Share

บทที่ 1049

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ใบหน้าของเจียอี้ค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมา มีสีหน้าหงุดหงิด "โอ้ย ข้าพูดกับเจ้าตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าจู้จี้ อย่าจู้จี้อย่ามาพูดไม่หยุด เจ้าทำตัวเช่นนี้มันน่ารังเรียจนะ หากข้าเป็นนายหญิง ข้าไม่เอาคนใช้อย่างเจ้าหรอก"

ป้าซุนโต้แย้งกลับว่า "งั้นเจ้าก็กลับไปเป็นนายหญิงของเจ้าแล้วหาคนใช้ที่เอาใจเอาใจคอยรับใช้เจ้าสิ"

เจียอี้สบถขึ้นมา "แน่นอนว่าข้าจะกลับ มีชีวิตดีๆ ไม่ใช้ อยู่ที่นี่ต่อมาให้คนใช้อย่างเจ้ารังแกหรือไง"

"ไปๆๆ ไม่ต้องเก็บเสื้อผ้าข้าวของอะไร กลับไปมีแต่ใช้ของดีๆ" ป้าซุนกล่าว

เจียอี้เงยหน้าขึ้นทันที "ข้าขอเตือนเจ้า อย่าคิดจะแตะต้องเสื้อผ้าของข้า ในเมื่อมอบให้ข้าแล้ว งั้นก็เป็นของข้าแล้ว"

ป้าซุนทั้งยิ้มและดุว่า "เจ้านี่ใจแคบจริงๆ เสื้อผ้าพวกนั้นเอากลับไปก็ใส่ไม่ได้ จะเอาไปทำไม เสื้อผ้าที่คนใช้ของทางจวนโหวก็ไม่ยอมใส่ด้วยซ้ำ"

เจียอี้กล่าวว่า "ไม่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ ข้าก็จะเอากลับไป"

"ก็ได้ๆๆ งั้นข้าไปจัดเก็บให้ รีบกลับไปเถอะ" ป้าซุนหันหลังกลับ

"หยุดนะ" เจียอี้กระโดดขึ้น ทำหน้าตาเหมือนเสือโคร่ง "อย่าแตะต้องสิ่งของของข้า ข้าจะจัดเก็บเอง"

นางพูดอย่างนั้น จากนั้นก็วิ่งกลับไปห้องของตนเ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1050

    เจียอี้มองดูผู้หญิงที่มีสีหน้าเศร้าโศกตรงหน้าแล้วพูดว่า "หากเจ้ากำลังมองหาทางออกเพื่อเอาชีวิตรอด ก็เข้าไปเถอะ แม้ว่าอาจจะใช้ชีวิตลำบากหน่อย แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้อีกเลย"น้ำตาของผู้หญิงคนนั้นก็พรั่งพรูจากก้นดวงตาทันทีราวกับแม่น้ำที่ไหลล้นตลิ่งนางชื่อของเธอคือโม่หลานจวิน เดิมทีนางกับสามีเฉินเซิ่งเปิดร้านย้อมผ้าที่เมืองหลวง มีลูกสาวคนหนึ่ง ไม่เชิงว่าร่ำรวยมาก แต่สามีภรรยาสองคนรักใคร่กัน ไม่ขาดแคลนเงิน ถือว่ามีชีวิตที่ดีเพียงแต่ตอนนางให้กำเนิดลูกสาวคนั้นมีเลือดออกเยอะ หมอบอกว่าสามารถมีชีวิตรอดได้ก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้ว น่าเสียดายที่นางจะไม่สามารถมีบุตรได้อีกนางเสียใจมาก แต่สามีของนางก็คอยปลอบใจนาง โดยบอกว่าการมีลูกสาวหนึ่งคนก็เพียงพอแล้ว และเขามีน้องชายสองคนที่สามารถสืบเชื้อสายตระกูลเฉินได้ในฐานะพี่สะใภ้คนโต ทั้งยังมีเงินด้วย จึงช่วยน้องสามีจัดเรื่องการแต่งงานด้วย พวกเขทั้งสองต่างให้กำเนิดบุตรชาย ในเวลานั้น น้องสามีทั้งสองยังเคารพนางมาก ทุกๆ เรื่องก็จะถามความเห็นของพี่สะใภ้ก่อนหนึ่งปีที่แล้ว สามีและลูกสาวพบกับโจรในระหว่างทางกลับบ้านเกิดเยี่ยมญาติ ตอนไปยังเป็นคนเป็นๆ อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1051

