“ทำไมผมจะไม่มาล่ะ ในเมื่ออดีตเมีย... ไม่สิ... อดีตคนรักเก่าแต่งงานทั้งที”
หล่อนเห็นณิชามีสีหน้าไม่ดีนักกับน้ำเสียงเย้ยหยันของเคลวิน แต่หล่อนก็ปรับสีหน้า และแสร้งหัวเราะออกมา ราวกับมันคือเรื่องที่ขบขัน
“แหม ก็ณิคิดว่าคุณจะมาไม่ไหว เพราะยังตัดใจจากณิไม่ได้น่ะค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่มา”
ณิชายิ้มยียวน และสอดแขนเข้าไปในท่อนแขนของเจ้าบ่าวของตนเอง พร้อมกับแนบหน้าลงไปด้วย
“จัสตินคะ นี่เคนค่ะ อดีตคนรักของณิเองค่ะ คนที่เมาจนหัวราน้ำเพราะถูกณิสลัดรักน่ะค่ะ”
เฌอปรางเป็นห่วงเคลวินมาก กลัวว่าเขาจะทนรับคำเยาะหยันจากณิชาไม่ไหว แต่ผิดคาด ชายหนุ่มกับหัวเราะร่วน จากนั้นก็เอียงคอมองณิชา
“คุณแน่ใจหรือว่าเป็นฝ่ายสลัดรักผมน่ะ ณิชา”
ณิชาหน้าเสียและก็ปรายตามองหล่อนด้วยความแปลกใจคลับคล้ายคลับคลาว่าจะจำหล่อนได้
“ณิแน่ใจสิคะ แล้วนี่ไปเช่าผู้หญิงมาจากไหนคะ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้อยู่นะ แต่ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของณิเลย”
ณิชาเต็มไปด้วยความหยิ่งทระนง และกระหายที่จะเอาชนะ แต่คนอย่างเคลวินยอมเจ็บแต่ไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด และที่สำคัญเหตุผลที่เขาเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับณิชาในวันนี้ก็เพื่อที่จะเอาชนะ
“คุณจำเฌอปรางไม่ได้หรือณิชา”
“เฌอปราง...?”
ณิชาพยายามคิด และก็มองหน้าเฌอปรางอย่างพิจารณา ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อจำได้
“ว่าแล้วเชียวหน้าคุ้นๆ นี่ไม่น่าเชื่อนะคะว่าเด็กกะโปโลนั่นจะแต่งตัวขึ้นเหมือนกัน” ณิชาหัวเราะ ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “ว่าแต่คุณไม่มีผู้หญิงอื่นให้ควงมางานแต่งของณิแล้วเหรอคะ ถึงต้องไปรบกวนเด็กอย่างเฌอปรางน่ะ”
เคลวินยิ้มเลือดเย็น จ้องประสานสายตากับณิชา ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยจะขยับ
“เฌอปรางเป็นเมียผม
“ฮะ?!”
ดวงตาของณิชาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณว่าอะไรนะเคน?”
เคลวินหัวเราะร่วน “ผมบอกว่าเฌอปรางเป็นเมียผม เราสองคนรักกัน และก็ลักลอบคบกันลับหลังคุณมาได้เกือบปีแล้วล่ะ” นี่แหละสิ่งที่เขาอยากเห็นจากใบหน้าของณิชา
ตกใจ...
เหลือเชื่อ...
และแค้น...
