เขากลายเป็นคนเก็บตัว และ หมดไฟในชีวิตหลังจากถูกสาวเท แถมยังตกงาน แต่วันหนึ่งระบบก็ปรากฏขึ้น พร้อมเงื่อนไขสุดท้าทาย
View Moreเสียงกดคีย์บอร์ดดังไม่หยุด ชายหนุ่มหนวดเครายาวเฟื้อยดวงตาแดงก่ำ จ้องมองหน้าจอคอมจนตาคาง คืนนี้เป็นคืนที่สองแล้วที่เขาเล่นเกม เพื่อหาเงินในเกมมาขายให้คนที่ไม่มีเวลาเล่น
“เฮอ...บ้าจริงทั้งวันทั้งคืนยังได้ไม่ถึงครึ่งขอค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ สงสัยคงต้องนอนพักก่อน” ร่างผอมแห้งของชายร่างสูงโปร่ง เดินลากสังขารไปที่เตียง เขากำลังจะเอนกายลงนอน ทว่าเสียงท้องเจ้ากรรมดันร้องเสียงดัง เห็นทีคงต้องหาอะไรกินสักหน่อย พอเดินออกจากห้องพักราคาย่อมเยา ที่เขาพอจะมีปัญญาจ่ายไหว ก็ได้ยินเสียงป้าข้างห้องสองสามคนกำลังพูดถึงเขาในระยะเผาขน แต่เขาไม่ได้สนใจอะไร คนพวกนี้นั่งคุยกันตั้งแต่เช้ายันค่ำ พูดเรื่องของทุกคนในตึก ไม่ต่างอะไรกับหน่วยข่าวกรองดีของที่นี่ คำดูถูกสาดเข้าใส่เมื่อเขาเดินผ่านไป ยิ่งท่าทางตอนนี้ ทำให้ป้าสามคนคิดไปทางลบอย่างเดียว “ดูสิโตจนป่านนี้แล้วยังขี้เกียจสันหลังยาว งานการไม่มีทำ เล่นเกมทั้งวันทั้งคืน และขอเงินพ่อแม่ใช้ ไม่เหมือนลูกชายฉัน ตอนนี้มีงานดีรายได้มั่นคง เทียบกันไม่ได้เลย" ป้าสายพูดเสียงดัง พร้อมกับเบะปากมองด้วยหางตา ส่วนตรงหน้าคือป้าแจ่ม นั่งฟังด้วยความคันปากอยากจะอวดลูกชายตัวเองบ้าง “วัยรุ่นสมัยนี้ก็แบบนี่แหละ ไม่ทำงานขอเงินพ่อกับแม่ใช้ไปวัน ๆ ไม่เหมือนลูกสาวฉัน ตอนนี้ได้งานบริษัทใหญ่ทำอนาคตงามแน่นอน” “ลูกของเธอสองคนก็ดีจริง ๆ ส่วนลูกชายของฉันก็ไม่ได้ดีอะไร ทำงานเงินเดือนสามสี่หมื่นเอง แต่ว่าก็ว่าเถอะไอ้เด็กที่เดินผ่านเมื่อกี้ ได้ยินว่าติดยาด้วย ระวังตัวด้วยล่ะ" ป้าทับทิมพูดเสียงกระซิบ หาเรื่องมาใส่สีตีไข่ได้อีก ทั้งหมดที่พวกเขาพูดถึงก็คือ เอส สภาพตอนนี้ทำให้ หลายคนต่างคิดไปต่าง ๆ นานา เพราะร่างกายที่ผอมซีดราวกับศพเดินได้ เสื้อผ้าดำสนิท สวมหมวกมิดชิด แม้แต่เจ้าของร้านประจำยังแอบกลัวเขา แต่เอสไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ใครจะมองแบบไหนก็ช่าง จะว่าเขาขี้แพ้ก็เชิญ แค่เอาชีวิตรอดในยุคนี้ก็วิเศษแล้ว ทว่าสองเท้าเจ้ากรรมดันไม่ขยับ ราวกับถูกตรึงด้วยโซ่ตรวน หัวใจหินพลันเต้นตุบ ๆ เมื่อตรงหน้าคือหญิงสาวที่คุ้นเคย เธอมีใบหน้าสวยหวาน หุ่นเพรียวบางสวมชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดแขนสั้นปล่อยผมยาวสลวย ‘เธอยังสวยไม่เคยเปลี่ยน’ “อ้าว...