    โม่หลานจวินย้ายเข้าไปอยู่ในห้องที่สามของแถวผิง และโรงงานเย็บปักซู่เจินได้รับคนแรกมาอย่างแท้จริงเมื่อเสิ่นว่านจือเห็นนางนั่งข้างเครื่องปักและเริ่มเย็บปักถักร้อย นางก็ยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจการเริ่มต้นมันยากลำบากมากจริงๆ แต่อย่างน้อยมันก็เริ่มแล้ว หวังว่าพวกผู้หญิงที่สิ้นหวังนั้นจะนึกถึงโรงงานเย็บปักซู่เจินก่อนที่พวกนางจะแสวงหาความตายจ้านเส้าฮวนถูกหย่า และได้กลับไปบ้านพ่อแม่ของนาง หวังชิงหลูรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก แต่เกิมก็ไม่อยากให้นางเข้าไป แต่จ้านเป่ยว่างยืนกรานที่จะรับนางกลับจวน นางโกรธมากจนกลับบ้านพ่อแม่อีกครั้งนางบ่นกับแม่ตนเองว่าบัดนี้จ้านเป่ยว่างไม่มีเงินเดือนอีก จึงทำงานไม่จริงจังด้วย วันๆ ทำตัวเหมือนคนไร้ต่า นางไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกต่อไปฮูหยินผู้เฒ่าก็ชินแล้ว และปล่อยให้นางร้องไห้แต่นางจีตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ถ้าไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ต่อได้ งั้นก็หย่ากับเขาสิ หลังหย่าก็อย่ากลับมาบ้านนี้อีก ไปโรงงานเย็บปักซู่เจินเถอะ แต่เกรงว่าโรงงานเย็บปักซู่เจินคงไม่รับเจ้า ที่นางหมินกระโดดลงแม่น้ำ เจ้าได้ออกแรงมาไม่น้อยด้วย"หวังชิงหลูกลัวที่จะได้ยินชื่อของหมินซู่เจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1052

    ต้องขอบคุณซ่งซีซีทำให้หอต้าหลี่เริ่มมีงานยุ่งอีกครั้งซ่งซีซีก็คอยดูแลอย่างเอาใจใส่ ได้ส่วกับข้าวให้กับเซี่ยหลูโม่ด้วยตนเอง ดูแลเขาเป็นอย่างดีมีหลักฐานแล้ว หอต้าหลี่แค่ต้องตรวจสอบทบทวน จากนั้นไปนำคนหลับมาสอบสวนจริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ได้ให้เซี่ยหลูโม่เสียแรงอะไรมากนัก แต่คนเหล่านี้ล้วนมีที่พึ่งพาอยู่เบื้อนหลัง แทนที่จะให้ซีซีไปรุกราน งั้นให้เขาไปทำจะดีกว่าปล่อยให้ตระกูลขุนนางเหล่านี้ไปเกลียดชังเขาเถอะคนที่มีความสุขที่สุดก็คือลู่เจิน ช่วงนี้เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างขยันขันแข็งมากขึ้น เขามั่นใจมากว่าหลังจากการปรับปรุงค่ายลาดตระเวนแล้ว มันจะกลายเป็นหน่วยงานที่ปกป้องความปลอดภัยของเมืองหลวงอย่างแท้จริงอีกครั้งทว่าเขาดีใจเร็วไปหน่อย หลังจากที่หอต้าหลี่เริ่มสอบสวน ก็มีผู้คนทยอยรายงาน โดยบอกว่าหน้าที่ของค่ายลาดตระเวนซ้ำกันกับกองกำลังเมืองหลวง และขอให้ยกเลิกค่ายลาดตระเวนนี่เป็นเรื่องจริงจริง ดังนั้นซ่งซีซีจึงยื่นคำร้องให้แยกหน้าที่ระหว่างค่ายลาดตระเวนและกองกำลังเมืองหลวงมาใหม่จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ได้ตอบตกลงในการประชุม หลังเลิกประชุมก็เรียกซ่งซีซีไปที่ห้องทรงพระอักษร"เมื่อวานข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1053