“ความจริงที่ผมเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของคุณในครั้งนี้ ผมไม่ได้มาเพราะจุดประสงค์อื่นเลย นอกจากจะเดินทางมาเอ่ยคำขอโทษกับคุณเท่านั้น”
ยิ่งเห็นใบหน้าของณิชาซีดและตื่นตกใจเท่าไหร่ เคลวินก็ยิ่งสะใจ เขาประคองกอดร่างแข็งทื่อของเฌอปรางแนบแน่นขึ้น แสดงความเป็นเจ้าของด้วยการจูบแก้มนวล และไล้มือไปมาตามแนวสะโพกผาย
“งั้นที่คุณบอกว่าไม่มีเวลา วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่ในไร่ก็เพราะ... เพราะนังเด็กนี่เหรอคะเคน”
“ถูกต้อง ผมขอโทษนะณิชา ที่ผมโลเลและไม่สามารถรักคุณคนเดียวได้” เคลวินยิ้มบางๆ และหันไปมองหน้าจัสตินที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ กับณิชา
“ผมฝากคุณดูแลณิชาด้วยนะครับ เธอเจ็บปวดกับผมมามาก ผมไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวดอีก”
“เคน!” ณิชาเค้นเสียงโมโหเรียกชื่อเคลวิน “คุณร้ายกาจมาก ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” แล้วณิชาก็ระดมกำปั้นทุบตีเคลวิน ชายหนุ่มดันร่างของเฌอปรางไปดันหลัง และยอมให้ณิชาทุบจนพอใจ
“ผมรู้ว่าคุณยังอาลัยอาวรณ์ผมอยู่ แต่สิ่งที่ผมให้คุณได้ในตอนนี้ก็คือให้คุณทุบผมจนกว่าจะสบายใจ เพราะคงไม่สามารถชดเชยสิ่งอื่นให้กับคุณได้อีกแล้ว”
“ณิชา... พอแล้ว อย่าทำอะไรให้ผมต้องอับอายมากไปกว่านี้อีกเลย” เจ้าบ่าวกระชากร่างของเจ้าสาวให้กลับไปยืนข้างๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดและอับอาย
“จัสติน คุณไม่เห็นหรือคะว่าผู้ชายคนนี้ร้ายกาจแค่ไหน เขานอกใจณิชา!”
“นี่คุณกำลังจะแต่งงานกับผมไม่ใช่เหรอณิชา หรือว่าคุณจะกลับไปแต่งงานกับคนรักเก่าล่ะ”
“จัสติน... คือณิ...”
เจ้าบ่าวดึงมือของเจ้าสาวออกจากท่อนแขนของตัวเอง ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในงานอย่างไม่ไยดี
ณิชากำลังจะวิ่งตามเจ้าบ่าวไป แต่เสียงชิงชังของเคลวินดังขึ้นเสียก่อน
“จำเอาไว้นะณิชา... ผมต่างหากเป็นฝ่ายเทคุณทิ้ง ไม่ใช่คุณทิ้งผม...”
เสียงหัวเราะสะใจของเคลวินดังกังวาน และมันก็ทำให้ณิชาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“เคลวิน!”
“ผมขออวยพรให้คุณกับเจ้าบ่าวมีความสุขกับคืนเข้าหอ แต่ผมคงไม่ได้อยู่ร่วมงาน” เคลวินโอบร่างของเฌอปรางแน่นขึ้น ก่อนจะซบหน้าลงจูบที่ซอกคอระหงอีกครั้ง เรียกสายตาโตๆ ของณิชาให้จ้องมองมาได้เป็นอย่างดี “เพราะผมก็จะต้องไปเข้าหอกับเมียผมเหมือนกัน จริงไหมเฌอปราง”
“เอ่อ... ค่ะพ่อเลี้ยง”
“รู้ไหมว่าเธอน่ะน่ารักที่สุด”
เฌอปรางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเคลวินจะทำแบบนี้ มือใหญ่ของเขาเลื่อนขึ้นมาโอบใบหน้าของหล่อน ก่อนจะประทับจูบลงมาหา ริมฝีปากหยักสวยที่หล่อนเฝ้าฝันถึงมานาน กำลังบดเคล้ากลีบปากสาวอยู่ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งงาน และเจ้าสาวของงานด้วย
หล่อนรู้สึกราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ สัมผัสอ่อนโยนที่ค่อยๆ ทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปัดเป่าทุกสติสัมปชัญญะออกไปจากสมองของหล่อนจนหมดสิ้น สมองของหล่อนตอนนี้รับรู้ได้แค่เพียงสัมผัสของเคลวิน และตอบสนองความต้องการของเขาด้วยจูบแสนเงอะงะของตนเองเท่านั้น
“กรี๊ดดดดด เคน!!! คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ออกไปจากงานแต่งของณิเลยนะ ไป๊!!!”
