Share

บทที่ 2

ฉินซูเข้าร่วมการฝึกอบรมในชนบทที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัย

จำนวนนักศึกษาแพทย์ที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้มีด้วยกัน 20 กว่าคน สถานที่จัดตั้งค่ายอยู่ในหมู่บ้านซานเซีย

หลังจากกลับมาถึงค่าย เพื่อน ๆ ต่างก็นอนหลับกันหมด

ฉินซูตักน้ำชำระล้างร่างกาย

เมื่อเห็นร่องรอยที่อยู่บนร่างกายของตนเอง เบ้าตาก็แดงก่ำ

อุตส่าห์ทะนุถนอมความบริสุทธิ์ของตนเองไว้กว่า 20 ปี โดยคิดไว้ว่าจะมอบมันให้แก่ชายผู้เป็นที่รัก

“เมิ่งฟาน ฉันขอโทษ”

ฉินซูก้มหน้าสะอื้นไห้

ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าเธอจะควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้คืนสู่สภาพเดิมได้อีกครั้ง

การร้องไห้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

เธอเสียตัวไปแล้ว และไม่ได้มีความคิดที่จะปกปิดหลินเมิ่งฟาน เธอตัดใจสินที่จะสารภาพกับเขาหลังจากกลับไป

เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ อีกทั้งเมิ่งฟานยังเป็นคนที่อ่อนโยน เอาใจใส่ และรักเธอมาก เธอเชื่อว่าเขาจะต้องเข้าใจเธอ…

หลังจากเช็ดทำความสะอาดเสร็จ ฉินซูก็กลับไปนอน

เธอพบว่าเตียงนอนด้านข้างยังว่างเปล่า หวังอี้หลินเพื่อนสนิทของเธอยังไม่กลับมา

“อี้หลินบอกว่าต้องไปกินข้าวที่บ้านญาติในเมือง ระยะทางค่อนข้างจะไกลมาก ดูท่าแล้วคืนนี้คงจะไม่กลับมา...”

คิดได้แบบนี้ฉินซูจึงหลับตาเข้านอน

ในเวลาเดียวกัน

ภายใต้แสงจันทร์ เงาของร่างหนึ่งสภาพกระเซอะกระเซิงกำลังวิ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่ท่ามกลางป่าเขา

เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครไล่ตามมาด้านหลัง เธอก็ค่อย ๆ ผ่อนจังหวะฝีเท้าลง เช็ดถูใบหน้าและด่าสาปแช่ง

“ไม่มีอะไร อย่ามองสภาพที่น่ารังเกียจของตัวเอง...”

เมื่อนึกถึงชายรูปร่างอัปลักษณ์ดุร้ายน่ากลัวคนนั้น หวังอี้หลินก็รู้สึกสะอิดสะเอียด คลื่นไส้ อยากจะอาเจียนออกมาทันที

แค่จะไปกินข้าวที่บ้านญาติ ใครจะรู้ว่าจะต้องมาพบเจอกับเรื่องโชคร้ายแบบนี้

แต่จู่ ๆ เธอก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง

หวังอี้หลินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานอย่างตื่นตระหนก

ชายหนุ่มที่หล่อเหลา…

เช้าตรู่ ฉินซูตกใจตื่นจากฝันร้าย

เมื่อคืนเธอฝันถึงผู้ชายคนนั้น คนที่เธอมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด

ฉินซูบังคับตัวเองให้สงบลง

วันนี้เป็นวันที่ต้องกลับไปมหาลัยหลังจากสิ้นสุดการอบรม เธอเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว และเห็นว่าอี้หลินยังไม่กลับมา จึงโทรศัพท์หาอี้หลิน

“รู้แล้ว เธอช่วยเก็บของให้ฉันก่อนนะ” หวังอี้หลินพูดอย่างไม่ใส่ใจผ่านโทรศัพท์

พูดจบก็วางสาย

ฉินซูส่ายหัวอย่างไม่มีทางเลี่ยง จำใจต้องช่วยเก็บสัมภาระทั้งหมดของอี้หลินใส่ลงไปในกระเป๋า

หวังอี้หลินนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาหนึ่งใบเพราะสัมภาระของเธอเยอะมาก ส่วนฉินซูเดินทางมาอย่างสบาย ๆ มีเพียงกระเป๋าสะพายไหล่หนึ่งใบและกล่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น

ตอนที่ใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางกลับ หวังอี้หลินยังไม่กลับมา ฉินซูก็ช่วยยกกระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นไปวางไว้บนรถ

อาจารย์ผู้ดูแลกลุ่มพูดอย่างเร่งเร้า “หวังอี้หลินล่ะ? ใครก็ได้โทรตามเธอที ตอนนี้รอเธออยู่คนเดียวแล้ว!”