    หลังจากที่ยี่ฝางถูกนักการทูตของซีจิงนำตัวไป เขาเกือบจะฝันร้ายทุกคืน ฝันว่าชาวซีจิงสับยี่ฝางเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง และเนื้อบนร่างกายของนางก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ และเลือดเหมือนคลื่นลูกใหญ่ทำให้เขาจมอยู่กับมันแม้ว่าตอนปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างวัน บางครั้งเขาก็ได้ยินเสียงของยี่ฝาง บางครั้งเป็นเสียงขอความช่วยเหลือ บางครั้งก็ด่าว่าเขาใจจืดใจดำ และบางครั้งก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวชเขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นบ้าเขารู้สึกผิดกับยี่ฝางในใจ แต่ก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้อง การต่อสู้ระหว่างศีลธรรมกับความปรารถนาส่วนตัวมันก็ทำให้เขาเหนื่อยล้ามากพอและหมดกำลังแล้วเขาก็รู้ดีว่าตำแหน่งที่ว่ารองผู้บัญชาการของตนเองนั้นจริงๆ แล้วมันก็แค่ในนาม ฝ่าบาทไม่ได้ให้เขาทำงานสำคัญอะไร วันๆ ก็แค่เดินเล่นไปทั่ว พอกลับจวนก็อย่ไม่สงบอีก ไม่ใช่หวังชิงหลูก่อวุ่นวาย ก็เป็นจ้านเส้าฮวนที่โน้มน้าวให้เขาไปเรียกร้องความยุติธรรมที่จวนโหวอยู่ที่ไหนก็ไม่สงบเลย อยากจะหาใครมาคุยเล่นเพื่อระบายความคับข้องใจของตนเอง แต่เขาไม่มีเพื่อนแล้ว ไม่มีใครอยากจะสุงสิงกับเขาจริงๆ แล้ว ซ่งซีซีรู้ว่ายี่ฝางยังไม่ตาย มีข่าวมาจากร้านอวี๋นยี่ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1054

    เซี่ยหลูโม่โกรธเล็กน้อยเพราะจ้านเป่ยว่างไม่รู้ความจริงๆ แต่ไม่ได้หึงซีซีเพิ่งออกมาจากห้องทรงพระอักษร เขาก็หยุดนางเพื่อซักถาม ไม่มีสมองจริงๆ ผู้คนที่เข้าออกห้องทรงพระอักษรมีมากมาย ไม่เพียงแต่ขันทีและนางกำนัลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขุนนางที่กำลังรอเข้าเฝ้าอยู่ซ่งซีซีกล่าวว่า "ข้าไม่ได้สนใจเขามากนัก แต่เขายังมาถามเกี่ยวกับยี่ฝาง ซึ่งทำให้ข้าประหลาดใจหน่อย""อย่าไปสนใจเลย" เซี่ยหลูโม่กางแขนออกแล้วจับนางไว้ในอ้อมแขนของเขา "ไปรับรุ่ยเอ๋อร์เลย"รถม้าแล่นไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และแสงระเรื่อของพระอาทิตย์ตกก็ส่องผ่านช่องว่างในม่านรถม้า กระทบใบหน้าของพวกเขาสองคนราวกับว่าถูกเคลือบด้วยชั้นทองคำอันอบอุ่นไม่มีผิดเมื่อเขามาถึงสถาบัน จางต้าจ้วงก็หยุดรถม้าเรียบร้อยและเข้าไปในสถาบันเพื่อรับคน หลังจากนั้นไม่นาน เขาจับมือรุ่ยเอ๋อร์ออกมาตอนนี้รุ่ยเอ๋อร์ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อเขาเพิ่งไปสถาบันแรกๆ ถ้าได้เห็นอาและอาเขยมารับ เขาจะกระโดดออกมา ตอนนี้แม้ว่าเขาจะดูตื่นเต้นด้วย แต่ก็ยังเดินอย่างเรียบร้อยจนกระทั่งขึ้นรถม้า และคารวะให้อาเขยเสร็จ จากนั้นก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของท่านอา "ท่านอา วันนี้อาจารย์ได้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1055

