Share

บทที่9

9 เกสต์เฮาส์

เมื่อเด็ก ๆ เข้านอน เฮงก็ได้คุยกับวรรณ เรื่องที่เขาจะออกไปข้างนอกกับเด่นในวันรุ่งขึ้น ดินและภรรยาของเขาจะจัดการใส่เบ็ดใหม่ และวางกับดักให้เขา หลังอาหารเช้าในช่วงเช้า

“เฮง ดึงให้เป็นจังหวะหน่อยสิ ดินรู้สึกเบิกบานใจเหมือนเด็กไปร้านขนมหวานแล้วมีเงินติดตัวไปพอ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะดีใจแทนลูก หรือโกรธเธอที่ใช้ลูกเพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเอง”

“คิดดูนะ วรรณ มีอะไรแฝงอยู่ในนั้นนะ ฉันยอมรับ แต่เธออยากให้ดินเป็นแค่คนสวนงั้นหรือ หรือมีทักษะในการพยาบาลด้วย เธอก็ไม่ใช่เด็กโง่ และเวลามันเปลี่ยนไปแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอ สมองของเธอจะไม่ตาย เพราะความเบื่อหน่ายและหยุดนิ่ง เป็นเหมือนเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่ฉลาดหลักแหลมส่วนใหญ่ที่ทำกันในหมู่บ้าน และเธอจะมีคุณค่าสำหรับครอบครัวและชุมชน พยาบาลคนอื่นในพื้นที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายไม่ใช่หรือ และตัวเธอเองบอกว่าเธอสนใจในงานของป้าดา และสิ่งนี้ก็เก็บไว้เป็นความลับของครอบครัวด้วย

“ฉันยอมรับว่ามันเป็นประโยชน์ต่อฉันเช่นกัน อาจจะมากกว่าที่พวกเธอได้รับ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่การกระทำที่เห็นแก่ตัวเท่านั้น ฉันก็ห่วงลูก ๆ ของฉันเช่นกันรู้ไหม นี่คือสถานการณ์ที่ต่างก็ได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ลูก เธอและฉันจะต้องป่วยเฉาแบบนกแก้ว ถ้าพ่อคนอื่นคิดเรื่องนี้ได้ก่อน และเอางานให้ลูกสาวของเขา และเธอก็รู้ดีนี่”

“ฉันไม่สามารถเถียงเรื่องนั้นได้ แต่… ใช่ ถูกต้อง เธอพูดถูก มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับดิน และเธอก็อยากจะทำมัน นั่นคือสิ่งสำคัญสำหรับฉัน”

“นั่นเป็นเพียงโบนัส วรรณ เราทุกคนต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบในชีวิตเพียงเพื่อความอยู่รอด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เธอโชคดีมากที่ผ่านชีวิตมาโดยไม่ต้องทำอะไรที่เธอไม่ต้องการเลย

“เด่นก็เช่นกัน แม้ว่าฉันคิดว่าเขาชอบที่จะนั่งดื่มกับเพื่อนทั้งคืน และเริ่มงานตอนเที่ยงวัน ทำแค่สองสามชั่วโมงแล้วกลับไปนอน แต่นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตของพวกเราชาวไร่ นั่นเป็นเรื่องยาก แต่นั่นก็เป็นวิธีสำหรับคนอย่างพวกเรา คนหลายล้านคนทำมันมาก่อนเรา และฉันกล้าที่จะพูดว่าจะมีคนหลายล้านคนทำตามเราเช่นกัน

“เธอก็รู้ดีในสิ่งที่ฉันทำว่าเธอไม่สามารถมีทุกอย่างที่เธอต้องการ เธอสามารถนับความโชคดีของตัวเองได้ ถ้าเธอได้รับทุกสิ่งที่เธอต้องการ เราตกอยู่ในคนประเภทนั้น เราโชคดีแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเราทำงานหนักเพื่อครอบครัว เธอและฉันต้องทำงานหนักมากทั้งชีวิตของเราจนถึงตอนนี้ ในขณะที่พวกเขาเล่นสนุกไปวัน ๆ นั่นคือ สิ่งที่มันควรจะเป็น แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องรับความเครียดมากขึ้นเมื่อเรามีความสามารถน้อยลง ไม่มีอะไรผิดสำหรับเรื่องนั้นหรอก มันคือ วิถีของบางอย่าง”

“เธอพูดเพื่อตัวเอง ฉันยังสามารถทำทุกอย่างที่ฉันสามารถทำได้ดังเช่นตอนที่ฉันอายุยังน้อยกว่านี้ยี่สิบปี”

ใช่ เอาล่ะ ที่รักของฉัน ฉันรู้ว่าเธอสามารถทำได้ แต่เธอเป็นข้อยกเว้น เธอเป็นคนดูแลกฏของบ้าน จะมีผู้หญิงในวัยเดียวกันกับเธอที่จะสามารถทำเช่นเดียวกับเธอได้สักกี่คน หนึ่งหรือสองต่อร้อยคนในหมู่บ้านล่ะ ไม่ ไม่ใช่ทุกคนที่เหมือนเธอ ที่รักของฉัน เธอเป็นหนึ่งในล้าน”

