมาณมาก ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นกังวลหากต้องนำรถออกไปตระเวนหาของอย่างไม่รู้ทิศทาง“ขี่จักรยานไปไง” หงส์เสนอ“ไหวหรือ?” โจเซฟไม่ได้มีเจตนาดูถูก แต่ขี่จักรยานไปในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงเอาการ ไหนจะอากาศประเทศ T ที่ไม่ค่อยปกตินัก บางวันก็ร้อนจนอยากจะนั่งแช่น้ำทั้งวัน บางวันก็ฝนตกหวิดจะเกิดโรคระบาดจากน้ำอีกรอบ“ถ้ารู้เส้นทางเข้าเมืองก็ไม่น่าจะยากไม่ใช่เหรอคะ” อีกอย่างจักรยานที่เอามาก็เป็นจักรยานเสือภูเขา มีไว้สำหรับเร่งความเร็วอยู่แล้วถ้าเจอซอมบี้ก็แค่ใช้พลังสู้กับมัน“ถ้าไม่ออกไปหาของตอนนี้ อีกหน่อยก็ไม่เหลืออะไรให้หาแล้วล่ะค่ะ” พอมนุษย์ที่เคยเอาแต่หวาดกลัวเริ่มปรับตัวได้ พวกเขาจะสามารถเรียกความกล้าและออกไปผจญอันตรายเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอเชื่อว่าอย่างนั้นไม่มีใครเอาแต่สั่นกลัวอยู่แต่ในบ้านได้หรอก“ถ้าอย่างนั้นพิมขอไปด้วยได้ไหมคะ” หญิงสาวยกมือ“แม่!” พลอยใสตกใจตาโต “ถ้าแม่ไปพลอยก็จะไปด้วย” เด็กสาวรีบยกมือตาม ก่อนจะ
“จักรยานมีทั้งหมด 5 คัน คนที่จะออกไปสำรวจก็คือ พี่ดา พี่พิม ตุ่น หงส์ และหัวหน้า ถูกต้องไหมคะ” หงส์ทวน พอดาริณียกมือขอไปด้วย โจเซฟก็ไม่รีรอรีบออกตัวว่าจะไปด้วยเช่นกันทันทีแหม… ไม่ค่อยออกนอกหน้าเลยนะหัวหน้า“อะไร… ก็แค่เห็นว่ายังมีจักรยานอยู่อีกหลายคัน” คนร้อนตัวรีบพูด“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” หงส์หันไปหัวเราะคิกคัก ล้อเลียนคู่คนคุยที่หน้าแดงซ่านไปหมดแล้ว“แม่หน้าแดงมากเลย” ขนาดเด็กชายดลยังอดแซวแม่ตัวเองไม่ได้ตกลงเรื่องจำนวนคนกันเสร็จสรรพ ก็ออกไปจัดเตรียมแพ็กกระเป๋าบ้านใครบ้านมัน เฉินเฟิงเองก็เตรียมเก็บของเช่นกัน เพราะเขากับคนรักมีแพลนจะลงไปนอนที่บ้านของตนในหมู่บ้าน และถือโอกาสสอบถามหมอยาสมุนไพรว่าจะสามารถสอนความรู้ให้ตนได้หรือไม่หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้นิโคลัสได้เรียนด้วย“เดี๋ยวนะครับ จะไปกันหมดวันนี้เลยเหรอ” ทีโอคิดว่าจะออกเดินทางในอีกวันหรือสองวันข้างหน้า ใครจะไปคิดว่าพอตัดสินใจเสร็จปุ๊บก็เก็บของปั๊บ“จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ขืนมัวแต่โอ้เอ้คงมีคนอื่นตัดหน้าไปก่อน” หงส์“ตามใจ” ทีโอถอนหายใจ ดูท่าเย็นนี้คงต้องให้เด็ก ๆ กินปลากระป๋องแล้วล่ะ “ระวังตัวกันด้วยนะครับ”“คราวนี้ไม่ประมาทอีกแน่”