เอสเหรอ นึกว่าใครซะอีกทำไมเปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้เลย" เธอทักด้วยเสียงดัง พอเห็นเอสมาแต่ไกลก็จำได้ ก่อนจะคว้าแขนของชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ ใส่ทองทั้งตัวมาข้าง ๆ “นี่พี่เอ็มแฟนเราเอง ส่วนนี้เอสแฟนเก่าหนูเองค่ะ" สีหน้าแสนดีใจปิดไม่มิดของเธอ ทำให้เอสได้แต่ยิ้มแห้ง เหมือนกับว่าตัวเองเป็นพระเอกในละครคุณธรรม แต่ติดตรงที่เขาไม่ได้ซ่อนความร่ำรวยเหมือนในละคร ก็เลยต้องเก็บความรู้สึกต่ำต้อยเอาไว้ เธอคือ วิภาดา ทั้งสองคบกันมาตั้งแต่มัธยมต้น จนจบมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายก็แพ้ให้กับผู้ชายที่โปรไฟล์ดี คบกัน เกือบสิบปีไม่มีค่าอะไรจริง ๆ “แฟนเก่าหนูเหรอ ทำไมสภาพแย่ขนาดนี้ ไม่มีงานทำหรอ ให้พี่ช่วยหางานเอาไหม...” คำพูดเหมือนเห็นใจ แต่ก็แฝงด้วยคำดูหมิ่น สีหน้าทั้งสองคนวันนี้มันทำให้เอสเข้าใจว่า พวกเขาเหมาะสมกันจริง ๆ “ไม่เป็นไรครับ" “ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ เห็นแกความผูกพันหลายปีแค่นี้เราช่วยได้" “ใช่...ศักดิ์ศรีกินไม่ได้หรอก ยิ่งงาน...อ้าวไปแล้วเหรอแค่นี้ก็รับไม่ได้” “อย่าสนใจเลยค่ะ หนูแค่ทักไปงั้นแหละ เห็นไหมคงจะอายน่าดู” “สมน้ำหน้า พวกขี้แพ้" ใครจะทนต่อไปก็ทน แต่เอสไม่ทน ได้ของที่ซื้อไว้ก็รีบเดินออกมาเลย แต่ยังไงมันก็แอบแค้นใจจริง ถ้ารู้ว่าเธอเป็นแบบนี้แต่แรกคงไม่มีวันจีบเธอ และกลายเป็นเบ้ให้เธอตั้งหลายปี ผิดเองที่โง่เกินไป “ถ้าหากเป็นเหมือนละครคุณธรรมก็คงดีสิ ที่พระเอกกลายเป็นคนรวยในข้ามคืน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคนนี้จะไม่สนใจยัยผู้หญิงแบบนั้น จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ เฮ้อ คงจะบ้าจริง ๆ" มาถึงห้องเขาก็ทิ้งตัวลงนอนเพราะหมดแรง ความหิวที่เคยชัดเจนมันจางไป ความรู้สึกไร้ค่าเข้ามาทำหน้าที่รุมเร้าราวกับว่า ‘อยากให้ตัวฉันหายไปจากโลกนี้เหรอ ก็จริงนะเรามันไร้ค่าขนาดนี้ ชีวิตสุดจะไร้ค่าเลย ตายไปไม่ดีกว่าเหรอ’ เสียงในหัวบอกออกมาแบบนี้ เหมือนภาพเดจาวูที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดแบบนี้ ทว่าวันนี้มันหนักหนาเหลือเกิน แววตาเอสสั่นไหวราวกับถูกดึงวิญญาณออกไป จ้องมองเพดานตั้งนาน แม้ไม่รู้ว่ามองเพราะอะไร ในห้องนี้มันมืดจริง ๆ ก่อนที่มือหุ้มกระดูกจะคว้าเอายาแก้ปวดกล่องหนึ่งออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลทั้งสองข้าง วันนี้ขอร้องไห้เป็นวันสุดท้าย ตายไปแล้วญาติพี่น้องก็ไม่มีสักคน ยังดีที่ตั้งข้อความอัตโนมัติเอาไว้ ผ่านไปไม่นานก็คงมีคนมาเก็บศพเอง “ยี่สิบเม็ดพอไหมนะ...