“โอ้ หลีกไป วันนี้เธอสอพลอได้น่ากลัวมาก”

“พูดความจริงทั้งนั้น ที่รัก ฉันขอโทษที่ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้พูดแบบนี้บ่อยมากพอ”

“ฉันก็รู้สึกปวดเมื่อยเหมือนกันกับคนอื่น ๆ แต่จะบ่นไปเพื่ออะไรล่ะ ซึ่งก็ไม่ช่วยให้สามารถทำงานใด ๆ ให้เสร็จได้เลยนี่”

“นี่คือประเด็นของฉัน ตอนนี้เด็ก ๆ ต้องช่วยกันมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันกำลังพูดถึง หรือสิ่งที่ฉันอยากจะพูดต่อไป

“จะไม่มีอะไรที่สามารถเป็นไปได้บนความคิดที่ไม่เปิดรับอะไรได้เลยนะ วรรณ ฉันจะไปกับเด่นในวันพรุ่งนี้ เธอจะมีเวลาทั้งคืนเพื่อคิดเรื่องนี้และทั้งวันเพื่อคุยกับดิน ถ้าเธอไม่ต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้มันเกิดขึ้น ฉันจะโทรศัพท์ไปที่คลินิก และยกเลิก และจะไปบอกป้าดาด้วย จะไม่มีใครคิดกับเธอไปในทางที่ไม่ดีเลยด้วย

“จำสิ่งนี้ไว้ ฉันไม่ได้ถามลูกก่อน เพราะฉันไม่อยากทำให้ลูกมีความหวัง ในกรณีที่พวกเขาไม่รับเธอ เลยต้องทำไปแบบนี้”

“ไปกันเถอะที่รัก ไปนอนกัน” วรรณกล่าว

Ψ

หลังอาหารเช้าสำหรับเฮงซึ่งเป็นมิลค์เชคเลือดงูครึ่งลิตร เขาและเด่นก็ออกเดินทางไปกับแพะ และสุนัข เมื่อการเดินป่าในเช้าตรู่วันนี้ทำให้ทุกสิ่งหายไปจากใจเขา เพราะเขามักจะนอนไม่หลับในเวลากลางคืน เขาจะเปิดบานประตูหน้าต่างไว้บานหนึ่ง และจ้องมองดวงจันทร์โดยหวังว่าจะล่องลอยออกไป ปรารถนาว่าเขาจะบินออกไป นี่ยังเป็นสาเหตุที่เขามักจะกินมิลค์เชคเลือดงูก่อนออกไป มันเป็นการเพิ่มพลังงานราวกับเครื่องดื่มกระทิงแดง และทำให้เขามีพลังที่จะลุกขึ้นไปยังทุ่งเลี้ยงสัตว์ เขายังได้เรียนรู้ที่จะพกเอาเลือดงูไปหนึ่งลิตร และอีกหนึ่งลิตรจากสัตว์อื่นไปกับเขาด้วย ในกรณีที่มีบางอย่างเกิดขึ้น และเขาต้องการพลังงานพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่เคยติดอยู่กับเรื่องอาหาร เพราะยังมีเด่นอยู่เสมอ ในขณะที่เขาคิดติดตลกกับตัวเอง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะดื่มอะไรก่อนออกเดินทางเขาก็เกือบตายทุกครั้งเมื่อไปถึงที่หมาย เพราะภาวะนอนไม่หลับ เขามักจะตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจในความพร้อมของเด่น แล้วจากนั้นก็หาที่ร่มรื่นที่เขาสามารถนอนหลับได้ บางทีก็หลังก้อนหินกลมใหญ่สองสามก้อน และบางครั้งก็ในถ้ำ ในบางครั้งเขาจะกลายเป็นค้างคาว และบินขึ้นไปหลบที่ไหนสักแห่ง แต่มันต้องใหญ่พอสำหรับร่างของมนุษย์ และอบอุ่นพอสำหรับร่างกายที่เปลือยเปล่า

วันนี้ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นหลังจากคุยกับลูกชายไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็แอบเข้ามาในร่มเงาของหินก้อนใหญ่ที่เด่นนั่งอยู่บนนั้น และนอนหลับ ไป

เขาตื่นขึ้นมาในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โดยเด่นร้องเรียกเขาเสียงหลง

“พ่อ พ่อ มานี่เร็ว! ฉันคิดว่ามีคนบาดเจ็บอยู่ เร็วเข้า แบทแมน!”

เขากลิ้งออกมาจากใต้โขดหิน

“เป็นอะไร เจ้าลูกชาย แพะตัวไหนมีปัญหาหรือ”

“ไม่ใช่ แต่ฉันเพิ่งเห็นคนสองคนตกลงมาจากเชิงผานั่น ดูเหมือนเป็นพวกแบ็กแพ็ก พวกเขาจะต้องมาจากอีกด้านหนึ่งของทางขึ้นนั่นแน่ พวกเขาอาจได้รับบาดเจ็บ ฉันเห็นพวกเขาล้มลง มานี่ก่อน พ่อ!”

