1 นายลีกับสถาณการณ์ลำบาก นายลี หรือตาเฒ่าลี คนในชุมชนรู้กันทั่วว่าเขามีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้นมาร่วมอาทิตย์แล้วนั้น เพราะว่ามันเป็นเพียงชุมชนเล็ก ๆ และอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงทำให้ทุกคนในละแวกนั้นรู้กันไปทั่ว เขาเสาะหาคำแนะนำจากหมอในพื้นที่ ซึ่งก็เป็นหมอเก่าแก่คนหนึ่งที่ไม่ใช่หมอสมัยใหม่ และเธอได้บอกกับลีว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขานั้นไม่คงที่ เพราะมีบางอย่างส่งผลต่อระบบเลือดของเขา เธอคนนั้นก็คือ หมอผีประจำชุมชน ป้าของนายลีนั่นเอง ตามความเป็นจริงแล้วก็ยังไม่แน่นอนว่านั่นคือสาเหตุของอาการหรือไม่ แต่เธอก็ให้สัญญาว่าเธอจะทราบถึงสาเหตุได้ในอีกไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่นอน หากลีทิ้งบางสิ่งสักสองอย่างไว้ให้เธอศึกษา และกลับมาฟังผลหลังจากนั้น หมอผีส่งกอตะไคร้น้ำ และก้อนหินให้นายลี เขารู้ว่าต้องทำยังไง เพราะว่าเขาเคยทำมันมาก่อนหน้านั้น ดังนั้นเขาจึงปัสสาวะรดลงบนกอตะไคร้น้ำ และบ้วนน้ำลายพร้อมขากเสมหะลงบนก้อนหิน เขาส่งมันกลับไปให้เธอด้วยสีหน้าจริงจัง และระวังไม่ให้ของเหล่านั้นสัมผัสลงบนมือเปล่าของหมอผี เธอได้ห่อมันไว้ด้วยใบตองเพื่อรักษาความชื้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ ใช้เวลา
2 ความฉงนใจของครอบครัวลี ตามวิถีของคนในชนบท ทุกคนจะนอนรวมกันในห้องเดียวกันในบ้าน แม่และพ่อนอนเตียงนอนคู่ ส่วนเด็ก ๆ นอนคนละเตียง และทั้งสามเตียงก็มีมุ้งกันยุงของตัวเอง ดังนั้นเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทุกคนจะย่องออกมาเพื่อไม่ให้เฮงตื่น พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะพ่อมักจะเป็นคนแรกที่ตื่น และออกไปก่อนเสมอ แม้ในเช้าที่หนาวเหน็บที่สุดก็ตามที พวกเขามองผ่านมุ้งไปที่ใบหน้าที่ซีดเซียวของเฮงและดูเป็นกังวล จนกระทั่งแม่ไล่ให้พวกเขาออกไปข้างนอก “ดิน ช่วยเราหน่อย ลูกเอ้ย ฉันไม่ชอบสภาพแบบนี้ของพ่อเธอเลย อาบน้ำให้เร็ว แล้วก็ไปดูว่าป้าจะบอกอะไรเราบ้าง ไปได้ไหมลูก ให้เป็นเด็กดีนะ หากเขายังไม่พร้อม และเรามาค่อนข้างเร็วไป ซึ่งฉันรู้ดี ถามเธอนะว่า เธอจะพยายามเพื่อหลานชายคนโปรดได้ไหม ก่อนที่มันจะสายเกินไป ดินเริ่มร้องไห้ และวิ่งหนีไปอาบน้ำ “ขอโทษนะ ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียใส่ลูก!” เธอตะโกนเรียกลูกสาวให้กลับมา เมื่อเธอมาถึงบ้านป้าทวดของเธอในสิบห้านาทีต่อมา หมอผีชราลุกขึ้น แต่งกายเรียบร้อย นั่งกินข้าวต้มตรงโต๊ะใหญ่หน้าบ้าน “อรุณสวัสดิ์ ดิน ดีใจที่ได้เจอเธอนะ
3 ผีปอบเฮง พวกเขาได้ตื่นมาในตอนเช้าจากการเผลอหลับไปจากอาการเหนื่อยล้า เฮงห่มผ้าเรียบร้อยและหนุนหมอนสูง ทุกคนลุกขึ้น และลงไปข้างล่างทันทีเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยเดินผ่านเตียงเขาไปอย่างรวดเร็ว “โว้ว แม่ เห็นพ่อเมื่อคืนนี้ไหม” เด่นถาม “ดวงตาของเขา และผิวของเขาสว่างจ้าอยู่ในห้อง แต่ทว่ามันเป็นดวงตาของเขาจริงหรือ มันเคยเป็นสีดำบนพื้นสีขาวเหมือนเรา แต่ตอนนี้พวกมันเป็นสีแดงบนพื้นสีชมพู… ฉันคาดว่า… คงเป็นเพราะเลือดทั้งหมดนั่นแน่ ๆ “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ลูกเอ้ย แต่แม่คิดว่าลูกพูดถูก เธอคงต้องหามันเพิ่มอีก และพาน้องสาวเธอไปกับเธอด้วยเพื่อไปเอานมมาเพิ่มอีก เธอจำวิธีการที่ป้าเอาเลือดได้ไหม “ได้ครับแม่ ผมคิดว่าจะเอามันจากเจ้าแพะตัวผู้ดีไหม เพื่อให้มันเป็นตัวสุดท้ายที่จะเอาใช้รักษาได้ “ดี เป็นความคิดที่ดี เด่น ใช้เลือดแพะที่ต่างกันในแต่ละวัน และดินก็สามารถรีดนมตามปกติได้ในทุกวัน ในเวลานี้นมแพะทั้งหมดจะใช้สำหรับพ่อของเธอ ตกลงไหม เขาต้องการมันมากกว่าที่พวกเราหาได้ และเราไม่ต้องการให้เขาหิวในตอนดึกใช่ไหม” “ไม่นะ แม่ ไม่เด็ดขาด! ฉันต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้นอนเมื่อคืนนี้