เฮ้อ ขอโทษกูภัยด้วยนะที่ต้องมาเหนื่อยเก็บศพฉัน...” เมื่อเม็ดยาบนฝ่ามือจำนวนยี่สิบเม็ด กำลังจะถูกเอาเข้าปาก ทุกอย่างราวกับความฝันแต่ทว่า เสียงของมือถือก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ไม่ใช่เสียงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือข้อความใด ๆ แต่เป็นเสียงคนพูด ใช่เสียงเหมือนเอไอนิดหน่อย “สวัสดีฉันคือระบบของคุณ‘เอส’ ฉันคือ BOSS” หูของเขายังปกติดีไหม ทำไมได้ยินเสียงแปลก ๆ โทรศัพท์พูดได้เหรอ หรือนี้เป็นอาการของคนใกล้ตายกันนะ “ฉันกำลังจะตายใช่ไหม นายน่าจะเป็นยมบาลมากกว่านะ" “ฉันคืระบบที่จะช่วยให้คุณร่ำรวย และเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล คุณพร้อมหรือยัง" “ระบบหรอ นายมาผิดที่แล้วนี้ไม่ใช่มังงะจีนนะพวก จะมีระบบอะไรกัน" “ถ้าคุณยังไม่เชื่อ นี่คือสิงที่จะพิสูจน์ว่าคุณ กลายเป็นเจ้าของระบบสุดแจ่ม" ก่อนเสียงมือถือสั่นพร้อมข้อความที่บอกว่า ‘คุณได้รับเงินเข้า บช จำนวน 1 ล้านบาท’ “เงินเข้าหรอ เป็นล้านเลยหรอ" เอสรีบเอามือถือมาตรวจดูให้แน่ใจ กดเข้าไป บช ดูว่ายอดคงเหลือเท่าไหร่ 1.001.980 บาท ดวงตาของเขาเบิกโพลงยิ่งกว่าตอนที่เจอวิภาดาอีก “นี่มันของจริง ฉันกลายเป็นเจ้าของระบบแล้ว" เสียงสิ้นหวังเมื่อก่อนหายไป ตอนนี้เขาร้องออกมาเสียงดังก่อนที่จะทำสิ่งที่อยากทำมานาน “ระบบ โอนเงินเข้า บช ฉันล้านล้านบาทเลย” ถึงคราวรวยของเอสแล้วโว้ย ใครจะคิดว่าโชคจากจักรวาลมนุษย์ต่างดาวอะไรก็ช่าง จะมาหล่นทับตัวเขาจัง ๆ รวย ๆ “ขอประทานโทษที่ทำตามคำขอไม่ได้ เงินที่โอนเข้าไปจะให้ได้แค่ 1 ล้าน ส่วนถ้าอยากได้เพิ่มต้องทำตามเงื่อนไขก่อน” เอสคิดว่าจะรวยแบบสบาย ๆ ที่ไหนได้ต้องทำตามเงื่อนไขอีก หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก ๆ นะ เขาคิดในใจ “เงื่อนไขคืออะไร" ตอนนี้หัวใจเจ้ากรรมเต้นระรัว อยากได้เงินจนตัวสั่น ไม่รู้ว่าตัวเองทิ้งยาแก้ปวดไปตอนไหน แต่ที่แน่ ๆ จะไม่ขอหยิบมันอีก “เงือนไขคือคุณต้องลงทุน แล้วสร้างกำไรถึงจะสามารถใช้เงินได้ ระบบจะเป็นคนออกทุนให้ตามความเหมาะสม ของแผนธุรกิจที่คุณเลือก” ลงทุนเหรอ นี่มันทางของเรา เมื่อก่อนเคยทำอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลาวงการไปเพราะขาดทุน แม้แต่กำไรยังไม่มีให้เห็น เฮ้อ...ชีวิตหนอชีวิต บุณมีแต่กรรมบัง...