พวกเขาวิ่งขึ้นไป และมองลงไปข้างล่าง มีร่างคนสองคน ร่างบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยสีแดงสด และใส่เสื้อกันหนาวมีหมวกสีฟ้า นอนอยู่ข้างล่างพวกเขาประมาณสิบห้าฟุต ทางเดินแคบ ๆ ที่พวกเขาลื่นลงไปสูงราวหกสิบหรือเจ็ดสิบฟุตเหนือพวกเขา พวกเขาตะเกียกตะกายลงไปตามทางลาดชันเพื่อดูว่าจะช่วยได้หรือไม่

ไม่มีบริการช่วยเหลือบนภูเขาอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านบนภูเขาได้รับการฝึกอบรมการช่วยเหลือบางอย่างมาบ้าง พวกเขาดูแลกันมาหลายศตวรรษแล้ว ภูเขาหลายแห่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็ก และทีมในพื้นที่ก็ถูกเรียกตัวออกไปเพื่อช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ทำสิ่งที่เกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับกวาดล้างระเบิด ทั้งเฮงและเด่นเคยออกปฏิบัติภารกิจดังกล่าวมาก่อนบ้างแล้ว

พวกเขายังไม่ตาย แค่หมดสติ และร่างที่นอนเหยียด ดูเหมือนว่าเขาไถลลงไปมากกว่าตกลงไป แต่พวกเขาหัวกระแทก ถึงแม้มันจะดูไม่น่าเป็นไปได้ที่กระดูกจะหักก็ตาม

“ลองโทรศัพท์อีกครั้งสิ ไอ้ลูกชาย อาจจะติดต่อได้นะ”

“ไม่ได้เลย! ไม่มีเลย”

“ไม่ แต่เราต้องพยายามสิ อืม เราไม่สามารถปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่ได้ มาถอดกระเป๋าของพวกเขาออกก่อนเถอะ แล้วนำมาวางไว้ด้านหลังของพวกเขากัน”

พวกเขาหยิบมีดออกจากเข็มขัด ตัดสายรัดตัวออก และกลิ้งร่างไป

“มีเด็กผู้หญิงสองคนครับ พ่อ!”

“ใช่แล้ว แปลกมาก แต่ไม่เคยได้ยินเสียงเลยใช่ไหม”

“ไม่ครับ ผมคิดว่าไม่ได้ยินนะ ฝรั่งเหรอ”

ใช่… ดูนี่สิ!”

หนึ่งในพวกเขาเริ่มครวญคราง และขยับหัวของตัวเอง ทั้งคู่ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากภาษาไทย - ลาวในท้องถิ่น ดังนั้นเฮงจึงใช้นิ้วมือเคาะแก้มของเธอเบา ๆ และเด่นก็ร้องเพลง “แฮปปี้ เบิร์ด เดย์” ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียวที่เขาจำได้จากโรงเรียน

“ฉันอยู่ที่ไหน คุณเป็นใคร” เธอถามขณะที่เธอพยายามจะลุกขึ้น หญิงสาวมองหาเพื่อนของเธอ และดูเหมือนจะสงบลง เมื่อเห็นเขานอนอยู่ข้าง ๆ “เพื่อนของฉัน เธอตายเหรอ”

พวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ แต่บังเอิญคำในภาษาอังกฤษ และคำภาษาไทยสำหรับคำว่า “ตาย” เกือบออกเสียงเหมือนกัน และภายใต้สถานการณ์ที่เฮงก็พอเดาได้ว่าเธอพูดว่าอะไร

“ไม่ตาย และเขาแสดงท่าการหายใจเข้าออกอย่างแรงให้เธอดู และชี้ไปที่สาวน้อยที่นอนหงาย

“ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องนั้น เราตกลงไป” เธอเงยหน้าขึ้นและชี้ไป แต่พวกเขารู้แล้ว และสงสัยว่าเธอกำลังพยายามบอกอะไรใหม่ ๆ ให้พวกเขาฟัง พวกเขามอง แต่ไม่เห็นอะไรร้ายแรง

“ดีไหม (คุณโอเคไหม)” เฮงพยายามใช้ภาษาไทย

เด็กสาวพยายามที่จะนั่ง และเฮงได้ช่วยเธอ

“ฉันก็คิดอย่างนั้น ‘ดี’ ” เธอกล่าว และพวกเขาก็ยิ้มให้กันและพยักหน้ารับ เฮงช่วยเธอขยับไปใกล้กับเพื่อนของเธอ หลังจากสิบนาที และพวกเขาก็พรมน้ำใส่ใบหน้าของเธอสองสามครั้ง แต่เธอมีอาการวิงเวียนมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม

ทั้งคู่สวมเสื้อแจ็คเก็ตที่บุนวมหนา และถุงมือ แต่ใบหน้าของพวกเขามีรอยถลอก และมีรอยขีดข่วน พวกเขาโชคดีมาก และทุกคนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี เฮงและเด่นพาเด็กสาวไปกันคนละคน และช่วยพวกเขาขึ้นและลงอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งแคมป์เล็ก ๆ ของพวกเขา ไม่ร่มเลย มันโดนแสงแดดจัด พวกเขาจึงช่วยสาว ๆ ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก และเด่นก็กลับไปเก็บกระเป๋าของพวกเธอ พวกเขานำชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นมา แต่เด็กสาวก็มีอุปกรณ์ที่ค่อนข้างครอบคลุมเลยทีเดียว พวกเขาทำความสะอาดบาดแผลของเด็กสาว และเฮงใช้ผ้าพันข้อเท้าแพลงของเด็กสาวคนที่สอง

เด่นคิดว่าอยากให้ความสนใจกับบทเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่เมื่อสาว ๆ ทำอาหารของตัวเอง เด่นก็ทำเช่นเดียวกัน และพวกเขาก็แบ่งปันสิ่งที่พวกเขามีให้แก่กัน เด็กสาวพยายามให้บางสิ่งเฮงกิน แต่เขาไม่ยอมกินและไม่ยอมแบ่งขวดน้ำให้อีกด้วย ในที่สุดเขาก็รับช็อคโกแลตชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เพราะเขาไม่ได้ลิ้มรสชาติมันมาหลายทศวรรษเแล้ว แต่เพื่อความแปลกใหม่ของเขา มันก็ยังคงรสชาติดี

มันสนุกมากและพวกเขาก็เข้ากันได้ดี เมื่อเฮงเหวี่ยงแขนออกไปต่อหน้าพวกเขาอยู่หลายครั้ง เขาพยายามบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องจากไปกัน แต่สาว ๆ คิดว่าเขาบอกให้พวกเธอไป

พวกเขาเก็บข้าวของจะออกไป สวมเสื้อแจ็คเก็ต และสงสัยว่าพวกเขาจะแบกกระเป๋าได้อย่างไร ทันใดนั้นเฮงก็เอากระเป๋าออกจากพวกเขา และวางมันลง เขาให้พวกเธอนั่งลงอีกครั้ง ในขณะที่เด่นและสุนัขพากันวิ่งไล่ต้อนฝูงแพะ แล้วจากนั้นเขาก็พาเด็กสาวและฝูงแพะลงเขาไปตามเส้นทางที่แสนง่ายดาย เด็กสาวไม่รู้ว่าพวกเขากำลังไปไหนหรือกับใคร แต่พวกเธอรู้ดีว่าพวกเขาได้ช่วยชีวิตพวกเธอเอาไว้ และสมควรได้รับความไว้วางใจจากพวกเธอ

พวกเธอยังรู้ด้วยว่าพวกเขาจะไม่ไปไกลกว่านี้ หากต้องแบกกระเป๋าแทนการสะพายเอาไว้ที่หลัง โดยเฉพาะทั้งอาการบาดเจ็บ แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม เพราะเด่นต้องช่วยเด็กสาวคนที่สองเดิน พวกเขานำเอากระเป๋าติดตัวไปเพียงใบเดียว เนื่องจากเด็กสาวไม่สามารถพกติดตัวไปได้ และเฮงเองก็ทำไม่ได้

มันใช้เวลาพอสมควรในการกลับถึงบ้าน แต่พวกเขาก็ยังกลับมาก่อนเวลาปกติ เฮงต้องมีตัวช่วยเพิ่มพลังงานอีกหลายตัว หลังจากออกแรงก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังไม่เป็นไร สีหน้าของวรรณดูงง ๆ เมื่อพวกเขาเดินผ่านเข้าประตูไป พวกเขานำเด็กสาวนั่งบนโต๊ะ เนื่องจากพวกเขาไม่มีเก้าอี้ จากนั้นเด่นก็จับแพะไปไว้ในคอก ขณะที่เฮงอธิบายเหตุการณ์ในวันนี้ให้วรรณฟัง

“แล้วตอนนั้นเธอไม่เห็นพวกเขาหรือ เฮง”

“ไม่นะ เด่นเห็น ฉันหลับอยู่”

“ถ้าเด่นไม่อยู่ที่นั่น เธอคงจะไม่เห็นพวกเขาตกลงไป และเด็กสาวที่น่าสงสารเหล่านั้นอาจเสียชีวิตได้ใช่ไหม”

“ใช่ เว้นแต่ว่าถ้าเด่นไม่อยู่ที่นั่น ฉันคงไม่ได้ไปนอน แล้วฉันคงจะเห็นพวกเขา”

“เช่นเดียวกับที่เธอคิดใช่ไหม”

เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไร

“ฉันขอเสนอให้เราปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่สักสองสามวัน เพื่อพักฟื้นหากพวกเขาต้องการ เธอจะว่าอะไรไหม”

ได้สิ เฮง แน่นอน แต่ที่ไหนดีล่ะ” ในโรงนาเหรอ”

“มันเป็นห้องที่เราพอมีอยู่ แต่มันก็สบายอยู่นะ ดีกว่านอนบนเขา” วรรณออกไปเรียกดินด้วยเสียงกร้าว และดินปรากฏตัวในไม่กี่นาทีต่อมา