“อาจารย์สวี่ เธอน่าจะกำลังรีบ” ฉินซูยังพูดไม่ทันจบ หวังอี้หลินก็ปรากฏตัวขึ้น

ใบหน้าเธออิ่มเอิบไปด้วยความสุข ไม่สนใจอาจารย์ผู้ดูแลกลุ่มที่กำลังโกรธจัด เธอมุ่งตรงไปขึ้นรถแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

ฉินซูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ พูดเบา ๆ ว่า “อี้หลิน เธอมาสาย ควรที่จะขอโทษอาจารย์สวี่นะ...”

“ขอโทษ?” หวังอี้หลินกรอกตาและถอนหายใจ “เป็นอาจารย์นี่น่าสรรเสริญมากไหม? ฉินซู เธอดูสิ วันดี ๆ ของฉันกำลังจะมาถึง ไม่ต้องไปสนใจอาจารย์เพียงคนเดียวคนนั้นหรอก ฉันไม่เห็นสนใจเลย”

“...” ฉินซูมองไปที่เธอโดยไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ

คำพูดซุบซิบนินทาจากที่นั่งข้าง ๆ แว่วมาเบา ๆ

“เธอเห็นนั่นไหม ชุดสีขาวที่หวังอี้หลินใส่อยู่ เป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดประจำฤดูร้อนของแบรนด์ชาแนล ซึ่งมันแพงมาก”

“จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนรวยมากเลยใช่ไหม น่าทึ่งมาก”

หวังอี้หลินได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น มุมปากก็ยกขึ้นอย่างลำพองใจ

ฉินซูรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

จริง ๆ แล้วครอบครัวของหวังอี้หลินก็ไม่ได้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้รวยมากขนาดนั้น

คนที่ไม่ได้สนใจของแบรนด์เนมยังสามารถรู้ได้เลยว่า แบรนด์ชาแนลมีราคาแพงมาก คอลเลคชั่นล่าสุดยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ฉินซูรู้สึกว่าหลังจากหวังอี้หลินกลับมาจากกินข้าวที่บ้านญาติเธอก็แปลก ๆ ไป

หวังอี้หลินเหลือบตามองไปยังฉินซู แล้วสังเกตเห็นว่าเธอสวมใส่อะไรบางอย่างอยู่ที่คอ

“นี่อะไร?”

เธอยื่นมือมาดึงสร้อยคอที่ห้อยอยู่ที่คอของฉินซูโดยไม่ขออนุญาต

จี้ทรงกลมที่ทำจากทองแดง ดูก็รู้ว่าเป็นสิ่งของราคาถูก

หวังอี้หลินปล่อยมันลงอย่างรังเกียจและไม่แยแส “แฟนเธอให้มาเหรอ? ของแบบนี้ซื้อตามแผงลอยข้างถนนเอาก็ได้”

ฉินซูงุนงงไปชั่วครู่ ก่อนจะตระหนักได้ว่าผู้ชายคนเมื่อวานเป็นคนสวมสร้อยคอเส้นนี้ให้เธอ

เธอหน้าซีดลง ถอดสร้อยออก จากนั้นใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อโดยไม่พูดอะไร

เห็นเช่นนั้น หวังอี้หลินเลยแสร้งทำเป็นเข้าใจเธอและยิ้มเยาะออกมา “แฟนคนจนของเธอคนนั้น รีบไปบอกเลิกซะเถอะ แม้แต่เงินยังหาให้เธอใช้ไม่ได้ อย่าไปถามหารักแท้จากเขาเลย”

ฉินซูขมวดคิ้ว “ฉันหาเงินเองได้ ทำไมต้องไปใช้เงินของแฟนด้วย”

หวังอี้หลินแบะปาก ไม่ออกความคิดเห็นอะไร

กลับถึงเขตเมืองก็เป็นเวลาเที่ยงวัน หวังอี้หลินได้ติดต่อครอบครัวล่วงหน้าแล้วว่าให้มารับเธอ เธอเดินไปอย่างมีความสุข ราวกับว่าได้ไปพบเจอกับเรื่องราวดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่มาก

