“เอ่อ...” หล่อนลังเลอยู่สักพักก็จำต้องก้าวขึ้นไปนั่งบนรถคันงามของอเล็กซิสอย่างไม่มีทางเลือก “ขะ... ขอบคุณมากนะคะที่มีน้ำใจกับเตย”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ก็บอกว่าผ่านทางนั้นพอดีไง”
เขาระบายยิ้ม ก่อนจะหักพวงมาลัยพารถคันงามขึ้นไปวิ่งบนถนนอีกครั้ง
อเล็กซิสลอบมองเตยหอม ก็พบว่าหล่อนนั่งตัวลีบแทบจะชิดประตูรถจนน่าสงสาร หล่อนคงจะประหม่า
“อยู่ปีไหนแล้วล่ะเธอน่ะ”
“เอ่อ ปีสองแล้วค่ะ”
“แล้วเธอเรียนคณะอะไรหรือ”
“เอ่อ... เตยเรียนการโรงแรมค่ะ” หล่อนตอบโดยที่ตัวเองยังคงก้มหน้างุดอยู่ตลอดเวลา
“เฮ้ย จริงอ่ะ บ้านฉันก็ทำธุรกิจโรงแรม ถ้าเรียนจบแล้วก็มาฝึกงานได้นะ ฉันยินดีรับ”
“ขะ... ขอบคุณค่ะ”
“เธอนี่ขอบคุณบ่อยจัง มันติดปากมากหรือไงไอ้คำนี่นะ”
หล่อนเผลอเงยหน้าและหันไปมองเขา ก็พบว่าเขาหันมามองพอดี ดวงตาสีฟ้ากระจ่างที่ทอดมองมาทำให้หัวใจสาวเต้นแรงมาก จนแทบจะกระดอนออกมาจากทรวงอก
“เอ่อ...”
อเล็กซิสหัวเราะขบขัน ส่ายหน้าไปมา เขาคงจะเอือมระอาในความน่าเบื่อหน่ายของหล่อนนั่นแหละ
“ทำไมไม่ไปเรียนพร้อมกับเจนจิราล่ะ อยู่มอเดียวกันไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ...” หล่อนคงต้องโกหกออกไป เพราะหากพูดความจริงเจนจิราจะต้องดูแย่ในสายตาของอเล็กซิส “คุณเจนไปแต่เช้าแล้วค่ะ เตยตื่นไม่ทัน”
หล่อนเห็นเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่หน้าปัดบนรถยนต์ก่อนจะพูดขึ้น
“นี่ก็ยังเช้าอยู่เลยนะ แสดงว่าเจ้านายของเธอไปมอตั้งแต่หกโมงเช้าเลย”
หล่อนไม่ชอบที่จะต้องโกหกเลย รู้สึกว่ามันไม่ดี แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด
“ก็... ประมาณนั้นแหละค่ะ”
“แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยังล่ะ”
จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น และก็ทำให้หล่อนต้องเหลือบตาไปมอง
“ทานมาแล้วค่ะ”
“แต่ฉันยังไม่ได้กินเลยเนี่ย และก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วด้วย” มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าท้องไปมา จากนั้นก็หันมามองหล่อน
เตยหอมอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้น
“งั้นคุณอเล็กซิส...”
“อเล็ก” เขาย้ำให้หล่อนเรียกแค่ชื่อเล่น
“เอ่อ... คุณอเล็กจอดตรงนี้เถอะค่ะ เดี๋ยวเตยขึ้นรถเมล์ไปเรียนเองค่ะ” หล่อนเกรงใจเขา เพราะเขาคงหิวมากจริงๆ
“ทำไมล่ะ รังเกียจที่ฉันจะไปส่งมากหรือนี่”
“ปะ เปล่านะคะ แต่เตยเห็นคุณอเล็กหิว ก็เลยคิดว่าคุณอเล็กน่าจะจอดรถแล้วหาอะไรทานสักหน่อยก่อน...”