รอบที่สิบแล้วละ เอสดูเงินในบัญชีเกือบสามพันล้าน เขากลัวว่าพอไปถึงแล้วเงินจหายไป กลัวว่าเขาจะดูผิด เมื่อวันก่อนเขายังเป็น คนเก็บตัวเล่นเกมหาเงินประทังชีวิตไปวัน ๆ แต่ตอนนี้เขาเรียกตัวเองว่าเศรษฐีได้เลยวันนี้ระบบอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นใหม่คงใช้เวลานาน นอกจากดูรถแล้ววันนี้กะว่าจะไปหาซื้อบ้านอยู่สักหลัง ยุคนี้คนนิยมบ้านไฮเทค มีระบบความปลอดภัยสูง ส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนคอนโด แต่มีความพิเศษคือสามารถป้องกันนิวเคลียร์ได้ ใช่แล้วเป็นเชฟเฮาส์ดี ๆ นี้เองผ่านไปเกือบสิบนาทีรถแท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าร้าน RC SPORT ที่นี้ตกแต่งหรูหรา ร้านขนาดใหญ่ ผนังเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นรถสวย ๆ ด้านใน กับสาวสวยที่ให้บริการเป็นพิเศษ บอกตามตรงรถกับสาวมันดึงดูดจริง ๆ เมื่อก่อนก็คงได้แต่ฝันเท่านั้น เห็นคนอื่นมีรถมีสาว มีเงินก็ได้แต่ตัดพ้อ และพยายามหนีจากตรงนั้น และบอกตัวเองว่า เราอยู่คนเดียวใช้ชีวิตแบบนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ RC SPORT” พนักงานสาวเดินมาทักทายตามมารยาท ด้วยรอยยิ้มสุดสวย “คุณลูกค้าต้องการให้ช่วยอะไรไหมคะ?”เอสมองพนักงานจะลืมคำพูดตัวเอง เพราะเธอสวยจริง ๆ คนที่จะทำงานที่
ตอนนี้เรื่องไปกันใหญ่แล้ว ทำไมคนพวกนี้ถึงสมองช้าแบบนี้ โดยเฉพาะเธอที่ปากจัด ไม่ตรวจสอบความจริงก่อนทำอะไร เดี๋ยวก็หน้าแตกที่หลัง“ผมว่าอย่าด่วนตัดสินใจเลยนะครับ เพราะนามบัตรนี้เป็นของจริง คุณน่าจะรู้นะว่าหมายถึงอะไร”“อย่ามาพูดดีเลย นายคงขโมยมา หรือไม่ก็เก็บได้สินะ เพราะดูจากตัวของนาย....” เธอมองตั้งแต่หัวจรดศรีษะ ก่อนจะเบะปากใส่ “แม้แต่ พนักงานล้างส้วมยังไม่คู่ควร” “จะยืนบื้ออยู่ทำไม ลากตัวออกไป”“ครับ”รปภ สองคนกำลังเดินมาจับตัวคนออกไป แต่แล้วพนักงานคนสวยอีกคนก็เข้ามาขวาง เธอเอาตัวมาบังเอาไว้“ ไม่ได้นะ ยังไงเขาก็เป็นลูกค้าก็ควรต้อนรับสิ ส่วนเรื่องนัดเจอกันท่านประธานก็ให้ท่านตัดสินใจเอง” เธอพูดอย่างกล้าหาญ ทว่าฝ่ามือของรุ่นพี่ก็ง้างจะตบเธอเช่นกัน ตอนนี้เธอต้องโดนสินะ สำหรับที่นี่ใครไม่รู้ว่ารุ่นพี่เธอยิ่งใหญ่แค่ไหนถ้าเทียบกับเด็กใหม่อย่างฟ้า เธอเตรียมใจจะถูกตบแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกเจ็บจึงลืมตาขึ้นมาดู เป็นลูกค้าที่หยุดมือเอาไว้“กล้าดียังไงมาทำตัวอวดดีที่นี่ ลาดมันออกไปทั้งสองคนเลย”ตอนนี้ไม่ใช่แค่สองคน แต่เป็นสีคนที่กำลังจะรวบตัวเขาออกไป รวมถึงพนักงานที่ทำงานดีแบบนี้ด้วย แต่แล้วควา