ฉินซูกลับไปที่หอพักหลังจากรับประทานอย่างหารกลางวันอย่างเรียบง่าย

เดิมทีตั้งใจไว้ว่าจะฉลองงานวันเกิดให้กับเมิ่งฟาน แฟนหนุ่ม ในช่วงกลางคืน แต่พอเกิดเรื่องเมื่อคืนวาน ทำให้เธอไม่สามารถรอให้ถึงช่วงกลางคืนได้แล้ว

เธอต้องหาคนมาระบายความในใจเรื่องนี้ นอกจากแฟนหนุ่มของเธอแล้วเธอก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครคนอื่นอีก

ฉินซูเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งรถประจำทางไปยังโรงพยาบาลกลางที่เมิ่งฟานทำงานอยู่

ประจวบเหมาะว่าเป็นเวลาพักกลางวัน เธอไปยังห้องทำงานของเขา

เธอจำได้ว่าเมิ่งฟานเคยบอกไว้ว่า วันนี้ที่แผนกมีเขาเข้าเวรเพียงคนเดียว

ฉินซูยืนอยู่ที่ด้านนอกของประตูห้องทำงาน แต่ทว่ากลับได้ยินเสียงคนสองคนอยู่ด้านใน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เธอไม่สามารถทนฟังต่อไปได้อีกแล้ว

ฉินซูผลักประตูเข้าไปอย่างเหลืออด

“เสี่ยวชู...”

“เมิ่งฟาน?!”

ชีวิตนี้เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า หลินเมิ่งฟานจะหักหลังเธอและทำเรื่องหน้าไม่อายแบบนี้!

หลินเมิ่งฟานโดนจับได้คาหนังคาเขา “เธอออกไปก่อน ฉันจะคุยกับเธอทีหลัง ตกลงไหม?”

“คนที่ไม่มีหน้าไปพบใครก็คือนาย! จะให้ฉันไปไหน? มีอะไรจะพูดก็พูดมาให้ชัดตรงนี้เลย!”

ฉินซูยืนนิ่ง ความโกรธร้อนดั่งไฟสุมอยู่ในอก

“สาวน้อย ไม่เห็นต้องอารมณ์ร้อนขนาดนี้เลย เธอไม่ลองมองดูสารรูปของตัวเองดูล่ะ ว่ามีตรงไหนบ้างที่เหมือนผู้หญิง”

หญิงสาวที่เอนกายพิงอยู่ที่โต๊ะทำงานมองฉินซูอย่างเหยียดหยาม ค่อย ๆ จัดแต่งกระโปรงให้เรียบร้อยอย่างใจเย็น

ทันทีที่พูดจบ ฝ่ามือหนึ่งก็สะบัดลงมาบนใบหน้า

ผัวะ!

ฉินซูพุ่งตัวเข้าไปตบหน้าเธอ ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ

“หุบปากเธอไป!”

โดยสัญชาตญาณ หลินเมิ่งฟานคว้าหญิงสาวคนนั้นไปไว้ในอ้อมอก “เป็นบ้าอะไรถึงกล้ามาตีเธอ รู้ไหมว่าเธอเป็นใคร!”

ฉินซูมองดูเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมิ่งฟานก้มดูหญิงสาวในอ้อมกอดตัวเองด้วยความกังวล เอ่ยถามหญิงสาวคนนั้นขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “เสี่ยวหรู เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ฉินซูได้ยินอย่างนั้นราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ

เสี่ยวหรู

นี่คือหลานสาวของรองประธานโรงพยาบาลแห่งนี้ ถางเสี่ยวหรู!

เมื่อก่อนหลินเมิ่งฟานเคยพูดถึงถางเสี่ยวหรูให้เธอฟังสองสามครั้ง ถางเสี่ยวหรูช่วยเหลือเขาหลายอย่าง

คำพูดของถางเสี่ยวหรูทำให้รู้ว่า นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่คนสองคนทำเรื่องแบบนี้

จนถึงตอนนี้ ฉินซูเข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง หลินเมิ่งฟานหักหลังเธอมาตั้งนานแล้ว

เธอยิ้มเยาะและยกมือขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

หลินเมิ่งฟานไม่ทันได้ป้องกันตัวก็โดนตบจนหน้าหัน

“ฉันไม่ได้จะตบแค่เธอ แต่ฉันจะตบนายด้วย!”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status