เสียงแหลมแสบแก้วหูของณิชาดังแหวกม่านปรารถนาเข้ามาในหูของหล่อน ซึ่งมันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เคลวินถอนจุมพิตออกไปพอดี
“ขอให้คุณมีความสุขนะณิชา” เคลวินหัวเราะเลือดเย็น “กลับบ้านกันเถอะเฌอปราง” ปลายนิ้วแข็งแรงที่เกาะกุมอยู่ที่เอวคอดรั้งให้หล่อนเคลื่อนไหวตามเขาออกมา
พอออกมาด้านนอกของตัวโรงแรม เคลวินก็ปล่อยมือออกจากเอวของหล่อน จากนั้นก็พาหล่อนเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของเขาอีก แม้แต่ยามที่นั่งอยู่บนรถด้วยกันก็ตาม
เฌอปรางก้มหน้านิ่ง มองมือของตัวเองที่ประสานอยู่บนตักเล็กด้วยหัวใจที่ร้าวราน
“กำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่หรือเปล่า”เสียงนุ่มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมๆ กับอ้อมกอดอบอุ่นที่สอดมาทางด้านหลังเฌอปรางอมยิ้มอย่างมีความสุข ละสายตาจากดวงจันทร์กลมโตหมุนกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของเคลวินแทน มองเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“หนูคิดถึงพ่อเลี้ยงทุกวินาทีนั่นแหละค่ะ”เขาหัวเราะร่วน ยกมือขึ้นลูบศีรษะของหล่อนไปมา “งั้นก็เหมือนฉันเลยน่ะสิ ที่คิดถึงเธอตลอดเวลา ทุกวินาทีเลยรู้ไหม...”“พ่อเลี้ยงปากหวานอีกแล้วนะคะ”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา รัดรึงร่างอวบอัดของเมียรักแนบแน่นยิ่งขึ้น“ฉันไม่เคยปากหวาน พูดหวานๆ ก็ไม่เป็น ที่เธอได้ยินทุกอย่างนี่ก็คือความจริงจากใจล้วนๆ”“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยพูดหวานๆ อย่างน้อยๆ ตอนจีบผู้หญิงก็ต้องพูด ไม่งั้นพ่อเลี้ยงจะมีคนรักเหรอคะ” หล่อนได้ทีย่นจมูกใส่เขาอย่างมันเขี้ยวบ้าง“ด้วยความสัตย์จริงนะ ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย”คนฟังเบิกตากว้าง เหลือเชื่อ “อ้าว ถ้าไม่ได้จีบแล้วคุณณิชามาเป็นแฟนพ่อเลี้ยงได้ยังไงคะ”“ณิชาเป็นฝ่ายจีบฉันน่ะ”“ฮะ?” เฌอปรางเหลือเชื่อมากๆ“จริงๆ นะ เห็นฉันหน้าตาดีแบบนี้ แต่ฉันไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อนเลย ตอนเรียนก็เอาแต่เรียน ตอนทำงานก็ทำแต่งาน
เฌอปรางหัวเราะคิกคักเมื่อเคลวินออกคำสั่งเผด็จการแบบนั้นออกไป“พ่อเลี้ยงน่ะ ดูทำเข้าสิคะ”“ทำไมอะไรมิทราบเมียจ๋า” ใบหน้าหล่อจัดโน้มต่ำเข้ามาหาเรื่อยๆ“ก็... สั่งคนงานแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะคะ น่าเกลียดจัง”“ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรอกน่า มานี่เลย...”มือใหญ่ช้อนใต้ท้ายทอยเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ประกบปากลงไปหา“อุ๊บบบ...”เขาบดขยี้จูบแล้วจูบอีก จูบจนเมียรักหายใจหายคอไม่ทัน จึงถอนปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน“หวานจัง...”“พ่อเลี้ยงน่ะ” คนเป็นเมียเอียงอายม้วนต้วน“ก็จริงนี่ ปากเธอหวานมาก แต่ก็ยังมีที่อื่นหวานกว่านะ อยากรู้ไหมว่าตรงไหน”ดวงตาคมกริบของเคลวินเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้าย ขณะเลื่อนต่ำลงมองที่กลางลำตัวสาวเฌอปรางเนื้อตัวอุ่นวาบ เลือดสาวเดือดพล่านขึ้นมาในทันที ดวงหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอียงอาย“พ่อเลี้ยงน่ะ... ลามก”เขาดึงหล่อนเข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยเอาอย่างแสนรัก“ฉันก็เป็นแบบนี้กับเธอคนเดียวนั่นแหละเฌอปราง... และหวังว่าเธอจะชอบ...”หล่อนยิ้มหวานกับหน้าอกกว้างของสามี “หนูชอบทุกอย่างที่เป็นพ่อเลี้ยงค่ะ”“เมียใครนะปากหวานเจี๊ยบเลย”นิ้วแข็งแรงตรึงปลายคางมน และช
เคลวินถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เพราะเสียเลือดไปมาก ทำให้เขาต้องได้รับการให้เลือดอยู่หลายถุง เฌอปรางเฝ้าสามีอยู่หน้าห้องผ่าตัดไม่ยอมห่าง แม้ว่าตัวหล่อนเองจะบาดเจ็บที่ศีรษะเช่นกันก็ตาม“หนูปราง... ไปให้พยาบาลทำแผลก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าเฝ้าหน้าห้องให้ค่ะ ถ้าพ่อเลี้ยงออกมาแล้ว ป้าจะรีบไปบอกค่ะ” ป้าปราณีพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่เฌอปรางส่ายหน้าปฏิเสธ“หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า แต่พ่อเลี้ยงบาดเจ็บ เลือดพ่อเลี้ยงออกมาเยอะมาก หนู... หนูกลัวว่าพ่อเลี้ยงจะตาย...” เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น“พ่อเลี้ยงเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ ไม่มีทางยอมตายกะอีแค่มีดแทงหรอกค่ะ เชื่อป้านะคะ ไปทำแผลที่หัวก่อน ถ้าพ่อเลี้ยงรู้เข้าว่าหนูปรางไม่ยอมดูแลตัวเอง พ่อเลี้ยงจะโกรธเอานะคะ”“แต่หนูเป็นห่วงพ่อเลี้ยง... หนูอยากรอดูให้มั่นใจก่อนว่าพ่อเลี้ยงจะปลอดภัย...”“ทำแผลที่หัวนิดเดียวค่ะ และก็แป๊บเดียวด้วย ยังไงก็เสร็จก่อนที่พ่อเลี้ยงจะผ่าตัดเสร็จอยู่แล้วค่ะ”เฌอปรางลังเลอยู่เล็กน้อย“นะคะ เชื่อป้าเถอะ ถ้าหนูปรางไม่สบายไปจะทำยังไงคะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้ในท้องหนูปรางมีลูกของพ่อเลี้ยงอยู่ด้วยนะคะ”“ลูก...”มือเล
ณิชาหัวเราะราวกับคนบ้า จากนั้นก็จิกหัวของเฌอปรางแรงๆ ลากลงมาจากรถ ซึ่งก็ทำให้คนที่สลบไสลอยู่ได้สติ“มึงฟื้นแล้วเหรอ อีเด็กบ้า”“คุณณิชา...” เฌอปรางตกใจมาก หน้าตาซีดเผือด และก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อนกับเคลวินกำลังขับรถกลับไร่ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนั้นวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ และหล่อนก็สลบไปหล่อนไม่ตาย แล้วเคลวินล่ะ...?“พ่อเลี้ยง... พ่อเลี้ยงอยู่ไหนคะ พ่อเลี้ยงไม่เป็นอะไรใช่ไหม พ่อเลี้ยง”“ฉันอยู่นี่เฌอปราง”เฌอปรางหันไปเห็นว่าเคลวินปลอดภัยหล่อนก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“หนูดีใจที่พ่อเลี้ยงปลอดภัย”เคลวินได้ยินได้เห็นความห่วงใยที่เฌอปรางมีให้ตนเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ปกป้องหล่อนไม่ได้“ณิชา... ปล่อยเฌอปรางไป แล้วคุณมาจัดการผมนี่ ผมจะไม่ต่อสู้คุณเด็ดขาด ผมสัญญา...”“ไม่นะคะพ่อเลี้ยง... อย่าพูดแบบนี้นะคะ” เฌอปรางร้องไห้ออกมา และพยายามวิงวอนคนที่เอามีดจี้คอของตนเองอยู่ “คุณณิชา... หนูผิดเองค่ะ ผิดเองทุกอย่าง หนูรักพ่อเลี้ยง แอบรักพ่อเลี้ยงมานาน ก็เลย... ใช้โอกาสที่พ่อเลี้ยงเลิกกับคุณณิชา เข้าหาพ่อเลี้ยงค่ะ ดังนั้นถ้าเรื่องนี้จะมีคนผ