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่รู้สึกดีจริง ๆ เป็นครั้งแรกที่เขาได้นอนเต็มอิ่ม เอสลุกขึ้นทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนจะออกจากบ้านไปตอนแปดโมงเช้า พอเปิดประตูเขาก็เห็นป้าสามคนที่นั่งคุยกันอยู่‘เจอป้าสามคนอีกแล้ว เฮ้อ’ เขาเดินผ่านไปเพื่อไม่ให้พวกป้า ๆ เห็นแต่ว่าสายตาของป้าดีกว่าตาเหยี่ยวอีก เมื่อเห็นเอสเดินออกมาป้าก็เรียกพวก ๆ ไปมอง“พ่อหนุ่ม ยังไม่ได้งานทำอีกเหรอ ให้ลูกป้าช่วยหนือเปล่า ที่บริษัทยังขาดพนักงานล้างส้วมอยู่พอดี”“เป็นเด็กรุ่นใหม่อย่าเลือกงานจะดีกว่านะ สมัยนี้งานยิ่งหายากมาก"“ป้าว่า..."“ขอบคุณที่หวังดี แต่ไม่ต้องครับผมกำลังจะย้ายออก จะไปซื้อบ้านย่านคนรวยเขาอยู่กัน" ทั้งสามคนเงียบกริบก่อนที่เอสจะพูดต่อ ”ส่วนงานไม่ต้อง ผมเป็นนักลงทุนรายใหญ่รอเงินปันผลก็เหลือแล้ว”ป้าสามคนได้แต่มองตามหลังอย่างสงสัย ว่าเด็กคนนี้มันบ้าถึงขั้นนี้แล้วเหรอ ถึงกับกล้าโกหกปั่นน้ำเป็นตัวแบบนี้“สงสัยมันจะบ้าไปแล้ว”“ อยู่คนเดียวนาน ๆ ก็บ้าได้แนะ"ก่อนอื่นต้องซื้อรถสักคัน พอดูเงินในบัญชีก็คงหายห่วง ถ้างั้นก็เอารุ่นที่สวย ๆ สปอร์ตไปเลย เอสเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังร้านขายรถ “ไปร้านRC SPORTS ครับ”“ครับผม"ระหว่
จากสถานการณ์ตอนนี้แค่มองดูก็รู้ว่าบริษัทใหญ่ ๆ หายเจ้ามีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันชัดเจน เพราะแบบนี้ถ้าหากคุณอยากจะอยู่รอด ก็ไม่ควรเป็นหมาป่าเดียวดาย เพราะจะถูกบีบเหมือนบริษัท food & mart“หลังจากดูข้อมูลบริษัทแล้ว คิดว่าไงหรอ ฉันคิดว่าสามารถลงทุนได้นะ" เอสพูดกับระบบ“ข้อมูลที่ให้มาก็ไม่เลว จากตัวเลือกบริษัทอื่น ๆ คิดว่านี้คงเป็นบริษัทที่กำไรน้อยสุด แต่จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น หรืออาจะพุ่งทะยานไปเลยก็ได้ คิดถูกแล้วที่เลือกบริษัทนี้”ขนาดระบบยังสนับสนุน นับว่าเรียนมาไม่เสียเปล่าจริง ๆ ก่อนอื่นต้องสร้างบริษัทบังหน้า และใช้บริษัทนั้นลงทุน แน่นอนว่าระบบสามารถทำได้ และ ไม่มีใครสงสัยด้วยระหว่างรองานเริ่มเขาก็เลื่อนดูข้อมูลบริษัทอื่น ๆ ที่น่าสนใจไปด้วย มีหลายบริษัทที่เขาสนใจ“ สวัสดี ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ” มีชายหนุ่มสวมชุดสูทดูดี ท่าทางสุขุม แถมอายุก็พอ ๆ กัน หรือเขาจะเป็นคนจนเหมือนเอสถึงไม่มีใครให้นั่งด้วย ทว่าการที่เขามานั่งตรงนี้ก็นับว่าแปลกแล้ว เพราะสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขาไม่ว่าจะเป็นใคร โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทใหญ่ เขาเป็นใครกันแน่“ตามสบายเลยครับ”“ขอบคุณครับ ผมชื่ออเล็กซ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หลังจากยืนรอขึ้นลิฟต์รอบถัดไป เขาก็ขึ้นมาถึงที่จัดงาน