“แล้วทำไมเธอต้องไปโหนรถเมล์ล่ะ”
“ก็เตยไปเอง คุณอเล็กจะได้ทานอาหารเช้าโดยไม่ต้องพะวงเกี่ยวกับเตยไงคะ”
เขาหันหน้ามามองหล่อนด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกไม่ออก “ฉันต้องการคนนั่งเป็นเพื่อน”
“คะ?”
“ฉันกินไม่นานหรอกนะ รับรองว่าเธอไม่เข้าคลาสสายแน่นอน”
“เอ่อ... คุณอเล็กคะ เตยว่า...”
เขาไม่สนใจท่าทางลำบากใจของหล่อนแม้แต่น้อย รถคันงามถูกหักเลี้ยวจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อาหารร้านนี้น่าจะอร่อย” เขาพึมพำด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอียงหน้ามามองหล่อน “รีบลงมาสิครับ เดี๋ยวไปเรียนสายแล้วจะหาว่าไม่เตือนนะ”
“ค่ะ”
หล่อนไม่มีทางเลือก จำต้องก้าวลงไปจากรถสปอร์ต และเดินตามหลังอเล็กซิสเข้าไปในร้านที่ตกแต่งเอาไว้สวยงามอย่างไม่มีทางเลือก
หล่อนไม่ได้รังเกียจเขา แต่หล่อนกลัวต่างหาก กลัวหัวใจของตัวเองมากเหลือเกิน...
“นั่งสิ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้
“ขอบ... คุณค่ะ”
อเล็กซิสระบายยิ้ม ก่อนจะทรุดกายใหญ่โตนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับหล่อน
หัวใจของหล่อนเต้นแรงไม่หยุด มือเล็กที่ประสานกันเอาไว้บนตักเล็กก็มีแต่เม็ดเหงื่อ
“เธอว่าที่นี่อะไรอร่อย”
“เอ่อ... เตยไม่ทราบหรอกค่ะ”
“แล้วถ้าเธอเป็นคนหิว เธออยากจะสั่งอะไรมากิน” แล้วเขาก็ยื่นเมนูที่กางออกแล้วมาให้
“คือเตย...”
“จิ้มมาสั่งเมนูหนึ่งสิ เร็วเข้า”
หล่อนประหม่า ขัดเขินเหลือเกิน ยิ่งสายตาสีฟ้าสวยจ้องมองมาแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งแทบเป็นบ้า
“อันนี้ค่ะ”
เขามองเมนูที่หล่อนจิ้ม และอมยิ้ม จากนั้นก็ดึงเมนูออกไปจากมือของหล่อน พร้อมกับกวักมือเรียกพนักงาน
“เอาแบบนี้สองที่ครับ”
“รอสักสิบนาทีนะคะ” พนักงานสาวรับเมนูและเดินจากไป
“คุณอเล็กจะทานสองชุดเลยเหรอคะ”
“ใครว่าล่ะ ฉันสั่งมาเผื่อเธอหนึ่งที่ต่างหาก”
เขายิ้มทรงเสน่ห์อีกแล้ว และมันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองมากยิ่งขึ้น หล่อนตกลงไปในหลุมเสน่ห์ของอเล็กซิสล้ำลึกจนยากจะถอนใจเสียแล้ว
“ตะ แต่... เตย... ทานมาแล้วนะคะ”
“กินแล้วก็กินอีกได้นี่”
“แต่เตยยังอิ่มอยู่เลยค่ะ”
“งั้นถ้าเธอไม่กิน ฉันก็ต้องกินคนเดียว แล้วเธอคิดว่าฉันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกินหมดทั้งสองชุดล่ะ” เขาเอียงคอมองมา รอยยิ้มละไมเต็มดวงหน้า
หล่อนแก้มแดงระเรื่อ หลบสายตาคมกริบของอเล็กซิสลงมองมือตัวเองอีกครั้ง