    ทันทีที่องค์ชายใหญ่พูดเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปรุ่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างท่านอาขอเขาและบีบมุมเสื้อผ้าด้วยกระดากใจ ตัวเขามีกลิ่น ทุกครั้งที่เขากลับจวนจะต้องแช่ตัวในอ่างน้ำยา ซึ่งเป็นยาที่หมอมหัศจรรย์ดันจ่ายให้ เขาดมจนชินแล้วเลยคิดว่าไม่มีกลิ่นความรู้สึกอับอายเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ตอนที่เขาเป็นขอทาน คำพูดที่เขาได้ยินบ่อยที่สุดก็คือ "เจ้าตัวเหม็น ออกไป"ซ่งซีซีจับมือเล็กๆ ของเขาแล้วใช้มืออีกข้างลูบแก้มของเขา "อาชอบกลิ่นหอมของยานี้นะ"รุ่ยเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น และพบความหาความหวังจากดวงตาอันอบอุ่นของท่านอา จริงสิ แค่โดนหาว่าไม่กี่คำเอง แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอเขายิ้มให้ท่านอาตรงๆ เขาไม่สนใจคนอื่นจะพูดอะไรทั้งนั้นเมื่อเห็นไทเฮามีสีหน้าไม่พอใจ ฮองเฮาฉีก็รีบลุกขึ้นและดึงองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ จากนั้นดุขึ้นมาว่า "ใครสอนให้เจ้าพูดแบบนี้? ขอโทษกับเสนาบดีกั๋วกงซ่งตัวน้อยเร็วเข้า"องค์ชายใหญ่ยคางขึ้นแล้วพูดว่า "ข้าไม่ต้องการขอโทษคนขอทานหรอก"ทันทีที่เขาพูดจบ องค์ชายใหญ่ก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ ก่อนที่เขาจะรู้ตัว ที่ก้นก็โดนตบอย่างจังไปสองฉาด เขาเจ็บมากจนร้องไห้ออกมา"กลั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1056

    ทางด้านฮ่องเต้ เมื่อจักรพรรดิ์ซูชิงฟังรายงานของอู๋ต้าปั้นเสร็จ ใบหน้าของเขาโกรธจัดจนไม่น่ามองและสาปแช่ง "ไอ้ชั่ว!"อู๋ต้าปั้นกล่าวว่า "ฝ่าบาท ไทเฮาให้สนมฮุ่ยไทเฟย ท่านอ๋องและพระชายาได้ออกจากวังแล้ว บอกว่าต้องให้เสนาบดีกั๋วกงซ่งตัวน้อยคนเดียวอยู่ต่อเพื่อรับประทานอาหาร รอถึงเวลาปิดประตูค่อยส่งเขาออกไปพะย่ะค่ะ"จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสว่า "เจ้าไปที่ห้องครัว ให้พวกเขาทำอาหารที่ไทเฮาชอบ เดี๋ยวข้าจะไปกินเป็นเพื่อนไทเฮา""เจ้าค่ะ!""ไปส่งข้าวที่ตำหนักฉางชุน ให้จ้านเป่ยว่างพาเจ้าองค์ชายใหญ่ไปคุกเข่าที่วิหารบรรพบุรุษ ให้จ้านเป่ยว่างบอกเขาถึงสงครามทั้งหมดที่ตระกูลซ่งทำ ข้าจะสอบถามเขา"อู๋ต้าปั้นคิดว่ามันดีมาก โดยเฉพาะให้จ้านเป่ยว่างพาไปก็ยิ่งดีหลังจากที่อู๋ต้าปั้นออกไป จักรพรรดิ์ซูชิงมองดูเอกสารราชการบนโต๊ะและหมดอารมณ์ในทันทีในช่วงสองปีที่ผ่านมา เสียงเรียกร้องให้มีการแต่งตั้งรัชทายาทจากขุนนางต่างๆ มีมากมาย นทุกราชวงศ์ต่างๆ ที่ผ่านมา การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทก็รุนแรงมากตลอด รวมทั้งราชสำนัก วังหลัง ตระกูลชุนนาง กองกำลังต่างๆ แต่ละฝ่ายก็แข่งขันกันแต่สำหรับราชวงศ์นี้อาจกล่าวได้ว่าไม่มี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1057

