การที่แม่ของกวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองมนุษย์ในอควาเรียมไตรตันนั้น ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวและความสับสนเข้าครอบครองจิตใจกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างหนักหน่วง มันเป็นความจริงอันน่าสะพรึงแบบที่กวินเองก็ยังไม่อาจรับได้ในตอนนี้ด้วยซ้ำ“แม่ของกวินเป็นคนสร้างแกนพลังงานนั่นจริงๆ เหรอ” พลอยพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “แล้วเราจะไว้ใจใครได้อีก?”“แต่ก็ยังนับว่าเป็นข้อดี” ลุงแดงเอ่ยขึ้น “ความจริงที่แม่ของหนุ่มทิ้งไว้คือสิ่งที่พวกเรากำลังต้องการ”ปังงงง!!!!เสียงประหลาดดังสนั่นขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนสะดุ้งตัวโยนก่อนจะหันมองไปตามเสียง แสงสลัวเผยให้เห็นเงาพิสดารขนาดยักษ์อยู่ตรงบริเวณช่องโหว่ของผนังที่เหมือนถูกระเบิดออก ควันโขมงลอยไปทั่วบริเวณและเมื่อมันจางลงทุกคนก็ต้องตกใจกับสายตาตัวเอง เมื่อสิ่งที่เห็นคือสิ่งมีชีวิตทดลองขนาดมหึมาที่ฟ้าและต้นเคยเผชิญหน้าในอุโมงค์ใต้สมุทร ในเวลานี้มันกลับมาปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาอีกครั้ง มันมีรูปร่างคล้ายส่วนผสมระหว่างมนุษย์และสัตว์น้ำ ดวงตาเรืองแสงสีแดงก่ำ หนวดยาวงอกออกมาจากใต้คางคล้ายปลาหมึก และมีกรงเล็บแหลมคม มันกระโจนเข้าใส่กลุ่มอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามของมันดัง
หลังจากอิฐและแพรวาถูกแยกออกจากกลุ่มและต้องเผชิญหน้ากับภาพหลอนที่สะท้อนความกลัวลึกๆ ในใจของพวกเขา ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าที่เคยพลอยจ้องมองไปที่จุดที่อิฐและแพรวาหายไปอย่างหวาดกลัวสุดขีด “พวกเขาจะกลับมาไหม...” พลอยพึมพำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “มันกำลังเล่นงานความกลัวของเราใช่ไหม”กวินที่แม้จะสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับโลกภายนอกไปบางส่วน บัดนี้เขากลับเดินนำหน้ากลุ่มไปอย่างช้าๆ ราวกับสัญชาตญาณบางอย่างกำลังนำทางเขา เขาก้าวผ่านอุปกรณ์ทดลองที่วางระเกะระกะ ไปยังมุมหนึ่งของโซนลับที่ดูมืดมิดกว่าส่วนอื่นกวินหยุดอยู่หน้าชั้นวางของที่เต็มไปด้วยเอกสารเก่าๆ ที่ขึ้นราและเปียกชื้น เขายังคงกุมสมุดบันทึกของนักวิทยาศาสตร์เล่มเก่าที่เขาค้นพบไว้แน่นในมือ ดวงตาของเขาที่เคยว่างเปล่า บัดนี้กลับมีประกายบางอย่างที่วูบไหว ราวกับว่าความทรงจำบางส่วนกำลังพยายามจะกลับคืนมา เขาเปิดอ่านสมุดบันทึกเล่มนั้นอย่างช้าๆ แม้จะจำไม่ได้ว่าเนื้อหาเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับอะไร แต่เขากลับรู้สึกถึงความเชื่อมโยงบางอย่างกับมันเขาสัมผัสได้ถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในบันทึกเหล่านั้น และเขาก็เริ่มพลิกหน้
ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวที่ฟ้าค้นพบเบื้องหลังประตูต้องห้ามที่มีร่างของมนุษย์จำนวนมากในสภาพแปลกประหลาดภายในตู้ปลา ยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังและความหวาดกลัวในกลุ่มคนที่ยังมีชีวิตอยู่ บัดนี้แสงสลัวจากตู้ปลาที่บรรจุสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในโซนลับส่องกระทบใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้และไร้ซึ่งหนทาง ฟ้ายังคงยืนนิ่ง ดวงตาของเธอดูล่องลอยและเต็มไปด้วยความเข้าใจ ราวกับว่าเธอกำลังถูกพลังงานจากห้องนั้นกลืนกินไปอย่างช้าๆ“ฟ้า... เธอกำลังกลายเป็นเหมือนพวกเขาแล้ว” พลอยบอกด้วยน้ำเสียงของเธอสั่นเครือ รอยประทับบนฝ่ามือของเธอยังคงเรืองแสงอ่อนๆ อยู่พรึ่บ!!ทันใดนั้นไฟในห้องก็เริ่มติดๆ ดับๆ อีกครั้ง มันสร้างความน่ากลัวให้กับคนที่อยู่ในห้องนั้น โดยเฉพาะตู้ปลาที่บรรจุร่างทดลองประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์น้ำที่จะให้มองกี่ทีก็ชวนแหวะอยู่เสมอ อุณหภูมิก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ จนพวกเขาเริ่มหนาวสั่น เงาของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่บิดเบี้ยวและน่ากลัวมากขึ้นในสถานการณ์แบบนี้พรึ่บบ!! ตึง!!! ไฟทั้งหมดดับลง ทั้งห้องมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไร จากนั้นอยู่ๆ ก็เหมือนมีลมลูกใหญ่พัดผ่านตัวพวกเขาวูบหนึ่งจนร่างกาย
ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วกลุ่มคนที่เหลือรอดหลังจากหมอกหายตัวไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียงความแตกแยกและการโทษกันเองว่าใครคือสาเหตุ ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องหาต้นตอเลยด้วยซ้ำ เพราะทุกคนที่มาที่นี่ก็เพราะถูกบัตรเชิญลึกลับใบนั้นหลอกลวงมาทั้งหมด หากจะกล่าวโทษใครก็คงต้องบอกว่าเป็นความผิดของคนที่อยู่เบื้องหลังอควาเรียมแห่งนี้นั่นแหละในขณะที่บรรยากาศระหว่างพวกเขาไม่ค่อยจะดี อยู่ๆ ฟ้าก็ก้าวเดินแยกออกไป ทุกคนหันมองตามไปอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยห้ามเพราะเข้าใจว่าฟ้าตกอยู่ในการควบคุมของอควาเรียมเธอเดินไปหยุดอยู่บริเวณหน้าทางเดินแคบๆ แห่งหนึ่งซึ่งนำไปสู่ส่วนที่มืดมิดยิ่งกว่าเดิม และที่น่าตกใจที่สุดคือ เธอเริ่มได้ยินเสียงเรียกที่ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม เสียงนั้นไม่ใช่เสียงกระซิบ แต่เป็นเสียงที่เหมือนแม่ของเธอกำลังร้องขอความช่วยเหลือช่วยด้วย~“แม่... แม่ขา...” ฟ้าพึมพำ น้ำเสียงของเธอดูล่องลอยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความทุกข์ทรมาน เธอหันไปมองกลุ่มคนที่เหลือด้วยแววตาที่ว่างเปล่า แต่ก็มีประกายบางอย่างที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่จะเข้าไปช่วยแม่ของเธอ“ฟ้า! เธอเป็นอะไรไป!” พลอยกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวส
ความตายของเจมส์จากการเปลี่ยนแปลงร่างกาย ทำให้ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วกลุ่มคนที่เหลือรอด แสงไฟจากตู้ปลาที่ส่องสะท้อนใบหน้าพวกเขาเปิดเผยความกังวลให้เห็นได้ชัดเจน มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ลมหายใจหอบเหนื่อยไม่เป็นจังหวะ แม้อากาศภายในอาคารจะเย็นฉ่ำ แต่เม็ดเหงื่อก็ยังคงผุดขึ้นเต็มผิวกายไปหมด มันน่ากลัวไปเสียทุกอย่าง ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายใดอีก“เขา...เขาตายแล้วจริงๆ เหรอ” พลอยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงของเธอสั่นเครือ“ความตายของเขา...คือสัญญาณ” อิฐกล่าวขึ้นมาในระวห่างนั้น เสียงของเขาหนักแน่นและสงบ“ได้ยินอะไรกันไหม” หมอกเอ่ยทักขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าตู้ปลาขนาดใหญ่ตู้หนึ่งที่ดูมืดมิดและมีตะไคร่น้ำเกาะหนาแน่น“เสียงอะไร” อิฐถามต่อก่อนจะมองตามไปยังทางที่หมอกยืนนิ่งอยู่“ฉันได้ยินมัน...ร้องเพลง” หมอกบอกเสียงนิ่งเธอเริ่มได้ยินเสียงเรียกที่ดังมาจากตู้ปลาที่เรียกชื่อเธออีกครั้ง เสียงนั้นไม่ใช่เสียงกระซิบธรรมดา แต่มันเป็นเสียงที่ดูเหมือนกำลังร้องเพลงด้วยเสียงเพลงที่ไพเราะและชวนฝัน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าโศกและอันตราย ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปใกล้ เสีย
เงาปริศนาที่เคลื่อนไหวไปมาในความมืด บิดเบือนการรับรู้และฉายภาพหลอนที่สะท้อนความกลัวลึกๆ ในใจของแต่ละคน ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างหนักหน่วง แสงสลัวจากตู้ปลาที่บรรจุสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดในโซนลับส่องกระทบใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวาและความพ่ายแพ้ ภาพอนาคตอันน่าสะพรึงกลัวที่ฉายขึ้นในตู้ปลา ยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังให้ลึกซึ้งขึ้นในระหว่างนั้น ไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นว่าดวงตาของเจมส์กลับกลายเป็นสีดำสนิท ไร้แววตาใดๆ และที่น่าตกใจที่สุดคือ ผิวหนังของเขาที่เคยซีดเผือด บัดนี้กลับมีลักษณะคล้ายเกล็ดสีเขียวอมดำปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนไปทั่วทั้งร่างกาย และเสียงน้ำไหลแผ่วเบาที่ดังมาจากภายในร่างของเขาก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงโครมครามราวกับมีสายน้ำกำลังไหลเชี่ยวอยู่ข้างในตัวเขา“เจมส์!” พลอยกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว เธอเห็นภาพเงาสะท้อนในตู้ปลาที่แสดงว่าเจมส์จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด และบัดนี้มันก็กำลังเกิดขึ้นจริงเจมส์พยายามจะลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง เขายื่นมือออกไปในอากาศ ราวกับกำลังควานหาบางสิ่งบางอย่าง