“ถึงฉันจะร่ำรวยแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะกินอาหารทิ้งๆ ขว้างๆ แถมราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ด้วย”
เขาต้อนหล่อนจนไม่เหลือทางปฏิเสธอีก จึงต้องตอบรับออกไป “เอ่อ... ก็ได้ค่ะ”
“เยี่ยมมาก”
ทำไมเขาจะต้องยิ้มน่ามองแบบนี้ด้วยนะ รู้ไหมว่าหัวใจของหล่อนเต้นไม่หยุดแล้ว
“เตย ใครมาส่งแกวะ โคตรหล่อเลยว่ะ” เพื่อนของหล่อนเห็นเข้าพอดีตอนที่อเล็กซิสเดินตามลงมาหา เพราะหล่อนเผอเรอทำกระเป๋าเงินตกเอาไว้บนรถสปอร์ต
“เอ่อ... คนที่รู้จักน่ะ”
“จริงอ่ะ”
“จริงสิ ไม่มีอะไรหรอก”
หล่อนอธิบาย และก้าวเดินเพื่อจะตรงไปยังคณะของตนเอง แต่เพื่อนสนิทก็ยังเดินตามมาเซ้าซี้ต่ออีก
“ไม่อยากเชื่ออ่ะ แกจะต้องมีซัมติงอะไรกับพ่อสุดหล่อนั่นแน่เลย ไม่อย่างนั้นพ่อสุดหล่อนั่นไม่มองแกตาเยิ้มแบบนั้นหรอก”
“ไม่มีอะไรจริงๆ นก”
“ไม่เชื่อ”
“เชื่อฉันเถอะ มันไม่มีอะไรจริงๆ เขาก็แค่ผ่านมาพอดี เลยรับฉันติดรถมาด้วย”
รัชนกยังคงส่ายหน้าดิก และพยายามจะแซวต่อ แต่ก็มีเพื่อนของเจนจิราเดินเข้ามาหาเสียก่อน
“อย่ามาโกหกหน่อยเลยเตยหอม”
“ฉันไม่ได้โกหกนะยุ้ย”
“แล้วที่ร้านอาหารเช้าล่ะ คืออะไร... หึ... เตรียมหาคำแก้ตัวกับยายเจนให้ดีๆ เถอะ”
“อ้าว แล้วยายเจนตัวร้ายมาเกี่ยวอะไรด้วยนังยุ้ย” รัชนกเค้นเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“ก็เพราะผู้ชายคนนี้คือคู่หมั้นคู่หมายของยายเจนไงล่ะ”
“จริงอ่ะเตย” รัชนกหันมาถามเตยหอม ซึ่งเตยหอมก็พยักหน้าตอบรับ
“หึ... มีคู่หมั้นหล่อลากดินขนาดนี้แล้ว แต่นังเจนเพื่อนรักของแกยังแรดไล่กินผู้ชายทั้งมอได้อีกนะ แม่ง... น่ายกย่องว่ะ” รัชนกพูดอย่างทึ่งจัด
“ปากดีไปนะนังนก เดี๋ยวยายเจนมาเมื่อไหร่ แกสองคนเละเป็นโจ๊กแน่”
“มาเลย ไม่กลัวหรอก” รัชนกท้าทาย
“มึงไม่กลัว แต่นังเตยมันต้องกลัว เพราะมันเป็นขี้ข้ารองตีนของยายเจน จึงไหมล่ะนังเตย” ปัทมายิ้มเยาะ มองมาที่เตยหอมอย่างดูแคลน
“ไปให้พ้นเลยนะ อียุ้ยบ้า” รัชนกปกป้องเตยหอม
“ไปก็ได้ หึหึ”
ปัทมาเดินจากไปแล้ว รัชนกจึงหันมาปลอบเตยหอม
“อย่าคิดมากนะเตย อียุ้ยแม่งก็ปากดีไปอย่างนั้นแหละ ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเป็นคู่หมั้นนังเจนมันจริงๆ เหรอ”
“อืม”
“โธ่ เสียดายของชะมัด นี่ถ้าเขาเป็นของแก ฉันจะไม่อิจฉาแบบนี้เลย” รัชนกบ่นอุบ ก่อนจะจูงมือของเตยหอมเดินไปยังคณะที่พวกตนเล่าเรียน
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