ทว่าสิ่งที่เขาเห็นก็คือห้องจัดงานขนาดใหญ่ มีโต๊ะหลายตัว ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสี มีอาหารและเครื่องดื่มสุดหรู สมกับที่เป็นงานระดับประเทศนี้เป็นงานแรกที่เขามา เห็นแต่ในทีวีไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับตัว แต่คนที่เก็บตัวไม่ยุ่งกับใครเลย ก็ได้แต่หาที่เงียบ ๆ นั่ง ทว่าก่อนจะเดินเข้าไป เอสหายใจเข้าแรง ๆ ไม่คิดว่าจะเจอแต่เรื่องยุ่งยากเอาพยายามทำตัวให้กลมกลืน เพราะไม่อยากมีเรื่อง"หยุดก่อน...ใครอนุญาตให้เขาไป"พวกนั้นอีกแล้ว พวกเขาเป็นพนักงานที่รับผิดชอบงาน ดูจากการแต่งตัวก็พอเดาออก“คนอย่างนายกล้าเดินเข้ามางานนี้ด้วยเหรอ ไม่ดูสารรูปตัวเองเลย" เอ็มยืนเท้าเอวพูด พร้อมกับมองดูด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ “ใครเหรอ?” ชายอายุราวห้าสิบถามขึ้น ดูจากการวางตัวน่าจะเป็นเจ้านายของเอ็มเขาไม่รอช้าเปลี่ยนจากท่าที่อวดเบ้งเป็นประจบสอพลอทันที “อย่าสนใจเลยครับหัวหน้า หมอนี้ก็แค่พวกขี้แพ้ที่โชคดีได้บัตรมา เขาไม่มีงานทำด้วยซ้ำ จะมีเงินมาลงทุนได้ไง คิดว่าใส่สูทจากตลาดนัด แล้วจะเปลี่ยนตัวเองได้เหรอ”ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะไม่เห็นจะสนใจอะไร แม้จะเป็นเสื้อผ้ารา
แสงจากหน้าจอมือถือส่องสว่าง ดวงตาแดงก่ำเพราะอดนอนหลายวันของเขาจ้องไม่กระพริบ เมื่อหลายนาทีก่อนเขายังเป็นคนขี้แพ้ และ สิ้นหวัง แต่ตอนนี้ราวกับว่าได้รับการเยียวยาทุกอย่าง“เงินเยอะขนาดนี้ เอาไปทำอะไรดี เราเองก็ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนด้วยสิ”เอสใช้ชีวิตโดยไร้ความหวังมานาน ทำให้ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะลงทุนอะไร จะบริหารเงินแบบไหนดี คิดอะไรไม่ออกเลย“แต่ว่านะ...ไม่ไหวแล้ว" ลมหายใจของเขาเข้าออกแผ่วเบา ร่างกายผอมแห้งได้หลับไปแล้ว เพราะเล่นเกมติดต่อกันโดยไม่พักถึงสองวัน อีกอย่างคงเป็นเพราะทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี เขาจึงไร้กังวล..หน้าจอ LED ขนาดใหญ่ บนตึกระฟ้าในใจกลางเมืองกำลังแสดงภาพเคลื่อนไหวของโฆษณา ช่วยดึงดูดความสนใจด้วยดาราชื่อดัง ก่อนจะถูกตัดบทเพราะข่าวด่วนข่าวด่วนที่ไม่มีใครอยากให้มี“ข่าวด่วนมาอีกแล้ว ทุกช่องทางออนไลน์เลยนะ ครั้งนี้เป็นอะไรอีกล่ะ ลดพนักงานหรือลดค่าจ้างงาน” “ได้ข่าวว่า บริษัทใหญ่กำลังจะยื่นฟ้องล้มละลาย ที่เคยเป็นข่าวล้มละลายไง"“หมายถึง บริษัทที่รับพนักงานเยอะ ๆ ตอนนั้นหรอ ฉันพอรู้จัก แบบนี้คงแย่แน่ คนตกงานหลายหมื่นคนเลยขอบอก" กลุ่มคนเดินชนไหล่กันไปมา ต่างหยุดมองดูกา
Comments