ลงมาถึงตีนเขาเฉินเฟิงก็แยกกับกลุ่มของโจเซฟ ชายหนุ่มยืนมองแก๊งจักรยานพากันปั่นเรียงแถวออกไปยังถนนเส้นใหญ่ที่เชื่อมติดกับทางเข้าหมู่บ้าน ยังดีที่บริเวณนี้ไม่มีซอมบี้เพ่นพ่านเพราะถูกกำจัดไปเยอะ อีกทั้งยังอยู่ห่างจากตัวเมืองที่มีประชากรมากก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยกลับมาอย่างสวัสดิภาพไม่สิต้องกลับมาปลอดภัยอย่างแน่นอน!“เอาไปกี่กล่องดี” นิโคลัสยกกล่องยาสมุนไพรออกมาจากหลังรถ“เอาไปสัก 3 กล่องก่อนก็แล้วกันครับ” ถือไปเยอะเดี๋ยวจะเด่นสะดุดตาเกินไป“โอเค” คุณหมอหมีพยักหน้าเข้าใจ ถือติดมือไปน้อยก็ดูไม่สมกับค่าครู แต่ถ้าเอาไปไปเยอะก็อาจทำให้บางคนเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาได้สมุนไพรแห้งเหล่านี้พวกเขาขนกลับมารวมแล้วมีมากกว่า 10 กล่อง นำขึ้นไปเก็บไว้บนภูเขาแล้ว 10 กล่อง ที่อยู่ตรงนี้จึงเป็นส่วนที่กันเอาไว้แบ่งปันให้คนในหมู่บ้านด้านล่างตั้งแต่ต้น แต่จะทยอยให้ทีละไม่มากไม่ให้ผิดสังเกต“ไม่รู้กลับหมู่บ้านครั้งนี้จะได้เจอกับป้ากิ่งแก้วอีกหรือเปล่านะครับ” เฉินเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ พวกเขาเจอกันทีไรมีแต่เรื่องชวนปวดหัวทุกทีถ้าให้เขาพูดแบบเห็นแก่ตัวหน่อยเขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้าหมู่บ้านนี้ขาดกิ่งแก้ว
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเด็กน้อยทั้งสามจนกระทั่งผล็อยหลับไป ตอนเช้าหลังจากกินอาหารที่กักตุนในถ้ำเรียบร้อยก็ตรงดิ่งไปหาทีโอพร้อมกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ“ทำไมพี่หงส์ถึงมีเขาบนหัวล่ะครับ” เด็กชายดลถาม พวกเขาปรึกษากันก่อนออกจากฐานทัพลับแล้ว เนื่องจากดลอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้มานานกว่าพลอยใสและปอนด์ เด็กชายจึงต้องรับหน้าที่ในการถามคำถามที่แสนละเอียดอ่อนนี้ ซึ่งดลเองก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนโบ้ยงานมาให้ตนแต่อย่างใด เดินหน้าถามทันทีที่เห็นพี่ชายผู้ใช้พลังโลหะ“ไปอ่านเจอมาจากที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู“พวกเราเจอในหนังสือสารคดีครับ” ปอนด์หยิบหนังสือดังกล่าวออกมาโดยจงใจเปิดหน้าที่มีภาพประกอบของกวางเพศผู้และกวางเพศเมียที่อ่านเจอเมื่อคืนให้คนอายุมากกว่าดู“อ๋อ สารานุกรมสัตว์โลก” ทีโอพยักหน้าเข้าใจ เห็นเด็ก ๆ ตั้งใจอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยสาระความรู้ก็เผลอเปรียบเทียบกับตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่มักออกไปร้านเกมคาเฟ่หรือไม่ก็เล่นเกมการ์ดกับเพื่อน คิดไม่ออกเลยว่าอีกหลายสิบปีต่อจากนี้จะมีเด็กฉลาดอย่างสามคนนี้เกิดขึ้นมาอีกมากแค่ไหน…พอหมดซอมบี้ โลกต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดดแน่“หรือเพราะพี่หงส
หนึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ไปรวมกันที่มินิมาร์ตอีกครั้ง หงส์กลับมาพร้อมกับคริสตัลซอมบี้สีใสจำนวน 12 เม็ด พวกมันถูกล้างทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีแล้ว“แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านมาเลยเหรอเนี่ย” การที่มีคริสตัลเกิดขึ้นในสมองของซอมบี้ได้นั้น หมายความว่าเจ้าพวกนี้ไม่ใช่ซอมบี้ที่เพิ่งเกิดในเร็ว ๆ นี้“คนน่าจะไปกระจุกตัวอยู่ในเมืองกันหมดแล้วล่ะค่ะ” หงส์ให้ความเห็นอาหารเย็นวันนี้เป็นปลากระป๋องกับแครกเกอร์ที่เฉินเฟิงใช้มันฝรั่งบดผสมรวมกับแป้งแล้วนำไปอบ ใช้เป็นอาหารฉุกเฉินยามออกเดินทางเพราะมีน้ำหนักน้อยและไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารนอกบ้านสำหรับทหารที่ผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขากินกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ มีเพียงดาริณีและพิมพาที่ต้องพยายามกินให้มากหน่อย แม้รสชาติจะแปลกแปร่งเพราะไม่เคยกินแครกเกอร์กับปลากระป๋องมาก่อน ก็ต้องฝืนกินเข้าไปอีกหลายคำ วันนี้ใช้พลังไปเยอะต้องชดเชยสภาพความเป็นอยู่หลังออกจากเซฟโซนนั้นต้องรัดกุมทุกด้าน พวกเธอขอติดตามมาด้วยจะต้องอดทนและเรียนรู้ที่จะยอมรับและผ่านมันไปให้ได้ในสักวันหนึ่ง“กินน้ำให้พอดีนะคะ” หงส์แนะนำ “เกิดปวดห้องน้ำตอนกลางคืนจะลำบาก”“ถ้
“ใจร้อนอะไรครับเนี่ย” เฉินเฟิงตำหนิ“ใครใช้ให้เลียเจ้านี่ล่ะ” เขาไม่ของขึ้นจนลากคนรักไปทำกิจกรรมบนเตียงให้ถึงที่สุดก็นับว่าอดทนมากแล้ว มีอย่างที่ไหนยกมือข้างที่เลอะน้ำกามของเขาขึ้นดม หรี่ตาสีแดงลงคล้ายครุ่นคิดแล้วใช้ลิ้นสีแดงสดเลียเบา ๆ เป็นใครจะไปทนไหวเล่นเอาสติขาดผึงเลยทีเดียวซึ่งเจ้ากระต่ายน่าตีก้นก็ไม่ได้สำนึก ยกมือข้างที่ว่าขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา เพราะเมื่อกี้เผลอใช้มือข้างนี้ผลักอกคนรัก จึงมีบางส่วนที่ถูกเช็ดออกไปแล้ว“ก็ผมสงสัยนี่…” เฉินเฟิงคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็หน้าร้อนผ่าว แค่จินตนาการก็รู้สึกว่ามันต้องอีโรติกมากแน่ แต่จะให้ถอยก็ดูไม่เป็นตัวเขาสักเท่าไร “เลยอยากลองชิมว่ารสชาติเป็นยังไง” ช้อนดวงตากลมโตสีทับทิมเป็นประกายออดอ้อนคุณหมอหมีตัวโตที่ยังคงคร่อมอยู่ด้านบน“...” นี่กำลังพยายามแก้ตัวหรือยั่วเขาอยู่กันแน่ หือ “ที่รักทำแบบนี้พี่ของขึ้นอีกแล้วเห็นไหม” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก้มมองกลางกายของตนที่กลับมาแข็งตัวอีกครั้ง“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอยู่แล้ว” เฉินเฟิงยิ้มตอบพร้อมกับกระถดตัวลงไปอยู่ในระดับเดียวกับอาวุธของคุณหมอ“...”“เดี๋ยวผมปลอบให้มั