“พวกเขาเป็นใคร” เธอถาม

พวกเขาลื่นและตกลงมาจากภูเขา พวกเขาจะคงตาย ถ้าเด่นไม่เห็นพวกเขาตกลงมา แต่เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย ดูว่าลูกจะทำประโยชน์แค่ไหน หากพอมีความรู้ทางการแพทย์บ้าง” เฮงพูด

ดินมองพ่อ แต่พยักหน้าเท่านั้น

“พูดภาษาอังกฤษใช่ไหม” เธอพูดกับเด็กสาว

“ใช่ เราเป็นคนออสเตรเลีย คุณพูดภาษาอังกฤษเหรอ โอ้ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องนั้น! มันยอดเยี่ยมมาก” คนแรกพูด

“นิดหน่อย ไม่ใด้มาก”

“ไม่เป็นไร มันสุดยอดมากเลย!”

ครอบครัวได้คุยกันมาสักพักแล้ว

“ครอบครัวของฉัน” และเธอระบุถึงคนอื่น ๆ ว่า“ อยากให้คุณพักที่นี่คืนนี้ คุณป่วย จะต้องนอน”

“โรงแรมเหรอ คุณมีโรงแรม หรือเกสต์เฮ้าส์ไหม”

“ไม่มีโรงแรม ไม่เข้าจาย เกส โฮว’ สามารถนอนที่นี่ได้”

“โอเค ขอบคุณมากมากค่ะ!” และพวกเขายกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างกุลีกุจอ

“คุณชื่ออะไร ฉัน ดิน นี่พ่อ ฟาเธอร์ นี่แม่ มาร์เธอร์ และเขา เด่น พี่ชาย”

“ฉันชื่อเจน” คนแรกพูดขึ้น “และนี่คือเพื่อนของฉัน ซูซาน”

“แม่ของฉันพูดว่า ‘คุณต้องการอาบน้ำไหม’ มาสิ ฉันพาคุณไปเอง”

เด็กสาวทั้งสามคนออกไป และวรรณพาเด่นไปเตรียมสถานที่สำหรับพวกเขาในโรงนา

เมื่อพวกเขากลับมาจากอาบน้ำ ซูซานยังคงเดินกะเผลก แต่ด้วยผมที่สะอาดสะอ้านและเสื้อผ้าปกติ กางเกงยีนส์และเสื้อยืด พวกเขาดูดีขึ้นมาก

“ดินเข้าไปดูในตู้ได้ไหม ดูว่าเรามีครีมฆ่าเชื้อของป้าดาเหลืออยู่อีกไหม เราควรทาอะไรบางอย่างลงบนรอยถลอกนั่นนะ ของดาดีกว่าของที่พวกเขามีเสียอีกนะ”

“ทาครีมไหม” ดินพูดกับเด็กผู้หญิง พวกเขามองไปที่มันและดม แต่ไม่รู้ว่ามันใช้สำหรับอะไร ดินแต้มมันที่หน้าให้พวกเขา ซึ่งทำให้มีรอยยิ้มและคำขอบคุณอีกครั้ง

เฮงจับข้อเท้าที่บวมของซูซานขึ้นมา และประเมินจากความร้อนของมัน เนื่องจากการแตกหัก และวางมันลง

“ดิน การเอาเท้าแช่น้ำแข็งอาจช่วยได้ ลูกช่วยเอาชามใส่น้ำ และน้ำแข็งในตู้เย็นมาได้ไหม”

เฮงเอาเท้าซูซานแช่ลงไป และนวดเท้าอย่างเบามือ

“พ่อคิดว่าฉันควรจะไป และเอาของบางอย่างจากป้าดาไหม”

เขาคิดว่ามันยังไม่จำเป็น แต่เขาต้องการกระตุ้นกำลังใจลูกสาว จึงตกลงให้ทำ ดินกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ และกลับมาในสิบนาทีต่อมาพร้อมกระเป๋า

“ป้าบอกว่าให้ขยี้ใบไม้เหล่านี้ด้วยมือของพ่อ แล้วนำไปแช่ในน้ำเพื่อลดการอักเสบ จากนั้นให้ถูน้ำมันบางส่วนออกมาทา เมื่อเท้าและข้อเท้าแห้งแล้ว” เธอยื่นกระเป๋าให้พ่อของเธอ ซึ่งเขาปฏิเสธที่จะรับมัน

“ลูกคือคนที่ป้าดาบอกมา เธอกำลังจะเป็นเด็กฝึกงานของเขา ดังนั้นเธออาจเริ่มได้ในตอนนี้เลย”

ดินรู้สึกภูมิใจมากที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานนี้ และใบหน้าของเธอฮึดด้วยความจริงจังในสิ่งที่เธอได้รับมอบหมายมา

เด็กสาวเคยมาเมืองไทยก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่า สวัสดี ขอบคุณ ดี และ ไม่ พวกเขารู้สึกทึ่งที่ได้ดูวรรณและดินเตรียมอาหารเย็น และถามดินหลายคำถาม แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจ หรือไม่สามารถตอบได้