4 เส้นทางสู่การฟื้นตัว พวกเด็ก ๆ พาเฮงลงไปนอน และถอดแว่นตากันแดดออกให้ เขาหลับตาลงแสร้งทำเป็นหลับจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูปิดด้านหลัง จากนั้นจึงเปิดประตูอีกครั้งและลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย หรือไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ พวกเขาทิ้งแสงเทียนยามค่ำคืนอันเล็ก ๆ ไว้ใกล้ทางเข้าประตูเหมือนที่เคยทำ ก่อนที่แสงตะวันจะจางหายไป แต่มันก็ไม่สว่างพอที่จะทำให้แสงสว่างภายในห้องขนาดใหญ่สว่างขึ้น อย่างไรก็ตาม เฮงจะได้เห็นทุกอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับตอนกลางวัน เขารู้ว่านี่มันแปลก แต่ก็ยอมรับมันว่าเป็นการดีกว่าที่จะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ในที่มืด เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่เหมือนแต่ก่อน แต่จำไม่ได้เลยว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง เขารู้แค่ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลง และเขาเป็นคนที่แตกต่างออกไปแล้วในตอนนี้ ภรรยาของเขาก็บอกว่าเขาชอบผักสลัดสีเขียว ‘ก่อนหน้านี้’ แต่เขาจดจำมันไม่ได้ และเขาพบว่าความคิดเกี่ยวกับกินผักมันช่างน่าสะอิดสะเอียนทีเดียว เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า ทำไมใคร ๆ ถึงชอบผักมากกว่าเนื้อ หรือมิลค์เชค เฮงรู้ดีว่าคำว่า ‘มิลค์เชค’ ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถสรุปได้ว่
5 มันคือมนุษย์ หรือ มันคือนกกันแน่ เมื่อวรรณกับลูก ๆ ได้ขึ้นมาหาเฮง เฮงยังคงนอนหลับอยู่ ซ่อนตัวอยู่ในเตียงอย่างมิดชิด ความจริงคือ เขาไม่สามารถนอนได้จนกระทั่งฟ้าสาง แต่เนื่องจากครอบครัวของเขาคิดว่าเขาต้องการการนอนหลับเพื่อพักฟื้นจึงไม่มีใครคิดว่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้ เวลาล่วงเลยกว่าสิบเอ็ดโมงเขาถึงโผล่ออกมา เขาสวมกางเกงขายาวที่สะอาด และไปที่กระจกเพื่อหวีผม และตรวจดูใบหน้าของเขาเพื่อดูความเปลี่ยนแปลง ตอนที่เขามองตัวเองในกระจก เขาพบว่ามีสองเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ทำให้เขาถึงกับช็อก เพราะเขามองทะลุผ่านตัวเองได้ เขาไม่ได้ไม่เห็นตัวตัวอย่างแน่นอน เพราะร่างกายบางส่วนของเขาสามารถมองเห็นได้ในกระจก แต่มันเหมือนกับการมองเงาสะท้อนของใครคนหนึ่งในน้ำที่ไหลช้า ๆ แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นเตียงของเขาซึ่งอยู่ด้านหลังเขาพอดิบพอดี สิ่งนี้เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ต้องเชื่อสายตาตัวเอง เขาพยายามเคลื่อนตัวไปทางซ้าย ไปทางขวา ก้าวเข้าไปใกล้ และถอยออกออกจากตรงนั้น แต่มันไม่ต่างกันเลย มันดูเหมือนว่าร่างกายของเขาค่อย ๆ จางไป หรือกำลังจะหายไป เฮงเลือกเอาเสื้อเชิ๊ตแขนยาว และและเสื้อ
6 เฮงกลับมาทำงานได้แล้ว หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เฮงถึงคิดว่า ‘ขี้เกียจไปหมด’ ตื่นนอนตอนสิบเอ็ดโมง ซึ่งช้ากว่าปกติไปหกชั่วโมง เขาตัดสินใจว่าถึงเวลากลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว หากมันจะเป็นไปได้จริง ๆ อีกครั้ง แล้วในเช้าวันหนึ่งตาก็เกิดฝ้าฟาง เมื่อได้ยินเสียงคนอื่น ๆ ตื่น เฮงก็ตื่นด้วยเช่นกัน “เฮง เธอแน่ใจหรือว่าสบายดี ยังไม่ถึงสัปดาห์เลยด้วยซ้ำ!” “ฉันยังคงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ฉันจะยอมรับเรื่องนั้น แต่สถานการณ์นี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก ฉันต้องรับเอาความรู้สึกปกติบางอย่างกลับเข้ามาในชีวิตของเรา นอนอยู่บนเตียงจนกว่าสิบเอ็ดโมงทุกวันไม่ได้ทำให้ใครมีอะไรดีขึ้น” “งั้นตกลง ถ้าเธอพูดอย่างนั้น แต่พาเด่นไปกับเธอด้วย เธอสามารถสอนรายละเอียดปลีกย่อยให้เขาในการเลี้ยงแพะ และเขาสามารถดูแลเธอได้หากเกิดอะไรขึ้น” ได้ โอเค วรรณ เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ฉันจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเธอ ขอบคุณที่คิดถึงฉันตลอดมานะ ฉันโชคดีที่เธอแต่งงานกับฉัน” “ออกไปเถอะน่า เธอมันปากหวาน” “ฉันหมายความว่าอย่างนั้นนะ จูบฉันหน่อยสิ!” “ไม่นะ เดี๋ยวเด็ก ๆ เห็น! หยุดสิ! แต่เธอน่าจะบอกฉันเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อค
7 การพัฒนาด้านโภชนาการของเฮง หลังจากนั้นสองสามอาทิตย์ของการดื่มแค่เพียงมิลค์เชคเลือดแพะ เฮงเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เขาได้ลองชิมรสไก่ แต่ไม่ชอบจริง ๆ แม้ว่าเขาจะดื่มมันเพื่อไม่ให้เสียเปล่าเวลาที่พวกเขาเชือดไก่ เขากินมันด้วยรสชาติแบบเดิม ๆ แบบที่เด็ก ๆ กินบรอกโคลีหรือ กระหล่ำปลี เขาคิดว่าเขาจะสูบเลือดสุนัขของเขา แต่ก็ไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่นัก ก่อนที่เขา ‘ป่วย’ เขากินงู หนู และกบเป็นประจำ แต่เขาคิดว่าพวกมันจะมีเลือดไม่เพียงพอสำหรับมื้ออาหารที่เหมาะสมนัก เขาพิจารณาว่าจะต้องใช้สัตว์อย่างน้อยสองหรือสามตัวต่อการล่าหนึ่งครั้ง และที่นั่นก็ไม่ได้มีหนูมากนัก มีงูเต็มไปหมด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีหนูอยู่มากนัก ไม่มีสัตว์ชนิดอื่นในพื้นที่เลย มนุษย์เป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์มากที่สุด และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขากลัว เพราะเขาเริ่มหิวกระหายเลือดของมนุษย์ ครอบครัวของเขาจะปลอดภัยจากเขา เพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องสำหรับเฮง เทียบเท่ากับการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง แต่เขาคิดถึงคนอื่น และผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุผลที่คล้ายกันว่าทำไมเขาถึงไม่แตะต้องครอบครัวของเขา ทุกคืนหลังจากอาหา
8 การทดลองของเฮง เฮงพบว่าการไปทำงานค่อนข้างหักโหมเกินไป ร่างกายของเขาต้องการที่จะนอนทั้งคืนและอยู่บนเตียงทั้งวัน แต่แพะเป็นสัตว์ออกหากินในเวลากลางวัน ดูเหมือนมันตรงกันข้ามกันเลย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง เพราะเด่นรับผิดชอบฝูงแพะได้เป็นอย่างดี และเฮงก็ออกไปกับเขาสองหรือสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่ออธิบายเส้นทางและทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เขายังไม่รู้ อย่างไรก็ตามเขาต้องการทำสิ่งที่สร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างต่อเนื่อง และงานกลางคืนเพียงอย่างเดียวที่เขาคิดได้คือ การตกปลา เขาจึงทำแบบนั้นในทุกวันที่เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเด่น เป็นงานที่เหมาะกับเขาจริง ๆ เพราะเขาสามารถจัดสรรเวลาทำได้หลายอย่าง การได้บินสี่หรือห้าชั่วโมงแล้วกลับมาก่อนรุ่งสาง เพื่อกู้เหยื่อที่ติดกับดักและใส่สายเบ็ดใหม่ เขาวางกับดักหนูไว้ในแปลงผัก และหนูทุกตัวก็มีค่ามากกว่าไก่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเทศกาลที่พวกเขาสามารถตรึงราคาได้มากกว่าไก่ถึงสามเท่า นอกจากนี้เขายังจับงูที่ขวางทางเขา และพวกมันก็เป็นอาหารอันโอชะที่มีค่ามากกว่าไก่ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เขาให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจของครอบครัวมากกว่าที่จะออกไปข้างนอก ใ