    ดวงตาของจักรพรรดิ์ซูชิงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "มันเป็นความผิดของลูก"ไทเฮากล่าวต่อ "แต่เดิมข้าอยากจะพูดคุยเรื่องมิตรภาพของเจ้ากับคุณชายซ่งหลายคนนั้น และเล่าอดีตของพวกเจ้า จะได้ทำให้เจ้าลืมตัวตนที่ในฐานะฮ่องเต้ และปฏิบัติต่อรุ่ยเอ๋อร์ในฐานะผู้อาวุโสเท่านั้น แต่ข้าไม่ได้ ต้องการทำเช่นนี้ เพราะถ้าต้องการให้พูดถึงความรู้สึกซ้ำๆ เพื่อนึกถึงมัน งั้นความรู้สึกนั้นมันก็เป็นเท็จ ดังนั้นข้าจึงยื่นคำขาดให้เจ้าโดยตรง ต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างดี และห้ามให้ใครมารังแกเขาเป็นอันขาด"คำพูดของไทเฮาทำให้จักรพรรดิ์ซูชิงหวนนึกถึงความทรงจำมากมายราวกับว่าเขาเพิ่งจำได้ว่าเขาเคยมีเพื่อนสนิท ในเวลานั้นเขาได้ผูกมิตรกับตระกูลซ่ง ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาไร้เดียงสาโดยสิ้นเชิง แต่ก็ปฏิบัติต่อมิตรภาพเหล่านั้นด้วยความจริงใจเมื่อพ่อลูกของตระกูลซ่งเสียชีวิต เขาเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ไม่นาน และเขามักจะเอาเวลาไปคิดหาวิธีการรักษาตำแหน่งของตนเอง อยากเอาชนะใจขุนนางต่างๆ และค่อยสร้างผลงานต่อไปเขาเห็นคุณค่าของความสำเร็จในการยึดเขตหนานเจียงกลับคืนมา ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าพ่อลูกของตระกูลซ่งเสียชีวิตแล้ว ในตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกเศ

Pinakabagong kabanata

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1614

    สนมฮุ่ยไทเฟยย่อมมีฐานะมั่นคงเช่นนี้ หลายปีมานี้ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่าย รายรับกลับมากไม่น้อยเบี้ยหวัดจากในวัง ของกำนัลจากทุกบ้าน อีกทั้งบรรดาลูกหลานที่โตแล้วต่างก็สามารถตัดสินใจเองได้ บรรดาผู้ที่กตัญญูต่อท่านมีไม่น้อย โดยเฉพาะเสิ่นว่านจื่อ ยิ่งกตัญญูไม่ยั้งมือสำหรับหลานสาวคนเดียวนี้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่เสียดายเลย คำพูดที่มักติดปากคือ เมื่อท่านสิ้นไป สมบัติทั้งปวงย่อมตกเป็นของหลานสาวบัดนี้เมื่อแม่ลูกสองคนไปถึงที่อยู่ของท่าน ท่านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่เซี่ยเจิงจะไปภูเขาเหม่ยชานฝึกวรยุทธ์อีกครา"ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นดีเห็นงาม เพียงแต่การไปนานถึงเพียงนั้น ปีหนึ่งกลับมาได้ไม่กี่ครั้ง อนาคตยังบอกว่าจะออกไปผจญภัยอีก เด็กหญิงน้อยๆ เช่นนี้ จะไปฝ่าโลกภายนอกได้อย่างไร? ข้าขัดท่านพ่อของเจ้าไม่ไหว เขาเป็นคนไม่เข้าใจโลก พูดอะไรก็ไม่เคยพูดให้เข้าใจได้ ข้าก็ไม่มีทาง""ท่านยาย หลานไม่ใช่เด็กสาวบอบบางหรอกเจ้าค่ะ ท่านลองดูหมัดของหลานเถิด" เซี่ยเจิงชูหมัดขึ้น โบกไปมาอยู่ตรงหน้าสนมฮุ่ยไทเฟย กล่าวอย่างภาคภูมิว่า "หมัดนี้ของหลาน แม้แต่หมูป่ายังต้องสลบเหมือด"สนมฮุ่ยไทเฟยทอดถอนใจ "บุตรีบ้านอื่น มือเอา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1613

    สองสามีภรรยาเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ โดยเฉพาะซ่งซีซี ที่แต่เดิมรู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนั้นเป็นการถูกบังคับ แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้พบกับความสุขเช่นวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดานักทันใดนั้นก็มีคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาทางประตู ยังไม่ทันเห็นหน้าชัด ก็โผเข้ากอดเซี่ยหลูโม่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี "ท่านพ่อ ของขวัญพิธีปักปิ่นที่ท่านมอบให้ข้านั้น ข้าชอบมากนัก ขอบคุณท่านพ่อ ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ยังคงซุกซนเช่นเดิมหรือ? โตเป็นสาวแล้ว ต้องสุขุมให้มากหน่อย"แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมด้วยความเอ็นดู มือช่วยจัดปิ่นที่นางสวมในพิธีปักปิ่นให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยต่อว่า "เครื่องประดับหัวทับทิมแดงนั่นเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านแม่ของเจ้าตั้งใจเลือกให้นัก""ชอบเจ้าค่ะ ชอบทุกอย่างเลย" เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี รักทุกสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เซี่ยหลูโม่มองรอยยิ้มของบุตรสาวแล้วพลันรู้สึกเคลิ้มใจบุตรสาวยิ่งโต ยิ่งเหมือนซ่งซีซี ในวันแรกที่พบซ่งซีซีที่ภูเขาเหม่ยชาน นางก็ยิ้มเช่นนี้แต่หลังจากนั้น นางก็แทบไม่เคยยิ้มแบบนี้อีก ต่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1612