อาหารไทยภาคเหนือไม่ได้ร้อนแรงเหมือนในภูมิภาคอื่นของประเทศ แต่สิ่งที่ครอบครัวลีทำยังคงรสชาติร้อนแรงเกินไปสำหรับเด็กสาว ดังนั้นวรรณจึงทอดเนื้อลูกแกะเป็นชิ้น ๆ และเสิร์ฟพร้อมกับผักนึ่ง และข้าว ได้เดินเล่นบนเนินเขาเป็นเวลาสามวันมาแล้ว และมันเป็นอาหารที่ดีที่สุดที่พวกเขาได้กินในช่วงเวลาหนึ่ง ในยามที่พวกเขาหิวโซ

เด็ก ๆ สี่คนพูดคุยกัน หรือทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด่นสนใจเป็นพิเศษที่จะให้น้องสาวแปลให้เขา เพราะเขาต้องการคุยกับซูซานที่ดูเหมือนจะสนใจเขาพอสมควร เจนร่วมสนทนาด้วยเช่นกัน แต่เด่นชัดเจนมากสำหรับคนคนหนึ่งที่เขาคลั่งไคล้มากกว่า เขาหลงใหลในผิวที่ขาวของสาวต่างชาติ ผมสีบลอนด์ และรูปลักษณ์ที่แตกต่างไป

“ในหมู่บ้านมีบาร์ไหม” ซูซานถาม

“ไม่มี ไม่มีบาร์ในหมู่บ้าน มีแต่ร้านค้า”

“เราไปซื้อเบียร์ที่นั่นได้ไหม”

ได้ คุณต้องการเบียร์เหรอ”

“ใช่ แน่นอน! คุณก็ต้องการเบียร์ด้วยเหรอ เราจ่ายเอง”

“ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์” ดินกล่าว

“เธอพูดว่าอะไร ดิน บางอย่างเกี่ยวกับเบียร์เหรอ” เด่นถาม

“ใช่ เธอกำลังถามว่ามีบาร์อยู่แถวนี้ไหม หรือว่าเธอสามารถซื้อเบียร์ได้ไหม”

“บอกเธอว่าได้ แล้วฉันจะพาเธอไปเอง”

“ดูนี่ เด่น สาว ๆ แทบจะเดินไม่ได้ และเธอไม่สามารถเอาคนใดคนหนึ่งขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วทิ้งอีกคนไว้ข้างหลังได้นะ จะบ้าเหรอ”

“ตกลง บอกเธอว่าฉันจะไปเอามาให้ขวดหนึ่ง หรือว่าพวกเขาต้องการกันคนละขวด”

“เด่นบอกว่าเขาไปซื้อเบียร์ให้คุณได้ คุณต้องการไหม”

ใช่ ฉันต้องการ เจนเอาด้วยไหม”

เอาสิ โอเค ซื้อให้ครบทุกคนเลยนะ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ”

“ได้โปรดขอให้เด่นซื้อเบียร์ให้เราหน่อย” เธอชี้ไปที่เจนและตัวเองเพื่อบอกว่าพวกเขาจะเป็นคนจ่ายเอง แต่เด่นกระโดดลงจากโต๊ะโดยคิดว่าพวกเขาต้องการแค่สองขวด และขับรถไปครึ่งทางอย่างกุลีกุจอเพื่อเอาใจสาว ๆ แล้วดินก็ตะโกนตามหลังเขาว่าพวกเธอต้องการลังหนึ่ง

นั่นทำให้เด่นหยุดกลางทาง เขาค่อนข้างพร้อมที่จะซื้อเบียร์ให้พวกเขาเพื่อเพิ่มโอกาสในอนาคตให้ตัวเอง แต่ไม่มีเงินพอสำหรับหนึ่งลัง มันเป็นเบี้ยเลี้ยงทั้งอาทิตย์เลยนั่น ใบหน้าของเขาสลดลง

“อย่าตกใจ หนุ่มน้อยผู้น่ารัก เงินอยู่นี่! เจนจะเป็นคนจ่ายเงินเอง” แล้วเธอยื่นธนบัตรหนึ่งพันบาทให้เขา

“ซูซานยืนยันว่าทุกคนได้เบียร์หนึ่งขวด ยกเว้นดิน ถึงมันจะไม่ใช่ถ้วยน้ำชาสำหรับเฮงหรือวรรณ แต่พวกเขาก็รับไปคนละขวดตามมารยาท วรรณยุ่งอยู่กับการทำของว่างตามธรรมเนียม แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ ในขณะที่เฮงนั่งอยู่ที่มุมโต๊ะข้างเสา และดูแลโต๊ะเหมือนนกฮูกขณะที่เด็กทั้งสี่พยายามสื่อสารพูดคุยกัน ดินเป็นศูนย์กลางของการถ่ายทอดนี้ และชอบบทบาทใหม่นี้ของเธอในฐานะนักแปล

งานเลี้ยงเสียงดังขึ้น และดังขึ้น เมื่อจำนวนเบียร์ลดลงประมาณสิบโมง เฮงและวรรณก็เข้านอน เฮงอยากจะบินไปในคืนนั้น แต่เขาต้องการแสดงความเป็นปกติ และเขาสามารถปฏิบัติการจากหน้าต่างห้องนอนได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำในอีกสามสิบนาทีต่อมา

เขาบินไปรอบ ๆ สวน กินยุงและเฝ้าดูผู้คนที่โต๊ะ พวกเขาเข้ากันได้ดี พยายามเล่าเรื่องตลกและเรื่องราวให้กันและกันฟัง และแม้ว่าดินที่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษที่ยังไม่ค่อยคล่องนัก แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง คงเป็นเพราะเบียร์ช้างที่แรงเป็นแน่ เฮงคิด

หลังจากดื่มขวดสุดท้ายเสร็จแล้ว ดินก็เสนอให้สาว ๆ ไปดูที่ที่พวกเขาจะนอน สำหรับเด่นเป็นความผิดหวังอย่างแรงที่หวังว่าน้องสาวของเขาจะเข้านอนตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อน

“คุณจะเข้านอนแล้วหรือ” ดินถาม

“ไม่มีเบียร์อีกแล้วเหรอ ดิน” ซูซานถาม

“ไม่มีแล้ว หมด” เธอตอบ

“เราซื้อเพิ่มได้ไหม”

“ร้านค้าปิดไปนานแล้ว”

“โอ้ ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าฉันรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย เจน คุณล่ะว่ายังไง”

“ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้น

มันเป็นค่ำคืนที่ดีมาก แต่ฉันคิดว่าเบียร์ได้พรากการตกเขาไปจากฉันแล้ว”

“คุณอยากอาบน้ำไหม” ดินถาม

สาว ๆ มองหน้ากัน และส่ายหัวพร้อมกัน “โอ้ ฉันไม่คิดอย่างนั้น” ซูซานพูด “ฉันไม่รบกวนล่ะ”

ดินกระโดดลงจากโต๊ะ และรอพวกเขา

“เธออยู่ที่นี่นะ เด่น เราไม่ต้องการเรื่องไร้สาระจากเธอในคืนนี้ รู้ใช่ไหม พวกเขาเป็นแขกของเรา

เธอไปนอน แล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้นะ”

เธอพาเด็กผู้หญิงไปที่โรงนาจุดเทียนสามเล่มเดินไปรอบ ๆ แล้วพวกเขาก็เข้าไปข้างใน บ้านและโรงนามีพลังงานไฟฟ้าใช้เมื่อหลายปีก่อน แต่หลอดไฟได้หายที่โรงนา และครอบครัวก็ชอบแสงเทียนมากกว่า

พวกเขาเดินไปที่ด้านหลังของโรงนาซึ่งโล่งไม่มีอะไรเลย และดินชี้ให้พวกเขาเห็นพื้นที่โปร่งโล่งที่พวกเขาปูเสื่อที่ทำจากปาล์มชนิดหนึ่ง และปูอีกชั้นด้วยผ้าห่มซึ่งมีมุ้งแขวนไว้

ดินหยิบเทียนของซูซานมาเป่า จากนั้นก็วางเทียนของเจนใกล้กับกองอาหารไก่ แล้วยกมุ้งขึ้นมาให้พวกเขา

“น้ำอยู่ที่นี่” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปที่ขวดน้ำที่มุมด้านในมุ้ง “ห้องน้ำอยู่ในห้องอาบน้ำ หรือจะฉี่ข้างนอก ก็แล้วแต่คุณนะ โอเคไหม ดีเลย ราตรีสวัสดิ์นะ”

“ราตรีสวัสดิ์ดิน และขอบคุณมากนะ”

พวกเขาไม่ได้กังวลอะใรกับการเปลื้องผ้า แต่เพียงแค่สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม และเข้านอนแทบจะในคราวเดียว”

ดินจุดเทียนทิ้งไว้ มันจะหมดในไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาจะมีไม้ขีดไฟและเทียนเล่มที่สอง ถ้าพวกเขาต้องการ เธอออกไปข้างนอก แต่แง้มประตูทิ้งไว้เพื่อให้สาว ๆ ได้ปรับทิศทางตัวเองด้วยแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามา

ในขณะเดียวกันเฮงยังคงบินอยู่ใกล้ ๆ และรู้ว่าเขาและลูกชายของเขาต้องมีความคิดคล้าย ๆ กัน แต่มีแรงจูงใจที่ต่างกัน กล่าวคือจะไปหาเด็กสาว หรืออย่างน้อยหนึ่งคนในนั้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตามเฮงมีข้อได้เปรียบเรื่องเวลาเหนือกว่าเด่น

เมื่อดินเดินผ่านโต๊ะ เธอพูดว่า “เด่นลี นายเข้านอนได้แล้ว! คืนนี้นายจะไม่ไปไหนใกล้โรงนานั่น หรือว่าจะให้ฉันเรียกแม่ นายลืมมันไปได้เลยนะ!”

เขายอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่เต็มใจ และดินพาเขาขึ้นบันไดไปก่อนเธอ

เฮงบินขึ้นไปใต้ชายคาของโรงนาร่อนลงที่ปลายลำแสงในมุมมืดห่างจากด้านข้างของเด็กผู้หญิงเพียงสามเมตร แต่อยู่เหนือพวกเขาสิบเมตรและแปลงร่างเป็นมนุษย์ เขามองเห็นมุมสูงได้อย่างดีเยี่ยม และมีแสงเทียนก็ส่องสว่างไปยังที่ก่อเหตุนั้น เขารอดูและเฝ้ารอ เฝ้ารอและรอดู แต่ก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้น เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะไม่ฉีกมุ้ง แต่เขารู้ว่าเขาสามารถทำได้ในฐานะคนเปลือยเท่านั้น และนั่นจะต้องใช้เวลาอธิบายหากเขาถูกจับได้ ดังนั้นเขาจึงนั่งและรู้สึกหื่นกระหายเลือด

จากนั้นเขาก็มีความโชคดีเกิดขึ้นมาบ้างเล็กน้อย หนึ่งในนั้นคือ เจนนั่นเอง เขาคิดว่าคงเป็นคืนที่ยากลำบาก อาจจะเป็นการฝันร้ายจากการตกจากภูเขา และในขณะที่เธอโยนตัวและพลิกตัวไปมา แขนข้างหนึ่งก็ฟาดลงกับมุ้ง และวางไว้บนเสื่อด้านนอกมุ้ง แม้โชคยังดีสำหรับเขา แต่นั่นคือวิธีที่ถูกต้องคือ การหงายฝ่ามือขึ้น เขาเสียเวลาไปไม่นานนัก แต่ก็เริ่มปฏิบัติการโดยร่อนออกจากคาน และถลาลงมา เขากัดเส้นเลือดที่ข้อมือของเธอ และเลียเลือดที่ไหลออกมาช้า ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าเลือดจะไม่อยู่ภายใต้แรงดันแบบเดียวกัน เนื่องจากการกัดที่คอจะทำให้เกิดการไหลเวียนที่ดีกว่า และเลือดที่ออกมานี้มันก็ไหลในแนวราบด้วย

เขาสงสัยว่าเขากัดเข้าไปในหลอดเลือดดำแทนที่จะเป็นหลอดเลือดแดง และได้รับการแก้ไขเพื่อค้นหาสิ่งที่เป็นข้อมูลอ้างอิงในอนาคตได้ เขาสามารถมองเห็นรอยสีน้ำเงินใต้ผิวซีดเซียวของเธอได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ต้องการที่จะเปิดเส้นเลือดด้วยการสุ่มโดยหวังว่าจะเจอหลอดเลือดแดง นี่เป็นสิ่งที่ดีพอสมควร แต่มันก็มีรสคล้ายกับวิสกี้ผสมที่ดีมากเมื่อเทียบกับมอลต์เดี่ยว แม้ว่ามันจะรสชาติดีกว่าเลือดของสัตว์ก็ตาม

สิบนาทีต่อมาเมื่อเขายังไม่อิ่ม เธอก็ขยับตัวอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด เกือบจะทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น แต่เมื่อเขาบินขึ้นไปเธอก็พยายามดึงแขนของเธอเข้าไปด้านใน อย่างไรก็ตามเธอต้องตื่นขึ้นมาเพื่อทำเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่ไม่ได้สังเกตแม้เห็นหยดเลือดเล็ก ๆ บนข้อมือของเธอ และในไม่ช้าก็หลับไปอีกครั้ง ปลอดภัยจากเฮงแม้ในตอนนี้

แม้ว่าจะไม่อิ่มเท่าไหร่ แต่เฮงก็มีความสุขและบินขึ้นไป และลอดเข้าชายคา เขาตีลังกาและวนลูปท่ามกลางแสงจันทร์ และพยายามร้องเพลง ‘ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ’ ออกมา แต่มันก็ไม่ได้เพราะมากนัก เขามีความสุขมากที่เขารู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปในหมู่บ้านในคืนนั้นอีก เขาจึงตัดสินใจบินลงไปที่แม่น้ำ และเสี่ยงต่อการพบกับค้างคาวตัวอื่นด้วย เขาไม่ได้สนใจอะไรนักหากต้องเจอ เขาทิ้งมันไว้กับโชคชะตา

แล้วมันก็เกิดขึ้น เขามองเห็นค้างคาวตัวอื่นจากระยะไกล แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้สนใจที่จะเจอเขาแม้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกันก็ตามที ดังนั้นจงรักษาระยะห่างไว้ และเป็นเรื่องของพวกมัน พวกมันกินแมลงที่มีอยู่มากมายรอบ ๆ น้ำ แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะทำให้เลือดของหญิงสาวที่น่ารักปนเปื้อนด้วยสัตว์เหล่านั้น ดังนั้นเขาจึงสนุกกับประสบการณ์ในการบิน และพยายามคิดหาวิธีที่จะเข้าไปในมุ้งนั้นในคืนถัดไป หากเด็กสาวยังคงอยู่ต่อ ซึ่งเขาหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าพวกเธอจะอยู่ต่อ และกำลังวางแผน ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจขึ้นหากจะได้รับความช่วยเหลือจากเด่น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status