หลังจากเลือกซื้อข้าวของเด็กอ่อนเสร็จแล้ว เคลวินก็พาหล่อนเข้าร้านเพชรร้านเดิม แต่หนนี้ทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม เพราะเขาบังคับให้หล่อนรับแหวนเพชรเม็ดโต พอหล่อนอึกอักปฏิเสธ เขาก็ดึงนิ้วนางข้างซ้ายขึ้นมาและสวมแหวนให้ทันที“ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะเด็กน้อย” เขาพูดเสียงนุ่มแต่เต็มไปด้วยความเผด็จการหล่อนอมยิ้มหวาน และก็ตอบรับเขาด้วยการผงกศีรษะขึ้นลงเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พาหล่อนกินข้าวกลางวัน สั่งให้หล่อนกินยาบำรุงครรภ์ที่หมอจ่ายมาให้ และก่อนกลับบ้านก็แวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้ออาหารบำรุงสำหรับคนท้องมาจนเต็มรถ“ทีนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”เขาอมยิ้ม ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับลำตัว จากนั้นก็เคลื่อนรถกลับขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนอีกครั้งเฌอปรางนั่งอยู่ในแอ่งแห่งความสุข แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามค้างคาใจติดอยู่“พ่อเลี้ยงคะ”“ว่าไง” คนที่ขับรถอยู่เอ่ยถาม“คือ...”“มีอะไรก็ว่ามาสิ” เขาเห็นหล่อนอึกอักก็เร่งเร้าให้พูด“หนู... หนูอยากรู้ว่า...”“อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ”“พ่อเลี้ยงรู้ใช่ไหมคะว่าหนู... เอ่อ... รักพ่อเลี้ยง”หล่อนเห็นเขาอมยิ้ม และก็หันมามองหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องถนนเช่นเดิม“รู้สิ ฉันไม่ได้ตาบอดสั
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงรักหนูไม่ได้ล่ะคะ”“มันไม่มีวันนั้นหรอก”“ทำไมพ่อเลี้ยงถึงมั่นใจนักล่ะคะว่าจะรักหนูได้”เคลวินอยากจะกระชากแม่เด็กสาวช่างถามเข้ามาจูบปิดปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่หล่อนต้องการให้เขาสารภาพออกไปเลยหรือไงว่าตอนนี้เขารักหล่อนเรียบร้อยแล้วบ้าจริง...เขาไม่กล้าสารภาพออกไปหรอก ให้เฌอปรางรับรู้ถึงความรักของเขาผ่านการกระทำดีกว่า“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาซักไซ้ผู้ใหญ่นักเลย นั่งอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนะ ฉันไปจ่ายเงินก่อน” คนตัวโตได้จังหวะหลบเลี่ยงในที่สุด“ถึงพ่อเลี้ยงจะใจดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน แต่หนูก็ยังต้องการให้พ่อเลี้ยงรักหนู... เหมือนที่หนูรักพ่อเลี้ยง...” เฌอปรางมองตามร่างสูงใหญ่ของเคลวินที่เดินไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินด้วยสายตาตัดพ้อน้อยใจหล่อนนั่งเศร้าอยู่สักพักเคลวินก็เดินกลับมา พร้อมกับถุงใส่ยาที่คุณหมอจ่ายให้สำหรับหญิงตั้งครรภ์“กลับกันเถอะ”รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้หล่อนตัดสินใจวางมือเล็กลงในอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าอุ้งมือของเขาอบอุ่นเหลือเกิน และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยยิ่งนัก“ค่อยๆ เดินนะ มาฉันประคอง”“หนูเดินได้ค่ะพ่อเลี้ยง”“ก็บอกแล้วไงอย่าดื้อ... เดินดีๆ ค่อ