    สายหมอกเย็นยะเยือกปกคลุมยอด ดอกเหมยเบ่งบานหลายคราเซี่ยเจิงมีพรสวรรค์ทางวรยุทธ์สูงส่งนัก เรื่องนี้เรียกได้ว่าเก็บข้อดีของเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาไว้ทั้งหมดเหรินหยางอวิ๋นสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า เซี่ยเจิงคือลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในบรรดาศิษย์ทั้งหลายของภูเขาเหม่ยชานอูโซเว่ยเองก็ไม่อาจปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เมื่อนางถูกเซี่ยเจิงถามว่าใครเก่งกว่ากัน ระหว่างนางกับท่านพ่อ อูโซเว่ยได้แต่ตอบอย่างเลี่ยงๆ ว่า "พอๆ กัน ต่างก็มีข้อดี"วรยุทธ์ของเซี่ยเจิงที่ฝึกฝนมาจนถึงวันนี้ หาได้มาจากเพียงหมื่นสำนักเท่านั้นนางได้ร่ำเรียนจากทุกฝ่ายในภูเขาเหม่ยชานเมื่อนางมาถึงภูเขาเหม่ยชาน ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ผิวขาวเนียนราวหยก รอยยิ้มหวานละมุน ผู้ใดเห็นก็ต้องเอ็นดูนางช่างพูด ช่างคุ้นเคยเร็ว อีกทั้งปากหวานนัก หลอกล่อให้บรรดาหัวหน้าสำนักต่างถ่ายทอดวิชาให้หมดเปลือกเดิมทีนางมีนิสัยซุกซน แต่ด้วยการมุ่งมั่นฝึกวรยุทธ์ และฝึกฝนวิชาเนื้อใน จิตใจก็สงบนิ่งขึ้นมากครั้นถึงปีที่สิบห้า นางได้เข้าพิธีเก็บปิ่นพิธีเก็บปิ่นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ของขวัญย่อมหลั่งไหลมาดังสายน้ำ ส่งเข้ามาไม่ขาดสายซ่งซีซีได้มอบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1611

    แสงแดดสาดลงบนกิ่งไม้ ใต้พุ่มใบหนาแน่น เผยให้เห็นขาเล็กๆ คู่หนึ่งแกว่งไปมา ดูแล้วชวนให้รู้สึกสบายใจนักนางมีนามเดิมว่าเซี่ยเจิง ชื่อนี้จารึกอยู่ในหยกพงศ์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเล่นว่าจิ้งเหยียนว่ากันว่าเพราะมารดาของนางรังเกียจที่นางพูดมาก จึงตั้งชื่อนี้เพื่อกดทับให้นางสงบลงเซี่ยเจิงเองเห็นว่าตั้งชื่อนี้ก็เปล่าประโยชน์ อีกทั้งฟังดูไม่น่าฟัง จิ้งเหยียนก็คือการเงียบงัน เช่นนั้นแล้วนางมีปากไว้ทำไม หากไม่ได้พูด เอาแต่กินหรือ?เช่นนั้นไม่ต้องกินจนอ้วนกลมไปหรอกหรือ?“ท่านหญิงของข้า ท่านอยู่ที่นี่เอง หาเสียจนข้าเหนื่อย” เป่าจูเงยหน้าขึ้นจากใต้ต้นไม้ ทั้งโกรธทั้งขบขัน “รีบลงมาเถิด ท่านอ๋องกับพระชายากำลังตามหาท่านอยู่”“ท่านอาเป่าจู พวกเขาเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน?” เสียงใสๆ ดังลงมาจากบนต้นไม้ แฝงด้วยความสบายใจและอิ่มหนำ“พระชายาจะไปภูเขาเหม่ยชาน บอกว่าจะพาท่านไปด้วย ท่านอยากไปหรือไม่?” เป่าจูเอ่ยเซี่ยเจิงได้ยินดังนั้น ก็รีบลื่นไถลลงจากลำต้นไม้ สองข้างไหล่มีเจ้าสุนัขจิ้งจอกสีขาวสองตัวเกาะอยู่ นางยิ้มดีใจกล่าวว่า “จริงหรือ? เช่นนั้นรีบไปเถิด”สองสุนัขจิ้งจอกนั้น ตัวหนึ่งชื่อเซวียนเช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1610