เฉินเฟิงนอนโรงพยาบาลเป็นคืนที่ห้าแล้วหลังจากฟื้นขึ้นมา เขายังคงกินนอนอยู่ที่นี่เพราะต้องทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายกลับมาใช้งานได้ดังเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยหายห่วง คนอื่น ๆ จึงเริ่มออกไปทำภารกิจกันถี่ขึ้น แม้แต่ทีโอเองก็ไม่ได้มานอนเฝ้าที่ห้องอีกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่ชายหนุ่มผมขาวและคนรักผู้มีใบหูหมีสีน้ำตาล กับคุณสิงหาที่จะแวะเวียนมาตรวจอาการทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากทำกายภาพในตอนเช้าเสร็จ แพทย์เจ้าของคนไข้ดันบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเขาดีขึ้นมาแล้ว หากจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับคนรักก็ไม่มีปัญหามีสิครับหมอ!!เพราะเขากับนิโคลัสไม่เคยเกินเลยถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาก็มีแค่กอดกับจูบ ส่วนเรื่องเมคเลิฟอะไรนั่นตัดไปได้เลย ถ้าไม่ใช่นิโคลัสนอนเป็นผัก ก็มีภารกิจโหดหินรออยู่ พอรอดตายมาได้ก็กลายเป็นเขาที่นอนติดเตียงต่อ จะเอาเวลาไหนไปจู๋จี๋กันถามหน่อยไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวยให้คิดต่างหาก แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างเขากับคนรักจะดำเนินขั้นสุดท้ายของการเมคเลิฟแล้วจะเป็นยังไง แต่ถ้าค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจากบทรักสุดเบสิกได้ละก็… บอกเลยเขาสู้ตาย‘พี่นิค’ เจ้ากระต่ายมองค
ขนาดที่ค่ายพันธมิตรยังมีคนที่มีหูสัตว์เกลื่อนกลาด เรียกได้ว่ามีประชากรที่เป็นทั้งมนุษย์ธรรมดาและมนุษย์กลายพันธุ์อย่างละครึ่งเลยล่ะ ส่วนผู้มีพลังพิเศษไม่ว่าที่ไหนก็ยังมีจำนวนน้อยนิดเหมือนกันหมด“งั้นผมขอไปกักตัวที่บ้านก่อนนะ” การกักตัวกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไปแล้ว เมื่อไหร่ที่ออกไปด้านนอกจะต้องกักตัวเป็นเวลา 3 วัน ป้องกันไม่ให้นำเชื้อที่ติดตัวมาไปแพร่ใส่คนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม“ครับผม” กลุ่มหน้าประตูสองคนเดินไปส่งเฉินเฟิงและนิโคลัสที่บ้าน ถ้าเกิดชายหนุ่มกลายเป็นซอมบี้ระหว่างทางก่อนถึงบ้านขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่ปังหลังประตูรั้วบ้านและประตูหน้าบ้านถูกปิด เฉินเฟิงก็มองสภาพบ้านที่ยังคงสะอาดสะอ้านไม่มีร่องรอยของคราบฝุ่นเป็นไปได้ยังไง?หรือว่าในตอนที่พวกเขาไม่อยู่มีคนเข้ามาอาศัย?“อ้อ พวกผมลืมบอกไป กลุ่มแม่บ้านเขาช่วยกันผลัดเปลี่ยนมาทำความสะอาดบ้านให้นะครับ พวกป้า ๆ เขาอยากตอบแทนเรื่องเสบียงสำรองที่ให้มา” เป็นกรที่ตะโกนมาจากนอกบ้านช่วยไขข้อข้องใจให้เจ้ากระต่ายพอดิบพอดี เกือบได้ระเบิดโทสะแล้วไหมล่ะ“ฝากขอบคุณด้วยนะ” เฉินเฟิงตะโกนกลับไป“ครับผม!” และได้รับการตะโกน