    เพียงแต่ ข้าก็รู้ดีว่าในใจของซ่งซีซีไม่ได้มีเสด็จน้อง นางเลือกแต่งกับเสด็จน้อง ก็เพียงเพราะไม่อยากเข้าวังถวายงานแม้นไม่ใช่สามีภรรยาที่จิตใจเป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นข้าจึงแต่งตั้งซ่งซีซีเป็นแม่ทัพใหญ่กองทัพซวนเจีย ให้รับผิดชอบดูแลกองทัพซวนเจียแทนในสายตาของผู้อื่น กองทัพซวนเจียยังคงอยู่ในมือของสามีภรรยาคู่นี้ ข้าไม่ได้ตัดอำนาจของเสด็จน้องเพิ่มเติมเมื่อมองในขณะนั้นแล้ว นับเป็นความคิดที่แยบยลอย่างยิ่งแต่ข้ากลับไม่คาดคิดว่าสามีภรรยาจะไม่ใช่คู่ที่ใจไม่ตรงกันเสมอไป เมื่อนานวันเข้าย่อมเกิดความรักใคร่ อีกทั้งผลประโยชน์ก็เป็นหนึ่งเดียวกันข้าไม่รู้เลย เพราะข้ากับฮองเฮาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ได้ใจตรงกัน ข้าเองก็ไม่เคยไตร่ตรองเรื่องของสามีภรรยาแต่โชคดีที่ แม้ว่าพวกเขาสองสามีภรรยาจะรักใคร่กันภายหลัง แต่ก็ไม่เคยเกิดความทะเยอทะยานที่คิดจะชิงอำนาจเป็นข้าที่ระแวงเกินไปเดิมที ข้าเห็นว่าซ่งซีซีแม้จะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่การบัญชาการกองทัพซวนเจียย่อมลำบาก อีกทั้งมีผู้ไม่ยอมรับนางมากมาย ข้าคิดว่านางอาจถอดใจในสามหรือห้าเดือน เช่นนั้นข้าก็จะหาคนใหม่มาแทนที่แต่ไม่คาดเลยว่า เหล่าทหารหัวแข็งในกองทัพซวนเจี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1609

    แต่!แต่คนหนึ่งจะมีจิตใจที่มั่นคงและกล้าหาญได้อย่างไรเล่า?ใครจะคิดว่าในวันนั้นซ่งซีซีไม่ได้รับความไว้วางใจจากข้า แต่กลับขี่ม้าไปยังหนานเจียงเพื่อแจ้งข่าวให้เสด็จน้องทราบนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจและน่าทึ่งจริงๆ!หญิงที่หย่าร้างออกจากบ้าน ไม่มีผู้ติดตามหรือองครักษ์ กล้าบุกเข้าไปในค่ายทหารหนานเจียง ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ในราชสำนักนี้ไม่มีใครทำได้หลายคนเสด็จน้องและข้าก็ต่างกัน เขาเชื่อในตัวซ่งซีซี และเตรียมทัพก่อนเวลา เพื่อรับมือกับกองทัพพันธมิตรแคว้นซาและซีจิงสนามรบจะอันตรายแค่ไหน ข้ารู้ดีไม่ต้องเล่ารายละเอียดเมื่อข่าวดีในการยึดหนานเจียงมาถึง น้ำตาไหลนองหน้าข้าหลังจากนั้นเสด็จน้องส่งคำกราบทูลเพื่อยกย่องทหารซ่งซีซีและพรรคพวกของนางแน่นอนว่าเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ ข้าจะให้รางวัลแก่พวกเขาแต่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกลับทำให้ข้าผิดหวัง ข้าจึงต้องคิดอย่างลึกซึ้งถึงเหตุผลที่คนจากซีจิงทำลายข้อตกลงในสนามรบหนานเจียงข้าก็ไม่ใช่คนที่เริ่มคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่การแบ่งเขตแดนของเส้นแนวกั้นหลิ่งหลิงก็เป็นหนึ่งในผลงานการบริหารของข้า ข้าจึงพอใจในใจคนเรามักจะโลภ แต่ก็ต้องรู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1608

    เมื่อครั้งที่ข้าขึ้นครองราชย์ การศึกชิงคืนหนานเจียงก็ดำเนินมาแล้วหลายปี ชายแดนเฉิงหลิงก็ยังไม่สงบ ส่งผลให้ท้องพระคลังร่อยหรอ ราษฎรพลัดถิ่นไร้ที่อยู่อาศัยยามที่ข้าสวมอาภรณ์มังกร ประทับเหนือบัลลังก์มังกร ก็ลั่นวาจาในใจว่า ถึงจะไม่อาจเปรียบได้กับสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงพระปรีชาสามารถ แต่ข้าก็จะไม่เป็นจักรพรรดิที่โง่เขลาไร้ความสามารถ ข้าจะต้องชิงคืนหนานเจียง ทำให้แคว้นซางรุ่งเรือง ราษฎรมีความสุขต่อมาข้าจึงได้รู้ว่า มนุษย์นั้นมีเพียงในยามโง่เขลาหรือมีสติปัญญาเป็นเลิศเท่านั้น ถึงกล้าตั้งปณิธานยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้หนานเจียงพ่ายแพ้ ตระกูลซ่งทั้งเจ็ดพี่น้องล้วนพลีชีพในสนามรบแรกเริ่ม เสด็จพ่อและข้าก็ยังมีความหวังลมๆ แล้งๆ คิดว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งมีประสบการณ์ในสนามรบมาก อีกทั้งทหารที่เขานำก็กล้าหาญเชี่ยวชาญเสียดายที่เสบียงล่าช้า ทหารต้องสู้รบทั้งที่ท้องว่าง แม้จะทุ่มสุดกำลัง ก็ยังสู้ฝ่ายศัตรูไม่ได้ยิ่งเมื่อเคยยึดหนานเจียงกลับมาได้แล้ว แต่ต้องเสียคืนไป ผู้คนก็ยิ่งเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่ซ่งยังมีหวังจะตีคืนได้ด้วยเหตุผลหลายประการและความลังเลมากมาย ทำให้ข้าไม่อาจส่งกองทัพเป่ยหมิงของเสด็จน้องไปได

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1607

    ข้าเคยอ่านบันทึกการชันสูตรศพโดยมือชันสูตรแล้ว คำให้การของเขานั้นตรงกับบันทึกแทบทุกประการรายละเอียดอื่นๆ ของคดีก็เช่นกัน ข้าซักถามทีละข้อ เมื่อมั่นใจว่าตรงกันหมดแล้ว จึงส่งตัวเขาไปยังสำนักเขตจิงจ้าว และให้ท่านกงไต้เหรินส่งคนไปค้นหาอาวุธสังหารข้านึกว่าเมื่อจับคนร้ายได้ คดีนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น ไม่นับว่าสิ่งที่ข้าอดทนลอบเฝ้าอยู่หลายวันนั้นสูญเปล่าใครจะรู้ว่า พอไปถึงสำนักเขตจิงจ้าว หลิวเซิ่งกลับกลับคำให้การ บอกว่าถูกข้าบีบบังคับจนต้องรับสารภาพ คำสารภาพที่ข้าให้เขาเอ่ยออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าบังคับให้เขาพูดทีละคำเขาร้องขอความเป็นธรรม ยืนกรานว่าตนเองบริสุทธิ์กลับกัน เขายังกล่าวหาข้าว่าเป็นโจรหญิง ขอให้สำนักเขตจิงจ้าวจับข้าและข่าวร้ายก็มาอีก ระบุจุดที่เขาบอกว่าโยนอาวุธสังหารไป สำนักเขตจิงจ้าวส่งคนหลายสิบลงงมหา กลับไม่พบเสื้อผ้าหรือมีดเลยแม้แต่น้อยสำนักเขตจิงจ้าวสอบสวนอยู่หลายวัน เพราะเขามีบาดแผล จึงไม่ได้ใช้การทรมาน เขายังคงร้องขอความเป็นธรรม ตะโกนเสียงแหบพร่า ว่าตนบริสุทธิ์ไร้ซึ่งหลักฐาน อีกทั้งยังถูกข้อกล่าวหาว่าข้าบีบบังคับคำสารภาพ จึงจำต้องปล่อยตัวเขาไปก็ในตอนนั้นเอง ข้าจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status